เก็บตก:งานมหกรรมการจัดการความรู้ ครั้งที่ 3: (เปิดใจ ปีนป่ายจากหลุมดำ)


เปิดใจ” “ลดอัตตา”ก็สามารถแก้ไขปัญหาได้

       ผมพยายามใช้เวลาในช่วงวันหยุด วิเคราะห์ถึงแนวทางในการขจัด หลุมดำ ให้กับตัวเอง ลองมาทบทวนกันดูนะครับ ว่า กับดัก อะไรบ้าง 

·        People Trap             กับดักที่ตัวคน

·        Purpose Trap         จุดมุ่งหมายไม่ชัดเจน

·        Process  Trap         กระบวนการ

·        Platform Trap        นโยบาย หรือรูปแบบเก่าล้าสมัย

·        Performance Trap  การวัดผลไม่ชัดเจน 

       จากกับดักทั้ง 5 ข้อ ที่ได้นำเสนอที่ห้อง หลุมดำ ผมพยายามลองคิดเล่นๆนะครับว่าหลุมไหน ที่เป็นต้นตอ และพอแก้ไขได้แบบถึงรากถึงโคน  เมื่อวิเคราะห์ดูแล้วจะเห็นว่า หลุมแรกนั่นแหละครับ ที่พอจะเป็นผู้ที่ทำให้หลุดพ้นจาก 4 หลุมต่อมาได้บ้าง เพราะ ว่า คน คือผู้ที่จะทำให้ประสบความสำเร็จได้  และจะแก้ People Trap ได้อย่างไรพอคิดถึงคำถามนี้ ผมเกิดความมึนแล้วครับ ว่าจะตอบอย่างไร จะทำอย่างไร ก็คิดต่อครับ ว่าใน People Trap มีอะไรบ้าง

       คุณเอื้อ  ไม่เห็นคุณค่า บ้าอำนาจ  แค่ข้อแรกผมว่าแย่แล้ว ก็คุณเอื้อ นี่ส่วนใหญ่ก็เป็นผู้มีอำนาจ มีสิทธิชี้ขาดชะตาชีวิต ของเราคนชนชั้นผู้น้อยได้  

       คุณอำนวย  ไม่เข้าใจบทบาท อธิบายไม่เชื่อโยง ก็แน่ละครับ เพราะในตำแหน่งงาน ที่แต่งตั้งกันมาเนี่ย คงไม่มีแน่ๆเลย ตำแหน่งคุณอำนวย  โถ บังอาจนะบังอาจ  มาเปลี่ยนชื่อเราได้ จบเลยครับไม่เข้าใจว่าต้องทำอะไร

        คุณกิจ ไม่ใฝ่เรียนรู้  แค่ข้อเดียวนี่ก็ตกไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้  คนประเภทนี้  มักจะมองว่าตัวเองเก่งแล้ว พอแล้ว ไม่ต้องเรียนแล้ว  ผมพยามยามนั่งคิดถึงคำสอนของครูบาอาจารย์  ว่าถ้าเจอปัญหาอย่างนี้จะแก้อย่างไร หรือว่าปล่อยๆไปดี ก็มันไม่ใช่เรื่องของเรา อ้าว ! ถ้าคิดอย่างนั้น เรามิยิ่งกว่าตกหลุมดำ หรือ  พยายามทบทวนถึงบทบาทที่เราทำอยู่ทุกวัน นี้เราทำเพื่ออะไร แล้วทำไมเราต้องเสียเวลามาทำ KM  ไปนั่งกิน  MK ไม่ดีกว่าหรือ โอ๊ย ก็คิดไปสารพัดแหละครับ สุดท้าย มัน ปิ๊งแว๊บ เข้ามาในสมอง ใจไงใจ  เราทำ KM ด้วย ใจ ใช่เลย คำตอบอยู่ที่ ใจ เอ้ ! มันใช่คำตอบที่ถูกรึเปล่านะ  เราลองมาช่วยกันวิเคราะห์ดูนะครับ

         คุณเอื้อ  ต้องเปิดใจ ให้ความสำคัญกับการทำ KM กำหนดเป็นนโยบาย แล้วกระจายให้ทำทั้งองค์กร ไม่ใช่เห็นองค์กรอื่นเขาทำก็นึกอยากทำ หรือทำเพื่อขอรางวัล อย่างนะ มันผักชีโรยหน้า โถ ผักชี วัน สองวันก็เหี่ยวแล้ว มันไม่ยั่งยืน สู้ปลูกพืชยืนต้น ดีกว่า อยู่ทน อยู่ได้นาน ค่อยๆคิดค่อยทำ คุณเอื้อ ต้องคอยให้กำลังใจโดยการสนับสนุนให้คุณอำนวย ลงมือทำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการพัฒนาคุณอำนวย ให้มีทักษะในการถ่ายทอด  ที่สำคัญอย่าลืมสนับสนุนเรื่องงบประมาณด้วยนะครับ เรื่องนี้สำคัญครับสำคัญมากๆๆ  เมื่อมาถึงตรงนี้ ขออนุญาตเป็นตัวแทนคุณอำนวยทั้งหลายฝากถึงทุกท่านที่เป็น คุณเอื้อ ครับว่าถ้าท่านต้องการให้องค์กรของท่านพัฒนาอย่างยั่งยืน ทำได้ไม่ยากครับเพียงแต่ท่าน เปิดใจให้คนในองค์กรของท่านได้เรียนรู้สิ่งใหม่ อย่างทั่งถึงกัน เอื้อ ให้สมกับชื่อ  เถอะครับ แล้วไม่นานท่านก็คงจะเห็นผล

          คุณอำนวย  ก็ต้องเปิดใจ รับงานใหม่ เข้ามาทำ คิดซะว่าเป็นโอกาส ในการเรียนรู้ ที่พูดอย่างนี้เพราะว่า ส่วนใหญ่เมื่อได้รับมอบหมายงานแล้วมักจะมองกันว่าเป็นภาระ  ก็เลยไม่ใสใจต่อการทำหน้าที่เท่าไหร่ ทำเพียงขอไปที  ลองคิดดูนะครับ ถ้าเราคิดว่า การทำหน้าที่คุณอำนวย เป็น โอกาส ในการเรียนรู้งานใหม่ หาประสบการณ์ใหม่ๆ  ที่สำคัญถ้าคิดว่า เจ้านาย (คุณเอื้อ) คงมองเห็นถึงความสามารถของเรา ถึงให้เราทำงานมากขึ้น แค่ นี้แหละครับ เกิดพลังในการทำงาน แล้วคงได้สร้างผลงานให้คุณอำนวยได้เห็น  อย่างแน่นอน ครับ

          คุณกิจ ก็ เปิดใจ เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ลองของใหม่ดูบ้าง ถือเป็นการพัฒนาตนเอง แน่นอนครับในเรื่องของการเรียนรู้หรือการจัดการความรู้ ผู้ที่ได้คนแรกก็คือตัวเรา ครับ หรือว่าไม่จริงครับ ลองคิดดูนะครับว่าถ้าเราลงมือเรียนรู้แล้ว ความรู้ก็เกิดขึ้นกับตัวเรา ถ้าเราไม่นำเอามาใช้กับองค์กร ความรู้นั้นก็ติดอยู่กับตัวเรา องค์กรก็ไม่ได้อะไร ฉะนั้น คุณกิจ ควรทำตัวเป็นแก้วที่ว่าง พร้อมรับสิ่งใหม่ๆเข้า มาพัฒนาตนเอง มีแต่ได้กับได้ครับ ไม่มีอะไรเสียหาย  ใช่ว่าเรียนรู้แล้วต้องมาแบก สิ่งที่เรียนไว้บนบ่าซักหน่อย หากเป็นเช่นนั้น ผมคนหนึ่งแหละครับที่ขอนอนเฉยๆดีกว่า

        คงจะเห็นแล้วนะครับเพียงคนเรา เปิดใจ ลดอัตตาก็สามารถแก้ไขปัญหา ที่คิดว่าใหญ่โตกันได้แล้ว เมื่อขจัดกับดักใน Trap แรกได้แล้ว ลองคิดต่อดูนะครับว่า Trap ต่อๆไป จะถูกกำจัดหรือไม่ เพราะผู้ที่จะเป็นผู้ดำเนินการใน Trap ต่อมาก็คือ คน ในTrap แรกทั้งนั้น แต่สำหรับผมมีความเชื่อว่า เริ่มต้นที่ดี เท่ากับว่าสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง  สำคัญที่ใจจริงนะครับ  แหม ก็ลองคิดดู ถ้าเราจะรักใครซักคน แต่ถ้าเขาไม่มี ใจ ให้เรารู้สึกอย่างไร เช่นกัน เราจะทำ KM แต่ไม่มีใจให้ KM” แล้วจะสำเร็จได้อย่างไร เดี๋ยวก็โดน KM หักอกเอา ต้องนั่งทำหน้าเศร้ากิน MK เพราะโดนเจ้านายด่า แน่ๆเลยครับ     

หมายเลขบันทึก: 66484เขียนเมื่อ 11 ธันวาคม 2006 13:41 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:41 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

ได้เข้าไปห้องหลุมดำ แต่เป็นช่วงไม่มีรายการ เลยไม่รู้เขามีกิจกรรมอะไรกัน แต่อ่านจากบันทึกนี้ คิดว่าคงได้ประโยชน์ไม่น้อยกว่าที่เข้าร่วมกิจกรรมในห้องเอง  แถมด้วยบทวิเคราะห์ดีๆ   ขอบคุณคุณเรวัติมากค่ะ ที่นำมาถ่ายทอด

ขอแก้ชื่อในความเห็นก่อนค่ะ เป็น คุณเรวัตร

ขอบคุณ รศ.พญ. ปารมี ทองสุกใส ครับ

ผมว่า เป็นเสน่ห์ของ gotoknow นะครับ ที่ทำให้มีเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันเช่นนี้ ผมเองก็เข้ามาหาเรียนรู้ใน blog เป็นประจำ ครับ

ขออนุญาติ link เพื่อเรียนรู้ด้วยนะคะ ที่นี่ค่ะ http://gotoknow.org/blog/kmanamai-nonta/66774

ขอบคุณครับ ..คุณเพื่อนร่วมทาง ด้วยความยินดีอย่างยิ่งครับผม

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท