เที่ยวป่าช้า....
คงไม่น่าพิศวงหรอก..ที่เที่ยวอื่นๆมีตั้งมากมาย ไปทำไมป่าช้า ที่ไปเพราะเป็นงานน่ะซี.....
เอ้า งานอะไร...สัปปะเหร่อหรือ...
ไม่ใช่ผู้บันทึกยังไม่ได้เปลี่ยนอาชีพ แต่เนื่องจากป่าช้าบ้านแก่งนางตำบลกกตูมอำเภอดงหลวงเป็นเขตป่าชุมชนด้วย ผมถึงต้องมานี่ไง เพราะเรามีกิจกรรมสนับสนุนให้ชาวบ้านพัฒนาป่าชุมชน...
ไม้หลัก แสดงชื่อผู้ตาย แบบดั้งเดิม
วันนี้เป็นครั้งที่สองที่มาเที่ยวป่าชุมชน ป่าช้าแห่งนี้ เพราะว่าในทัศนะของผู้เขียนว่า แปลกไปกว่าป่าช้าอื่นๆ ผู้เขียนเห็นเป็นครั้งแรกที่ป่าช้ามีลักษณะต่างจากที่อื่นจึงมาเก็บข้อมูลเพิ่มเติมว่าทำไมถึงแปลกไปจากที่อื่นๆ
ท่านผู้อ่านไม่ต้องแสดงความเห็นอะไรก็ได้ หากถือสาว่าไม่อยากพูดอะไรที่เกี่ยวกับป่าช้า ความตาย ที่สิ้นสุดของชีวิต ที่.....
แรกสุดทีเดียวเห็น"ไม้กากะบาดแล้วก็แปลกใจว่าทำไมต้องทำแบบนี้ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของคริสต์ศาสนา" มากกว่าพุทธศาสนา หรือว่าบ้านแก่งนางนับถือศาสนาคริสต์ ซึ่ง ก็ไม่ใช่ แล้วทำไมต้องไม้กากะบาดเหมือนไม้กางเขน
ประธานสภาตำบลกกตูมกล่าวว่า ไม่มีความหมายอะไรเกี่ยวกับศาสนาคริสต์เลยแม้แต่น้อย เดิมทีชาวบ้านนิยมเขียนชื่อผู้วายปราณลงบนต้นเสาที่ปักไว้ตรงที่เผาร่างนี่ จะเห็นว่าหากเขียนชื่อลงบนเสา ลักษณะตัวอักษรก็จะต้องเอาหัวทิ่มดินหางชี้ฟ้า หรือหัวชี้ฟ้า หางทิ่มดิน อ่านยาก ด้วยเหตุผลง่ายๆจึงเอาไม้อีกแผ่นมาตีในแนวนอนแล้วเขียนชื่อ ก็จะทำให้อ่านง่ายขึ้น เหตุผลแค่นี้เอง แต่บังเอิญไปพ้องกับลักษณะเครื่องหมายทางศาสนาคริสต์เข้า...
มีด ลวด เสียมและอื่นๆที่เป็นของใช้ของผู้ตาย
ป่าช้าแห่งนี้จึงมีกองดินและไม้กากะบาดนี้เต็มไปหมดทั้งเก่าและใหม่บางกองดินจะมีเครื่องมือทำมาหากิน เช่น มีด เสียม ลวด ฯลฯ ถูกเผารวมไปด้วยช่วงที่เผาร่าง แล้วก็เอามากองรวมไว้ด้วยกัน
ลูกหลานเอากระติบข้าวมาวางไว้ให้
บางกองดินลูกหลานก็เอากระติบข้าว ถาดกับข้าว มาวางให้ผู้เฒ่าผู้ล่วงลับได้กินด้วย ก็แล้วแต่ความเชื่อของแต่ละคน
ผู้บันทึกถามว่า เวลาเอาร่างมาเผานั้นเลือกที่เผาอย่างไร ประธานสภาตำบลกล่าวว่า ผู้ทำพิธีจะเสี่ยงทายโดยใช้ไข่ไก่สด 1 ฟอง โยนไปในที่ที่ผู้ทำพิธีเห็นว่าเหมาะสม หากไข่แตก ก็ถือว่าผู้ตายเลือกเอาตรงนั้นเป็นที่เผาร่างและตั้งกองดินปักไม้กากะบาด หากไข่ไม่แตก ก็ต้องหาที่โยนไข่ใหม่ ชาวบ้านบอกว่า ก็มีเหมือนกันที่โยนแล้วไข่ไม่แตก แม้จะโดนลงบนหินก็ตาม....
ผู้วายปราณรายล่าสุด
ผู้บันทึกแปลกใจว่าบ้านแก่งนางแห่งนี้เป็นบ้านใหญ่ มี 4 หมู่รวมกันอยู่ ชาวบ้านส่วนใหญ่ร้อยละ 80 เป็นชาวผู้ไทย ที่เหลือเป็นชาวไทยอีสานที่อพยพเข้ามาทำกิน และเป็นเขย เป็นสะใภ้บ้านนี้ แม้แต่ฝรั่งต่างชาติก็มี อำเภอดงหลวงมีหมู่บ้านที่เป็นผู้ไทยหลายหมู่บ้าน แต่ป่าช้าไม่เป็นแบบนี้ ส่วนใหญ่เป็นเจดีย์ใส่กระดูก หรือทางนี้เรียก “ธาตุ” ตั้งเรียงกันที่วัด หรือที่ป่าช้าใกล้บ้าน ไม่ใช่กองดินแล้วมีไม้กากะบาดเช่นนี้
ข้อที่น่าสังเกต คือ ป่าช้าแห่งนี้ไม่มีการเอาสัตว์เข้ามาเลี้ยง ไม่มีการเข้ามาเก็บของป่าทั้งเพื่ออาหารและเอาไปขาย เช่น เห็ด หรือพืชผักป่า
แต่ป่าช้าแห่งนี้ถูกบุกรุกเพื่อเอาที่ดินปลูกพืชไร่และทำนาข้าวในทุกด้าน จากเดิมมีขนาดพื้นที่เป็นหลายร้อยไร่ เดี๋ยวนี้เหลือไม่ถึงร้อยไร่ ???
คณะกรรมการป่าชุมชนจึงเสนอให้ทำแนวรั้วให้ชัดเจนเสียที...
นี่แหละที่ผู้บันทึกต้องมาเที่ยวป่าช้าแห่งนี้แหละครับ....
สวัสดีค่ะพี่บางทราย
อ่านตอนต้นแล้วอมยิ้มว่าพี่บางทรายไปเที่ยวป่าช้า พออ่านต่อไปก็เฉลย เลยนั่งยิ้มคนเดียว แหมอ่านใจออกด้วย อิ อิ ตอนอ่านยังไม่มีรูป แต่เห็นในไฟล์รูปบ้างแล้วค่ะ อยากถามว่าที่นี่เขาไม่เผาหรือค่ะ ทำไมใช้ฝังค่ะ แล้วมีชุุมชนอยู่ใกล้ ๆ ไหมค่ะ
สวัสดีครับน้องราณี
แหมมาเร็วจัง
เผาครับ เผาตรงนั้นและเอากระดูกบางส่วนกลับบ้าน และเอาที่เหลือฝังตรงนั้นเลย
มีชุมชนอยู่ใกล้ๆครับสัก 500 เมตร ตอนนี้มีพระธุดงค์มาจากจังหวัดสุรินทร์มาปักกรด แล้วท่านตั้งใจจะสร้างเมรุเผาให้เป็นถาวร คุยกับท่านแล้ว ดูท่านจะมีโครงการใหญ่โตจัง แต่ก็ดีที่มีพระมาอาศัยป่าช้า จะทำให้การบุกรุกหยุดลงไป เพราะท่านช่วยดูแลให้ และการพัฒนาป่าช้า ป่าชุมชนแห่งนี้ก็คงจะดีขึ้นครับ
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ
ในเมือง Boston สหรัฐอเมริกา ก็มีป่าช้าใหญ่มากๆอยู่ในเมืองและเป็นสวนสาธารณะด้วยครับ(ผมเคยพาคุณแม่ไปเดิน แม่ยังถามเลยว่าพามาทำไม)...ตันไม้ใหญ่มากๆ เป็นธรรมชาติมากๆ...คงไม่มีใครกล้าตัด...รวมถึงมีทางเดินที่ร่มรื่น...ตอนบ่ายๆไปเดินเล่นสบายเลยครับ...แต่พอใกล้ค่ำก็ตัวใครตัวมันครับ... :-)
การรักษาป่าโดยใช้ความเชื่อน่าจะดีกว่ากฎหมายนะครับ...
