ตลาดนัดกรมอนามัย 2550 - Press Tour (20) ตามรอย KM ย่างก้าวสู่ LO ... no.2


... เพราะโลกสมัยนี้ความรู้มันมากมายเหลือเกิน มองไปก็มีแต่ความรู้ มีเอกสาร Information ทั้งนั้น แต่ผมภาพความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด ...

 

บันทึกเป็นเบื้องต้น ก่อนเข้าเนื้อหาจริงละค่ะ อ.ประพนธ์ ได้ทบทวนเล็กๆ น้อยๆ (แต่ก็คงจะปาเอาไป 2 บันทึก ละค่ะ) เรื่องของ KM

  • เพราะฉะนั้น วันนี้ครับ ผมคิดว่า เรื่อง KM เราคงไม่พูดกันมากเท่าไร
  • แต่หลายคนสนใจว่า LO คืออะไร ... LO ย่อมาจาก Learning Organization นะครับ
  • แต่แน่นอนวันนี้ผมมีเวลาเกือบประมาณ 2 ชั่วโมง ... แต่ว่าช่วงหลังๆ ก็อยากให้มีการคุยแบบเปิดใจ ... เพราะวันนี้ผมจะมาเปิดใจ อย่างที่บอกว่าเมื่อ 3 ปีที่แล้ว บนเวทีก็มีหมอสมศักดิ์ และผมก็มา และจำได้ว่า วันนั้น เป็นผมที่ได้เอาโมเดลปลาทูมาขายกรมอนามัย มาขายเลย และก็หายตัวไปเลย 3 ปี ก็ไม่ได้มาสนใจเลย
  • หลายคนบ่นในใจ ไอ้ปลาทูนี่ทำให้ฉันยุ่งยากใจมาก
  • วันนี้ผมเลยเปิดเผยตัวเอง เพราะถือว่าถ้าท่านจะบ้องผม จะล้างแค้น ก็โอกาสวันนี้แล้วนะ เพราะตั้งใจมาก เอาไข่ปลามาทิ้งไว้ และ 3 ปีไม่มาอีกเลย นะครับ
  • และท่านก็ทำ บางท่านก็ทำด้วยความสนุกสนาน บางท่านก็ทำด้วยความทุกข์ลำบาก ว่า แหม ส่วนกลางเล่นอะไรก็ไม่รู้ KM อีกแล้ว ต่อไปจะมาเล่น LO อีกแล้วเหรอ ตกลง KM อยู่มั๊ยเนี่ยะ ท่านก็จะมีคำถามทำนองนี้นะ
  • ท่านก็ทำใจดีดีกันไว้ก่อนนะ เพราะว่า เดี๋ยวท่านจะได้รู้ว่า ทุนเดิมที่ท่านทำอยู่ในเรื่อง KM มันจะนำไปสู่ LO ได้อย่างธรรมชาติที่สุด ในวันนี้ก็จะเป็นในประเด็นนี้ให้มากที่สุด
  • แต่แน่นอน หลายท่านก็ยังไม่ชัดเลยเรื่อง KM ผมจะใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงแรก ทบทวนแบบเร็วๆ เลย ใครที่รู้ดี
  • แล้วก็ลองฟังใหม่นะ เพราะแม้แต่ปลาทูก็ไม่ใช่ปลาทูตัวเดิมแล้ว ผมเห็นบางที่ก็ยังใช้ปลาทูน่าอยู่เลยนะ อันนั้นเป็นช่วงแรกของผมเลย ที่ผมใช้รูปปลาทูน่า เพราะช่วงนั้นผมหารูปปลาทูไม่ได้
  • วันนี้ก็เป็นการเหมือนกับลองทบทวนใหม่ เพราะว่าเมื่อ 3 ปีที่แล้ว กับปีนี้คงจะมีอะไรที่แตกต่างกันพอสมควร
  • ในเรื่องของ KM และจุดสำคัญที่ผมลองย้อนรอย แกะรอยไปเรื่อยๆ นะ ว่า แล้วมันดั้งเดิมมาจากไหนล่ะ ทำไมเราต้องทำจัดการความรู้ล่ะ
  • หลายคนก็บอกว่า ก็เพราะตรงนี้ละครับ
  • มาตรา 11 ในพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์ และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ.2546 บอกว่า “มาตรา 11 ส่วนราชการมีหน้าที่พัฒนาความรู้ในส่วนราชการ เพื่อให้มีลักษณะเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้อย่างสม่ำเสมอ โดยต้องรับรู้ข้อมูลข่าวสาร และสามารถประมวลผลความรู้ในด้านต่างๆ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติราชการได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว และเหมาะสมต่อสถานการณ์ รวมทั้งต้องส่งเสริมและพัฒนาความรู้ ความสามารถ สร้างวิสัยทัศน์ และปรับเปลี่ยนทัศนคติของข้าราชการในสังกัด ให้เป็นบุคลากรที่มีประสิทธิภาพ และมีการเรียนรู้ร่วมกัน”
  • พอ 2547 ก.พ.ร. ออกตู้ม ... มีตัวชี้วัดพวกนี้เลย และเราก็ทำเลยนะ เราไม่ได้รอช้า
  • พอปี 47 กรมอนามัยเริ่ม Kickก off เลย ที่ รร.ริชมอนด์
  • ตรงนี้ละครับที่ทำให้ 3 ปีที่ผ่านมา เราพยายามอย่างยิ่ง เพื่อให้เป้าหมายของการเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ หรือองค์การแห่งการเรียนรู้ (Learning Organization : LO)
  • แล้วตอนนี้ ทุกที่ก็มีเรื่องนี้อยู่ในตัวชี้วัด KPI : Key Performance Indicator ตัวชี้วัด (... เวลาชี้ไปมีแต่วัดนะ มีแต่เมรุ เมรุก็มีควันลอยตุ๊บป่องๆ นะ ...) ชี้เมรุนะ เพราะอะไร
  • ... เพราะว่าถ้าชี้วัดก็ควรจะมีความสุขน่ะสิ แต่อันนี้ชี้เมรุ เมรุเผาศพ ก็มีแต่ความทุกข์นะ
  • กรมฯ ท่านผมไม่รู้ว่าเยอะมั๊ย บางกรมฯ เยอะจริงๆ ตัวชี้วัด ... รัดคอนะ งานปฏิบัตินะ ไม่มีอันเป็นอะไรแล้วครับ จะดูสิว่าแต่ตัวชี้วัดนะ มันเป็นยังไง ตกลงมันได้ใช้ระบบการศึกษาหรือเปล่า ไม่สนใจใยดีที่จะเรียนรู้อะไรอีกแล้ว
  • นี่คือสิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากพวกนี้ว่า KM นี่นะจะทำให้เราดึงกลับมา ไม่งั้นเราจะหลงไป อย่างการศึกษานี่เห็นชัดมาก เมื่อการสอบกลายเป็นเป้าหมาย วัตถุประสงค์ของการศึกษามันเพี้ยนไปเลย
  • ผลการสอบคือ เป้าหมายของการศึกษา ไม่ใช่เพื่อพัฒนาชีวิตนะ เพราะฉะนั้น เรื่องนี้ก็เช่นเดียวกันนะ
