สัปดาห์ที่แล้วได้มีโอกาสคุยกับอาจารย์คณะสังคมสงเคราะห์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่านหนึ่งที่เราเคารพมาก คุยกับท่านเรื่อง ร่าง พรบ. สภาองค์กรชุมชน
ท่านบอกว่า ปัญหาไม่ได้อยู่ที่มหาดไทย แต่อยู่ที่ว่า เราจะคลี่คลายคำตอบที่เราเห็นต่างกันเองระหว่างคนที่ทำงานชุมชนอย่างไร ด้านหนึ่ง ปราชญ์ชาวบ้านบางท่าน เห็นว่า กระบวนการของชุมชนควรเป็นไปโดยธรรมชาติ จึงไม่เห็นด้วยกับการมี พรบ.
ด้วยเหตุนี้ อาจารย์จึงเห็นว่า การยื่นหนังสือสนับสนุนของนักวิชาการยังไม่สำคัญเท่ากับการหาทางคลี่คลายโจทย์ที่กล่าวถึงข้างต้น
แต่ในความเห็นของอาจารย์ การให้กระบวนการชุมชนเป็นไปโดยธรรมชาติ ก็เท่ากับปล่อยให้คนเหยียบเท้าเราอยู่โดยที่เราร้องไม่ออก หรือถูกห้ามไม่ให้ร้อง ช่องว่างระหว่าง อบต.กับชุมชนยังมีอยู่มาก ชุมชนต่างๆยังต่างกันมาก การปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติก็ไม่ต่างกับปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม
คิดแล้วคล้ายๆ ปัญหากลไกตลาด อะไรๆก็ปล่อยให้ตลาดทำงาน ให้ตลาดทำหน้าที่จัดสรรทรัพยากร แต่บนฐานสังคมที่ผู้บริโภคแต่ละคน มีอำนาจซื้อต่างกัน ผู้ผลิตรายเล็กรายใหญ่มีฐานไม่เท่ากัน ผู้ผลิต ผู้บริโภคมีอำนาจต่อรองไม่เท่ากัน การปล่อยให้ตลาดทำงานไปตามธรรมชาติจึงเกิดผลที่ไม่พึงปรารถนาหลายประการ
สวัสดีค่ะ
สนใจและสนับสนุนร่างพ.ร.บ.นี้อยู่ค่ะ ยิ่งไปเห็นปัญหาของเด้กที่อ่างทองแล้ว คิว่า ควรต้องมีพรบ.นี้
ปัญหาที่ไปพบ มีแต่คนถามว่า แล้ว อบต.เขาทำอะไรอยู่ค่ะ
สวัสดีค่ะคุณศศินันท์
ได้อ่านเรื่องของเด็กๆที่อ่างทองแล้วนะคะ ในสภาพที่สถาบันครอบครัวอ่อนแอลงมาก จนเด็กๆไม่ได้รับการดูแลที่ดี บางที "ตาข่ายความปลอดภัย" ชั้นต่อไปที่ใกล้ชิดเด็กที่สุดที่จะรองรับ โอบอุ้มเด็กไว้ก็คือ โรงเรียนและชุมชนค่ะ เท่าที่เห็นในหลายจังหวัด โรงเรียนที่แปลกแยกจากชุมชนก็เป็นที่พึ่งไม่ได้ แต่โรงเรียนที่ใกล้ชิดกับชุมชน จะเป็นโรงเรียนที่ทำหน้าที่ทางสังคมได้ดี
ในทำนองเดียวกัน อบต.ที่แปลกแยกจากชุมชนก็ดูแห้งแล้งและไร้ความหวัง
ถ้า พรบ.ช่วยให้หนุนเสริมชุมชนเข้มแข็ง ก็เป็นสิ่งที่ควรสนับสนุน ส่วนตัวคิดว่าเป็นเช่นนั้นค่ะ
ขอบคุณคุณสิทธิรักษ์ ที่แวะมาเยี่ยมนะคะ
ยังไม่ได้อ่าน พรบ.ค่ะ แต่มีแนวคิดเรื่อง ศักยภาพของพื้นที่เป็นหลัก เช่น ส่วนใดที่ดีอยู่แล้ว(ในการตอบสนองความต้องการของชุมชน)ต้องเชิดชู ส่วนที่ด้อย ต้องพัฒนาเพื่อประชาชนในพื้นที่ ซึ่งมีความแตกต่างในรายละเอียด และความต้องการของคนไม่เหมือนกัน บางครั้งกว่าจะรู้ว่าอะไรเหมาะไม่เหมาะต้องใช้เวลาค่ะ ต้องใช้เวลา และมีการวิจัยเชิงปฏิบัติการบางส่วนค่ะ หรือหารูปแบบที่เป็นต้นแบบมาคุยกันค่ะ