เวทีหัวหน้าภาควิชาเป็น forum ทุก 2 เดือน ของหัวหน้าภาควิชาในม.อ. ที่เป็นเวทีถ่ายทอดแลกเปลี่ยนประสบการณ์การบริหารจัดการภาควิชา เรานัดกันคราวละครึ่งวันและกำหนดหัวข้อเพื่อคุยกัน ครั้งล่าสุดเมื่อ 11กย.49 ท่านอธิการบดีบอกมาว่าจะนำเรื่อง "การผลิตบัณฑิต"มาคุยกับหัวหน้าภาค ดิฉันนัดหมายเชิญชวนหัวหน้าภาคฯเข้าร่วมตามปกติ บรรยากาศในครั้งนี้ผิดจากเดิม
ท่านเปรยว่า "ทำไมคนน้อยนักวันนี้"
....ประมาณนี้ล่ะค่ะ...เวทีหัวหน้าภาคฯประมาณ 40 คนทุกครั้ง(จากหัวหน้าภาค 92ภาคฯ)....วันนี้....ผมตั้งใจจะคุย..."เรื่องการผลิตบัณฑิต"ให้หัวหน้าภาคฯฟังพร้อมกัน.งั๊นผมก็ต้องคุยหลายรอบซิ.....คุณต้องคิดวิธีให้ผมได้บอกเล่าให้หัวหน้าภาคฟังในโอกาสอื่นอีกกับที่เหลือ "ค่ะ" ดิฉันรับคำ ท่านคงขัดใจ...เล็กน้อยแลดูไม่อบอุ่นนัก ที่ไม่สามารถเรียกให้คนมาฟังพร้อมกันในวันนี้ได้ ดิฉันก็ไม่กังวลมากนัก....เพราะเวทีนี้....มีลักษณะเฉพาะอยู่...ผู้เข้ามาร่วมแลกเปลี่ยน...จะมาในจังหวะที่จัดตรงกับวันที่ว่างจากภาระงานสอน...งานบริหารอื่นๆ
ท่านอธิการบดีท่านเตรียม presentation น่าสนใจเป็นขั้นเป็นตอนนำสู่เป้าหมายที่ท่านอยากจะชักนำภาควิชาที่ถือเสมือนหน่วยผลิตขององค์กร......ผลิตบัณฑิตที่สง่างาม....ในสังคม...เป็นความภูมิใจของสงขลานครินทร์ ดิฉันฟังพลางนึกชมในใจว่าท่านเป็นอธิการบดีที่เป็นนักคิด มีจินตนาการ และเป็นนักฝัน...ที่ไม่ลงรายละเอียด....แบบนี้ต้องมีทีมงานที่ต้องมาลงรายละเอียดอีกที....อธิการบดีในความคิดของดิฉันขอเพียงมีจินตนาการ เป็นนักขายฝัน...นั่งมองไปข้างหน้า....บริหารความเสี่ยง....มีเวลามากมากกับการคิดไปข้างหน้า....ไม่ต้องพะวง...กับปัญหานานับประการ.....นั่นหมายถึงทีมงานที่เข้มแข็ง
ระหว่างท่านพูด....สิ่งที่สังเกตได้คือ....แม้ท่านจะเปิดโอกาสให้ถามให้ซักตลอดเวลา......แต่ไม่มีใครยกมือ..จนท่านเอง....เปรยว่า....วันนี้สงสัยผมคงเหนื่อย.....ที่จะต้องพูดอย่างนี้ตลอดครึ่งวัน....ซักถามให้ความเห็นตามสะดวกครับ....ผมยินดี
มีคำถามประปรายไม่มากนัก ดิฉันสังเกตได้ว่าผิดธรรมชาติของเวทีหัวหน้าภาคฯมาก....ดิฉันคิด....เกิดอะไรขึ้น...พลิกแฟ้มต้นเรื่องไปมาเพื่อหาว่าดิฉันสื่อสารอะไรผิดไปกับผู้ร่วมโครงการหรือเปล่า.....ดิฉันพบว่า
1. การตั้งชื่อ....เวทีหัวหน้าภาคครั้งที่ 19 "พบอธิการบดี:เล่าเรื่องการผลิตบัณฑิต" ทำให้ผู้เข้าร่วมโครงการส่วนใหญ่ตั้งใจมาฟัง การเล่าเรื่อง การผลิตบัณฑิต การซักถามจึงไม่เกิดระหว่างการเล่ายังไม่จบ
2.ท่านอธิการบดีสวมสูทสากล..ดูภูมิฐานมากเหมือนวันฟังอธิการบดีแถลงนโยบาย ยังงั๊นแหล่ะ
3. ห้องที่ใช้เป็นห้องประชุมทีมบริหารมหาวิทยาลัย....หรูไปที่นั่งในห้องมีสองวงซ้อนกัน..โดยอัตโนมัติมีคนนั่งวงนอกส่วนหนึ่งในขณะที่เก้าอี้วงในยังว่างอยู่
ดิฉันนั่งใจเย็น...ว่าเดี๋ยวท่านเล่าจบคงมีการพูดคุยกัน.รอจังหวะเวลา.... จริงดังว่าหลังจากท่านพูดจบ...มีผู้เข้าร่วมยกมือแสดงความชื่นชมสิ่งที่ท่านเล่ามาว่าเป็นวิสัยทัศน์กว้างไกล..มุ่งไปข้างหน้าชัดเจน..แต่เหมือนท่านคิดมาให้เสร็จแล้ว..ผมเพียงมาฟังเพื่อเดินตามทางที่ท่านฝันไว้.....