  • เป้าหมายก็คือ การพัฒนา การบริหารงาน องค์กร อะไรต่างๆ ... เป้าหมาย งานครับ อยู่ที่ แต่นี่ไปติดตัวชี้วัด
  • เรื่อง KM เห็นชัดมาก หลายองค์กรติดตัวชี้วัด เพียงแค่ให้เห็นว่า KM กระดิกนะ ไปทำกันใหญ่เลย ... แต่มันไม่ได้เกี่ยวกับงานเลย แบบนี้น่าเสียดาย เพราะว่าเสียกำลังไปเยอะ เสียงบประมาณไปเยอะ
  • ขอเล่าเรื่อง เขาบอกว่า ณ ประตูแห่งสรวงสวรรค์ เวลาเปิดทำการ 8 โมงครึ่ง ปรากฎว่าคิวมันยาว (โอ้ คนทำดียังมีอยู่นะ รอเข้าคิวกันยาวบนสวรรค์)
    ... พอ 8 โมงครึ่งเปิดครับ คนแรกเป็นคนขับรถแท๊กซี่ (เห็นเสื้อ อะไร ก็รู้แล้ว) คิวสองเห็นชุดก็รู้แล้วว่า เป็นนักบวช
    ... พอเปิดทำการ คนแรกก็รายงานตัวเลย ผมชื่อนั้น ชื่อนี้ ที่นั่นก็มี Notebook คีย์ปึ๊บ ปึ๊บ เลย
    ... อ้อ OK พอ OK เท่านั้นเอง
    ... เสียงเพลงบรรเลงดังครับ มีคนถือเอาเสื้อคลุมผ้าไหมอย่างดีมาสวมให้ ประตูสวรรค์ก็เปิด มีผลไม้ เหมือนกับมี Welcome อะไรทำนองนั้นต้อนรับ และชายคนขับแท๊กซี่ก็เดินเข้าสวนไปอย่างมีความสุข คนแรกผ่านไปแล้วนะ
    ... คนที่สอง ท่านสละทั้งชีวิตเพื่อจะมาถึงจุดนี้ เพื่อที่จะไปสู่สรวงสวรรค์ ท่านก็บอกชื่อ
    ... สิ่งที่รอคอย ... เสื้อไหมอย่างดี เพลงบรรเลงไพเราะกังวาล ทั้งชีวิตทุ่มเทมา ... บอกชื่อไป
    ... ทางประตูบอกว่า เดี๋ยวก่อนครับท่าน เอ้า เอาป้ายมาให้ท่านถือไว้ แล้วเดี๋ยวท่านช่วยไปติดต่ออีกประตูด้วย
    ... งงมากครับ นี่สวรรค์ชัดๆ ไม่รู้ว่าให้ไปทำอะไร แต่ก็รู้ว่าที่ไปน่ะ ไม่ใช่นรก ท่านไม่ได้ทำผิดอะไร คงไม่ได้ตกนรก ตกนรกก็คงไม่ได้มาที่นี่หรอกนะ
    ... เขาให้ไปทำอะไรสักอย่างก็ไม่รู้ ก็ยังไม่ได้เข้าไปน่ะ ให้เข้าไปบริการ เข้าไปทำตัวอะไรสักอย่าง ท่านงงมากเลยนะ
    ... เดี๋ยว เดี๋ยว เดี๋ยว มีอะไรผิดพลาดในระบบหรือเปล่า 100% นะ คุณภาพดีมากนะ ตกลงไม่มีอะไรที่จะผิด แล้วทำไมไม่ให้เข้าไปล่ะ ก็นี่นะทุ่มเทมาทั้งชีวิตเลย เพื่อหวังว่าวันนี้จะได้ไปขึ้นสวรรค์
    ... ทางนี้ก็บอกว่า เดี๋ยวครับ ลองไปต่อคิวนะครับ เดี๋ยวจะมีคนชี้แจง
    ... ไม่ได้นะ ต้องอธิบายก่อน แล้วคุณใช้เกณฑ์อะไรนี่ ทำไมคนขับแท๊กซี่จึงให้เข้าไป
    ... ที่นี่ เราใช้ KPI ครับท่าน (โอ้โห KPI นี่มันระบาดไปถึงสวรรค์เลยนะ ...)
    ... KPI อะไร ชั้นยืนขาขดขาแข็งนะ เทศนา บางครั้ง 3 ชม. ในชีวิตนี้มีคนฟังเทศน์อย่างน้อยเป็นแสนๆ ล้านๆ คน ทั้งชีวิต อะไร ไม่ให้เข้าไป แล้วแท๊กซี่มันยังเข้าไปอย่างลอยนวลเลนะ สบายมาก มันยังไงนะ ตัวชี้วัดอะไร อธิบายซิ
    ... ที่ท่านบอกว่า ท่านเทศน์น่ะ เชื่อมั๊ยครับว่า คน 99% หลับครับ ตกลงคนฟังเทศน์ของท่านน้อยมาก มีไม่ถึง 1%
    ... แล้วแท๊กซี่มันทำอะไร อย่างมากก็แค่ขนคนไปส่งที่ไหน ที่ไหน มันก็ไม่ได้ทำอะไร
    ... ท่านไม่รู้หรือครับว่าแท๊กซี่ก็หากินทั้งชีวิตเหมือนกัน เขาขับส่งผู้โดยสารเป็นแสนๆ คน และท่านรู้มั๊ยว่า แท๊กซี่คนนี้มันตีนผีขนาดไหน พอขึ้นไปนั่งปุ๊บ มันเหยียบเร่งสุดเลยนะครับ และทุกคนก็ต้องสวดภาวนาตลอดเวลา
    ... ตกลงมันทำให้คนสวดภาวนามากกว่าท่านครับ นั่นคือ KPI
  • นี่คือข้อจำกัดของ KPI ซึ่งมันลัดมิติบางอย่าง ซึ่งมัน Plain เหลือเกิน ... ดูจากอย่างนี้สิครับ ไม่สนใจหรอกว่า ใครทำอะไร เจตนาอย่างไร ดูสิ่งที่วัดได้ ว่า อ้อ คนที่นั่งแท๊กซี่คันนี้สวดมนต์ภาวนา OK สมควรได้เข้าสวรรค์นะ อันนี้เขาเรียกว่าเป็นโจ๊กฝรั่งนะครับ ผมก็เอามา modify เล็กน้อย เพื่อไม่ให้มันยาวมาก
  • ให้ท่านได้เห็นภาพนะครับว่า KPI คือ สิ่งที่ดี ถ้าไม่มีตัวชี้วัด เวลาเราขับรถไม่รู้ว่าน้ำมันมันเหลือเท่าไร นักบินไม่รู้ว่าบินไปทางไหน มันก็อันตรายครับ ต้องมีครับตัวชี้วัด ... แต่ต้องดูให้ดีดี
  • อย่าง KPI ของ KM ถ้าตั้งผิดปึ๊บไปผิดทางเลยครับ เพราะเท่ากับตั้งทิศทางไว้แล้วนะครับ ท่านดูดีดีนะ
  • ผมต้องเอาเรื่องนี้มาด้วย เพราะผมเห็นแล้วว่า พวกเราก็ต้องมาด้วยตัวชี้วัด ทำอะไรก็ต้องมีตัวชี้วัด ซึ่งผมไม่ว่าอะไร เพียงแต่ต้องเลือกดีดี และอย่าไปเลือกมากมาย
  • เพราะบอกไว้แล้วว่า Key Performance ของ Indicator เป็นตัว Key ตัวหลักๆ เท่านั้นนะ ตัวหยิมๆ เยอะๆ อย่าไปวัดมันเลย เพราะว่าในองค์กร คนเล่นละครเยอะ เอาแต่ตัวหลักๆ แล้ววัดอะไรครับ คุณอย่าไปวัด activity คุณวัด Performance วัด outcome หลักๆ มีเท่านี้เอง
  • ผมไปเปิด เปิดดูตัวชี้วัดของหลายกรม ผมก็อึ้งเพราะไม่ได้วัด Performance เพราะฉะนั้น เพราะว่าถ้าท่านวัด Activity ท่านก็จะได้ actor แต่ถ้าท่านวัด Performance ท่านจะได้ Performer ก็คือคนที่ perform คนที่สมรรถนะสูง แล้วองค์กรจะกลายเป็น High Performance Organization นะครับ ตกลงเรื่องพวกนี้ฟังดูเหมือน basic นะ แต่ไม่รู้ว่า basic เกินไปหรือเปล่า ถ้าเราก้าวผิดไปก็จะยุ่งกันใหญ่ละครับ
  • ผมลองไปสอบถามจุดเริ่มต้นของภาคเอกชน ว่า คุณทำ KM ไปทำไม
  • ... เขาก็เอาภาพนี้ให้ผมดูเลย บอกว่า ... ไม่ต้องพูดมากหรอกอาจารย์ ถ้าเราไม่ทำ เราก็สู้คู่แข่งไม่ได้ เมื่อเราสู่คู่แข่งไม่ได้ ของของเรา ไม่มีการจัดการความรู้ ไม่มีการคิดนวัตกรรมนะ ยังขายของเก่าอยู่นั่นละ ... คนเขาเปลี่ยนไปถึงไหนแล้ว เราก็โดนคู่แข่งกินตายเลย ส่วนแบ่งตลาด ภาคเอกชนเขาจะนึกถึงส่วนแบ่งตลาด ว่าเราต้องขายของได้มาก ...
  • ตกลงเขาบอกว่า ที่เราทำ KM เพราะเราต้องการอยู่รอดปลอดภัย ไปได้ถึงจุดหมาย เพราะทุกคนมีจุดหมาย มีเป้าหมาย มีวิสัยทัศน์ ที่เราคุ้นเคยกัน ผมเคยบอกว่า เราคุ้นเคยหลายสิ่งหลายอย่างนะ แต่เราอาจยังมองแบบข้ามๆ ไป
  • เมื่อคืนผมมา ผมไปเปิดพระไตรปิฎกตรงหัวเตียงนะ ดีมากเลย เห็นมีพระไตรปิฎกฉบับประชาชน แล้วก็ได้เห็นวิสัยทัศน์ พันธกิจ ขององค์กรๆ หนึ่ง
  • ในตรงนั้น ดูๆ คล้ายๆ ว่า เขียนในกระดาษ และที่รับไม่ได้ก็คือ ยุทธศาสตร์ ยุทธศาสตร์ความสัมพันธ์สู่ความ อะไรนะ มันงงน่ะ ยุทธศาสตร์มันคือประเด็นที่จะเดินไป เพื่อให้บรรลุเป้าหมายเน๊าะ อะไรอย่างนี้ อะไรนะ ผมก็อึดอัดเน๊าะ เล่นบอก ยุทธศาสตร์ พันธกิจ วิสัยทัศน์ และเผยแพร่ไว้ในพระไตรปิฎกด้วยนะ (... ผมนี่ปากจัดนะครับ เพราะฉะนั้นให้ผมขึ้นคู่กับ อ.วรพัฒน์ ที่ design ไว้ รับรองว่าไปกันทั้งคู่เลย กู่ไม่กลับเลยนะ) แต่บังเอิญวันนี้ม้าเดี่ยว เลยต้องผสมพลังวรพัฒน์อยู่ในนี้ด้วยนะครับ เพราะว่าสำหรับผม 2 ชั่วโมงนี่น้อยมาก ต้อง 3 ชม. เป็นอย่างน้อย แต่ไม่เป็นไร
  • ตกลงอันนี้ครับคือ จุดเริ่ม ผมให้เห็นความแตกต่างของภาคราชการ กับภาคเอกชนเท่านั้นนะครับ ... ตกลงราชการมองเรื่อง KPI มองเรื่องเป็นส่วนหนึ่งของกฎหมาย ที่บังคับให้ท่านทำ ส่วนเอกชนไม่ทำไม่ได้ ไม่ทำตาย โดนเสือกินเลย สิงโตกิน
  • เพราะฉะนั้นมันคือความแตกต่าง ตอนนี้ผมถามว่า เอาภาพของภาคเอกชน และราชการออกได้มั๊ย
  • ลองมองเหมือนเราเป็นคนคนหนึ่งในที่ทำงานนี่ จัดการความรู้ไปทำไม ผมไปเห็นภาพนี้แล้ว ถ้าไม่จัดการตายแน่เลย ... เพราะโลกสมัยนี้ความรู้มันมากมายเหลือเกิน มองไปก็มีแต่ความรู้ มีเอกสาร Information ทั้งนั้น แต่ผมภาพความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด ...
