น้องคุยมาให้ฟังมา 3 เรื่อง
- เรื่องเผยแพร่ความรู้ KM ทางเวปไซต์
- เรื่องตั้งต้น KM Spy
- เรื่องช่วยงานอบรมผู้ดูแลเด็ก
เรื่องช่วยงานอบรมผู้ดูแลเด็ก
ผลพวงจากการนำ KM ไปใช้ในการอบรมครูพี่เลี้ยง เช่น
ถ้าร้องเพลง เด็กเอยเด็กดี หรือปูเอ๋ยปู ก็ไปรู้ว่าเขามีวิธีใหม่ ที่ร้องแล้วโดนใจเด็กมากกว่า ในสมุดบันทึกที่เขาบันทึกไว้ จากการอบรมที่ให้ครูพี่เลี้ยงและได้คุยกัน บอกว่า ... มีเด็กเหงา เขาไม่เคยโดนกอดเลย เขาก็บอกวิธีว่า โอบเด็กยังไง กอดยังไง เขาบอกวิธีว่า ก็โอบเด็กเข้ามากอด และคิดว่าเขาเป็นลูก แล้วเขาก็จะเงียบ ตอนดูงาน มีกลุ่มหนึ่งที่ผมพาไป ผมบอกว่า คุณไม่ต้องไปดูสิ่งที่ไม่ดี ไปคุยสิ่งที่ดีๆ ไปเสนอสิ่งที่ดีๆ ผมว่าพี่ๆ น่าจะรู้ และก็รู้สึกปลื้มใจมาก ที่เขาจะไปถามเรื่อง เอาอันนั้นมาจากไหน ยิ่งที่ CUP มีสิ่งที่เขาทำแจกเวลามีคนไปเยี่ยม สิ่งที่แจกไปก็เอากลับไปใช้ได้ เรารับมาก็รู้สึกว่าเราได้ สิ่งที่เขาทำเป็นสื่อการสอนเป็นการ์ตูนสำหรับเด็ก และผมก็มาแปลงเป็นพัด KM ในกลุ่มไปดูงานผมจะเสนอว่า เราไม่จัดกลุ่มที่มาด้วยกันไปด้วยกัน พี่เขาก็ไม่ชอบเหมือนกันที่เราจัดกลุ่มแบบนี้ แต่ก็ไม่ว่าอะไร และก็มาถามว่า ทำไมต้องแยก เราก็บอกว่า ทำไมต้องไปดูงานเดียวกันเหมือนเดิม เราแยกกันดูไม่ดีกว่าหรือ ด้วยการบริหารงานอย่างนี้ เราก็สามารถจัดให้เขาไปดูได้ 2 ที่ เห็นได้ชัดเลยว่า การดูแบบ นวก. เดิมๆ กับแบบแยกกัน การแยกกันทำให้เขาได้อะไรมากมายกว่าเดิม และเราเสริมให้เขาไปรู้เทคนิควิธีการในการไปดูงาน เพื่อทำให้เขาไปทำงานต่อได้ดีที่สุด ง่ายที่สุด เร็วที่สุด พี่คนหนึ่งที่เป็นครูพี่เลี้ยงมาคุย ก็อยากรู้ว่า ทำยังไงเขาจะคุยกับฉัน ดูแล้วก็เพราะว่าหน้าของพี่เขาบูดตลอดเวลา แกเป็นคนยิ้มยากจริงๆ หน้าก็ดุ ก็เลยบอกว่า พี่อยากคุยกับใครก็เข้าไปคุยเลย พี่ก็ลืมหน้าตัวเองสักวัน ก็อย่าเพิ่งบล็อกตัวเองสักวัน แล้วเมื่อแกทำได้ ก็รู้สึกว่าพี่เขาน่าสดใสขึ้น ใน 1 วัน จริงๆ แล้ว เสียงพี่เขาหวาน มีเสน่ห์มาก ปกติไม่แสดงความคิดเห็น มีแต่รับอย่างเดียว ตอนนี้พี่เขาก็ได้รับเพลงวัยรุ่นกลับไป มีความภาคภูมิใจมากขึ้นในเรื่องที่แกได้รับ หลังจากช่วงนั้น พี่เขาก็ไปอบรมของหน่วยงานท้องถิ่นในเรื่องเดียวกัน วิทยากรก็กลุ่มเดิม และอยากได้บรรยากาศแบบนั้น ก็นำวิธีไปเปิดวง ลปรร. และก็เอาเรื่องที่ผมพูด คือ แนวพระราชดำริ 29 ข้อ ของในหลวงฯ ตรงนั้น ไปขยายต่อ และก็มาเล่าให้พวกผมฟัง
ไม่มีความเห็น