ผู้เขียนได้สรุปจากการฟังบรรยาย ในการเข้าร่วมสัมมนาเรื่อง ความต้องการกำลังคนของภาคอุตสาหกรรมการผลิตและบริการกับการจัดตั้งสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ในระดับพื้นที่ เพื่อร่วมวิเคราะห์ความต้องการปรับหลักสูตรฐานสมรรถนะพัฒนาทักษะสร้างคนคุณภาพรองรับตลาดแรงงานที่เติบโต จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ร่วมกับคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบันได้แก่ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย ในช่วงของการพูดคุยในหัวข้อ “ปัญหาและความต้องการด้านกำลังคนภาคบริการและอุปสรรคด้านการยกระดับฝีมือแรงงานไทย” ยกมาเฉพาะในส่วนของคุณถาวร ชลัษเฐียร รองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้ให้ข้อคิดต่าง ๆ ดังนี้
นักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคลำปาง
- เป็นช่วงที่ขาดแคลนแรงงาน จะด้วยอัตราการเกิดของประชากร หรือเป็นช่วงหมดยุค Baby Boom (เกิดก่อน พ.ศ. 2500) รอยต่อของ Generation x , Generation y, Generation Z จำนวนประชากรลดก็มีผลต่อแรงงานได้เช่นกัน
- แรงงานที่ขาดแคลนจะเป็นแรงงานใช้ทักษะฝีมือ และต้องการใช้จริงเฉพาะด้าน ซึ่งในภาค อุตสาหกรรมหลายแห่งได้ยอมรับความสามารถเฉพาะด้านเหล่านี้ โดยให้ผลตอบแทนสูง ไม่ได้ดูจากวุฒิการศึกษา แต่ดูจากความสามารถเชี่ยวชาญด้านนั้น ๆ ฉะนั้น การมีสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพก็เท่ากับเป็นการรับรองความสามารถในแต่ละระดับได้
- ต้องการให้มีสถาบันการศึกษาที่จัดการเรียนการสอนเฉพาะด้าน ป้อนให้กับภาคอุตสาหกรรม
- การผลิตของสถาบันการศึกษาของอาชีวศึกษา ผลิตได้ไม่ตรงกับความต้องการของสถานประกอบการ
- การลงทุนภาคอุตสาหกรรมที่มีฐานอยู่ในประเทศเพิ่มจำนวน เช่น ชิ้นส่วนของรถยนต์ ชิ้นส่วนและการประกอบเครื่องปรับอากาศภายใต้แบรนด์ไทยหรือส่งให้กับแบรนด์นอก
- สมรรถนะหลัก (core competency) ก็เป็นอีกความสำคัญของบุคคลซึ่งทำงานในภาคอุตสาหกรรม โดยแบ่งเป็น 3 ระดับคือ ระดับล่าง เป็นเรื่องความขยัน ซื่อสัตย์ อดทน ระดับกลาง ความมุ่งมั่น ความมีวินัย และระดับสูง จะต้องเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์ คิดนอกกรอบ (Think the outside box) การจัดการ
- ผู้สอนจะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การสอนตามที่ตนเองถนัด สอนตามที่ตนเองเคยได้เรียนรู้มา สอนตามผู้บังคับบัญชาสั่ง
- ทัศนคติการเรียนทางด้านอุตสาหกรรม จะต้องบอกและสอนให้ผู้เรียนได้รับรู้ว่า เรียนด้านนี้จะต้องเหนื่อยและจำต้องอดทน
ความคิดเห็นว่า ทำไมนักเรียนมุ่งไปเรียนสายสามัญมากกว่าอาชีวศึกษา
- ทัศนคติของผู้ปกครองและผู้เรียน ต้องการเป็นเจ้าคนนายคน มากกว่าจะเริ่มต้นที่ระดับฝึกหัดก่อนแล้วค่อยเลื่อนระดับ
- การแข่งขันในเรื่องค่าตอบแทนรายหัวของผู้เรียนในสายสามัญและสายอาชีพ อาจจะเป็นอีกปัจจัยทำให้จำนวนผู้เข้าสู่การเรียนสายอาชีพถูกสกัดหรือละเลยจากโรงเรียนที่เห็นความสำคัญในด้านอาชีพ
- ชื่อเสียงของสถานศึกษาอาชีวศึกษา ที่ส่งผ่านทางสื่อต่าง ๆ ในภาพลบ เช่น การทะเลาะ การยกพวกตีกันระหว่างสถาบันฯ ความรุนแรงในการรับน้อง
- กลุ่มผู้สมัครงานยุคใหม่จะมองค่าตอบแทนของเงินเดือนเป็นหลัก สำหรับสวัสดิการหรือผลตอบแทนอื่น ๆ แทบจะนำมาประกอบการพิจารณาในการสมัครงาน โดยบางส่วนการเปรียบเทียบเงินเดือนในกลุ่มเพื่อนก็มีอิทธิพลต่อการเลือกสาขาที่จะศึกษาต่อได้เช่นกัน
ข้อความทั้งหมดไม่ได้เป็นการถอดจากการบรรยาย จึงอาจมีบางส่วนขาดหายไป อย่างไรก็ตามได้พยายามเก็บประเด็นให้สมบูรณ์เท่าที่จะทำได้ ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้ อาจจะเป็นอีกแหล่งข้อมูลสำหรับการเตรียมพร้อมปฏิรูปการอาชีวศึกษา ในทศวรรษที่สองนี้ได้
*พิมพร ศะริจันทร์ ศึกษานิเทศก์ เขียนวันที่ 24 มิถุนายน 2554
จากการร่วมสัมมนาเรื่อง ความต้องการกำลังคนของภาคอุตสาหกรรมการผลิตและบริการกับการจัดตั้งสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) วันที่ 22 มิถุนายน 2554 ณ ห้องแกรนด์นันทา โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ เชียงใหม่
ติดต่อผู้เขียน [email protected]