  • ทำไมเรามาพูดเรื่อง KM กันแรงๆ มาปีนี้เท่านั้น ซึ่งเราน่าจะภูมิใจว่า กรมอนามัยทำมา 3 ปีกว่าแล้วเน๊าะ ... ตกลงที่ทั่วโลกกำลังตื่นตัวเรื่อง KM ก็ในช่วง 5 ปีกว่ามานี้ เพราะอะไรครับ เพราะ 5 ปีที่ผ่านมานี้ ความรู้มันเกิดขึ้นมากมายเหลือเกินครับ
  • หากท่านย้อนกลับไปเมื่อ 50 ปีที่แล้ว มีคนบอกเลยว่า 50 ปี รู้นะ ความรู้ยังน้อยกว่า 5 ปีนี้ที่เพิ่งผ่านมานี้อีก เห็นเลยว่า ปริมาณของความรู้ที่ถูก generated ถูกสร้างขึ้นมรเยอะมากเลยครับ ตกลงความรู้มีเยอะ
  • ความรู้หมดอายุง่ายนะ ความรู้สมัยนี้หมดอายุง่าย เพราะโลกเปลี่ยนไป เทคโนโลยีเปลี่ยนไปครับ ใครที่มีลูกหลานเรียนทางด้าน Computer ด้าน IT จะรู้เลยว่า บางทีมหาวิทยาลัยสอนไว้อย่างดีเลย 4 ปี ภาษานี้ ภาษานี้ ออกไปทำงาน เขาไม่ใช่กันเลย ภาษาคอมพิวเตอร์ที่เรียนมา มันช้า มันเชย เขาสอนวิธีใหม่ เห็นไหมครับ ความรู้มันมีวันหมดอายุ ที่ผมเรียกว่า Expired date
  • เพราะฉะนั้นตรงนี้มันคืออันแรกครับ ว่า ทำไมเราต้องจัดการความรู้ เพราะว่าความรู้เปลี่ยนแปลงเร็วเหลือเกิน มีมากมายเหลือเกิน และมีวันหมดอายุด้วย ถ้าไม่จัดการ ก็เท่ากับว่า ไปเล่นกับความรู้ขึ้นรา ... นี่คือเหตุผลว่า ทำไมเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ไม่เห็นพูดเรื่อง KM ไม่ต้องพูดหรอกครับ ก็ท่านเรียนจบมาท่านก็หากินไปได้ตลอดชีวิตราชการท่านเลย เพราะความรู้มันนิ่ง Expired date เมื่อไร Expired date อีก 40 ปี แต่เดี๋ยวนี้มันคืออะไร อีก 4 ปี อีก 4 เดือน หรืออีก 4 วัน ท่านเห็นหรือยั
  •  ... ตกลง นอกจากอายุมันจะมากแล้ว อายุมันยังสั้นด้วย เขาเรียกว่า Life cycle ของความรู้ ของ product ของอะไรต่างๆ มันเปลี่ยนไปตลอดเวลาเลยครับ นี่คือเหตุผลแรกครับ ผมถึงบอกว่า เราไม่ต้องไปมองแล้ว ว่าเป็นราชการหรือเอกชน ถ้าเราจะเริ่มทำ KM ก็เพราะความรู้มันไปเร็วเหลือเกิน
