เมื่อวานผมค่อนข้างจะยุ่งๆ หน่อย คือ
ถึงงานจะยุ่งแต่ก็มีความสุขนะครับ ผมจะเล่า 1 เรื่องก่อน แล้วอีกเรื่องจะเป็นบันทึกต่อไป
ให้สัมภาษณ์สถานีวิทยุ
การจะไปให้สัมภาษณ์สถานีวิทยุ ต้องมีเรื่องนำ คุณจามรี อ่อนโฉม ผู้ประกาศของสถานีวิทยุฯมน. ได้นัดหมายให้ผมไปให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่อง "ครูภูมิปัญญาไทย" ตอนประมาณสามโมงครึ่งที่สถานีวิทยุ ซึ่งอยู่ทางด้านหน้าของมหาวิทยาลัย
ผมไปถึงสถานีประมาณ 3.45 น. รอเวลาเล็กน้อย เพราะสถานีฯกำลังติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์
สักครู่ คุณจามรีก็ออกมาต้อนรับ เราต้องคุยกันเพื่อวางสคริปคร่าว ว่าจะคุยกันเรื่องอะไรบ้าง โดยคุณจามรีต้องหา Keyword 2-3 เรื่อง เรื่องที่เราจะคุยกันก็มีคร่าวๆ ดังนี้ (ตามสคริป)
เมื่อวางสคริปคร่าวๆ แล้ว เราก็ไปคุยกันในห้องอัดเสียงเลย ปกติถ้าเป็นรายการสด เราก็จะอยู่คนละห้องแล้วคุยกัน แต่นี่เป็นรายการแห้งเราก็เข้าไปอยู่ในห้องอัดเสียงด้วยกัน มีเครื่องอัดเสียง 1 ตัว แล้วเราก็คุยกันในบรรยากาศแบบสบายๆ
เข้าใจว่าเทปนี้แทบจะไม่มีการตัดต่อเลย เพราะว่า ผู้ให้สัมภาษณ์เคยออกรายการวิทยุหลายครั้งแล้วจึงชินกับระบบของสถานี การพูดแทบไม่มีข้อผิดพลาด และมีการจับเวลาให้เหมาะกับรายการ 45 นาที (สัมภาษณ์ประมาณ 25 นาที)
ท่านที่อยู่ในเขตใกล้ๆ สถานีวิทยุมน. ติดตามฟังได้ในรายการ NU Focus ออกอากาศทุกวัน(น่าจะเป็นจันทร์-ศุกร์) เวลา 8.00-8.45 น. เรื่องที่ผมให้สัมภาษณ์เข้าใจว่าจะออกอากาศในวันจันทร์หรืออังคารที่จะถึงนี้ครับ (และต่อไปทางประชาสัมพันธ์ของทางมหาวิทยาลัยก็จะมาสัมภาษณ์ผมอีกครั้งหนึ่ง..โดยเนื่อความส่วนใหญ่จะนำมาจากคำให้สัมภาษณ์ทางสถานีวิทยุ แต่ก็คงมาสัมภาษณ์สดเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย ซึ่งช่วงนั้นงานวิจัยก็จะต้องสำเร็จออกมาเป็นรูปเล่มด้วย...ก่อน 13 ตุลาคม)
ตอนนี้ผมจึงใช้สื่อ 3 สื่อเพื่อประชาสัมพันธ์เรื่องครูภูมิปัญญาไทย คือ สื่อวิทยุ, สื่อ ICT และสื่อสิ่งพิมพ์
ทั้งนี้เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้เร็วขึ้น (กลุ่มเป้าหมายต่อไปของผมคือครูโรงเรียนมัธยม และ นักเรียนมัธยม ในเขตอำเภอเมือง และเขตอำเภอบางระกำ ครับ)
ขณะที่ไปคุยกับคุณจามรี และออกรายการวิทยุด้วยกันรู้สึกว่าขณะนั้นจะมีความสุขดี (เพราะมีการหลั่งสาร endorphine ออกมา)
และเป็นการปฏิบัติธรรมไปด้วย ในการให้ความรู้กับคนอื่นๆ...นั่นคือ..การทำงานก็คือการปฏิบัติธรรม..นั่นเอง
ยินดีกับอาจารย์ด้วยครับ
สวัสดีครับอาจารย์