World Moral Forum
หรือการประชุมคุณธรรมสากล
เป็นงานที่พวกเราคิดจะจัดกันในช่วงต้นปีหน้า ประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ โดยมีท่านอาจารย์ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เป็นหนึ่งในคณะที่ปรึกษากิตติมศักดิ์
มีการจัด World Economic Forum และ World Social Forum กันมาหลายครั้งแล้วในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ครั้งนี้เมืองไทยจะเป็น “เจ้าภาพ”ในการจัด World Moral Forum ขึ้นเป็นครั้งแรกของโลก
เป้าหมายของการประชุมตั้งใจว่าจะเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภายใต้การจัดการความรู้ที่มีฐานคิดอยู่ที่การ Care&Share&Learn โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้าง World Social Movement หรือขบวนการขับเคลื่อนสังคมโลกเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและชีวิตที่สมดุลย์ (ไม่แน่ใจว่าเราฝันมากไปหรือเปล่า) จะมีการจัด “วงเรียนรู้” ของผู้ที่ทำงานด้านการพัฒนาทั้งในมิติความต้องการทางกายภาพ(Physical) การพัฒนาทางจิตใจ(Mental&Spiritual) และการพัฒนาคุณธรรมจริยธรรม(Moral) ด้วยการเชิญ “Role Model” มาเป็น Keynote Speaker เพื่อ "แบ่งปัน" ความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ และมุมมองในฐานะที่เป็น “ขุมความรู้” มีการจัดสนทนาห้องย่อยเพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของ “ชุมชนนักปฏิบัติ” หรือ “Coop Sharing “ ซึ่งเป็นดั่ง "คลังความรู้" ทั้งนี้จะได้นำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงซึ่งเป็น New Paradigm "กระบวนทัศน์ใหม่" ในการพัฒนาทั้งที่เป็น “หลักคิด” และ “กรณีรูปธรรม” มานำเสนอในการประชุม
เราคิดว่าเส้นทางแห่งการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อคุณธรรมสากลภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงครั้งนี้ จะนำมาซึ่งความเข้าใจถึง “เป้าหมาย” หรือ "ธงใหญ่" ที่เรามีร่วมกันในการนำพา “สันติสุข” มาสู่โลกใบนี้ ที่สำคัญเป็นการสร้าง “ภาพในใจ” ซึ่งดูเสมือนจะเป็น “ความฝันและจินตนาการ” หากแต่ “ภาพในใจ” นี้เองเล่าที่เราคิดว่าเป็น “ฐานคิด” และ "ธงชัย" ของทุก ๆ การเรียนรู้และทุก ๆ กิจกรรมในการทำงานเพื่อพัฒนาขบวนการขับเคลื่อนและเปลี่ยนผ่านสังคม (Social Transformation)ไปสู่สิ่งที่เรียกว่า “ความสมดุลย์และความยั่งยืน”
จริง ๆ แล้วเราคิดถึงเรื่องของ “ความพอเพียง” นี้มานาน ตั้งแต่ที่มักตั้งคำถามกับตัวเองว่าด้วย “สิ่งที่เห็นและเป็นไป” ทั้งที่เกิดขึ้นในบ้านเราที่เมืองไทยและในประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก เวลามีโอกาสเดินทางไปในสถานที่ต่าง ๆ เรามักเฝ้าสังเกตเรื่องราวชีวิตของผู้คน... ผ่านภาพที่แลเห็นและถ้อยคำที่บอกเล่า ได้เรียนรู้ว่า...ท่ามกลางความทุกข์ยาก ความขัดแย้งและปัญหานานัปการที่เกิดขึ้นนั้น มีที่มาหรือสาเหตุสำคัญจากสิ่งที่พระพุทธศาสนาเรียกว่า “กิเลส ๓ ตระกูล” นั่นคือ “โลภ โกรธ หลง” ซึ่งเปรียบเสมือน “ผู้กำกับ” ที่ให้ผู้คนบนโลกใบนี้แสดง “บทบาท” และมี “วิถีชีวิต” ที่ยิ่งกว่าตัวละครในนวนิยายที่เสกสรรปั้นแต่ง...