  • และที่สำคัญ ความรู้มีมาก ไม่พอครับ แต่ความรักมีน้อยครับ ใครที่เป็นคนรุ่นใหม่ ฟังพี่ที่เล่าเรื่องราวมาว่า น้องนะ มีอย่างนี้นะ เราฝ่าฟันมาด้วยกันนะ เราไม่ได้มีพร้อมมูล โอ้โห คอมพิวเตอร์เพียบขนาดนี้นะ แต่ว่าเราต้องช่วยกันนะ ทำเอกสารเอย เราฟังพี่เล่าแล้วก็สปิริตดีมากเลย อะไรต่อมิอะไร ทำไมเราไม่รักกันเหมือนรุ่นพี่ที่แล้วนะ อะไรทำนองนี้ละครับ
  • ... ความรักในองค์กรน้อยลงนะครับ สำหรับผู้ร่วมงาน อันหนึ่งผมโยนลงไปเลย ก็คือ ตัวชี้วัดนี่ละครับ ทำให้เรารักกันน้อยลง เพราะอะไร ... เพราะเราจะไปช่วยเขาอยู่ได้ยังไงล่ะ สมมติว่าเราขอความช่วยเหลือจากเขาแต่ละที ... ไม่ได้หรอกน้อง ไม่ได้ เพราะว่าตัวชี้วัดยังไม่กระดิกเลยน่ะ แล้วเขาจะมาช่วยเราได้ยังไง มันทำให้เราต่างคนต่างทำ ต่างคนต่างห่วงแต่ตัวชี้วัดของตัวเอง นี่ก็เอาตัวชี้วัดเป็นจำเลย
  • เพราะว่าผมก็จะสรุปอย่างที่ผมเห็นนะครับ ท่านฟังผมอย่างฟังหูไว้หูนะครับ อย่าเชื่อผมหมด
  • ... แต่ผมคิดว่า ตัวชี้วัดที่ตั้งขึ้นมานี่ มันทำให้เรายุ่งไปหมดเลย ในชีวิตการทำงานของเรา
  • และอีกอันหนึ่ง ที่ทำให้เห็นก็คือ ความรัก ความปรองดอง การช่วยเหลือระหว่างคนในองค์กรในงานมีน้อย ความรักระหว่างกันมีน้อย ยังไม่ต้องพูดถึงความรักในงานนะ เพราะบางคนก็อย่างที่ว่า เดี๋ยวนี้คนรักในงานน้อยลง เพราะว่างานมันไม่มันน่ะ ไม่สนุก ไม่ต้องคิด ไม่ท้าทาย มันไม่ต้องสร้าง ไม่ต้องฝ่าฟันด้วยตัวเอง มันมีคนสั่งมาเรียบร้อย มันก็เลยรู้สึกชักเบื่อๆ ก็ซังกะตายทำงานไป ... จิตวิญญาณมันหายไปครับ
  • เดี๋ยวท่านจะพบว่าหลังๆ ผมสนใจเรื่องนี้มากเลยนะ เรื่องจิตวิญญาณ อย่ากังวลว่าเป็นพ่อมดหมอผี บางคนแปลคำว่า Spiritual เขาไม่ได้แปลว่าจิตวิญญาณ เขาใช้ว่า ธรรมะ คำว่า ธรรมะ เขาก็จะหมายถึงศาสนานะ แต่ที่นี้ แปล Spiritual เป็นธรรมะ แต่ผมก็ว่ามันไม่ใช่หรอกนะ มันเป็นเรื่องของจิตวิญญาณนำ

เรื่องยาวก็จริง แต่สนุกนะคะ บันทึกนี้ยังมีต่อค่ะ ก็บอกแล้วว่า ย๊าว ยาว

รวมเรื่อง ตลาดนัดความรู้กรมอนามัย 2550 

 

หมายเลขบันทึก: 120378เขียนเมื่อ 18 สิงหาคม 2007 12:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:15 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท