เหน็ดเหนื่อยแต่อิ่มใจจากการร่วมงาน KM Workshop ที่ ม. นเรศวรได้ไม่เท่าไร ... โลกใบใหม่ช่างเป็นไปเพื่อสอนใจเรามากมาย สอนให้นิ่ง สอนให้สงบ สอนให้เย็น แบบฝึกหัดมีดังนี้ครับ
ออกจาก มน. มุ่งหน้าสู่ขนส่งพิษณุโลกเพื่อจองตั๋วไปบุรีรัมย์ คำตอบคือเต็มหมด มีแต่ตั๋วยืน เวลาร่วม 6-7 ชั่วโมงคงยืนไม่สนุกจึงถอยครับ ไปที่วัดเพื่อไหว้พระพุทธชินราช จากในรถตู้ เพราะมีงานติดพันต้องส่งผ่าน Internet ด้วย GPRS .. ท่านคณบดีและเพื่อนร่วมทางอันได้แก่ อ.ติ๊ก วิลาวัณย์ เลขาฯคณะ และท่านคณบดีคณะครุศาตร์ และรองฯ จาก มรภ.ธนบุรี ลงไปซื้อข้าวของ และกราบพระกันเสร็จก็มุ่งหน้ากลับกทม.ทันทีครับ ก่อนหน้านั้นเล็กน้อย ได้โทรเช็คที่ขนส่งอีกครั้งว่า ตั๋วไปโคราชพอมีมั้ย ไปขอนแก่นก็เอา คำตอบคือไม่มี หารือกับพรรคพวกและกามมนิตขจิตแล้วเห็นควรไปตั้งหลักที่กทม. แล้วขึ้นรถมาจากหมอชิตดีกว่า .. ความจริงเขาว่ามีรถเที่ยวสุดท้ายจากนครสวรรค์ด้วย แต่ออกตอน 4 โมงเย็น ยังไงก็ไม่ทัน เพราะบ่าย 3 โมงกว่ายังอยู่พิษณุโลกอยู่เลยครับ
ถึงกทม.ลงจาก Toll Way เวลาราว 1 ทุ่มครึ่ง รถติดมากเหมือนทุกครั้งที่เป็นวันหยุดเทศกาล แทนที่จะเลี้ยวซ้ายเข้าถนนรัชดาฯ ก็บอกให้คนขับรถมุ่งหน้าต่อเพื่อไปเข้าทางลัดไปพหลโยธินทางข้างรร.หอวังและห้าง เซ็นทรัลลาดพร้าว เร็วขึ้นได้อีกหน่อยครับ
ถึงบ้านรีบเข้า Internet หาข้อมูลการเดินทาง โดยไม้ทันได้จัดการกับกระเป๋า รถไฟเต็มหมด รถบัสมีที่ กิจการทัวร์ ราคาตั๋ว 292 บาท กทม.- บุรีรัมย์ จึงจ้างมอเตอร์ไซค์ไปซื้อตอน 3 ทุ่มกว่าๆ ได้ตั๋วกลับมาตอนใกล้ 4 ทุ่ม เขาขอ 200 บาท เห็นว่าเข้าคิวนาน ช่วงรอตั๋วก็ไปรับเสื้อผ้าที่จ้างเขารีดไว้ กะว่าจะมาจัดใส่กระเป๋าเดิมที่เพิ่งกลับมาจากพิษณุโลกนั่นแหละ แล้วก็เตรียมอาหารแก้ขัด บะหมี่ไวไว แถมใส่ลูกชิ้นที่เหลืออยู่ในตู้เย็นราว 10 ลูก กะว่าเผื่อคุณภูมิใจเขาด้วย ใส่น้ำร้อนปิดฝาตั้งใจว่า 3 นาทีจะมาจัดการ แต่เพราะเครื่อง Pocket Pc. มีปัญหามาตั้งแต่พิษณุโลกแล้ว Reset ก็ไม่ได้ Hard Reset ก็ไม่ผ่าน ตอนหลังเกิดทำได้ขึ้นมาแต่ข้อมูลในเครื่องหายหมด และต้องลงโปรแกรมใหม่ จึงรีบไปจัดการ ทำได้ไปสัก 50 % ของที่ต้องการ และไปติดขัดที่ข้อมูลไม่ยอม Sync.กับเครื่อง Pc. มีข้อมูลใน Outlook ของ Pc. แต่ดึงกลับมาตัว Ppc. ไม่ได้ .. จึงตัดใจเอาแค่ที่ได้ พอให้ได้ใช้เครื่องไปก่อน รีบมากเพราะ 4 ทุ่มกว่าแล้ว รถมอเตอร์ไซค์คันเดิมก็มาเรียกแล้ว
ในที่สุดก็ พลาดพลั้งจนได้ครับ เครื่อง Pocket Pc. เจ้าปัญหาตกจากโต๊ะลงพื้นฝากระจาย แบตเตอรี่กระเด็นออกไปนอกเครื่อง เขี้ยวพลาสติกตัวล็อคฝาหลังหักทั้ง 2 ตัว ล็อคไม่ได้ ทั้งยังมีผลให้เปิดเครื่องไม่ได้อีกด้วย เพราะเขี้ยวมันเป็นตัวกด Micro Switch ให้เครื่องทำงานด้วย เพื่อให้ฝาหลังเป็นตัวปิด-เปิดเครื่องโดยอัตโนมัติ คิดจะโมโหแล้วแต่นึกได้ว่ามันโง่ที่จะเป็นอย่างนั้น จึงได้ใช้เรื่องทั้งหมดมากำหนดจิตไม่ให้แกว่งมากเกินไป
ออกจากห้องจับเสื้ออีกตัวเดียวใส่เพิ่มในกระเป๋าแบบไม่ต้องพับ หันไปคว้าชามบะหมี่ที่มีเส้นอืดหมดแล้วมาบรรเลงแบบ Quick Action เหลือลูกชิ้นไว้ให้คุณภูมิใจเธอ 4-5 ลูก แล้วก็รีบลงไปขึ้นมอเตอร์ไซค์ไปหมอชิต อีก 10 นาทีเท่านั้นจะถึงเวลารถออก แต่ก็ยังเชื่อมั่นว่ารถคงต้องออกช้าบ้างเป็นแน่
มอเตอร์ไซค์วิ่งเลาะไปบน Footpath จนถึงแยกรัชโยธิน ติดไฟแดงเสียนาน แต่รู้สึกว่ามันนานกว่าจริงสัก 5 เท่า แล้วก็ถึงขนส่งหมอชิตใหม่ในเวลาประมาณ 4 ทุ่ม 45 นาที เวลาตามตั๋วคือ 4 ทุ่ม 40 ครับ จ่ายค่ามอเตอร์ไซค์อีก 100 รวมเป็น 300 (มากกว่าค่าตั๋วไปบุรีรัมย์) แล้วจึงรีบเดินไปหาชานชาลา 9 -11 คนรอรถเบียดแน่นกันนับพัน เดินยากมากเพราะมีกระเป๋า 2 ใบ รวมโน้ตบุ้คด้วย ยืนรอนานมาก เหงื่อไหลจนเสื้อเปียกปอน เพราะเป็นคนขี้ร้อน เหงื่ออกง่ายอยู่แล้วด้วย
บริการเขามั่วดีมากครับ เดี๋ยวก็มาบอกว่าใครถือตั๋ว 4 ทุ่มครึ่งมาทางนี้ คนก็แห่กันไป แล้วก็มาถึงที่บอกว่า 4 ทุ่ม 40 มาทางนี้ ก็ดีใจมากเพราะห้าทุ่มกว่าแล้ว แหวกผู้คนตามไปไกล ที่ไหนได้เป็นรถคนละบริษัท ต้องเดินกลับที่เดิมอีก เป็นอยู่อย่างนั้นหลายครั้งจนเสื้อเริ่มเปียกโชก จะโมโหอีกแล้วครับ แต่ก็มองเสียว่าเป็นโชคดี ได้ปฏิบัติการฝึกตามดูใจตนอีกครั้ง สุดท้ายเราเที่ยวตามหาจนเจอรถคัน 32-7 บุรีรัมย์ ของ กิจการทัวร์ ขึ้นรถได้ตอน 5 ทุ่มครึ่ง นั่งลงแล้วเปิด โน้ตบุ้คเริ่มเขียนบันทึกทันที ว่าไปได้สัก 4-5 บรรทัด ชักง่วงเพราะเหนื่อยจากการเดินทางนั่งรถตู้มาจากพิษณุโลกแล้วต่อหนึ่ง แถมมาเจอปัญหาทุลักทุเล และน้ำท่าก็ไม่ได้อาบ ทั้งยังอยู่ในเสื้อผ้าชุดเดิมอีกด้วย
เผลอหลับไปแบบไม่สนิทนักเพราะเสียงคุณหม่ำ -โหน่ง - เท่ง จากทีวีที่เขาเปิดบริการในรถดังอยู่ตลอดเวลา ตื่นมาอีกทีตี 1 ครึ่งครับ มองไปนอกรถเห็นจอดเทียบอยู่ใกล้หัวจ่ายน้ำมันดีเซล ก็คิดว่าเขาคงแวะเติมน้ำมันที่ไหนสักแห่ง มองไกลออกไปเห็นตึกอาคารคุ้นๆตา สงสัยว่าทำไมคล้ายที่กรุงเทพจัง .. ไม่คล้ายหรอกครับ ของจริงเลยล่ะ รถกำลังจะออกจากหมอชิตครับ อนิจจา !
จับเวลาดูเป็นระยะตามการหลับๆตื่นๆ ได้ดังนี้ครับ
ขอนำรูปถ่ายสดๆมาวางโชว์หน่อยครับ .. ไม่ได้ตัดแต่งใดๆ คำบรรยายไม่ต้องมี .. ให้บรรยายกันเองด้วยใจ นอกจากจะบอกว่ารูปแรกนั้นคือ มื้อแรกที่อร่อยกว่าอาหารจากภัตตาคารเลิศหรูที่ไหนทั้งนั้น ..
อาจารย์ครับHandy
สุดยอดเลยครับ!!! อาจารย์คงเหนื่อยมาก
อาจารย์ดูแลสุขภาพด้วยนะครับ
มาเชียงใหม่มาเครื่องนะครับ พวกเราจะไปรอรับสนามบิน เอาดอกไม้คล้องคอหอมๆ กลางเดือนสิงหาคม
ฝากความระลึกและสวัสดีทุกท่านที่สวนป่าที่บ้านพ่อครูด้วยครับ
สวัสดีค่ะ อาจารย์ Handy
น่าสนุกจังเลย อยากไปด้วยจัง......เห็นอาหารในรูปแล้วหนูน้ำลายไหล ..55555555++++
เป็นกำลังใจให้อาจารย์นะค่ะ ...สู้ๆๆๆๆๆๆๆ....ขอให้อาจารย์เดินทางโดยสวัสดิภาพนะเจ้าค่ะ
รักษาสุขภาพด้วยนะเจ้าค่ะ --------> น้องจิ ^_^
ขอบคุณที่ส่งข่าวค่ะ ชอบมากเลยเรื่องเล่าแบบนี้ เหมือนได้ติดตามทั้งตัวและอารมณ์ของพี่ท่านไปด้วยค่ะ ชอบมากๆค่ะ
แต่ก็ขออนุญาตบอกให้ถนอมตัวด้วยนะคะ คุณภูมิใจเธอได้พบเจอคุณพี่บ้างไหมคะนี่ กินแต่ลูกชิ้นมรดกก็คงไม่สุขใจเท่าได้พบเจ้าของหรอกนะคะ
ส่งใจมาทั้งดวงเลยค่ะ เอาไปเล้ย...เผื่อหมดแรง
ช๊อบชอบค่ะ
เช่นเดียวกับ อ โอ๋
อ่านมัน และหนุกหนานมาก
ลุ้นระทึก ว่า อาจารย์ จะทันไหม ยังลุ้นอีกว่าอารมณ์ ที่เจออุปสรรคจะเป็นอย่างไร
เป็นตัวอย่างดี้ ดี กับการจัดการใจ กับประโยคที่บอกว่า
โชคดี ได้ปฏิบัติการฝึกตามดูใจตนอีกครั้ง
ทั้งที่เหตุการณ์ แบบ นี้ น่าจะอารมณ์ ลบมากๆ
ท่านอาจารย์ Handy ที่เคารพ
ผมอาจไม่รู้ที่มาที่ไปว่าท่านจะไปทำไมและทำอะไรที่บุรีรัมย์ แต่ผมอ่านแล้วผมมองเห็นภาพอาจารย์ชัดเจนเลยครับว่า ทรหดจริง ๆ และการบริการของรถทัวร์ทางอิสานนั้น เป็นอย่างที่ท่านอาจารย์เจอนั่นมาตั้งนานแล้วแหละครับ ถ้าผมรู้ว่าท่านอาจารย์มีภารกิจที่สำคัญผมอยากจะอาสาขับรถไปส่งอาจารย์เองครับ เพราะบุรีรัมย์ห่างจากบ้านผมไม่กี่กิโลเมตรเองครับอาจารย์ (ผมคน 101 ครับ)
Konnichiwa Handy sensei
โอ้โห...ช่างเป็นการเดินทางที่แสนจะทรหดจริงๆค่ะ ... อย่างนี้พอจะเรียกว่าบุกป่า ฝ่าดง ได้มั้ยค่ะ
ดีใจ ที่ได้พบ ได้เรียนรู้อะไรมากมายจากอาจารย์ค่ะ
ชอบที่อาจารย์บอกว่า การจะทำสิ่งใดๆต้องมีศาสตร์ ศิลป์ และกุศล ค่ะ
อาจารย์ Handy ผู้น่ารัก
เจอตัวจริงหรืออ่านเรื่องผ่านบล๊อค อาจารย์ก็น่ารักเสมอ แล้ววันนี้เห็นความอดทนของอาจารย์ ยิ่งเพิ่มความรักรักอีกเท่าทวีคูณ...นึกถึงตัวเอง....จะอดทนได้เท่าอาจารย๋ไหมเนี่ย.....ขอบคุณอาจารย์ที่สอนให้มีความอดทนค่ะ
อดทน.....ในการใช้ชีวิต
อดทน......ที่จะรอ
อดทน.......เพื่อทบทวนดูจิตตนเอง
อดทน......เพื่อเดินทาง (ยิ่งกว่าไปหาแฟนอีก....อิอิอิ)
ขอบคุณอาจารย์นะคะ
ให้หมดใจเหมือนพี่โอ๋และหมอหน่อยค่ะ
สวัสดีครับ
ขอขอบคุณในน้ำใจ ไมตรี ตลอดจน ความรัก ความปรารถนาดีจากทุกท่านครับ
เด็กคนนี้นี่เรียนเร็วจริง ... ว่าจะไม่บอกใครแล้ว แอบมาเรียนรู้จนได้ ... แล้วอย่าลืมบอกต่อๆกันล่ะ .. อ้าวลืมไปว่าหวงวิชา .. เดาซิว่าหวงจริงหรือเล่น