หากความพอเพียงคือ ความพอประมาณ ความมีเหตุผล และการมีภูมิคุ้มกัน เราคิดว่าสิ่งที่เป็น “แผนที่นำทาง” ที่จะทำให้เกิดความพอเพียงได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนคือ วิถีของ “เส้นทางสีขาว” นั่นคือ การทำทาน การรักษาศีล และการเจริญสมาธิ
ความพอประมาณจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเราต้องขจัด “ความโลภ” ออกจากใจ เมื่อรู้จัก “พอ” ก็จะรู้จัก “ให้” นั่นก็คือ "การทำทาน"
ความมีเหตุผลจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเราขจัด “ความโกรธ” ออกจากใจ ซึ่งความรู้สึกที่ไม่อยากทำร้ายหรือแม้แต่เบียดเบียนชีวิตของผู้ใดทั้งสิ้นนั้น คือการรักษา “ศีล” นั่นเอง
การมีภูมิคุ้มกันจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเราขจัด “ความหลง” ออกจากใจ เราจะเห็นอะไรตามความเป็นจริง เราจะรู้เท่าทันวังวนชีวิตและมีพลัง “ปัญญา” เป็นดั่งเกราะป้องกันภัยของชีวิตได้ ก็ด้วยการ “เจริญสมาธิ” ซึ่งก็คือ การฝึกทำ “ใจหยุดใจนิ่ง” เพื่อให้สิ่งต่าง ๆ ในใจตกตะกอนนอนก้นและมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ชัดเจนตามความเป็นจริง มี "สติ" กับทุกขณะของชีวิต
การให้ การไม่เบียดเบียน และการมีสตินี้ เป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเราทุก ๆ คน เป็นสิ่งที่...ถ้าหากทำได้แล้ว...มนุษยชาติจะอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข เป็นความรักความเกื้อกูลระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ มนุษย์กับมนุษย์ และมนุษย์กับสรรพสิ่ง...เพื่อที่โลกใบนี้จะเป็น “ดาวเคราะห็สีน้ำเงิน” ที่น่าอยู่และงดงาม
ที่สำคัญ... เป็นสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็น “ความดีสากล” ที่ทุกคนทำได้ เป็น "ความดีที่ไร้พรมแดน"...ที่ไม่แบ่งแยก "เชื้อชาติ" หรือ "ศาสนา"
สันติภาพบนโลกใบนี้เกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน.....
You may say.... I'am a dreamer.....
But I'am not the only one.....
มาร่วมกันสร้าง "ความพอเพียง" เพื่อสันติภาพบนโลกใบนี้ด้วยกันเถิด
เราทุกคน "ทำได้"...ถ้าหากเรา ..."ได้ทำ"
อ่านเรื่องราวดีๆ ด้วยตัวหนังสือที่สบายตา แถมฟังเพลงสบายๆ พาใจโน้มไปในทางสงบเย็นไม่รุ่มร้อน ดีจังครับอาจารย์
เรียน อาจารย์ครับ
ผมกำลังนั่งคิดกระบวนการ เวทีแลกเปลี่ยน CBT thailand ที่เราจะจัดขึ้นมาเร็วๆนี้ ในแนวคิดของการจัดเป็นไปตามบันทึกที่อาจารย์เขียน
งานของอาจารย์เป็นงานใหญ่ หากจัดแล้วมีการ AAR จะเกิดประโยชน์มาก สำหรับงานชิ้นต่อๆไป
ผมขอติดตามเรียนรู้ครับผม
สิ่งที่อาจารย์ขับเคลื่อนเป็นสิ่งดีงามที่เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ
แผนที่นำทาง ของความพอเพียง คือ วิถีสีขาว การทำทาน รักษาศีล เจริญสมาธิ
แต่โจทย์ในโลกแห่งความเป็นจริงออกจะซับซ้อน จะสร้างสมดุลของการดำรงชีวิตอยู่ในวิถีสีขาว กับวิถีโลกที่ต้อง หากิน หาอยู่อย่างไร
จะสร้างความกลมกลืนในวิถีธรรมกับวิถีโลกอย่างไร น่าจะเป็นโจทย์ใหญ่นะคะ คิดว่า ความพอเพียงคือการสร้างสมดุลตรงนี้ค่ะ
สวัสดีค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้กับสิ่งที่อาจารย์และคณะจะทำ เป็นจุดเริ่มที่ดีมากที่จะทำให้ผู้คนได้ตระหนักและมองเห็นถึงสิ่งที่เรียกว่าเป็น"ความดีสากล"
