BM.chaiwut
พระมหาชัยวุธ โภชนุกูล ฉายา ฐานุตฺตโม

ปรัชญามงคลสูตร ๑๑ : สิ่งจะต้องกระทำและการจัดลำดับความสำคัญ


ปรัชญามงคลสูตร

เมื่อมีครอบครัวก็ต้องรับผิดชอบ... พ่อแม่ก็ค่อยๆ แก่ชรา... ลูกๆ ก็เติบโตขึ้นทุกวัน... หน้าที่การงานก็ยุ่งยากยิ่งขึ้น... สังคมก็ขยายวงซับซ้อนออกไปเรื่อยๆ... จะดำเนินการและจัดลำดับความสำคัญอย่างไร ?

ดังนั้น มงคลสูตร ๒ คาถาต่อมา จึงได้จัดลำดับความสำคัญเหล่านี้ โดยคาถาที่ ๔ จะว่าด้วยสิ่งที่จะต้องกระทำ... ส่วนคาถาที่ ๕ จะว่าด้วยสิ่งที่ควรกระทำ...กล่าวคือ สิ่งที่จะต้องกระทำ เป็นหน้าที่ภาคบังคับ ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ... ส่วนสิ่งที่ควรกระทำ เป็นการเลือกโดยสมัครใจ กระทำหรือไม่กระทำก็ได้ ...ผู้เขียนจะนำคาถาที่๔ ซึ่งว่าด้วยสิ่งจะต้องกระทำก่อนในโอกาสนี้..

คาถาที่ ๔

การบำรุงมารดาและบิดา. การสงเคราะห์ภรรยาและลูก. ความเป็นผู้มีการงานไม่คั่งค้าง. เหล่านี้จัดเป็นมงคลอันสูงสุด

เมื่อพิจารณาคาถานี้แล้วก็จะจัดลำดับความสำคัญได้ดังต่อไปนี้ คือ

  • มารดา
  • บิดา
  • ลูก
  • ภรรยา (หรือสามี)
  • การงาน

ซึ่งเหล่านี้จัดเป็นสิ่งที่จะต้องดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่สามารถเพิกเฉยหรือละเลยได้.. อีกอย่างหนึ่ง ถ้าดำเนินการอย่างถูกต้องก็จัดเป็นมงคลของชีวิต..ประมาณนี้

มารดาคือแม่เป็นผู้สำคัญที่สุด หรือแม่มีความสำคัญกว่าพ่อ อีกนัยหนึ่ง แม่มีอุปการคุณยิ่งกว่าพ่อ...ดังนั้นจึงเรียงลำดับมารดา(แม่) ไว้ก่อนบิดา(พ่อ) ...ซึ่ง แม่และพ่อทั้งสองนี้ จัดเป็นความสำคัญคู่แรก

ลูก ซึ่งอาจมีคนเดียวหรือหลายคน ได้จัดเรียงลำดับต่อมาจากแม่และพ่อ นั่นคือ แม่และพ่อสำคัญกว่าลูก

ภรรยาคือคู่ชีวิต ซึ่งเมื่อยังอยู่ด้วยกันก็ต้องดำเนินการตามที่สมควร... ในคาถานี้ยกมาเฉพาะภรรยา เพราะเทวดาผู้ชายเป็นผู้ถาม... แต่ในการขยายความก็อ้างถึงสามีด้วย นั่นคือ เมื่อภรรยาคือคู่ชีวิตของสามี สามีก็คือคู่ชีวิตของภรรยา ซึ่งถ้าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด หรือทั้งสองฝ่ายดำเนินการไม่ถูกก็ไม่จัดเป็นมงคล... อนึ่ง ได้จัดภรรยาหรือสามีไว้ถัดจากลูก ก็คือการบ่งชี้ว่า ลูกสำคัญกว่าภรรยาหรือสามีนั่นเอง...

การงาน ก็จัดเป็นสิ่งสำคัญ เพราะทุกคนสามารถดำรงชีพอยู่ได้ก็ด้วยการงาน จะเป็นงานหนักงานเบา มีเกียรติไม่มีเกียรติ หรือจะเป็นงานรับจ้างหรือส่วนตัวก็ตาม...ดังนั้น การงานจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องดำเนินการเช่นเดียวกับการปฏิบัติต่อบุคลข้างต้น ....บางคนมัวแต่คำนึงถึง แม่ พ่อ ลูก ภรรยาหรือสามี ปล่อยให้การงานคั่งค้าง จึงไม่จัดเป็นมงคลข้อนี้...

ในบันทึกต่อไป ผู้เขียนจะนำแต่ละอย่างมาขยายความต่อไป....  

คำสำคัญ (Tags): #มงคลสูตร
หมายเลขบันทึก: 86872เขียนเมื่อ 27 มีนาคม 2007 17:31 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 17:57 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)
การแบ่งสรรเวลาและทรัพยากรณ์อื่นๆ ให้กับเรื่องดังกล่าว ยากและลำบากใจมากครับ (สำหรับผม)
P

เรื่องนี้ ยากส์ ทุกคนแหละน้องวีร์....

