อนุทินล่าสุด


piekai
เขียนเมื่อ

เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2556 ที่ผ่านมาอาจารย์พาพวกเรานักศึกษาพยาบาลศาสตรบัณฑิตชั้นปี 1

ได้ไปศึกษาดูงานที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนอันเนื่องมาจากโครงการพระราชดำริ

เมื่อวันที่ ๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๒๒ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จ พระราชดำเนินมาเปิดศาลพระบวรราชานุสาวรีย์ ของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ ตำบลเขาหินซ้อน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา ณ ที่นั้น ราษฎร ๗ ราย ได้น้อมเกล้าฯ ถวายที่ดิน บริเวณหมู่ ๒ ตำบลเขาหินซ้อน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน ๒๖๔ ไร่ เพื่อต้องการให้สร้างพระตำหนัก ด้วยเห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวเสด็จไปที่ไหนก็พยายามที่จะพัฒนาทำให้ที่ดินเจริญขึ้น เนื่องจากผืนดินเสื่อมโทรมไม่สามารถทำการเกษตรได้ ดังพระราชดำรัส

...ประวัติมีว่า ตอนแรกมีที่ดิน ๒๖๔ ไร่ ที่ผู้ใหญ่บ้านให้เพื่อสร้างตำหนัก ในปี ๒๕๒๒ ที่เชิงเขาหินซ้อนใกล้วัดเขาหินซ้อน ตอนแรก ก็ต้องค้นคว้าว่าที่ตรงนั้นคือตรงไหน ก็พยายามสืบถามก็ได้พบบนแผนที่พอดี อยู่มุมบนของระวางของแผนที่ จึงต้องต่อแผนที่ ๔ ระวาง สำหรับให้ได้ทราบว่าสถานที่ตรงนั้นอยู่ตรงไหน ก็เลยถามผู้ที่ให้ที่นั้นนะ ถ้าหากไม่สร้างตำหนัก แต่ว่าสร้างเป็นสถานที่ที่จะศึกษาเกี่ยวกับ การเกษตรจะเอาไหม เขาก็บอกยินดี ก็เคยเริ่มทำในที่นั้น...

 การดำเนินงานของศูนย์ฯ เขาหินซ้อนฯ ได้ดำเนินการตามแนวพระราชดำริ เพื่อเป็นแหล่งรวบรวมการศึกษา ทดลอง วิจัย และการพัฒนาปรับปรุงพื้นที่ดินทรายจัดเพื่อเกษตรกรรม ซึ่งมีรูปแบบการให้บริการแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว โดยให้บริการแก่ประชาชนและเกษตรกรที่เข้ามาศึกษาหาความรู้ ณ ที่แห่งเดียวในทุกสาขาวิชาชีพ เสมือน ”พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิต” เป็นตัวอย่างแห่งความสำเร็จในด้านการเกษตรกรรม และการพัฒนาอาชีพ เพื่อเป็นต้นแบบ และแนวทางให้แก่เกษตรกรและผู้สนใจนำไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติในพื้นที่ต่อไป โดยเฉพาะหมู่บ้านเป้าหมาย จำนวน ๑๕ หมู่บ้าน เนื้อที่ ๑๑๓,๒๑๔ ไร่ 

เราได้รู้สิ่งต่างๆมากมายและรู้สึกได้เลยว่าพระเจ้าอยู่หัว ทรงทำสิ่งต่างๆมากมายให้พวกเรา

พระองค์ทรงทำให้ผืนดินที่แห้งแล้ง กลับมาชุ่มชื้นอีกครั้งเราได้ทราบถึงประวัติการจัดตั้งศูนย์ศึกษาพัฒนาเขาหินซ้อนแล้ว

เราก็ได้ไปศึกษาเกี่ยวกับการเพาะเห็ด น่าสนใจมากค่ะ ฉันเลยเอาความรู้เกี่ยวกับการเพาะเห็ดมาฝาก

วัสดุอุปกรณ์ในการเพาะเห็ดนางฟ้า

>วัสดุเพาะ เช่น ขี้เลื่อยไม้ยางพารา อาหารเสริม

>แม่เชื้อเห็ดชนิดที่ต้องการ

>ถุงพลาสติกทนร้อนขนาด 6 3/4 x 12 1/2 หรือ 8x12 นิ้ว

>คอขวดพลาสติกเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 1/2 นิ้ว

>สำลี ยางรัด

>ถังนึ่งไม่อัดความดัน หรือหม้อนึ่งความดัน

>โรงเรือนหรือที่บ่มเส้นใย

การเตรียมวัสดุเพาะจากขี้เลื่อยไม้ยางพารา

  ส่วนมากจะใช้ขี้เลื่อยไม้ยางพารา หรือขี้เลื่อยไม้เบญจพรรณ หรือใช้ฟางข้าวก็ได้  ตามฟาร์มเห็ดทั่วไปแล้วเพื่อความสะดวกในการหมักและผสมวัสดุจึงนิยมใช้ขี้เลื่อยไม้ยางพารา  ซึ่งเป็นขี้เลื่อยไม้เนื้ออ่อนและมีสารอาหารที่มีคุณค่าในการเพาะเห็ดมาก

 อัตราส่วนในการผสมวัสดุอื่นๆ

 ขี้เลื่อย  100  กิโลกรัม

รำละเอียด  6  กิโลกรัม

ปูนขาว  1  กิโลกรัม

ดีเกลือ  0.2  กิโลกรัม

ยิปซัม   0.2  กิโลกรัม

น้ำสะอาด  60-70 %

สูตรที่  2

 ขี้เลื่อยไม้ยางพาราแห้ง  100  กิโลกรัม

รำละเอียด  5  กิโลกรัม

ยิปซัม  0.2  กิโลกรัม

ปูนขาว  1  กิโลกรัม

ดีเกลือ   0.2  กิโลกรัม

ปรับความชื้นของวัสดุเพาะประมาณ  60-65 %

  วัสดุทั้งหมดนี้สามารถปรับเปลี่ยนเพื่อความเหมาะสมได้เมื่อชั่งหรือตวงวัสดุทั้งหมดแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน และหมั่นตรวจดูความชื้นบ่อยๆ เพื่อไม่ให้วัสดุเปียกแฉะจนเกินไป  ซึ่งจะทำให้มีผลในการทำให้เชื้อเห็ดไม่เดิน

 วิธีการเตรียมวัสดุเพาะ

  นำส่วนผสมดังกล่าวข้างต้น  ผสมให้เข้ากันด้วยมือหรือเครื่องผสมแล้วปรับความชื้น 60-65 % โดยเติมน้ำพอประมาณ ใช้มือกำขี้เลื่อยบีบให้แน่น ถ้ามีน้ำซึมที่ง่ามมือแสดงว่าเปียกเกินไป (ให้เติมขี้เลื่อยแห้งเพิ่ม) ถ้าไม่มีน้ำซึมให้แบมือออก ขี้เลื่อยจะรวมกันเป็นก้อนแล้วแตกออก 2-3 ส่วน ถือว่าใช้ได้แต่ถ้าแบมือแล้วขี้เลื่อยไม่รวมตัวเป็นก้อน แสดงว่าแห้งไป ให้เติมน้ำเล็กน้อย 

>บรรจุขี้เลื่อยใส่ถุงพลาสติกทนร้อน  น้ำหนัก 8-10 ขีด

>กระแทกกับพื้นพอประมาณ และทุบให้แน่นพอประมาณ 2 ใน 3 ของถุง หรือใช้เครื่องอัดก้อนเห็ด ใส่คอขวด ปิดฝาด้วยฝาจุกแบบประหยัด

>นำไปนึ่งฆ่าเชื้อที่ 100 องศาเซลเซียส  3 ชั่วโมง  แล้วนำมาพักให้เย็นในที่สะอาด

>การใส่หัวเชื้อ

ลักษณะเชื้อเห็ดที่ดี

  จะต้องไม่มีเชื้อราอื่นๆ เจือปน เช่น ราดำ ราเขียว ราส้ม ปนเปื้อน อยู่ในขวดเชื้อนั้น เพราะจะทำให้ถุงเพาะเชื้อเห็ดติดโรคราอื่นได้  โดยสังเกตเส้นใยของเชื้อเห็ดจะต้องมีเส้นใย สีขาวบริสุทธิ์และดินเต็มขวด

 หัวเชื้อควรเลือกหัวเชื้อที่เจริญเต็มเมล็ดธัญพืชใหม่ๆเพราะเชื้อในระยะนี้กำลังแข็งแรงและเจริญเติบโตรวดเร็ว

สถานที่เขี่ยเชื้อเห็ด  ควรเขี่ยในห้องที่สะอาดและสามารถป้องกันลมได้เพื่อช่วยลดเชื้อปลอมปน ทำให้เปอร์เซ็นต์ของก้อนเชื้อที่เสียต่ำลง

ในการเขี่ยเชื้อเห็ด ควรใช้ลวดแข็งๆ เผาไฟให้ร้อน ในถึงก้อนเชื้อประมาณ 15-20 เมล็ดแล้วปิดด้วยจุกสำลี เพื่อฆ่าเชื้อ  แล้วกวนตีเมล็ดข้าวฟ่างให้ร่วน เพื่อสะดวกในการเทเมล็ดข้าวฟ่างลงในถึงก้อนเชื้อ

>ใส่หัวเชื้อเห็ดที่เลี้ยงบนเมล็ดข้าวฟ่างลงและปิดจุกไว้ตามเดิม

>การทำให้เกิดดอกดูแลรักษาเห็ดนางฟ้า

  ก่อนการเปิดดอกควรนำก้อนเชื้อเห็ดมาวางไว้ประมาณ 3-4 วัน เห็ดนางฟ้าจะเปิดถุง  โดยเอาจุกสำลีออก นำก้อนไปเรียงซ้อนกัน  จะใช้ชั้นไม่ไผ่ตัว A หรือชั้นแขวนพลาสติกก็ได้ รดน้ำ  รักษาความชื้นให้มากในโรงเรือนให้มากกว่า 70 %  วันละ 2-6ครั้ง ขึ้นอยู่กับ สภาพอากาศ  โดยสเปรย์น้ำเป็นฝอย ระวังอย่ารดน้ำเข้าในถุง  เพราะถุงจะเน่าและเสียเร็ว หลังจากบ่มเชื้อครบ

30-35  วัน  นำก้อนเชื้อเข้าสู่โรงเรือนเปิดดอก โดยแกะกระดาษเขี่ยข้าวฟ่างและสำลีออกให้หมด  ทำความสะอาดพื้นโรงเรือนรดน้ำให้ชุ่ม  วันละ  3  เวลา  คือ  เช้า  เที่ยง  เย็น เห็ดจะออกดอก  ได้ดี  ตัดแต่งตีนเห็ดก่อนนำไปจำหน่ายให้แม่ค้าในชุมชน

การเพาะเห็ดน่าสนใจมากค่ะ แถมเห็ดยังเลี้ยงง่าย ขายได้ราคาดีอีกด้วยค่ะ
สนใจติดต่อที่ โทรศัพท์ 038-554982-3, โทรสาร 038-554973, Mobile:081- 6860639





ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

piekai
เขียนเมื่อ

วันที่ 6 - 7 เมษายน 2556 ในการไปค่ายครั้งนี้เป็นการเข้าค่ายพักแรมที่สนุกมาค่ะ
เราได้ไปตั้งหลายที่ ทำกิจกรรมกันเพียบเลย
แล้วขาไปเราได้ไปขึ้นเรือหลวงจักรีนฤเบศร ชมภายในเรือ
ฟังบรรยายเกี่ยวกับประวัติความเป็นมา และเก็บภาพบรรยากาศบนเรือด้วย



ประวัติเรือรบหลวงจักรีนฤเบศร          
        เรือรบหลวงจักรีนฤเบศร
จอดเทียบท่าเรือจุกเสม็ด ฐานทัพเรือสัตหีบ เป็นเรือบรรทุกเครื่องบินขึ้นลงทางดิ่งและ เฮลิคอปเตอร์ ของราชนาวีไทย. เป็นเรือรบที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่มีมาในกองทัพเรือไทย. เรือลำนี้ได้ต่อขึ้น ณ อู่ต่อเรือบาซาน เมืองโรตา ในประเทศสเปน และได้เดินทางถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ ๙  สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๐  ในยามปรกติ เรือจักรีนฤเบศร์จะเป็นฐานปฏิบัติ การคุ้มครอง ประโยชน์ของชาติทางทะเล ช่วยเหลือผู้ประสบภัย และรักษาสิ่งแวดล้อมในทะเล. ในยามสงคราม เรือจักรีนฤเบศร์ จะเป็นเรือธง คือ เรือที่ทำหน้าที่ควบคุมและบังคับบัญชากองเรือในทะเล เพื่อควบคุมการปฏิบัติงานป้องกันภัยทางอากาศ, การต่อสู้ทางน้ำ และปราบเรือดำน้ำของผู้ที่เข้ามารุกรานประเทศ

        เรือรบหลวงจักรีนฤเบศร  ได้รับพระราชทานชื่อจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า "จักรีนฤเบศร์" หมายถึง ผู้ยิ่งใหญ่แห่ง ราชวงศ์จักรี เป็นเรือที่ต่อในประเทศสเปน เมื่อปี 2537 เรือลำนี้มีทั้งหมด 11 ชั้น มีความยาว 182 เมตร กว้าง 30.5 เมตร เป็นเรือที่ มียุทโธปกรณ์ที่ทันสมัย มีระบบเรด้าห์ตรวจการณ์ระยะไกล ภารกิจที่สำคัญในยามสงคราม ทำหน้าที่เป็นเรือธง ควบคุมและ บังคับบัญชา กองเรือในทะเลทั้งหมด และยังเป็นเรือบรรทุกเครื่องบิน ควบคุมการปฏิบัติการป้องกันภัยทางอากาศอีกด้วย 

       จากประวัติที่เราทราบมาก็ทำพวกเราอึ้งกันเลย และบนเรือก็สวยมากจริงๆค่ะ

ฉันก็เลยถ่ายภาพสวยๆมาเต็มเลยค่ะ



บนเรือสวยมากๆ ถ่ายมาจากมุมไหนก็สวย



ถ่ายมุมไหนก็สวย 555 



ขนาดวิวถ่ายออกไปจากเรือยังสวยเลย



แอบไปซนในห้องเครื่องก็ยังแอบเก็บภาพสวยๆ มาได้ ที่นี่แจ๋วจริงค่ะ
หลังจากที่เสร็จสิ้นภาระกิจบนเรือเราก็ออกเดินทางกันต่อ

เราไปกันที่พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย
 ตั้งอยู่บนเขาหมาจอ ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล  
         

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ทรงมีพระราชกระแสแนะนำแนวทางการสร้างความรู้ความเข้าใจและจิตสำนึก  ในเรื่องเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้แก่เยาวชนไว้หลายครั้งหลายครา  ครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์พ.ศ. 2536 ได้มีพระราชกระแสว่า

"การสอนให้เด็กมีจิตสำนึกในการอนุรักษ์พืชพรรณนั้น ควรใช้วิธีการปลูกฝังให้เด็กเห็นความงดงามความสนใจ และก่อให้เกิดความปิติที่จะทำการศึกษาและอนุรักษ์พืชพรรณต่อไป  การใช้วิธีการสอน การอบรมให้เกิดความรู้สึกกลัวว่าหากไม่อนุรักษ์แล้วจะเกิดผลเสีย เกิดอันตรายแก่ตนเอง จะทำให้เด็กเกิดความเครียด ซึ่งจะเป็นผลเสียต่อประเทศในระยะยาว"

ในโอกาสเดียวกันนี้ ยังได้ทรงมีพระราชกระแสเพิ่มเติมด้วยว่า " ตามเกาะต่าง ๆ มีพืชพรรณอยู่มาก แต่ยังไม่มีผู้สนใจเท่าไร จึงน่าจะมีการสำรวจพืชพรรณตามเกาะด้วย"

ต่อมาในปี พ.ศ.2541ได้พระราชทานแนวทางการปฏิบัติแก่กองทัพเรือในการดำเนินงานกิจกรรมสร้างจิตสำนึกของโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ฯ ที่เกาะแสมสารว่า ควรพิจารณาปฏิบัติตามรูปแบบของอุทยานแห่งชาติเกาะปอร์กอรอลส์ และเกาะโคร์ส ที่ฝรั่งเศส ซึ่งได้เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยียนมาในปี พ.ศ. 2538 และทรงมีความประทับใจในวิธีการให้ความรู้ความเข้าใจในด้านพันธุ์ไม้และระบบนิเวศต่อเยาวชน ในลักษณะที่เป็นพิพิธภัณฑ์มีชีวิต อันก่อให้เกิดความรู้สึกผูกพันกับธรรมชาติ

นอกจากนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ยังได้ฝากงานอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลนี้
ไว้ต่อกองทัพเรือด้วย โดยมีพระราชกระแสต่อผู้บัญชาการทหารเรือ เมื่อ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2544 ว่า
  “ให้กองทัพเรือทำงานนี้เพื่อความมั่นคงของประเทศ”

อันเนื่องมาจากพระราชกระแสและพระราชดำริหลายครั้งหลายครานี้เองกองทัพเรือจึงมุ่งหน้าดำเนินงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ ที่เกาะแสมสาร และในส่วนของกิจกรรมสร้างจิตสำนึกแก่เยาวชน กองทัพเรือได้พิจารณาจัดตั้ง "พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย" ขึ้นบนฝั่งสัตหีบตรงข้ามเกาะแสมสาร รวมทั้งจัดสร้างสวนพฤกษศาสตร์และเส้นทางศึกษาธรรมชาติบนเกาะแสมสารเพื่อเป็นสื่อในการสร้างความรู้ความเข้าใจและจิตสำนึกแก่เยาวชนตามแนวทางพระราชดำริในการนี้ได้ทรงมีพระราชวินิจฉัยเห็นชอบและยังพระราชทานแนวทางการดำเนินงานเพิ่มเติมด้วยว่า

- "ควรให้คนเข้าชมพิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่บนฝั่งมากกว่าที่จะไปรบกวนบนเกาะ"

- "ที่เกาะแสมสาร จะทำแบบเกาะปอร์กอรอลส์ไม่ได้ เพราะเกาะของเราเล็ก ฉะนั้นควรให้คนมาดูแล้วกลับไป ไม่มีที่ให้ค้าง"

- "เนื้อหาที่จะจัดแสดง(ในพิพิธภัณฑ์) จะต้องให้เป็นการสอนและปรับปรุงให้ใหม่อยู่เสมอ และควรมีงานวิจัยอย่างต่อเนื่อง"

กองทัพเรือได้น้อมเกล้าฯ รับพระราชดำริ มาประมวลเป็นรูปแบบการก่อสร้างและหลักการการจัดการพิพิธภัณฑ์ฯจนกระทั่งบัดนี้การก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทยบนฝั่งแสมสาร รวมทั้งสวนพฤกษศาสตร์ และเส้นทางศึกษาธรรมชาติบนเกาะแสมสารมีความคืบหน้าไปบ้างแล้ว และคาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ได้ตามเป้าหมายในปี พ.ศ. 2550 

พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย  ตั้งอยู่ริมทะเลบริเวณเขาหมาจอ ตำบลแสมสาร อำเภอสัตหีบ
จังหวัดชลบุรี ในจุดที่อยู่ตรงข้ามเกาะแสมสาร มีอาณาบริเวณประมาณ 16 ไร่ สิ่งก่อสร้างมีลักษณะเป็นอาคาร
ไต่ระดับเขา ถึงยอดเขา เพื่อให้มองเห็นทัศนียภาพมุมกว้าง ไกล และความลึกของทะเลโดยมุ่งที่จะให้ผู้ชม
เห็นความงดงามของท้องทะเลแล้วเกิดจินตนาการและความปิติที่จะรักษาทรัพยากรธรรมชาติไว้ตามแนวพระราชดำริ

ในหลักวิชาว่าด้วยการพิพิธภัณฑ์ ถือได้ว่าพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทยเป็นพิพิธภัณฑ์ที่สากลเรียกว่า NATURAL HISTORY MUSEUM  อันเป็นสถานที่รวบรวมและจัดแสดงวัตถุธรรมชาติ ทั้งในด้านธรณีวิทยา
พฤกษศาสตร์ สัตวศาสตร์ ทางทะเลเป็นแห่งแรกในประเทศไทย

สำหรับเนื้อหาการจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ รวมทั้งสวนพฤกษศาสตร์และเส้นทางศึกษาธรรมชาติบนเกาะแสมสาร
จะประมวลมาจากผลการสำรวจเกาะต่าง ๆ ของไทยในโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ  
กองทัพเรือ  ตามแนวทางพระราชทานที่ว่า "ให้สำรวจตั้งแต่ยอดเขาถึงใต้ทะเล" โดยคณะปฏิบัติงานวิทยาการ
หรือคณะนักวิชาการหลายสาขาจากหลายสถาบัน ที่อุทิศตนอาสาสมัครเข้ามาปฏิบัติงานร่วมในโครงการฯ
ได้นำตัวอย่างและงานวิจัยในเรื่อง พันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ ดิน หิน แร่ มาจัดแสดงและต่อไปจะมีการปรับเปลี่ยน
เพิ่มเติมในโอกาสที่เหมาะสมด้วย

ส่วนการศึกษาทรัพยากรชีวภาพและกายภาพในธรรมชาติจริง นอกเหนือจากการชมตัวอย่างในพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติ
วิทยาเกาะและทะเลไทยแล้ว ก็จะต้องลงเรือข้ามไปยังเกาะแสมสารซึ่งได้จัดไว้เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติ (NATURE TRAIL)  สวนพฤกษศาสตร์ ป่าชายเลน และบ่อแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ ทั้งนี้ การเข้าชมในส่วนนี้จะเป็นไปอย่างจำกัด เฉพาะนักวิจัย เยาวชนผู้ด้อยโอกาส และบุคคลที่มีเหตุผลสมควรในด้านการศึกษาตามพระราชดำริ

ส้นทางศึกษาธรรมชาตินี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมมาครั้งหนึ่งแล้วเมื่อคราวเสด็จฯ ทอดพระเนตรความคืบหน้าในการดำเนินงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ กองทัพเรือ ที่เกาะแสมสาร ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2545 โดยได้ทอดพระเนตรพรรณไม้ เช่น ชำมะเลียงป่า จำปีแขก เปล้าใหญ่ มะค่า ถอบแถบเครือ สังคมของป่าพลอง และพรรณไม้ท้องถิ่นที่มีพืชหลัก คือ แสมสาร สะเดาอินเดีย หยี เกด มะค่า  ทรงสนพระทัยในวิธีการชะลอความชุ่มชื้นด้วยฝายที่เรียกกันว่า  CHECK DAM อันเป็นผลให้ป่าดิบแล้งเกิดความชุ่มชื้นขึ้น  นอกจากนี้ยังสนพระทัยในชีวภาพที่ค้นพบตามเกาะ เช่น หอยนกขมิ้น สัตว์เลื้อยคลานที่สวยงาม นกหายากหลายชนิด หินแร่ และฟอสซิล ในโอกาสเดียวกันนี้ได้ทรงทอดพระเนตรจุดก่อสร้าง พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย บนฝั่งบริเวณเขาหมาจอ จากกล้องส่องทางไกลบนยอดเนินเขาเกาะแสมสารด้วย