การนำไปใช้กับชีวิตจริงได้อย่างกลมกลืนนอกจากจะขึ้นกับปัญญาที่สามารถเข้าใจทุกข์แห่งกิเลสได้ พบวิธีกำจัดทุกข์ และลงมือปฏิบัติจริงจัง อาจยังขึ้นกับบุญที่สร้างมาด้วยนะคะ ใครพบทางก่อนก็มีความสุขก่อน
สิ่งดีๆที่เกิดขึ้นมาได้ล้วนเริ่มมาจากความฝันและจินตนาการ จากนั้นจึงเติมสิ่งต่างๆเข้าไปเพื่อทำให้ภาพนั้นเป็นจริงขึ้นมา ค่ะ ทุกคนต้องช่วยกัน
อาจารย์ปัทคะ
ขอบคุณอาจารย์ปัทมากค่ะสำหรับข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ค่ะ
วิถีโลกและวิถีธรรมดูเหมือนจะแตกต่าง แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นเรื่องเดียวกันค่ะ เช่นเดียวกับที่เราอาจเห็นว่า "ความเป็น" และ "ความตาย" นั้นแตกต่างกัน แต่ทั้งสองต่างเป็น "ด้าน 2 ด้าน" ของชีวิต ถ้าขาดด้านใดด้านหนึ่ง ชีวิตก็ไม่มีอยู่ เหมือนเหรียญที่ต้องมีสองด้านถึงจะเป็นเหรียญนั่นแหละค่ะ ถ้าเราเข้าใจตรงนี้ เราก็รู้จักวิธีที่จะมีชีวิตอยู่และรู้จักวิธีที่จะตายด้วยเช่นกันค่ะ
ต้องเข้าใจถึงจุดนี้ วิถีโลกและวิถีธรรมก็จะผสานเป็น "หนึ่งเดียว" กันได้ค่ะ
ดึงดูด น่าสนใจ น่าติดตามมากคะ
ชอบบทสรุปนี้นะคะ
หากความพอเพียงคือ ความพอประมาณ ความมีเหตุผล และการมีภูมิคุ้มกัน เราคิดว่าสิ่งที่เป็น "แผนที่นำทาง" ที่จะทำให้เกิดความพอเพียงได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนคือ เส้นทางของ "วิถีสีขาว" นั่นคือ การทำทาน การรักษาศีล และการเจริญสมาธิ
แต่ไม่แน่ใจว่าควรใช้ว่า ทาน ศีล ภาวนา มากกว่าคำว่า สมาธิ หรือเปล่านะคะ ยังไงถ้าเข้าใจผิด ก็อยากให้อ.ให้ความรู้เพิ่มเติมด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
and...I'm sure U r not the only Dreamer...
at least 6 persons going with uuuu :)
สวัสดีครับ
ขออนุญาติตัดเอาบทความบางตอนดีๆไปรวมไว้ใน
http://gotoknow.org/blog/mrschuai/99502
ชอบคุณมากครับ
กระผมรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ประเทศไทยมีแนวคิดจัดประชุมคุณธรรมสากล เพื่อให้สังคมโลกได้ตระหนักถึงแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนและชีวิตที่สมดุลย์ หากทั่วโลกหรือส่วนใหญ่มีความคิดเห็นในทิศทางเดียวกัน และน้อมนำคุณธรรมสากลภายใต้แนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปสู่การปฏิบัติจริงและต่อเนื่อง ดังที่อาจารย์และผู้มีความคิดเช่นเดียวกันฝันไว้ กระผมคิดว่าโลกใบนี้คงจะเป็นโลกที่เพียบพร้อม หรืออาจเป็นดั่งสวรรค์ที่ใครต่อใครค้นหา ขอเป็นกำลังใจและจะสนับสนุนด้วยการปฏิบัติตนเองต่อไปตราบเท่าที่ยังมีกำลัง(ชีวิต)
Dear Ping Ping
ขอบคุณที่แวะเข้ามาเยี่ยมเยือนและให้ความเห็นนะคะ
สมาธิ หมายความว่า การทำจิตให้ตั้งมั่น ซึ่งมี 2 ประเภทคือ สมถะสมาธิ และ วิปัสสนาสมาธิค่ะ
ภาวนา หมายความว่า การทำจิตให้ผ่องใส
พี่ตุ้มคิดว่าใช้ได้ทั้งสองคำค่ะ
แต่เวลามาใช้ประกอบเป็นกริยา เราจะชินกับคำว่า "ทำสมาธิ" และ "เจริญภาวนา" หรือบางครั้งก็ใช้ควบคู่กันว่า การเจริญสมาธิภาวนา ค่ะ
ใช่แล้วค่ะ...พี่ตุ้มไม่ได้เป็น "dreamer" อยู่คนเดียว คิดว่ายังคงมีอีกหลาย ๆ คนที่เป็น "นักฝัน" ด้วยเช่นกัน...อย่างน้อยที่แน่ ๆ ก็คือหนู ping ping นี่ไงล่ะคะ
สวัสดีค่ะคุณสิทธิรักษ์และคุณวุฒิชัย
ยินดีมากค่ะหากบทความจะเป็นประโยชน์ต่อท่านอื่น และขอบคุณมากค่ะ
ขอเชิญมาเป็น "นักฝัน" และช่วยกันขยาย "ความฝัน" ด้วยกันนะคะ
ขอบคุณครับ...สำหรับบทความจรรโลงใจและจรรโลงโลก ความพอเพียงคือความดีสากลที่จะทำให้โลกนี้งดงาม...
ขอบคุณมากครับ...