โอชกร
สวัสดีครับ
พี่เห็นด้วยจริงๆ เรื่องความเชื่อนี่เป็นสิ่งพิเศษสำหรับสัตว์เผ่าพันธุ์มนุษย์ นอกเหนือเหตุผล ความเชื่อกับศรัทธา เป็นสิ่งวิเศษ ตรงข้ามในทางที่ไม่ดีก็เป็น ซาตานไปเลย
ป่าช้าฝรั่งมันน่าเดินเที่ยวอยู่ครับ แต่อย่างว่าแหละค่ำๆมาก็ตัวใครตัวมัน
ขอบคุณครับ
หากไข่แตก ก็ถือว่าผู้ตายเลือกเอาตรงนั้นเป็นที่เผาร่างและตั้งกองดินปักไม้กากะบาด หากไข่ไม่แตก ก็ต้องหาที่โยนไข่ใหม่ ชาวบ้านบอกว่า ก็มีเหมือนกันที่โยนแล้วไข่ไม่แตก แม้จะโดนลงบนหินก็ตาม....
แปลกมากๆค่ะ!!!!
สวัสดีครับพี่บางทราย
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับภูคา
ตามมาอ่านครับ...ได้ความรู้ใหม่ ๆ ครับ...
ขอบคุณครับ...
ผู้ไท ( ย้อผู้ไท) มีวัฒนธรรมเกี่ยวกับงานศพที่น่าสนใจมาก แต่ปัจจุบันได้ถุกกลมกลืนด้วยยุคสมัย
ในกลุ่มย้อผู้ไท บ้านท่าขอนยาง อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม บริเวณด้านหน้า มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ยังคงมีประเพณีการฝังศพอยู่บ้าง โดย ต้องฝังเอาด้านหัวไปทางทิศตะวันออก และปัจจุบันป่าช้าเหลือนิดเดียว
น่าจะมีบทบัญญัติในการรักษาอาณาเขต ป่าช้า อย่างจริงจังซักที ( ไม่ใช่ในชื่อ ป่าสาธารณ์ประโยชน์)
ป่าช้า เป็นป่าๆ หนึ่งที่น่าสนใจ ดิฉัน เป็นคนนึงที่พิศมัย ป่า และ ป่าช้ามาก
สวัสดีครับคุณพี่องุ่น
สวัสดีค่ะพี่บางทราย คอมพิวเตอร์ลาป่วยเกือบอาทิตย์กว่าจะได้หลานที่กทม. มาช่วยดูเครื่องตั้งโต๊ะให้ และทำให้โน๊ตบุคต่ออินเตอร์เน็ตได้ ฮือๆ ไม่อยากบ่น เลยไม่ได้อ่านไม่ได้เขียนบล็อกเสียนาน ไล่อ่านเรื่องที่ไม่ได้อ่าน ว่าจะข้ามๆบ้างแล้วเชียวนา แต่มันน่าสนใจทุกเรื่อง และชอบอ่านข้อคิดเห็นด้วยค่ะ ได้ความรู้เยอะ อย่างในเรื่องสดุดีแรงงานไทย และเรื่องการขุดบ่อน้ำของชุมชน คนขับรถน้องคุณนายฯ ก็เป็นคนอีสาน บางทีเราก็เอาเรื่องที่อ่านคุยกับเขาเช่นการทำบ่อน้ำ การทำปุ๋ยจากมูลวัว การทำนาฯลฯ เขาพูดมาประโยคหนึ่งว่า "ที่จริงชาวบ้านอย่างพวกผมเป็นคนที่ปรับตัวอยู่เสมอ แก้ปัญหาไปตามที่มันเกิด" เรื่องการตาย พิธีกรรมและ ป่าช้า เป็นเรื่องน่าสนใจในทุกวัฒนธรรม อย่างน้อยเป็นการให้สติคนที่ยังมีชีวิตอยู่ ขนาดป่าช้าไทยๆ น่ากลัวและรกๆคนยังมาตัดไม้รุกล้ำพื้นที่ป่า หรือว่าเดี๋ยวนี้คนน่ารังเกียจจนผีไม่อยากยุ่ง ไม่มาแสดงอิทธิฤทธ์ รีบๆไปเกิด คนเลยได้ใจ ภาวนาขอให้เขตุป่าช้าผีดุดีมั้ยคะ ตัวเองก็เชื่อเรื่องการเปลี่ยนแปลงค่ะ ซึ่งพบความจริงว่าต้องเริ่มที่ตัวเราหากเราต้องการสร้างการเปลี่ยนแปลงในคนอื่นซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาและความอดทนอย่างมาก |
สวัสดีค่ะพี่บางทราย
สวัสดีครับ คุณนายดอกเตอร์
นั่นนะซีหายหน้าไป คิดว่าเดินทางไปธุระที่อื่นๆครับ
คอมฯ หายป่วยแล้วซินะครับ
เป็นเรื่องน่าสนใจถึงบทบาทของป่าช้า และวิถีชีวิต พี่เชื่อว่ามีความหลากหลายในแต่ละชุมชน แต่ละเผ่า แต่ละท้องถิ่น เพราะป่าช้าคือสถานที่สุดท้ายของคน และอดีตที่ผ่านมาก็เป็นที่พิเศษ เช่น จะไม่มีใครไปแตะต้อง แม้การล่าสัตว์ ก็เลยกลายเป็นแหล่งขยายพันธุ์พืช สัตว์ป่าไปด้วย ในถาคกลางและเข้าใจว่าอีสานก็น่าจะใช่คือ ป่าช้าเป็นแหล่งที่พระจะมา "อยู่กรรม" กิน นอนในป่าช้าแต่รูปเดียวเป็นเวลานานเป็นเดือนทีเดียว ปัจจุบันไม่ได้ยินเรื่องนี้แล้ว
ขอบคุณครับ
ดงแฮ้ว เป็นชื่อที่ชาวผู้ไทใช้เรียกป่าช้า การจัดการศพของชาวผู้ไทนั้น ส่วนมากแล้วจะเป็นการเผาและถ้าเผาตรงไหนก็จะขุดหลุมฝังไว้ตรงนั้น นอกจากจะเป็นการตายที่ฉับพลัน ก็คือผีตายโหงนั้นเอง ก็จะฝังไว้ก่อนประมาณ2-3ปีแล้วก้จะขุดขึ้นมาเผา การเลือกที่เผาศพโดยการโยนไข่นั้น คนแก่จะบอกว่าส่วนมากแล้วถ้าเป็นครอบครัวหรือว่าญาติพี่น้องกันจะเลือกที่ใกล้กันหรือบริเวณเดียวกัน และเมื่อฝังกระดูกแล้ว ก็จะเอาท่อนไม้มาปัก และเอาสิ่งของที่คิดว่าผู้ตายจะได้ใช้มาวางไว้ให้ แต่ในปัจจุบันนั้นจะมีการใช้เมรุเผาศพ จึงทำให้ความขลังของป่าช้าลดลง อีกทั้งเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาและการเปลี่ยนไปของความเชื่อของชาวผู้ไทด้วย
พี่ทามงานรายอ่ะคร้า
เว็บน้องทิวอ่ะคร้า น่ารักดี
สวัสดีสาวภูไทแก้งนาง
เอ เราเคยเจอะกันไหมน้อ ไปที่นั่นบ่อยๆ รู้จักสารวัตรแว้นไหม รู้จักตลาดชุมชนหลังวัดไหม รู้จักแปลงปลูกผักปลอดสารพิษไหม นั่นแหละงานของพี่ แต่มาบ้างไม่มาบ้าง ส่วนเพื่อนร่วมงานมาบ่อย เพราะเขารับผิดชอบงานเกษตร
พี่แหรอ ทำงานอยู่กับ สปก.ไง..
เล่น เนท จากร้านหน้าโรงเรียนหรือ...
ทราบว่าท่านรู้จักดงหลวงมาหลายปี รู้จักดีกว่าคนดงหลวงบางคนด้วย อยากจะขอรบกวนท่านคะ อยากทราบจริงๆคะว่าแต่ละตำบลของอำเภอดงหลวงมีดอนปู่ตากี่แห่ง ที่ไหนบ้าง จะหาข้อมูลได้ที่ไหนคะ ขอบคุณมากค่ะ
จ๊ากสสส์ babbab ไม่ทราบละเอียดขนาดนั้นครับ แต่มีแน่นอน เอางี้ ที่ตำบลพังแดงนั้น ทุกบ้านมีดอนปู่ตา แต่ทั้งหมดขึ้นกับปู่ตาใหญ่ที่อยู่บ้านหนองหมู ตรงป่าทางเข้าหมู่บ้านนั่นแหละ มีพ่อเกี้ยง เป็นเฒ่าจ้ำใหญ๋ ท่านเป็นผู้ทำพิธีครับ หากต้องการทราบเรื่องไปคุยท่าน ท่านจะอธิบายละเอียดยิบ ที่ตำบลนี้แปลกคือ จะมีการประชุม หมุนเวียนกันมาทำพิธีไหว้ปู่ตาใหญ่ที่บ้านหนองหมูนี่ การหมุนเวียนคือหมุนเวียนกับล้มหมู ล้มไก่เอามาประกอบพิธี ประวัติศาสตร์นั้นทราบว่า ไทโซ่เคร่งครัดเรื่องการทำพิธีไหว้เจ้าปู่มาก ก่อนลงนาก็ทำพิธี ก่อนเกี่ยวข้าวก็ต้องทำพิธี เมื่อสังคมสมัยใหม่เข้ามาดงหลวง การใช้พันธุ์ข้าวเปลี่ยนไปจากเดิมบ้าง หลายบ้านหลายครอบครัวก็ยังให้พันธุ์ข้าวเดิม ทำให้ข้าวสุกไม่พร้อมกัน คนที่มีนาที่ข้าวสุกก่อนก็ต้องการเกี่ยวก่อน คนที่ใช้พันธุ์ข้าวเดิมก็สุกมีหลังก็เกี่ยวทีหลัง ก็เกิดปัญหาเรื่อง อ้าวงั้นเมื่อไหร่จะทำพิธีไหว้เจ้าปู้เพื่อขอเกี่ยวข้าวล่ะ เมื่อเกิดขัดข้องกันก็เลยมีการขอแยกเจ้าปู่ไป เช่นบ้านพังแดง บ้านติ้ว .. แต่การทำพิธีใหญ่รวมก็ยังทำร่วมกัน
ตำบลดงหลวงน่าจะอยู่ที่ป่าช้าบ้านเลื่อนเจริญ ต.กกตูมน่าจะอยู่ที่นาหินกอง ต.หนองแคนน่าจะอยู่ที่ บ้านหนองแคน หรือบ้านก้านเหลืองดง
การหาข้อมูลนั้น หาก Babbab อยู่ดงหลวงก็ถามผู้สูงอายุทุกท่านตอบได้ครับ ส่วนหากจะหาข้อมูลทาง internet ไม่น่าจะมีนะครับ เพราะน่าจะยังไม่มีใครเขียนแล้วเอามาลงครับ แต่หากไปถามพ่อเกี้ยงที่บ้านหนองหมูท่านจะอธิบายละเอียดยิบ ทราบว่าเคยมีอาจารย์มหาวิทยาลัยขอนแก่นมาสัมภาษณ์พ่อเกี้ยงด้วยครับ
ขอให้โชคดีนะครับ
เว็บไซต่น้อง ทิว น่ารักมาก
เป็นเพื่อนบ้าน น้องทิวนะ
พอดีบ้านอยู่ติดกันจร้า
สวัสดีจ้าสาวแก่งนาง ที่น่ารักทุกคน
คิดถึงแก่งนางจริงๆ คิดถึงตลาดชุมชน และน้ำใจชาวบ้าน หากมีเวลาก็จะแอบมาเยี่ยมตลาดชุมชน ขอบคุณครับที่แวะเข้ามา มีอะไรก็เล่าให้ฟังบ้างนะครับว่าแก่งนางก้าวไปถึงไหนบ้างแล้วครับ