ท้องฟ้า อากาศธรรมชาติและชีวิตที่กรุงเทพฯในมุมมองของคนนอกเมือง


สองเช้าที่มีโอกาสได้อยู่ในกรุงเทพฯ ทำให้ได้เห็นความแตกต่างที่ชัดเจนมากของธรรมชาติ ท้องฟ้าและอากาศที่นี่ เนื่องจากได้พักอยู่ที่ชั้น 15 ของโรงแรม ทำให้สามารถมองอากาศเบื้องสูง และเห็นไปได้ในระยะไกลๆ จากระเบียงห้องพักแถวๆถนนบางนา-ตราด ตอนแรกคิดว่าน่าสงสารคนกรุงเทพฯจัง ที่มีท้องฟ้าหม่นมัวไม่ได้เห็นสีฟ้าของท้องฟ้า สีขาวของเมฆเป็นก้อนๆ แต่หลังจากมีโอกาสพบกับน้อง K จึงได้ทราบว่าเพิ่งมืดมัวอึมครึมมากๆ ก็ 2-3 วันนี้เอง แต่สิ่งที่แตกต่างอย่างชัดเจนก็คือ เสียงของธรรมชาติ เรียกได้ว่าปกติก็รักเสียงนก เสียงกาและความเขียว ความหอมสดชื่นของใบไม้ ต้นไม้ อยู่แล้ว พอมาสัมผัสอากาศยามเช้าของกรุงเทพฯก็ยิ่งรักธรรมชาติที่มีรอบๆตัวในมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ หาดใหญ่ของเราเป็นยิ่งนัก ที่กรุงเทพฯมองออกไป สิ่งที่ได้เห็นได้ยินตลอดเวลาในบรรยากาศ 2-3 วันที่กรุงเทพฯ คือ ความขวักไขว่ของยานยนตร์ เสียงแตรปู๊นป๊าน ไม่เคยเงียบสงบ ชีวิตที่ไม่เคยหยุดนิ่งเป็นอย่างนี้นี่เอง  

แต่ก็ได้เห็นว่า จากมุมสูงๆนี้ แต่ละบ้านที่มีรั้วรอบขอบชิด จะมีต้นไม้ปลูกกันแทบทุกบ้าน ได้เห็นต้นกล้วยกอหนา ต้นมะม่วงสูงใหญ่เลยหลังคา ในบางบ้าน ได้เห็นคุณยายท่านหนึ่ง (ผมสีขาวทั้งศีรษะ)ออกมาเดินชมต้นไม้ เก็บใบไม้ในสวนหน้าบ้าน ได้เห็นพระเดินบิณทบาตรด้วยเท้าเปล่า 1 รูป โดยมีลูกศิษย์วัดเดินตามถือถุงใส่ของดูท่าทางหนักพอใช้ แสดงว่าคงมีคนใส่บาตรกันไม่น้อย พยายามสอดส่ายสายตาหาวัด ก็ไม่เห็น (มองมุมสูงได้จากทั้งสองด้านก็ไม่เห็นเลย) แสดงว่าคงอยู่อีกด้านของตึกโรงแรม บนถนนที่มองอยู่ ก็เห็นว่ายังมีอีก 2-3 บ้านที่มีคนรอใส่บาตร แสดงว่าท่ามกลางความอึกทึกครึกโครม ชาวกรุงเทพฯอีกหลายๆท่านก็ยังมีโลกแห่งธรรมชาติเล็กๆในบ้าน มีวิถีชีวิตแบบที่เคยได้เห็นเมื่อหลายสิบปีก่อนอยู่เหมือนกัน  

เหนื่อยไหมนะ เมืองกรุงเทพฯ คนกรุงเทพฯ ขอบคุณที่ทำให้ได้มองเห็นคุณค่าของธรรมชาติจริงๆรอบตัวที่หาดใหญ่มากยิ่งขึ้นค่ะ

หมายเลขบันทึก: 64796เขียนเมื่อ 2 ธันวาคม 2006 07:49 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 มิถุนายน 2012 18:53 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (13)

คุณโอ๋คะ

มากรุงเทพทีไรต้องบอกว่าความสงบอยู่ที่ใจค่ะ.....เพราะว่าสังคมเมืองกรุงต้องแข่งขันกันตลอดเวลา...

แข่งกันตื่นเช้า.....ไม่เช่นนั้นไปทำงานสาย รถติด

แข่งกันขึ้นรถ.......ไม่เช่นนั้นจะต้องรอต่อไป

แข่งกันบริโภคในทุกเรื่อง.......เพื่อความอยู่รอด

มากรุงเทพทุกครั้ง (อย่างน้อยเดือนละครั้ง)  เวลากลับไปบ้านทีไร.......หายใจเข้าออกอย่างเต็มปอด......(บางคนอาจแอบแซวว่าหายใจทิ้ง......)

กรุงเทพ มีสวนหลายสวนที่ให้ออกกำลังกายรอบเมือง เช่น สวนหลวง ร.๙ สวนลุมพินี สวนจตุจักร สวนรถไฟ สวนรมยาณีย์ ฯลฯ แต่ละแห่งเป็นที่ฟอกปอดของคนกรุงเทพเป็นอย่างดี  (เราจึงแอบไปเที่ยวสวนหลาย ๆ ที่เพื่อฟอกปอดด้วยค่ะ)

คุณโอ๋....เคยฟอกปอดที่กรุงเทพบ้างไหมคะ

 

รวิวรรณ หาญสุทธิเวชกุล

หลานสาว วัยรุ่น ที่เพิ่งย้ายงานจาก เชียงใหม่ไป กรุงเทพ บอกว่า เป็นเมืองที่เหมาะในการเรียนรู้ และหัดผจญกับความลำบากค่ะ  เด็กๆควรมาผจญภัย และจะได้รู้ว่าที่เราอยู่สบายขนาดไหน

 

เวลาเข้ากรุงเทพฯทีไร จะรู้สึกเหมือนเป็น เด็กบกเข้ากรุงครับ
เช่นเดียวกับพี่ไมโต ผมก็งกๆเงิ่นๆ ตามประสาคนบ้านนอก ...นึกถึงตัวเองตอนไปกรุงเทพก็รู้สึกขำๆครับ ......... เห็นด้วยกับ ความเห็นของ หมอริวรรณ ด้วยครับ
  • เมื่อมีโอกาสเข้าไปเรียนที่กรุงเทพฯในหลายปีมาแล้วเศร้าคิดถึงแต่วันที่จะได้กลับบ้านขอนแก่น
  • พยายามปรบตัวเองให้ได้กับศิลปะวัฒนธรรมแถบเกาะรัตนโกสินทร์แต่ก็อดที่จะคิดถึงบ้านไม่ได้ 
  • เป็นกำลังใจชาวกรุงที่อยู่หรือมีบ้านที่นั้น
  • ส่งแรงเชียร์สำหรับท่านที่คิดจะขยายครอบครัวออกมาสรางบ้านอยู่ต่างจังหวัด ลดความแออัดของเมืองกรุงเช่นมาอยู่ใต้(แมนบ่เอื้อโอ๋-พี่Mitochondria) หรือมาอยู่แถบเมืองเหนือ(แมนบ่คุณจตุพร)
  • อยากมาอีสานก็มาเด้อ ยินดีต้อนฮับ อีสานน้ำบ่ท่วม ฝนบ่แล้ว ผู้คนใจดี
  • เหนื่อยไหมค่ะ อาจารย์ ส่งกำลังใจมาให้ค่ะ
  • ที่ไหนๆก็ไม่เหมือนบ้านของเราหรอกค่ะ   อาจารย์กลับสงขลาหรือยังค่ะ ขอให้อาจารย์เดินทางด้วยความปลอดภัยค่ะ

   ได้ขึ้นไปอยู่ที่สูงแค่วันสองวัน  รู้จักมองให้รอบด้านเพื่อหาความจริง ความหลากหลาย  จนได้เห็นตามเป็นจริงว่าอะไรเป็นอะไร น่าชื่นชมครับ 
    น่าเสียดายที่หลายคนอยู่ที่สูงๆตั้งนาน กลับมองลงมาแต่มุมเดิมๆของตน  แล้วสั่งให้คนอยู่ข้างล่างทำโน่นทำนี่ ด้วยเหตุผลอย่างนั้นอย่างนี้  แถมบางที่สั่งลงมาโดยไม่เคยมองลงมาข้างล่างเลย  เพราะคอยแต่แหงนหน้าจะใฝ่คว้าดาวเสียจนเพลิน ... แต่หวังว่าปริมาณคงจะลดน้อยถอยลงตามกาลเวลาที่ผ่านไปนะครับ

     เป็นหมอภาษาจำเป็นซะหน่อยดีกว่า ...

    ยานยนตร์ ......  ยานยนต์
    บิณทบาตร ... ดูเหมือนว่า ใส่บาตร ... แต่ .. บิณทบาต ... อาจผิดก็ได้ครับไม่แน่ใจนัก ลองหาดู
   

   

สวัสดีค่ะ ฟ้ากรุงเทพที่คุ้นเคยจะไม่ค่อยใสค่ะ ถึงได้ยังดีใจอยู่ว่าคุณโอ๋เคยบอกว่าเห็นรุ้งตัวอ้วนอยู่ด้วย เพราะอยู่กรุงเทพจะเห็นยาก เนื่องจากตึกบัง และแสงแดดหลังฝนออกไม่ได้จังหวะกัน

^___^

คนกรุงถึงต้องพยายามตื่นแต่เช้า เพื่อจะไปติดอยู่บนท้องถนนเกือบสองชั่วโมงค่ะ ฮิฮิ ไม่งั้นต้องออกจากบ้านสายไปเลย ชีวิตต้องสู้จริงๆ น่าสงสารเน้อะ

สวัสดีค่ะ...พี่โอ๋ เดาว่ากำลังอยู่ระหว่างเดินทางกลับอยู่ใช่ไหมคะ...ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพถึงที่หมายอย่างปลอดภัยนะคะ...เป็นปลื้มมากที่ได้พบพี่โอ๋ค่ะ.... งานนี้มัวปลื้มอกปลื้มใจเพราะได้พบพี่ ๆ น้อง ๆ หลายท่านจนลืมความอึดอัดยามที่อยู่ในเมืองกรุงไปเสียได้...อย่างไรแล้วก็สบายใจค่ะ เมื่อกลับมาบ้านเราที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติค่ะ
เสียดายจังมีโอกาสได้คุยกันน้อยไปหน่อย พี่คงเดินทางกลับหาดใหญ่เรียบร้อยแล้วค่ะ

เป็นธรรมดาที่คนกรุงเทพฯ ก็อิจฉา คน ตจว. ค่ะ เพราะว่าโอกาสสัมผัสธรรมชาติดีกว่ากันมากมาย แต่ว่า วิถีชีวิตใคร ก็คงต้องเลือกพอใจในวิถีชีวิตความเป็นอยู่นั้นๆ คุณค่ามันคงที่งานมากกว่าอื่นใด ... อย่างน้อย เราก็มีเพื่อนอยู่ ตจว. ที่มาเล่าเรื่องราวดีๆ ทั้งด้านการงาน สังคม และธรรมชาติ ... เราก็ได้ซึมซับสิ่งที่ดีดี มาบำรุงจิตใจน้อยๆ ของเราละค่ะ

ไม่ได้เจอ อ.โอ๋ ในงานมหกรรมฯ ก็เหมือนเจอกันได้ทุกวันนะคะ ไม่ช้าไม่นานก็คงจะเจอกันค่ะ

ปีใหม่นี้ จะมีใครเป็นเจ้าภาพจัดงานฉลองปีใหม่ ใน GotoKnow ไหมคะเนี่ยะ

ผมนึกว่าหมอกลงที่กรุงเทพฯตอนเช้าครับ ควันเต็มเลย

นำรูปมาฝากค่ะพี่โอ๋ ถ่ายไว้วันที่ 1 ธค 49 จากชั้น 15 Avana Hotel


พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท