กลางปี ๒๕๔๖ ปางมะผ้า,แม่ฮ่องสอน
ถนนดินอ่อน เส้นทางเดียวไปสู่บ้านกึ้ดสามสิบ ฤดูฝนคราไหน ก็ลำบากเมื่อนั้น หากเป็นช่วงแล้งก็ฝุ่นอีกละ การเดินทางไปบ้านกึ้ดสามสิบต้องอาศัยถนนเส้นนี้จาก ตำบลสบป่อง อำเภอปางมะผ้า ดังนั้นการเดินไปยังตัวหมู่บ้านจึงเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนัก
ระหว่างทาง เราพบเห็นไร่ของชาวลีซู มีทั้งไร่ข้าว ข้าวโพด ไร่ขิง ถั่วแดง ตลอดจนไร่แครอท ชาวลีซูมีวิถีชีวิตที่ผูกพันอยู่กับธรรมชาติและวิถีการเกษตร ช่วงหลังๆเกษตรกระแสหลักมาแรง ผลิตเพื่อขายให้นายทุน..การเปิดพื้นที่ใหม่ๆเพื่อถางป่าทำไร่ เกิดขึ้นเสมอ เป็นเงื่อนไขหนึ่งทำให้ชาวบ้านต้องเผชิญกับอำนาจรัฐบ่อยครั้ง
วิถีเช่นนี้เอง ที่เป็นผลพวงจากโลกาภิวัตน์ ที่เราเรียกกันว่า “Globalization” คุณเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ เขียนไว้ในหนังสือเล่มหนึ่ง ให้ความหมายของคำว่า “ก่อบรรลัยใส่ฉัน” ก็คงเป็นจริง โลกาภิวัฒน์ไม่เคยปราณีต่อพี่น้องชนเผ่า แม้กระทั่งบนดอยสูงเช่นบ้านกึ้ดสามสิบ
ผู้เฒ่าอาวุโสชาวลีซูนั่งคุยกันเป็นกลุ่มที่ศาลาไม้ทางเข้าหมู่บ้าน หนุ่มนั่งจับกลุ่มคุยกันเรื่องสาวๆ ที่พวกเขาสนใจ สาวๆลีซูนั่งรวมกับแม่บ้านปักเย็บเสื้อผ้าที่พวกเธอจะนำไปใส่ให้สวยที่สุดในงานปีใหม่ นอกจากวิถีปกติในชุมชนที่เห็นก็มีวิถีชาวไร่ ลีซูทำงานหนักหากอยู่ในไร่ เราสังเกตจากไร่ที่กว้างใหญ่ พร้อมกับผลผลิตที่กำลังออกดอกผล
ผมจับใจความจากการสนทนาในวงน้ำชาของผู้เฒ่าอาวุโสลีซู พูดถึง จารีตเดิมที่มีอยู่ของลีซูที่เริ่มสูญหายไป และเอ่ยถึงเด็กๆลีซูรุ่นใหม่ไม่ค่อยสนใจที่จะเรียนรู้วิถีตนเอง
“อีกหน่อยประเพณีลีซูคงไม่มีแล้ว” พ่อเฒ่าอาหวู่ผะ บอกผม พ่อเฒ่ากล่าวขึ้นอย่างลอยๆ เจตนาแกคงอยากบอกให้ผมรับรู้แค่นั้น
“จริงๆของดีของชุมชนลีซูมีมากมาย เมื่อก่อนหากไม่สบายก็ใช้ยาสมุนไพรรักษากันเอง” แม่เฒ่าอะหมี่มะ พูดเสริมพ่อเฒ่า
บทสนทนาในวงน้ำชาเช้าวันนั้น เป็นจุดเริ่มต้น ที่ผมทำวิทยานิพนธ์ในระดับปริญญาโท ในหัวข้อเรื่อง “ภูมิปัญญาท้องถิ่นกับการดูแลตนเองของหญิงหลังคลอดชาวลีซู” โดยใช้หญิงหลังคลอดเป็นตัวละคร ที่บอกถึงภูมิปัญญาท้องถิ่นชาวลีซูที่มีอยู่มากมายและควรสืบสานให้ลูกหลาน โดยเฉพาะภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านสุขภาพลีซู
นั่นเป็นเรื่องอดีตที่ผ่านมาเมื่อปี ๒๕๔๗ ต่อมาหลังจากที่ผมได้เรียบจบปริญญาโทแล้ว ความคิดที่จะสานต่องานพัฒนาชุมชนที่กึ้ดสามสิบยังคงมีอยู่
ต้นปี ๒๕๔๗ หลังปีใหม่ลีซูบ้านกึ้ดสามสิบ
“ลูกชายของแม่เฒ่าไปค้ายาบ้าและถูกเจ้าหน้าที่ยิงตายที่เชียงใหม่ครับ” อะหวู่ผะ บอกให้ผมเมื่อผมถามถึง อะตาผะลูกชายคนโตของแม่เฒ่า คราไปเยี่ยมชุมชน
“บ้านหลังโน้น และหลังนี้ ถูกปิด ถูกตำรวจยึดทรัพย์ เหตุเพราะพัวพันกับยาบ้าครับ” ชาวบ้านคนหนึ่งชี้ให้ผมดูบ้านจากจุดสูงบนเชิงเขาที่เห็นทัศนียภาพชุมชนในเย็นวันหนึ่ง
ช่วงเมษายน ๒๕๔๗ บ้านกึ้ดสามสิบ,ปางมะผ้า แม่ฮ่องสอน
เหตุการณ์ช่วงต้นปี ๒๕๔๗ เปลี่ยนแปลงชุมชนไปมาก “ยาเสพติด” ที่เป็นเงื่อนไขตัวหนึ่งที่ทำให้ชุมชนได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
การประกาศสงครามกับยาเสพติดรอบแรก
มีผู้คนในหมู่บ้านหายไปหลายคน
ชาวบ้านก็หวาดกลัวอิทธิพลจากผู้ค้ายาเสพติด
กึ้ดสามสิบถูกทางการจัดให้เป็นหมู่บ้านที่พัวพันกับปัญหายาเสพติด
ที่เชื่อมโยงกันกับบ้านรักไทยและรุ่งอรุณ
ในข้อหาเป็นแหล่งพักยาเพื่อเดินทางต่อ เป็นจุดติดต่อระหว่างผู้ค้า
การค้ายาเสพติดโดยความสัมพันธ์ทางชาติพันธ์
ที่เราพบว่า
"จีนยูนนานกับลีซู
เป็นพี่น้องกัน"
เหตุการณ์ที่สัมพันธ์ และเงื่อนไขที่ต้องฟื้นฟูชุมชนหลังการปราบปรามยาเสพติด
รองผู้พันปิยวุฒิกับผม ได้พูดคุยกันในประเด็นนี้
...ทำอย่างไรให้ชุมชนเข้มแข็ง? ทำอย่างไรให้ชุมชนเหล่านี้ปลอดยาเสพติด?
ทำอย่างไรให้ชุมชนเหล่านี้พึ่งตนเองได้?
เหมือนจะเป็นคำถามที่เราถามกันบ่อยครั้งในห้วงนั้น..
การพัฒนาชุมชนโดยทางทหารที่จะสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนเป้าหมาย หลายๆแห่งในแม่ฮ่องสอน เป็น กระบวนการที่ช่วยให้ชุมชนเข้มแข็งจริงหรือไม่?
เราทบทวนกันดูอย่างใจเป็นกลาง
เราได้ข้อสรุปร่วมกันว่า กระบวนการการทำงานเพื่อพัฒนาของทหารยังมีจุดอ่อนอีกมาก ในเรื่องของวิธีคิด ความเข้าใจ และเข้าถึงชุมชน ดังนั้นแล้ว การพัฒนาที่ยังไม่เข้าใจ เข้าถึง ไม่ได้ยั่งยืน ชุมชนเข้มแข็งได้ไม่นาน หากโครงการเสร็จชุมชนก็อ่อนแอเช่นเดิม
งานวิจัยเพื่อท้องถิ่น เป็นกระบวนการที่พวกเราคุยกันต่อหลังจากนั้น ด้วยความเชื่อมั่นว่า งานวิจัยแบบนี้จะช่วยให้ชุมชนได้มีส่วนร่วมในกระบวนการอย่างเต็มที่ ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมรับผลประโยชน์ ปัญหาก็มาจากชุมชนเอง...ที่สำคัญ เรายังมีพี่เลี้ยงซึ่งเป็นนักวิจัยที่เป็นรุ่นพี่ และพี่เลี้ยงจาก ศูนย์ประสานงานวิจัยเพื่อท้องถิ่นแม่ฮ่องสอน ช่วยในการให้ข้อเสนอแนะ และเต็มเติมกระบวนการการวิจัย...งานศึกษา
ในการคุยครั้งนั้น งานวิจัยเริ่มเพื่อท้องถิ่นต้นขึ้นบนดอยที่ร้อนระอุ และได้สิ้นสุดกระบวนการลงบนดอยที่สงบร่มเย็นดังเดิม
ปลายปี ๒๕๔๘ ที่แม่ฮ่องสอน
หนึ่งปีต่อมา....
จากวันนั้นถึงวันนี้ ปัญหายาเสพติดหมดสิ้นไป ความสงบบนดอยกลับคืนมาอีกครั้ง พร้อมกับ “ปัญญา” ที่ก่อเกิดจากกระบวนการศึกษาวิจัย ชุมชนบนพื้นที่สูงได้เรียนรู้กระบวนการวิจัย ได้ใช้กระบวนการดังกล่าวแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนในชุมชน...
สร้างสรรค์ปัญญาเพื่อพัฒนาท้องถิ่น
คัดงานเขียนบางส่วนจากหนังสือถอดประสบการณ์วิจัยจากพื้นที่ "กระบวนการเรียนรู้สู่เส้นทางสีขาว"
จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร
สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)สำนักงานภาค
(งานเขียนยังไม่สมบูรณ์- - - จะจัดพิมพ์ปลายปีนี้ครับ)
จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร
เมืองปาย บ่ายวันอังคาร
๓ ต.ค. ๔๙
ขอบคุณพี่ Bright Lily ช่วงนี้ผมนั่งเขียนต้นฉบับหนังสืออยู่ที่บ้านครับ มีโอกาสเข้าใช้ Gotoknow บ่อยครั้ง ทำให้มีโอกาสเขียนบันทึก บ่อยๆและเข้ามาอ่านบ่อยๆ
ขอบคุณครับ สำหรับ..กำลังใจที่ดีครับ
(เวลาอ่านบันทึกผม ต้องยิ้มด้วยนะครับ)
^__^
ยิ้มกับเพลง และย่อหน้านี้ค่ะ
ผู้เฒ่าอาวุโสชาวลีซูนั่งคุยกันเป็นกลุ่มที่ศาลาไม้ทางเข้าหมู่บ้าน หนุ่มนั่งจับกลุ่มคุยกันเรื่องสาวๆ ที่พวกเขาสนใจ สาวๆลีซูนั่งรวมกับแม่บ้านปักเย็บเสื้อผ้าที่พวกเธอจะนำไปใส่ให้สวยที่สุดในงานปีใหม่ นอกจากวิถีปกติในชุมชนที่เห็นก็มีวิถีชาวไร่ ลีซูทำงานหนักหากอยู่ในไร่ เราสังเกตจากไร่ที่กว้างใหญ่ พร้อมกับผลผลิตที่กำลังออกดอกผล
เห็นภาพเลย
ป.ล. เด็กน้อยตาป๋องแป๋วน่ารักจัง
เพลงเพราะมั้ยครับ!!!
เหตุที่ชอบเพลงนี้เพราะเป็นเพลงแรกที่ผมเปิดเวลาขับรถครับ
.........................................
ผมพยายามสื่อออกมาให้เห็นภาพว่า บนดอยทำอะไรกันอยู่ วิถีชีวิตเป็นอย่างไร?
เพราะผมเองคลุกคลีกับชนเผ่ามานาน บางทีผมก็สามารถเข้าใจเลย แต่ผู้ที่ไม่เคยอาจต้องใช้วิธีการอธิบายแบบให้เห็นภาพครับ
............................................
ในภาพเป็นสาวน้อยลีซูครับ เธอคนนี้พูดเก่งช่างเจรจา ครับ
กลับมาอีกที เพลงเพาะค่ะ แต่...
ทำให้เปิดหน้าเว็บนี้นานมาก แง๊แง
คุณ IS
มีลูกเล่นใน Blog บางอย่างทำให้อืดๆครับ
ผมลบบางอย่างออกไปแล้ว ในBlog หลังจากนั้นลองเทียบกับ บันทึกของท่านอื่น ก็ไม่มีัปัญหาแล้วครับ
สิ่งต่างๆ หลากหลาย สูญสลายไปกับการจากไปของคนรุ่นเก่า ดีใจจังที่ยังมีคนอย่างคุณเอก
ที่ยังสนใจในภูมิปัญญา สิ่งเหล่านี้บางอย่างเรากำลังถูกชาวต่างชาติขโมยเราไปนะคะ
ในความหลากหลายทางชีวภาพของพืชพันธุ์ที่ในต่างประเทศไม่มี เป็นที่น่าสนใจที่ผู้คนเหล่านั่นจะนำไปค้นคว้าและจดเป็นสิทธิ์บัตรของพวกเค้า ทั้งๆที่เป็นภูมิปัญญาของเราแท้ๆ บางอย่างที่คิดได้แล้วทำให้เป็นของเราโดยถูกต้องก็ดีนะค่ะ
อ่านแล้วคิดถึงเพลง "ชายคนนั้น" ของคาราวาน
ชายคนนั้น นั่งเหงาเศร้าซึม บ้านอึมกรึมหลังใหญ่โบราณ...
คุณกัลปังหา
การยกระัดับความรู้ท้องถิ่น สำคัญมากครับ ผมมองว่า ความรู้สากลก็ดี ความรู้สมัยใหม่ก็ดี หากผสานเข้ากับความรู้เดิมของชุมชน และนำกลับไปใช้ประโยชน์กับชุมชนเอง เป็นเรื่องที่ดี
อ่านเรื่อง "จุดคานงัด" ที่ผมเขียน เช่นเดียวกันครับ
เราคิดกันพอสมควรครับ เรื่องที่เราไปเก็บข้อมูลภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่เป็นสมุนไพรลีซู เราก็เกรงว่าจะมีคนนำองค์ความรู้นั้นไปและนำไปจดลิขสิทธ ิ์เหมือนพืชสมุนไพรหลายๆชนิด ของไทยเรา
ผมว่าพี่คามิน เรียนมาทางนั้นโดยตรงครับ ก็สามารถเขียนได้โดยไม่ยากนัก
เรื่อง "ยาเสพติด" พี่ชายของผมที่เป็นนายทหารให้หนังสือเล่มโตๆเรื่องของ "ความมั่นคง" มาให้อ่านอ่านแล้วทำความเข้าใจ เพื่อจะย่อยสู่งานเขียน ก็กำลังอ่านและทำความเข้าใจอยู่ แต่อ่านแล้วยังมึนๆอยู่
ก็กำลังปั่นต้นฉบับครับ กำหนดแล้วเสร็จคงกลางเดือนหน้านี้ครับ
ไม่ลองไม่เสพย์สิ่งอันตราย...
เพราะตัวต้องตายก่อนได้ทำดี...
อย่าได้ประมาทเกิดมาเป็นคน...
เร่งสร้างกุศลกันในชาตินี้...
อย่าเกิดมาเปล่าไปเปล่าน้องพี่...
ก่อนสินชีวี...ควรสร้าง...บุญ...เอย...
อาจารย์ umi
อากาศทางใต้เป็นไงบ้างครับ ? อากาศที่เหนือหนาวแล้วครับ
หากเราย้อนไปปี ๔๖ ถือว่าวิกฤตเรื่อง ยาเสพติด มากเลยครับ เยาวชนของชาติติดยากันงอมแงมในหมู่บ้าน ยาเสพติดหาซื้อได้ง่ายกว่าขนม
การปราบปรามเกิดขึ้นหลังจากนั้น...มาพร้อมกับความสูญเสีย ความเจ็บปวดของผู้หลงผิด ชุมชนชายแดนได้รับผลกระทบเพราะเป็นจุดผ่าน
ภาพของชุมชนตอนนั้น...อ่อนแอ อ่อนไหว และหวาดระแวง
ท่ามกลางปัญหาที่เกิด...จึงมีการริเริ่มงานพัฒนาที่ช่วยให้ชุมชนเริ่มต้นสิ่งดีๆในวันใหม่
ทางไกล...สีขาว ของชุมชนเหล่านี้ครับ
ขอบคุณอาจารย์ มากครับ
....................................
อาจารย์ปภังกร
หากวิกฤต คือ สิ่งที่ต้องพานพบ ความอดทน และมีกำลังใจเป็นสิ่งสำคัญมากครับ
ผมปรารถนาให้อาจารย์มีพลังกายพลังใจที่เข้มแข็ง ในการเดินทางต่อ
ทางที่ขรุขระ แคบบ้างในบางช่วง แต่ทว่าอบอุ่น และท้าทายมากในความรู้สึก
ที่สำคัญ อาจารย์มีเพื่อนครับ
เกี่ยวกับความเข้มแข็ง ...
การสร้งความแข้มแข็งให้กับตัวเองยังทำได้ยาก ไม่ว่าจะเป็นกายเข้มแข็ง ใจเข้มแข็ง ยิ่งพูดถึงชุมชนเข้มแข็งยิ่งยากกว่าเป็นหลายร้อยเท่า นั่นรวมทั้งกระบวนการและขั้นตอนดังที่พี่จตุพรได้เขียนไว้ในบันทึกที่ผ่านมา ความคิดเห็นส่วนตัวของผมเชื่อว่าความพยายามของชุมชนทั้งหลายที่พยายามพึ่งพา ตนเอง สร้างสมความเข้มแข็งขึ้นมาจนเป็นที่ประจักษ์ และได้มีการนำมาแสดงเป็นตัวอย่างให้ชุมชนอื่นๆ ได้เห็น ตลอดจนออกรายการทีวีต่าง ๆ จะเห็นว่า ประสบการณ์ หลักวิธีคิด หลักการปฏิบัติของหลาย ๆ ชุมชนหลายเครือข่ายที่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความเข้มแข็งความสามารถของชุมชนและเครือข่าย ชุมชน เขาพยายามจัดตั้งกลุมชุมชนพึ่งตนเอง ซึ่งเป็นความพยายามเริ่มต้น และชี้ให้เห็นถึงจุดของการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ แค่หลักคิดที่บอกว่าต่อไปนี้เราจะพยายามพึ่งตนเองก็เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ และต่อจากนี้ไปเชื่อว่าการวิจัยพัฒนา การเข้าถึงชุมชน การให้เขารู้จักพึ่งตนเองได้ ต้องยั่งยืนกว่าการที่ให้หน่วยงานหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐมาจัดการให้เขาทุกอย่างจากนั้นก็หนีไป แล้วทิ้งปัญหาให้กับชุมชน...
น้องสิทธิเดชครับ
บันทึกที่เขียนเกี่ยวกับ "การพึ่งตนเอง" ของชุมชนผมเคยเขียนไว้ที่นี่
การพึ่งตนเอง ทางเลือก ทางรอดของนิยายการพัฒนา
ซึ่งเป็นหัวใจของความเข้มแข็งของชุมชนเลยครับ
ขอบคุณมากครับ สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม
อาจารย์ ดร.ขจิต ครับ
ผมวางแผนเขียนไว้อีกประมาณ ๒ เรื่องครับ แต่คงต้องเป็นปีต่อไป ปีนี้เก็บข้อมูลไปก่อนครับ
ผมมีความสุขดีครับ..อากาศที่บ้านผมกำลังดี ลมหนาวมาเยือนแล้ว
เพลงที่คลอเป็นเพลงที่เตรียมพร้อมกับฤดูหนาวที่กำลังมาเยือนครับ
"วอนฟ้าห่มดาว วอนสาวห่มใจ" ของ พี่หนู มิเตอร์ครับ
ขอบคุณ อาจารย์ ดร.ขจิต มากครับ
ปัญหายาเสพติดหมดไปเนื่องจากงานวิจัยเข้ามา กระบวนการที่น่าสนใจ
อาจารย์ได้ใช้ความเย็นสยบความร้อนได้
รานงานวิจัยฉบับสมบูรณ์นี้สามารถอ่านได้ไหมค่ะ และหาได้จากที่ไหน
ขอบคุณมากค่ะ
คุณ Chah รอหนังสือที่จะออกมาช่วงปลายปีนี้ครับ...เข้าใจว่า น่าจะมีจำหน่ายครับ
เรามีทั้งหมด ๔ โครงการวิจัย ด้วยกันครับ
ส่วนหนังสือ ผมประมวลทั้ง ๔ โครงการเข้าด้วยกันและถอดบทเรียนเป็นสารคดีวิจัยครับ
เขียนงานวิชาการให้สนุก เหมือน สารคดีท่องเที่ยวครับ...
แผ่นนำเสนอโครงการวิจัยเด่น...
อีกหนึ่งของความภูมิใจ
อยากเห็นภาพบรรยากาศภายในหมู่บ้านกึ๊ดสามสิบจัง
อยากไปเที่ยวแต่ไม่มีโอกาสสักทีอยากให้เอาภาพมา
ลงเยอะๆ...ขอบคุณครับ
กึ้ดสามสิบ เป็นหมู่บ้านที่ผมประทับใจครับ ผมได้รับประสบการณ์ดีๆจากที่นี่มากมาย
คุณบอยมีโอกาสไปเที่ยวได้ครับ โดยเฉพาะช่วงปีใหม่ลีซู ครับ