ในช่วงพูดคุยกับบรรดาอาจารย์และผู้บริหารโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมการเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กรทางการศึกษาด้วยการจัดการความรู้ ซึ่งจัดขึ้นที่
จังหวัดพิษณุโลก เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2549 นั้น มีผู้ตั้งคำถามขึ้นว่า "การทำ KM นั้นถือว่าเป็นการแก้ปัญหาหรือเปล่า?" ผมตอบไปว่า " ....เราอาจจะมอง KM ว่าเป็นการแก้ปัญหาก็ได้ แต่เป็นการแก้ปัญหาโดยที่ไม่ได้จู่โจม (Attack) เข้าไปที่ตัวปัญหา...." ผมเห็นสีหน้าของผู้ถามแล้วรู้ว่าคงจะทำให้ท่านงง จึงเสริมต่อไปว่า " ...เหมือนกับคนที่เป็นมะเร็ง การฉายแสงเพื่อทำลายเนื้อร้ายนั้นเป็นการแก้ปัญหาแบบจู่โจมไปที่ตัวปัญหา แต่ KM นั้นน่าจะใกล้เคียงกับวิธีของ "ชีวจิต" มากกว่า คือเริ่มจากการเห็นว่าแท้จริงแล้ว มะเร็งร้ายก็คือส่วนหนึ่งของร่างกายเรา เป็นเซลล์ที่เติบโตผิดปกติ เราคงต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน โดยอาจจะต้องปรับเรื่องการกินอาหาร ปรับวิถีชีวิตและจิตใจ ซึ่งก็อาจจะช่วยแก้ปัญหาได้ โดยที่ไม่ต้องไปต่อสู้จู่โจมกับปัญหา"
ผมว่าชีวิตของเราทุกวันนี้เคยชินอยู่แต่กับการสู้รบตบมือกับปัญหา ผมไม่ได้หมายความว่าการแก้ปัญหาหรือ Problem-solving นั้นไม่สำคัญหรือไม่ได้บอกว่าไม่จำเป็น เพราะ Problem-solving นั้น เป็นเครื่องมือชนิดหนึ่ง ส่วน KM ก็เป็นเครื่องมืออีกชนิดหนึ่ง เราต้องรู้จักเลือกใช้เครื่องมือแต่ละชนิดให้เหมาะกับโอกาส Problem-solving เป็นยุทธวิธี "กำจัดร้าย" ส่วน KM เป็นยุทธวิธี "ขยายดี" ถ้มีการใช้เครื่องมือทั้งสองชนิดนี้อย่างเหมาะสม ก็คงจะดีนะครับ
เล่นเกมส์ spider solitaire แบบซ้อน 2 สี การแก้ปัญหาที่สะสมนั้นต้องพยายามเพ่งมองหาทางที่จะจัดระเบียบของปัญหาใหม่ ที่สำคัญ ต้องใจเย็นและมองให้รอบด้าน ห้ามหลงเหลือไว้เพราะแต่ละครั้งที่เรียกร้องการเปิดใหม่ ต้องสะสาง และจัดระเบียบให้ครบถ้วนก่อน
คิดได้ แต่พอเจอปัญหา "คน" ที่ซับซ้อน ปวดหัวทุกทีเลยค่ะ