สะบายดี - - - -
หลังจากที่นายหนูฮัก พูมสะหวัน ขึ้นสู่ตำแหน่งประธานประเทศ ลาวก็ค่อยๆเริ่มเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวและฟื้นความสัมพันธ์กับประเทศไทย จากในอดีตที่ปิดประเทศมานานใช้นโยบายคอมมิวนิตส์ปกครองอย่างเข้มงวด
ลาวยังเป็นประเทศที่ยากจน ยังไม่พร้อมในทุกๆด้านในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของคนในประเทศ เพราะเหตุการณ์หลายๆอย่างในอดีตล้วนแล้วแต่ไม่ได้เปิดโอกาสให้ลาวได้พัฒนาเป็นตัวของตัวเอง
ลาวเป็นประเทศหนึ่งที่สืบเชื้อสายบรรพบุรุษเช่นเดียวกับชาวไทย ประกอบด้วยชนกลุ่มน้อยมากมายหลายเผ่า ลาวแท้ๆมีเพียง ๕๐ เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่อาศัยตามแถบริมน้ำโขง ส่วนชาวเขานิยมอยู่บนเทือกเขา
ผมเดินทางมายังเมืองหลวงพระบางครั้งนี้เพื่อมาศึกษาเกี่ยวกับ “การท่องเที่ยวโดยชุมชน”ของลาว มีหลายท่านสอบถามว่าทำไมต้องมาศึกษาที่นี่
ดร.สินธุ์ สโรบล ได้บอกว่าการมาลาวในครั้งนี้ ช่วยให้เราได้เห็นพัฒนาการการท่องเที่ยวที่แตกต่างออกไป เป็นการ “เหลียวหลัง แลหน้า” นำประสบการณ์ที่ได้มาประยุกต์เพื่อการก้าวต่อของชุมชนเมืองไทยที่กำลังจะพัฒนาการท่องเที่ยว
ด้วยระบบการปกครอง สถานการณ์ ปัจจัยหลายอย่างที่หลวงพระบาง ไม่เหมือนกับบ้านเรา ดังนั้นภาพของการท่องเที่ยวที่นี่จึงแตกต่างจากบ้านเราพอสมควร ทั้งเรื่องวิธิคิด การปฏิบัติการของภาครัฐต่อการพัฒนาชุมชน
สิ่งที่ได้เรียนรู้มากและคิดว่าน่าสนใจ ก็คือ การก้าวเข้าสู่ “เมืองมรดกโลก” ตั้งแต่ปี ๑๙๙๕ ของหลวงพระบาง ข้อเงื่อนไขนี้เองเป็นเสมือนเข็มทิศในการกำหนดยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวที่นี่ เป็นเสมือนพันธสัญญา – code of conduct ในการเป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
ไปฟังการบรรยายจากหน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการท่องเที่ยวของจังหวัด คล้าย ททท.จังหวัดของไทยเรา PTO (Provincial Tourism Office)แขวงหลวงพระบางแล้ว (รายละเอียดจะนำมาเขียนบันทึกอีกครั้ง) ก็ดีใจครับที่หน่วยงานภาครัฐให้ความสนใจการท่องเที่ยว และใช้ยุทธศาสตร์นี้เพื่อแก้ไขความยากจน(reducing poverty) น่าสนใจนะครับ ยุทธศาสตร์แบบนี้ แต่การใช้รายได้จากการท่องเที่ยวเป็นตัวตั้ง และมุ่งใช้เงินที่ได้มาพัฒนาประเทศคุณภาพชีวิต ต้องเป็นไปอย่างชัดเจน รอบคอบ เพราะส่งผลกระทบอย่างมากกับทั้งแหล่งท่องเที่ยว ผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยวเอง หรือแม้กระทั่งนักท่องเที่ยวด้วย
หลวงพระบางวันนี้ ยืนหยัดเป็นเมืองมรดกโลก และ เป็นพื้นที่ที่ถูกวางยุทธศาสตร์การพัฒนาอย่างดี กำหนดเขตพื้นที่ ตึกสูง กิจกรรมการท่องเที่ยวที่สอดคล้องกับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เป็นจังหวัดเล็กๆที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง มีสายน้ำคานเล็กๆผ่านในทิศตะวันออก มีสถานที่ท่องเที่ยวทั้งเชิงวัฒนธรรมและธรรมชาติ ค่ำคืนมีตลาดกลางคืนที่ขายพวกของที่ระลึก เช้าๆเราก็จะได้เห็นการตักบาตรของชาวลาว กับพระที่ออกมาบินฑบาตกว่าร้อยองค์
ด้วยกระแสการท่องเที่ยวรุนแรงที่หลวงพระบางแต่ก็น่าเป็นห่วง ผลกระทบจากการท่องเที่ยวที่จะเกิดขึ้น แม้ว่าจะวางแผนอย่างรัดกุมแล้วก็ตาม
บ้านเรือนเป็นสไตล์โคโลเนี่ยล ที่ได้รับอิทธิพลจากฝรั่งเศส ผมชอบสีของปานประตูหน้าต่างสีฟ้าสดใส บ้านเก่าๆดูสง่าดีครับ ส่วนหนึ่งของสถาปัตยกรรมแบบนี้ เป็นเรือนพักเกือบ ๙๐ เปอร์เซ็นต์
ถนนแคบๆไม่มีรถยนต์สัญจรมากนัก ส่วนใหญ่เป็นมอเตอร์ไซต์และจักรยาน ไม่มีสัญญาณไฟจราจร ขับรถใช้พวงมาลัยด้านซ้าย ซึ่งก็ฝืนกับความเคยชินผมพอสมควรครับ ที่นี่ใช้เงินสกุลเงินกีบ และเงินไทยได้ด้วย แต่แนะนำว่านำไปแลกเป็นเงินกีบก่อน ๑๐,๐๐๐ กีบประมาณเท่ากับ ๔๐ บาทไทย ไม่แปลกที่วันหนึ่งๆเราจะใช้จ่ายเงินไปกว่า ๑๐๐,๐๐๐ (กีบ)
“สะ บาย ดี” เป็นคำทักทายที่ใช้แทนคำว่า “สวัสดี” ของคนไทย ดังนั้นเดินทางไปไหนต่อไหนในเมืองลาว ก็ “สะ บาย ดี” กันทั่วหน้าสาวหลวงพระบาง รูปร่างเล็ก อ้อนแอ้น น่ารัก ขาวหน้าตาละม้ายไปทางสาวเหนือ พูดจาไพเราะน่าฟังครับ หนุ่มหลวงพระบางก็หน้าตาเหมือนคนเหนือเช่นกัน
วันนี้หลวงพระบางแออัดไปด้วย “เฮือนพัก” (เกทส์เฮาส์ - -)ที่อยู่กระจายเต็มตัวเมือง ระบบการสุขาภิบาลยังมีปัญหา การระบายน้ำเสีย การจัดการขยะ ค่าครองชีพ คนไทยคงรู้สึกว่าแพงเอาการเพราะสินค้ามาจากไทยบวกค่าขนส่งอีกเกือบหนึ่งเท่า
อาหารการกินรสชาติไม่จัด ราคาค่อนข้างแพง ที่หากินได้ง่าย เป็นพวก เฝอ และข้าวจี่ (ขนมปังฝรั่งเศส) ราคาย่อมเยา
หลวงพระบางมีสิ่งที่น่าสนใจอีกมาก ที่ให้เรียนรู้ และสังเกต ...เป็นเหมือนการเหลียวหลังแลหน้า จริงๆ ประสบการณ์ที่มาเยือนเมืองมรดกโลกครั้งนี้ จะเป็นเรื่องเล่าขนาดยาวเพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ประเด็น “การท่องเที่ยวโดยชุมชน”
วันนี้ผมเพียงแต่เปิดประเด็นครับ