ทุกวันนี้เราแยก "เรื่องตาย" ออกจากชีวิตปกติ จนผู้คนมักจะลืมไปว่าทุกคนก็ต้องตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
และอย่างกับว่าบรรพบุรุษได้จัดสรรโอกาสและบรรยากาศ ในการนัดลูกหลานให้มาดู "ความตาย" กันเสียปีละครั้งหนึ่ง เมื่อถึงเทศกาลวันเชงเม้งจึงเป็นวันรวมญาติครั้งใหญ่ในรอบปี ผู้ใหญ่ก็จะเตรียมอาหารมาทั้งของไหว้บรรพบุรุษ และอาหารสำหรับลูกๆ หลานๆ
นับเป็นโชคชะตาอย่างหนึ่งของผู้เขียน ที่สุสานของปู่ ย่า ตา ยาย เป็นที่เดียวกัน แถมยังอยู่ติดกันอีกด้วย รุ่นใหญ่สุดก็จะมาดูความเรียบร้อยของที่ทางตัวเอง ยายทวดของลูก (คุณยายเลี้ยงของผู้เขียน) ซึ่งอายุ 84 รูปร่างท้วม แข็งแรง และอารมณ์ดีอยู่เสมอ ได้ชี้ให้ดูว่าสะกดชื่อท่านผิด และยังพูดไปขำไปว่า "เขียนชื่อด้วยสีทองเสียแล้ว ฉันยังไม่ตายนะจ๊ะ คนยังไม่ตายต้องใช้สีแดงต่างหากเล่า" อ้อ...ประเพณีจีนเป็นอย่างนี้ เราก็ได้เรียนรู้กันจากของจริงนี่เอง
รุ่นรองลงมาก็จะสั่งการตามความชอบ ให้ลอยอังคารในทะเลบ้าง ให้โปรยเถ้าบนภูเขาสูงบ้าง นับเป็นการเตรียมตัว เตรียมใจ ทั้งของตนเอง และเป็นการบอกให้ลูกหลานระลึกอยู่เสมอว่าสักวันหนึ่ง เขาก็จะต้องมีชีวิตอยู่ได้ด้วยตนเอง
รุ่นเล็ก รุ่นจิ๋ว นอกจากจะฟังผู้ใหญ่คุยเรื่อง "ตาย" กันแล้ว ก็ยังได้ทำความคุ้นเคยกัน มีการปรับปรุงฐานข้อมูลประจำปี ว่าใครเรียนอยู่ที่ไหน ทำอะไรกันบ้าง เพราะยามปกติไม่ค่อยโคจรมาพบกันนัก เผื่อไว้เป็นโอกาสในการทำ Knowledge Sharing กันต่อไป....
นี่คือ บันทึกย่อการเชงเม้งในปี 2549 นี้
อยากได้ข้อมูลเทศกาลเชงเม้ง
มิสเจ๊น๊าคร่า รุปงาม นาเหอะ ๆๆ
ชมไปงั้นๆแหละ
ไม่ต้องเขิน
แอมล้อเล่นหรอก
เหอะ ๆๆ
น่ารักจิง
ไปแระๆๆๆๆๆ