ท่านอธิการฟังแล้ว ยิ้ม ยิ้ม....ความจริงผมไม่ได้คิดสิ่งเหล่านี้คนเดียวผมได้มาจาก Workshop ทีมบริหาร...ที่ทำกันหลายครั้งกว่าจะนำมาเสนอในที่นี้ได้......ขอบคุณครับที่สะท้อนได้ตรงประเด็น...ผมก็อึดอัดอยู่พอควรที่ต้องนั่งพูดอยู่คนเดียว
หลังจากนั้น.....มีการเปิดประเด็นถามไปถามมา...ให้ความเห็นกันอย่างคึกคักพอสมควร..ในประเด็นพูดคุยเกี่ยวกับประสบการณ์ของแต่ละภาควิชาในการดูแลนักศึกษาจนเลยเวลาข้าวกลางวัน.... เกือบบ่ายโมงท่านจึงปิดการสนทนา แล้วหันมาทางดิฉัน....คราวหลังไม่เอาแล้วนะการจัดแบบ"อธิการบดีเป็นศูนย์กลาง"แบบนี้..... คุณทำงานการจัดการความรู้ทำไมไม่ใช้กระบวนการในเวทีนี้เลย.....ผมฝากหัวข้อไว้ 3 ประเด็นที่ต้องทำให้ผม.....ค้นหา "ภาควิชาที่สามารถบ่มเพาะดูแลนักศึกษาด้านจริยธรรมได้ดี" "ภาควิชาที่มีวิธีดูแลนักศึกษาให้มีความเข้มแข็งทางภาษาอังกฤษได้ดี" และ "ภาควิชาที่มีวิธีดูแลเด็กเรียนอ่อน มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน" จัดรางวัลให้แก่ภาคที่มาเล่าเรื่องด้วย...เอาแบบนี้นะนัดผมฟังทุกครั้งด้วยแบบวิธีการจัดการความรู้เลยนะ ดิฉันมีความสุขมากในวันนั้น....ที่ได้รับคำปรารภแบบนั้นเข้าทางดิฉันพอดี....และท่านสื่อสารให้ดิฉันทราบว่าท่านเข้าใจการจัดการความรู้เป็นอย่างดี
เป็นเรื่องที่น่ายนดีที่มอ. มีผู้บริหารองค์กรที่ทำงานแบบเอื้ออำนาจ น่าสนใจมากคะ และชอบข้อคิดเห็นของพี่เมตตามี 3 ข้อ คือ 1. การตั้งชื่อ....เวทีหัวหน้าภาคครั้งที่ 19 "พบอธิการบดี:เล่าเรื่องการผลิตบัณฑิต" ทำให้ผู้เข้าร่วมโครงการส่วนใหญ่ตั้งใจมาฟัง การเล่าเรื่อง การผลิตบัณฑิต การซักถามจึงไม่เกิดระหว่างการเล่ายังไม่จบ
2.ท่านอธิการบดีสวมสูทสากล..ดูภูมิฐานมากเหมือนวันฟังอธิการบดีแถลงนโยบาย ยังงั๊นแหล่ะ
3. ห้องที่ใช้เป็นห้องประชุมทีมบริหารมหาวิทยาลัย....หรูไปที่นั่งในห้องมีสองวงซ้อนกัน..โดยอัตโนมัติมีคนนั่งวงนอกส่วนหนึ่งในขณะที่เก้าอี้วงในยังว่างอยู่
ที่จะนำไปปรับปรุงการประชุมครั้งต่อไป เพราะนี่คือการนำบรรยากาศมาปรับปรุงการทำงาน บรรยากาศเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจมากๆ ถ้าเราอยากให้เกิดวงของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้จริงๆ