ส่วนใครจะมีปัญหาขัดแย้งในเรื่องเหล่านี้น้อย อาจถือว่ามี บุญเก่า หรือทำบุญมาดี ...

ส่วนผู้ที่ขัดแย้งในเรื่องเหล่านี้สุดๆ ... ก็อาจถือว่า ต้องใช้เวรใช้กรรม กันไป ....

เจริญพร

พระนี่มีบุญเก่าจริงๆ (ถ้าเป็นแล้วไม่อยากเป็นฆราวาส)

P

จริงอยู่ว่า อาจมี บุญเก่า

แต่ ก็ยังคง ใช้เวรใช้กรรม เช่นเดียวกัน

เวรกรรม มีหลากหลายยิ่งนัก ซึ่งแต่ละคนแต่ละสัตว์ก็คงแตกต่างกันไป

เจริญพร

 

ไม่ทราบว่าพระอาจารย์กำลังจะสั่งสอนหรือกระไร...555

 

ช่วงนี้ขอเอางานเป็นอันดับ 1 ก่อนนะครับ...ไม่นานเกิน 3 เดือน...เข้าที่เมื่อไรจะเรียงลำดับความสำคัญไว้ตามเดิมครับ....อิอิ

 

ผู้ประสงค์จะเล่าเรื่อง แต่ไม่ประสงค์จะออกนาม

เป็นแฟนประจำครับ พระอาจารย์อาจจำลายมือผมได้ ผมมีประสบการณ์มาเล่าครับ

อาจจะเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับแพทย์ neurology ที่พบเห็นเรื่องทำนองนี้บ่อย ผมก็เคยได้ยินมาบ้าง แต่ด้วยความประมาท จึงไม่ได้ดูแลตัวเองเลย ประพฤติตนอยู่บนความเสี่ยงทั้งๆที่รู้ เมื่อประสบเข้ากับตัว รัีบรองว่าไม่สนุกเลยครับ คือว่าผมเป็นผู้รอดจากโรคหลอดเลือดสมองแบบเล็กๆ (TIA) ซึ่งเปรียบเสมือนสัญญาณเตือนภัยร้ายแรง

ผมจัดว่าเป็นคนบ้างานมาก ทำงานมาหลายปี หน้าที่การงานก็เจริญรุ่งเรืองดี ผู้ใหญ่ให้เกียรติ เพื่อนฝูงที่ทำงานด้วย ก็ให้ความเคารพ ตัวผมก็เลยหลงอยู่กับสิ่งที่คิดว่า "มีคุณค่า" หลงอยู่กับ "ความสำเร็จ" ซึ่งเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการทุ่มเททำงานหนักมาตลอด

หลายปีมาแล้ว ผมเป็น TIA คงเนื่องมาจากความเครียด การไม่ดูแลตัวเอง และการพักผ่อนไม่เพียงพอ

ในตอนนั้น ควบคุมร่างกายซีกซ้ายไม่ได้ ต้องฟื้นฟูเป็นการใหญ่ พอออกจากโรงพยาบาลกลับไปทำงาน ประชุมเพียงยี่สิบนาทีก็เริ่มไม่ไหวแล้ว จากเดิมที่สมาธิ(ในงาน)ดีมาก สามารถคิดอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายๆ ชั่วโมงได้

จะกินข้าว ยังจำวิธีจับส้อมไม่ได้เลยครับ

แม้วันนี้รักษาตัวจนดูเหมือนคนปกติมาหลายปีแล้ว (ร่างกายของคนนั้นมหัศจรรย์ในแง่ที่สร้างระับบทดแทน "ได้บ้าง") แต่ผมรู้ตัวดีว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้น เป็นไปอย่างถาวร เซลล์สมองที่ตายไปแล้ว ก็ตายไปเลย ความจำโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่เกี่ยวกับเวลาก็ไม่ค่อยดี ถึงเสียหายน้อยมาก แต่ก็นับว่าเสียหายครับ

บทเรียนล้ำค่าที่ผมได้จากการเจ็บป่วยครั้งนั้นก็คือ

  • บุพการีเป็นผู้ที่ห่วงใยเราจริงๆ โดยบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้หวังอะไรตอบแทนเลย แต่นั่นกลับเป็นสิ่งที่เราต้องตระหนัก ซึ่งหากไม่มีเหตุการณ์การเจ็บป่วยครั้งนั้น ผมก็คงไม่ "เข้าใจ" เรื่องนี้อย่างถ่องแท้
  • เดิมทีก็ผมเป็นคนช่างสังเกต วันนี้เรียนรู้ว่าการสังเกตไม่จำเ็ป็นต้องใช้ตา "มองออกไป" เพียงอย่างเดียว บางทีการเอาตัวเองออกจากสถานการณ์ แล้วมองย้อนกลับมา กลับช่วยให้เข้าใจอะไรได้กระจ่างขึ้นครับ แต่ว่าต้องฝึกเอาเองไม่มีใครช่วยได้
  • หากคิดว่าตัวเราเป็นคนที่มีค่า เป็นหลัก-เป็นผู้ผลักดันความสำเร็จต่างๆ ของงานให้เกิดขึ้น การที่ตัวเราเป็นอะไรไป คุณค่า-ความสำเร็จเหล่านั้น จะยังยั่งยืนอยู่หรือไม่หากไม่มีเรา แล้วหากว่ามันไม่ยั่งยืน สิ่งที่เราทุ่มเททำมา มิกลายเป็นความสูญเปล่าหรือ
  • วันนี้ ผมพบว่าตัวเองรู้สึกยินดีและมีความสุขมากกว่า ที่จะเฝ้ามองความสำเร็จของสิ่งต่างๆทั้งที่เรามีส่วนริเริ่มขึ้นมาและไม่ได้มีส่วนร่วมเลย โดยไม่รู้สึกว่าอยากจะ "เป็นเจ้าของ" ความสำเร็จเหล่านั้นเหมือนแต่ก่อน ตอนนี้ไม่ฝืนจนเกินขีดจำกัดของร่างกายแล้วครับ
  • ในส่วนของคุณค่าและความสำเร็จนั้น นำมาซึ่งความภูมิใจเสมอ แทนที่จะปรับปรุงเพื่อให้ได้ดัชนีความสุขมวลรวม (GNH) ให้สูงๆ จะไม่ดีกว่าหรือหากว่าเรา "แจกจ่ายความสำเร็จ" เพื่อให้คนรอบตัวได้รับประสบการณ์ที่เราเคยผ่านมาแล้ว สร้างคนขึ้นมาให้ดียิ่งกว่าเรา ให้เก่งยิ่งกว่าเรา และนั่นก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ผมแวะมาที่ G2k นี้บ่อยๆ ครับ
  • หากเราเอาตัวเองออกจากเงื่อนไขต่างๆ ได้ ก็จะพบกับอิสระอย่างที่ไม่เคยพบมาก่อน

มีผู้บอกว่าต้องล้มเหลวเสียก่อน..จึงสำเร็จได้ ผมไม่เห็นด้วยครับ ผู้มีปัญญาควรจะเรียนรู้จากความล้มเหลวของผู้อื่นได้ พยายามไม่ให้ผิดซ้ำสองโดยหาทางป้องกันไว้ก่อน

เรื่องเล่านี้ คิดอยู่นานว่าควรจะเล่าหรือไม่-อย่างไรไม่ให้สมาชิกหมั่นใส้ ในที่สุดก็ตัดสินใจเล่าไปตามความรู้สึก อย่าว่าผมเว่อร์หรือบ้าเลยครับ

P

การงาน

ไม่คั่งค้าง ไม่หมักหม่ม ไม่ดินพอกหางหมู ไม่กองท่วมหัว...

จัดว่าเป็นมงคล

ท่านเลขาฯ ไม่ค่อยมาไม่เป็นไร ถ้างานของท่านเลขาฯ เจริญก้าวหน้า ก็อนุโมทนาด้วย...

เจริญพร

ไม่มีรูป
ผู้ประสงค์จะเล่าเรื่อง แต่ไม่ประสงค์จะออกนาม
เจริญพร

      บุญและอานิสงส์ของบุญมีจริงเสมอ ฉันประสบด้วยตนเอง เมื่อกว่าสิบปีมาแล้ว ค่อนข้างตระหนี่เพราะรายได้น้อย  ศีลไม่ค่อยละเอียด สวดมนต์แบบขอไปที  ไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อน  พอเจอมรสุมชีวิตกระหนำแทบเอาตัวไม่รอด   ด้วยการพึ่งพาการปฏิบัติ และได้พบครูบาอาจารย์ พรหม เทพ ช่วยชี้แนะ  ปฏิบัติ ทาน ศีล ภาวนา เคร่งครัด ทำให้ใจสงบขึ้น ให้อภัย ปล่อยวางได้มาก  เมตตาและเสียสละรู้ว่าคุณค่าของคนคือ ความเบิกบานที่เราได้ให้แก่สังคมชีวิตดีขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกราฟที่ขยับขึ้นทีละน้อย แต่สม่ำเสมอ  สิ่งดีๆ เคลื่อนเข้ามาสู่ชีวิตเรา แปลกๆ

อยากบอกใครๆว่าชีวิตไม่แน่นอน สิ่งที่แน่นอนคือทำดี ย่อมได้ดี อาจใช้เวลา แต่(สิ่งดีๆ)มาแน่นอน

ไม่มีรูป
lovely mind
ขออนุโมทนา...
เจริญพร
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท