ร.ร.คุณอำนวยเมืองคอนจะเชื่อมให้เกิด ร.ร.คุณเอื้อเมืองคอนได้อย่างไร


ร.ร.คุณอำนวยเมืองคอน จึงคือเครื่องมืออย่างหนึ่งที่ต้องการจะขันน๊อตวงเรียนรู้นี้ให้มีประสิทธิภาพขึ้น...ให้ยังประโยชน์ให้กับ ทุกฝ่ายให้มากขึ้น....และก็หวังว่า ร.ร.นี้จะส่งสัญาณให้มีโรงเรียนคุณเอื้อเมืองคอนขึ้นในโอกาสต่อไป

โรงเรียนคุณอำนวยเมืองคอนคือชุมทาง ลาน หรือที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ความรู้ปฏิบัติหรือประสบการณ์ตรงของคุณอำนวย รวมทั้งตัวละคอนต่างๆที่มีประสบการณ์ในแนวของการทำงานแบบจัดการความรู้

เป็นที่รวมตัวของผู้คนจากหน่วยงาน องค์กร ภาคีพัฒนาต่างๆที่มีใจเดียวกัน หรือคอเดียวกัน เพื่อฝึกการเรียนรู้ในวงเรียนรู้ ให้พูดกันได้แบบถอดหมวก ไม่ใช่แนวดิ่งแบบควบคุมสั่งการหรือการประชุมของทางราชการ ความเท่าเทียมกันระหว่างผู้เรียนต่างๆเกิดขึ้นในวงนี้ ความรู้ก็จะหลั่งไหลออกมามากมายเพราะไม่ถูกกดดันควบคุมของผู้มีอำนาจ ผมคิดว่าในเมื่อไม่ว่าตำแหน่งใดได้มาเพิ่มทักษะการเรียนรู้แบบนี้  ไม่แน่ว่านักเรียนที่มาเรียนรู้มาฝึกการเป็นคุณอำนวยครั้งนี้จะนำพฤติกรรม การเรียนรู้แบบนี้กลับไปปรับใช้ในองค์กรช่วยทำให้องค์กรกลายเป็นองค์กรเรียนรู้ ได้เร็วมากขึ้นก็ได้ นักเรียนเหล่านี้อาจจะไปเชื่อมการเรียนรู้ ไปเจ๊าะแจะกับบุคลากรอื่นๆให้เกิิดการเรียนรู้ในแนวระนาบไม่ใช่ในแนวดิ่ง ได้มากขึ้น เป็นวงเรียนรู้มากขึ้นในองค์กร แบบการเรียนรู้เชื่อมโยงวิถีโค้งซึ่งเป็นเทคนิคที่ท่านผู้ว่าวิชม ทองสงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ครูใหญ่ ร.ร.คุณอำนวยเมืองคอน ของเรา ที่ท่านได้เล่าเทคนิคนี้ให้เราฟังก็ได้

วงเรียนรู้ของตัวละคอน KM ในโครงการจัดการความสู่ชขุมชนอินทรียที่นครศรีธรรมราช มี 3 วง คือ วงเรียนรู้ของคุณเอื้อ วงเรียนรู้ของคุณอำนวย และวงเรียนรู้ของกิจ ซึ่งเป็นนวัตกรรมการจัดการความรู้ที่อาจารย์ภีม ภคเมธาวี จาก มวล.ได้คิดวาทกรรมนี้ขึ้น และพยายามผลักดันอย่างสุดตัว...แต่ผลปรากฏว่าวงเรียนรู้ของคุณกิจนั้นเข้มข้นพอไปได้ แต่ระดับของคุณเอื้อและคุณอำนวยไม่ว่าระดับใดดูว่าแผ่วมาก เราจะทำอย่างไร ....

ร.ร.คุณอำนวยเมืองคอน จึงคือเครื่องมืออย่างหนึ่งที่ต้องการจะขันน๊อตวงเรียนรู้นี้ให้มีประสิทธิภาพขึ้น...ให้ยังประโยชน์ให้กับ ทุกฝ่ายให้มากขึ้น....และก็หวังว่า ร.ร.นี้จะส่งสัญาณให้มีโรงเรียนคุณเอื้อเมืองคอนขึ้นในโอกาสต่อไป

เพราะถ้าหากโครงการจัดการความรู้สู่ชุมชนอินทรีย์ที่นครศรีธรรมราช ซึ่งทำกันทัั้งจังหวัด บูรณาการหน่วยงาน ภาคีเครือข่ายต่างๆเข้าด้วยกัน เปรียบเหมือนฝนตกห่าใหญ่ ที่ครอบคลุมไปทุกพื้นที่ 1,551 หมู่บ้าน ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ ได้รับการพัฒนา แต่ ตัวละคอนต่างๆที่ทำงานในโครงการนี้ละได้อะไร ได้เปลี่ยนแปลงสมรรถนะอะไรขึ้นมาบ้าง เพราะถ้าบุคลากรในโครงการมาเรียนรู้เพิ่มพูนสมรรถนะตนเอง  ความยั่งยืนของโครงการนี้หรือโครงการไหนก็จะบังเกิดขึ้น

เพราะถ้าไม่ลงมือเรียนรู้ก็จะเปลี่ยนแปลงตนเองไม่ได้...

ย้ำกันอีกครั้งว่า KM ถ้่าไม่ทำก็ไม่รู้ครับ



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท