วันที่สองของ โครงการ "KM Workshop เพื่อพัฒนางานวิจัยและคุณภาพการศึกษา ครั้งที่ 1" อังคารที่ 3 ต.ค. 2549 ทั้งท่านผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ทุกท่าน ยังอยู่กันครบ
ท่านนายกสภาฯ ท่านอธิการบดี เปิดกระบวนการอย่างไม่มีพิธีรีตองอะไร คือจับไมค์แล้วก็พูดคุย สะท้อนความรู้สึกแบบสดๆ กับพวกเราเลย เป็นการอุ่นเครื่องแบบกันเอง
จากนั้น อ.วิบูลย์ ก็เริ่มเกริ่นนำกระบวนการ เหมือนคืนที่ผ่านมาอีกครั้ง นอกจากจะกล่าวถึงที่มาที่ไป และอื่นๆ แล้ว ยังมีแบบจำลองผลการประเมินมหาวิทยาลัยนเรศวร ในปีการศึกษา 2548 ของคณะต่างๆ มาให้พวกเราวิเคราะห์เจาะลึกกันอีกด้วย โดยแยกแยะเป็นกลุ่มสาขาวิชา 8 กลุ่ม จำแนกย่อยตามสภาพผลการประเมินว่าอยู่ในอาการ ปลอดภัย บาดเจ็บเล็กน้อย บาดเจ็บสาหัส หรืออยู่ในขั้นโคม่า ด้วยตัวอักษร ตรง หนา เอน ขีดเส้นใต้ ฯลฯ อันนี้เป็นรหัสลับดาวินชีค่ะ
ถ้านำผลประเมินแยกเป็นรายคณะมาคิด และหาค่าเฉลี่ย ดูเหมือนว่า วิธีตัดเกรดแบบใดใด ก็เอาไม่อยู่
ความพยายามต่อจากนี้ คือการรวมตัวกันเป็นกลุ่มสาขา แล้วแต่ละกลุ่มสาขา เทคะแนนมารวมกัน แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันถึงวิธีการได้มาซึ่งผลประเมิน เป็น Workshop ที่น่าตื่นเต้นมากค่ะ เพราะต้องลุ้นว่า ผลที่ออกมาจะเป็นอย่างไร ดังนั้น หลังจาก อ.วิบูลย์ Talk Lab เป็นที่เข้าใจตรงกันดีแล้ว การสลายตัวของผู้เข้าร่วมประชุมในห้องใหญ่ แล้วรวมตัวเป็นกลุ่มสาขาในห้องต่างๆ ก็บังเกิดขึ้นโดยพลัน
ดิฉันไม่ทราบว่าบรรยากาศของแต่ละกลุ่มเป็นอย่างไร ยกเว้นกลุ่มสาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ดิฉันเข้าร่วม กลุ่มสาขานี้เป็นกลุ่มใหญ่ที่สุด ประกอบด้วยคณะวิชาถึง 7 คณะของ มน.พิษณุโลก และอีก 2 สาขาของ มน. พะเยา(เภสัชฯ กับ พยาบาล) รวมแล้วก็เท่ากับ 9 คณะ เดาได้เลยว่า ตอนเริ่มตั้งวงคุยกันนั้น เราต่างกังวลกันมาก และแอบคิดในใจว่า จะดีเร้อ...แบบนี้ รวมกันเราอยู่หรือรวมกันเราร่วงกันแน่
ทายดูซิคะว่าเป็นอย่างไร? กับสภาพหอผู้ป่วยรวมที่มีคนไข้ 9 คน ใกล้หายพอกลับบ้านได้ 2 คน ยังไม่ทุเลาหมอห้ามกลับบ้าน 4 คน และอาการโคม่า 3 คน เนื่องจากเป็นโรคเดียวกัน เขาก็เลยให้มาอยู่รวมกันกลัวแพร่เชื้อ พอมาอยู่รวมกัน ปรับทุกข์กัน เยียวยากันเอง สิ่งมหัศจรรย์ก็บังเกิดขึ้นได้ เพราะผลประเมินที่ได้คือ หมอบอกว่า ทุกคนอาการ ดี และสามารถกลับบ้านได้
ช่วงบ่าย เป็นการนำเสนอผลประเมิน เฉพาะตัวบ่งชี้ในมาตรฐานที่ 1 - 4 ของ สมศ. ตามกลุ่มสาขา โดยใช้ CAR version2 ซึ่งถ่วงน้ำหนักเท่าๆ กัน ผลเป็นที่น่าพอใจว่า อย่างน้อย 6 ใน 8 กลุ่มสาขาวิชารอดแน่ ที่เหลืออีก 2 กลุ่ม แม้ยังต้องพัฒนา แต่ก็พอมีเวลาปรับตัวได้ทัน
ไม่ต้องกลัวนะคะ มน.ของเรา มี ท่านอธิการบดีเป็นด๊อกเตอร์ทางเภสัชฯ ท่านรองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและประกันคุณภาพ ก็เป็นด๊อกเตอร์ทางเภสัชฯ เช่นกัน ดังนั้น ยา QA และ KM ต่อให้ขมเพียงไร ผู้นำของเราสามารถปรับแต่งให้รับประทานได้ง่ายๆ ด้วยขนาดที่พอเหมาะพอดี ขอเพียงเราเป็นเด็กดี ไม่ดื้อ ไม่ลืมกินยา โรคร้ายไม่อาจแผ้วพานได้แน่
ที่ว่าเป็นการจัด KM Workshop ขนานแท้ เนื่องจากดิฉันได้ข้อคิดในการบริหารองค์กรหลายข้อผ่านกระบวนการ KM จึงขอกลั่นเก็บเป็น Explicit knowledge ของตนเองไว้ใช้ยามยากสักหน่อย ดังนี้
ขออภัยด้วยนะคะ ที่ไม่ได้ส่ง AAR ในวันประชุม และขอส่ง AAR แบบ Chaos อย่างนี้แล้วกันนะคะ เขียนเป็น order 1 2 3 4 ไม่ออกค่ะ ก็เลยต้องชักแม่น้ำทั้งห้ามาถึง 4 ตอนจบ ด้วยประการฉะนี้แล.....
ข้อคิดเห็นแรกพิมพ์ตกค่ะ
แหม! อ.วิบูลย์ ช่างหูตาฉับไวดีจริงๆนะค่ะ แสงดาวที่ส่งประกายแว๊ปๆ เข้าตากรรมการ คงเป็นรองคณบดีฝ่ายวิจัยและประกันคุณภาพของคณะสหเวชฯ คนใหม่ล่าสุด อ.ศุภวิทู สุขเพ็ง (อ.กอล์ฟ) แน่ๆ เชียว
อ.กอล์ฟ ไฟแรงมากค่ะ ทำงานยังกะจรวด พอเปิด Blog ได้ ก็เขียนไม่หยุด ทั้งที่งานก็เยอะมาก น่าชื่นใจนะค่ะ ถ้ามีโอกาสจะพาเข้าก๊วน NUQA อีกคน
เกรงว่า อ.วิบูลย์ ต้องมีภาระในการหารางวัลเพิ่มอีกซะแล้ว.....