วิถีชีวิตคนดงหลวงกับผักหวานป่า: ที่ดงหลวงเริ่มมีการเก็บผักหวานป่าไปขายกันตั้งแต่มีถนนเข้าไปในหมู่บ้านนี่แหละ ในปีพ.ศ. 2525 เมื่อชาวบ้านเริ่มทยอยออกจากป่า และทางราชการสร้างถนนลูกรังเข้าหมู่บ้าน พ่อค้าก็เข้าไปตามถนน ไปถามซื้อของป่าต่างๆ จากชาวบ้าน รวมทั้งผักหวานป่าตามฤดูกาลด้วย เหมือนไปเปิดช่องทางการหาเงิน ขึ้นมา ชาวบ้านก็จะขึ้นภูเก็บของป่าและผักหวานมาขายกัน และเมื่อได้เงินกันเห็นๆ ใครมีปัญญาเก็บได้ก็ไปเก็บเอา ไม่มีกฎกติกาอะไร ของกินง่ายๆมีหมดแล้วเหลือแต่เงินตราที่ไม่มีจึงจะต้องหามา
กลุ่มต้นผักหวานป่าตามธรรมชาติ: ธรรมชาติของสถานที่อยู่ของผักหวานป่ามันจะมีต้นพ่อแม่อยู่บนที่สูงของที่ลาดชันบนภูเขา เมื่อถึงฤดูแล้งเขาจะออกดอก ผสมพันธุ์แล้วเกิดเป็นเมล็ด ร่วงหล่นลงสู่พื้นดิน แล้วเมื่อเข้าสู่ฤดูฝน น้ำฝนก็จะพัดพาเมล็ดผักหวานป่ากระจายลงสู่ที่ลาดชันด้านล่างถัดจากต้นพ่อต้นแม่ แต่เนื่องจากธรรมชาติของต้นผักหวานป่าพ่อแม่จะขึ้นตามซอกหิน หรือในพื้นที่ที่เป็นกลุ่มหินในที่ลาดชัน การไหลของเมล็ดพันธุ์ผักหวานป่าจึงไหลไปไม่ไกลมากนัก แล้วก็เกิดขึ้นต้นใหม่ และเมื่อเกิดในพื้นที่เป็นหิน จึงอยู่รอดปลอดภัยจากไฟป่า หรือการชะล้างอย่างรุนแรงของปริมาณน้ำฝนที่มีในบางปี
ดังนั้นต้นผักหวานป่าจึงเกิดขึ้นเป็นกลุ่ม เป็นหมู่บ้านผักหวานป่าก็ว่าได้ แต่ไม่ใช้ติดๆกัน จะกระจายห่างกันไป จึงสามารถเข้าใจได้ว่าเป็นกลุ่มต้นผักหวานป่าที่มีลักษณะจากที่ลาดชันด้านล่างขึ้นสู่ที่ลาดชันด้านบนหรือที่สูงขึ้น ท่านก็เดาได้เลยว่าต้นที่อยู่ด้านบนคือต้นพ่อแม่ของต้นที่อยู่ด้านล่าง
เมื่อชาวบ้านเข้าใจเช่นนี้ ท่านหลับตานึกออกได้เลยว่า ชาวบ้านจะไปเก็บผักหวานป่าที่ใดบ้าง จะเดินวนเวียนอยู่ตรงไหน การกระจายตัวแบบนี้ชาวบ้านอธิบายว่านอกจากการพัดพาของน้ำฝนตามธรรมชาติ แต่ก็มีที่นกคาบเมล็ดเอาไปกินแล้วไปตกแล้วเจริญเติบโตในที่อื่นๆบ้าง และพบว่ามีต้นผักหวานไปขึ้นในถ้ำ แสดงว่านอกจากนกแล้วก็อาจจะมีสัตว์จำพวก กระรอกกระแตคาบเอาเมล็ดไปกิน
ในพื้นที่โล่ง เตียน ที่มีแต่ดินนั้นไม่ค่อยพบต้นผักหวานป่า เพราะ อาจจะตายลงไปเพราะไฟป่า หรือโดยกระแสน้ำฝนพัดพาดังกล่าว แต่ละกลุ่มต้นผักหวานป่าหรือหมู่บ้านผักหวานป่าในลักษณะดังกล่าวนี้จะมีอยู่จำนวน 10-20 ต้น
การเก็บผักหวานป่า : การเก็บผักหวานป่า ก็จะเข้าป่าเก็บตั้งแต่ 6 โมงเช้าก่อนกินข้าว มักไปกันเป็นกลุ่ม 2-5 คนแล้วแต่ ทั้งผู้หญิงผู้ชาย ส่วนผู้ชายที่เป็นพวกเข้าป่าบ่อยๆรู้จักสถานที่ต้นผักหวานป่าดีๆ ก็จะแอบไปคนเดียว เนื่องจากผักหวานจะทิ้งใบเก่าจนหมด หรือเกือบหมดแล้วแตกใบอ่อน และลำต้นเหนียว และชอบขึ้นอยู่ตามก้อนหิน ชาวบ้านก็จะยืนบนก้อนหินเอื้อมมือไปเก็บ โน้มกิ่งมาเก็บเก็บใส่ภาชนะที่เตรียมไป การเก็บจะไม่เก็บต้นเดียวกันจะตกลงกันเองว่าใครจะเก็บต้นนี้ เพื่อนที่ไปด้วยก็จะไปเก็บต้นอื่นๆที่อยู่ไม่ไกลกันมากนัก
เมื่อมันมีค่ามีราคา ต่างก็จะรีบๆเก็บเพื่อจะได้ไปต้นอื่นต่อไป จึงไม่ทนุถนอม แต่บังเอิญผักหวานป่าเป็นพืชซาดิสม์ ทิ้งไว้ประมาณ 15 วันก็แตกยอดอ่อนมาอีก เก็บได้อีก อย่างนี้เรื่อยไปจนถึงเดือนมิถุนายนช่วงดำนาโน้นแน่ะ
ช่วงวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ เด็กนักเรียนหยุดเรียนทั้งเด็กหญิงเด็กชายต่างก็มุ่งหน้าไปหาเงินจากป่า พอสัก 9 โมง 10 โมงก็ลงจากป่า เพราะแดดร้อน และเอามาขายให้พ่อค้า ที่มารับในหมู่บ้าน หลังจากนั้นก็พักผ่อน หรือผู้ชายพ่อบ้านก็ไปปลูกมันสำปะหลังต่อพอเวลาบ่าย ประมาณ 2 โมงก็เข้าป่าเอาวัวไปปล่อยให้กินหญ้าในป่าแล้วก็เก็บผักหวานต่ออีกรอบ ตลอด 5 เดือนนี้ ป่าจะมีคนเดินเข้าออกตลอดทั้งวัน ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ ทั้งหญิงทั้งชาย
วิกฤตผักหวานป่ามาถึงแล้ว: เมล็ดผักหวานป่าที่สุกแล้วกินได้มีรสหวาน แต่ชาวบ้านชอบเอามาต้มกินมากกว่า แต่ไม่มีให้กินอีกต่อไปแล้ว เพราะชาวบ้านมองข้ามการอนุรักษ์ผักหวานป่าไปหมดสิ้นแล้ว ต่างก็มุ่งเอาทุกอย่างของต้นผักหวานป่าที่ขายได้เก็บเอาไปขายจนสิ้น ตั้งแต่ใบอ่อนๆที่เพิ่งจะแตกออกมาได้ไม่กี่วันจนถึงดอกผักหวานป่าซึ่งมีราคาแพงกว่าใบอ่อนเสียด้วยซ้ำไป
ดอกราคาประมาณขีดละ 40 บาท กก.ละ 400 บาท ขณะที่ใบอ่อนสวยๆอย่างดีที่สุดก็ราคา 300 บาท มีพ่อค้าจากอำเภอนาแกมารับที่หมู่บ้านทุกเช้า ในพื้นที่ตำบลหนองแคนชาวบ้านคนหนึ่งกล่าวว่าพ่อค้าจะมารวบรวมและคาดว่าจะได้ผักหวานไปประมาณ 50-100 กก.ต่อวัน อย่างไม่ได้เลยก็วันละ 10-20 กก. ซึ่งก็จะเอาไปส่งแม่ค้าที่ตลาดในเมืองอีกทอดหนึ่ง เนื่องจากระบบนิเวศน์ของพื้นที่ดงหลวงเป็นภูเขารอบด้าน จึงมีแหล่งผักหวานป่ารอบด้านเช่นกัน แต่จุดจบก็คืบคลานเข้ามาแล้ว
ผมตั้งคำถามว่าทำไมไปเก็บดอกผักหวานป่ามาจนหมด ไม่เก็บไว้ให้มันเป็นเมล็ดพันธุ์ต่อไปจะได้ขยายต่อ ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีผักหวานเกิดขึ้นใหม่อีกแล้ว
ชาวบ้านตอบว่า “ต้องการเงินเป็นสำคัญ จึงไม่คิดเรื่องนั้น ยิ่งดอกมีราคาแพงยิ่งมุ่งจะเอาดอก ถ้าเราไม่เก็บเพื่อนบ้านคนอื่นก็เก็บ หากคนบ้านนี้ไม่เก็บคนบ้านอื่นก็มาเก็บ ชาวบ้านต้องการเงิน มันถึงกับนอนไม่หลับนะครับ ชาวบ้านกล่าว ผมหลับตานึกถึงต้นผักหวานต้นนั้น ต้นนี้ ใครขึ้นไปเก็บหรือยังหนอ บางครั้งตื่นตั้งแต่ตี 5 รีบขึ้นไปเก็บผักหวานก่อน มันอยู่บ้านไม่ได้ ต้องไปครับ” ไม่ว่าที่ดงหลวงหรือที่ไหนๆก็เหมือนกัน
เมื่อพืชป่ากลายเป็นพืชเศรษฐกิจตามฤดูกาลที่สำคัญ ระบบเงินตราเข้ามาครอบอยู่เหนือความพอดี มันส่งผลการทำลายตัวเองของชาวบ้าน ของชุมชน ของสังคม ของระบบนิเวศน์และวิถีชีวิตที่ดีงานเดิมๆ พวกเราต้องทำงานหนักมากขึ้น
โอ่ น่าสงสารผักหานจัง
ครูแอนก็เคยไปเก็บค่ะ ร้อนมากค่ะ เหนื่อยมากต้องขึ้นไปบนดอย เดี๋ยวนี้ไม่ไหวแล้ว แก่แล้ว...ที่หมู่บ้านครูแอนสอนอยู่ที่แม่ฮ่องสอน เมื่อก่อนชาวบ้านจะเก็บมาขายเก็บได้มากเท่าที่จะสามารถเอามาได้ ผักหวานป่าแทบจะหมดป่า เผาป่าเพื่อเอายอดผักหวาน แต่ระยะหลังกำนันต้องประกาศเสียงตามสายอนุญาตให้เก็บมาเฉพาะกินเท่านั้น ห้ามขายให้แม่ค้าที่มารับซื้อมิฉะนั้นจะถูกปรับ ก.ก.ละ 100 บาท นี่คือมติที่ประชุมหมู่บ้าน ปีนี้ยังไม่ได้กินค่ะ
สวัสดีคับพี่บางทราย ผมอยู่บ้านโพนไฮ ต.หนองแคนคับ
เห็นด้วยกับพี่คับแต่ผมเป็นเยาวชนก็ได้แค่มองน่ะครับจริงๆแล้วก็อยากให้ชาวบ้านบ้านร่วมด้วยช่วยกันอนุรักษ์จะได้มีกินมีใช้ไปนานๆ แต่อย่างว่าผู้นำชุมชนไม่แข็งแรงหมายถึงไม่ค่อยมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันถ้ามีพี่บางทรายมาแนะนำเรื่องการเกษตรหรือแนะแนวเรื่องอาชีพให้กับชาวบ้านก็คงดีมากๆเลยน่ะคับ และเรื่องการอนุรักษ์เรื่องผักหวานป่าด้วยน่ะคับ ยังงัยก็มาคุยกับผู้นำชุมชุนบ้านโพนไฮด้วยน่ะคับเป็นห่วงเหมือนกัน
ปล.....คนจากบ้านมาไกล
สวัสดีครับน้อง คนเดิม จากบ้านโพนไฮ
น้องอยู่ที่ไหนครับติดต่อคุยกันหน่อยซิ เมื่อกลับไปบ้านโพนไฮจะได้ปรึกษาหารือกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ผู้ใหญ่วองเป็นคนที่รับงานมากเลยทำงานแต่ละอย่างไม่ได้เต็มที่ พี่เองจะไปทำอะไรไม่ได้มากหากชาวบ้านไม่ตื่นตัวกัน
แต่เห็นด้วยที่จะต้องรณรงค์กันเพื่อรักษาอนาคตไว้ ดูเหมือนทุกคนรู้ แต่ไม่ได้ก้าวเข้ามาช่วยกันปกป้องเอาไว้ สักวันหนึ่งข้างหน้าก้ไม่ต้องกินผักหวานป่ากัน และก็ไม่ปลูกด้วยนะ..
อย่าลืมนะว่างๆติดต่อกันนะครับ
เห็นด้วยอย่างมากเลยคะ กับการแจ้งให้ชาวบ้านร่วมอนุรักษ์ผักหวานป่า ด้วยการขอซื้อเมล็ดพันธุ์ผักหวานป่าในราคากิโลกรัมละ 1,000 - 2,000 บาทเพื่อนำมาขยายพันธุ์ ในจังหวัดพิษณุโลก ถ้าเป็นไปได้ดิฉันขอซื้อ 2 กิโลกรัมคะ เพราะเป็นครูสอนชีววิทยา อยากให้เยาวชนได้รัก และหวงแหนพืชผักพื้นบ้าน ขณะนี้ก็กำลังรวบรวม ผัก ผลไม้พื้นเมืองมาปลูกเช่นต้นทำเทงป่า ทำเทงบ้าน( ลูกสำเนียง) มะหวด ฯลฯ
เรียนคุณ 10. อรุณี สว่างแสง
ดีใจครับที่สนใจ ผมจะเข้าพื้นที่แล้วจะถามชาวบ้านน่ะครับว่าปีนี้มีเมล็ดพันธุ์ผักหวานป่าหรือไม่ หากมีจะบอกนะครับ เอผมจะติดต่ออย่างไรล่ะครับ กรุณาบอกที่อยู่ผ่าน email คติดต่อด้วยครับ
ผมดีใจมากครับที่มีคนชอบไม้พื้นบ้านไม้ป่า ผมกำลังจัดหาไม้พื้นบ้าน ไม้ป่า สมุนไพรและไม้ผลโดยเฉพาะมะม่วงทุกสายพันธ์ เพื่อนำมาปลูกในพิพิธภัณฑ์มีชีวิตของผมจำนวน 11ไร่เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ของมวลมนุษยชาติต่อไป ใครมีพันธ์ไม้อะไรแปลกๆขอความอนุเคราะห์แบ่งปันหรือขายราคาถูกด้วยครับ ขอบคุณล่วงหน้า จากวิศาล กองเงิน โทร 086-6638513
สวัสดีครับคุณวิศาลครับ
หากสนใจจริงเชิญไปดงหลวงเลยครับ ไปคุยกับผู้นำเรา ชาวบ้านเราครับจะได้แลกเปลี่ยนกัน เรื่องอื่นนั้นคุยกับชาวบ้านครับ