ภาพบรรยากาศสวยมากเลยค่ะ



2 ที่ นี้แหล่ะค่ะถ้าไปชลบุรีต้องแวะไปเพราะสวยมากๆเลย



ความเห็น (2)

คุณครูมาให้ดอกไม้กันก่อนเลยนะครับ  ครู Was และ ครูขจิต

piekai
เขียนเมื่อ

ชื่อ-สกุล : นางสาวณัฐวดี เพียรชอบ

อายุ : 19 ปี

วัน เดือน ปี เกิด : 20 ตุลาคม 2536

กรุ๊ปเลือด : เอ

ที่อยู่ปัจจุบัน :36 ถ.เลียบเนิน ต.วัใหม่ อ.เมือง จ.จันทบุรี 22000

สถานที่จบการศึกษามัธยมต้น : โรงเรียนเขาชะเมาวิทยา จังหวัดระยอง

สถานที่จบการศึกษามัธยมปลาย : โรงเรียนเขาชะเมาวิทยา จังหวัดระยอง

ปัจจุบันศึกษาที่ : วิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จังหวัดจันทบุรี

เบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่ิได้ : 0810028501

งานอดิเรก : วาดรูป อ่านหนัางสือ ฟังเพลง

สีที่ชอบ เขียว แดง ส้ม ฟ้า

อาหารที่ชอบ ส้มตำ ยำปูม้า

ผลไม้ที่ชอบ องุ่น มะพร้าว

คติประจำใจ : ผิดหวังครั้งที่ร้อยดีกว่าคิดท้อถอยก่อนจะทำ

ความใฝ่ฝันในอนาคต : ดูแลพ่อกับแม่ และน้องให้ดีที่สุด

ชื่อ-สกุล บิดา : นายโปร่ง เพียรชอบ

ที่อยู่ปัจจุบัน : 54 ม.1 ต.ห้วยทัมอญ อ.เขาชะเมา จ.ระยอง 21110

เบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่ิได้ : 0810028501

ชื่อ-สกุล มารดา : นางกิ่งอาภา เพียรชอบ

ที่อยู่ปัจจุบัน : 54 ม.1 ต.ห้วยทัมอญ อ.เขาชะเมา จ.ระยอง 21110

มีพี่น้อง 2 คน เป็นลูกคนที่ 1

น้องสาวชื่อ เด็กหญิงฑิฆัมพร เพียรชอบ




ความเห็น (4)

ครูมีข้อแนะนำว่า ... ไม่ควรลงเบอร์โทรฯ เอาไว้นะครับ
เพราะการสืบค้นสมัยนี้มันทำอันตรายต่อเจ้าของได้

;)...

หรือว่าเป็นเงื่อนไขที่คุณครูกำหนดมาแบบนี้.............งง

สงสัยครูเขาสั่งมาครับ ;)...

piekai
เขียนเมื่อ

เรื่องนี้เคยได้ยินมาตอนสมัยเรียนม.ต้น เมื่อได้อ่านก็รู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรืองที่ดีมากๆ จึงหามาเพราะอยากให้ทุกคนได้อ่านกัน

..........คุ๊กกี้ 1 ห่อกับการตัดสินคน..........

             ที่สนามบินนานาชาติระดับโลก มีนักธุรกิจหญิงแต่งตัวดี จำเป็นต้องรอเวลาถึง 3 ชั่วโมง
ในการเปลี่ยนเครื่องบินเพื่อไปจุดหมายปลายทาง เธอจึงตัดสินใจเดินไปซื้อหนังสือ 1 เล่ม และคุ๊กกี้ 1 ห่อ และเตรียมหาที่นั่งเพื่ออ่านและกิน ฆ่าเวลาไปพลาง ๆ เธอสอดส่ายมองหาที่นั่งได้ 1 แห่ง เมื่อนั่งลงก็เตรียมหนังสือและคุ๊กกี้ เพื่ออ่านและกินไปพลาง ๆ เธอสังเกตเห็นว่าข้าง ๆ เธอมีชายหนุ่มซึ่งนั่งเหยียดกายอย่างไม่สนใจใคร ว่าจะมีใครนั่งอยู่ข้าง ๆ เขาสักครู่หนึ่ง ขณะที่เธออ่านหนังสือ ชายหนุ่มก็หยิบขนมคุ๊กกี้ออกจากถุง ซึ่งวางอยู่ระหว่างคนทั้งสอง แล้วกินมันอย่างละชิ้นเธอมองด้วยความโกรธแต่ไม่ต้องการทำเรื่องวุ่นวาย เธอจึงทำเป็นไม่สนใจ
เธอเริ่มรู้สึกเบื่อที่จะกินคุ๊กกี้และเฝ้ามองนาฬิกา ในขณะที่ชายหนุ่มซึ่งเป็นผู้ขโมยไร้ยางอาย กำลังกินมันให้หมดสิ้นไป เธอเริ่มโมโหและคิดในใจว่า "ถ้าฉันไม่ใช่ผู้ดีมีการศึกษาแล้วละก็....ฉันจะชกหน้าเจ้าหมอนี้ให้แหลกไปเลย"ทุกครั้งที่เธอหยิบกิน 1 ชิ้น ชายหนุ่มก็หยิบมันกิน 1 ชิ้น ทั้งสองส่งสายตามองกัน เมื่อคุ๊กกี้เหลือเพียงชิ้นสุดท้าย เธอหยุดและอยากรู้ว่าชายหนุ่มจะทำอย่างไร ชายหนุ่มค่อย ๆ หยิบคุ๊กกี้ชิ้นสุดท้ายแล้วหักออกเป็น 2 ชิ้น ส่งให้เธอครึ่งชิ้นและกินเองครึ่งชิ้น เธอรับจากชายหนุ่มอย่างรวดเร็วและคิดในใจว่า"เขาช่างเป็นคนไร้มารยาทสุดๆช่างไร้การศึกษา ไม่มีแม้แต่พูดขอบคุณสักคำ" เธอลุกขึ้นหยิบข้าวของทั้งหมดแล้วตรงไปยังประตูขึ้นเครื่อง ไม่แม้แต่เหลียวหลังกลับมามองหัวขโมยผู้ไร้มารยาทซึ่งยังนั่งอยู่ที่เดิม ภายหลังจากขึ้นเครื่องและนั่งประจำที่อย่างสบาย  แล้วเธอก็หยิบหนังสือที่อ่านค้างอยู่ขึ้นมาอีกครั้ง  ในขณะที่หยิบหนังสือจากกระเป๋า ก็พบว่ามีขนมคุ๊กกี้ 1 ห่อเธอตกใจมาก  ถ้าคุ๊กกี้ของฉันยังอยู่ที่นี่ ก็แปลว่า.....คุ๊กกี้ห่อนั้นเป็นของชายหนุ่มที่แบ่งให้เธอกิน  เธอลุกขึ้นทันที แล้ววิ่งออกจากเครื่องบินไปยังที่นั่งของชายหนุ่ม แต่คงเหลือแต่ที่นั่งว่างเปล่า  มันสายไปเสียแล้วที่จะได้ขอโทษชายหนุ่ม ระหว่างเดินกลับเข้าเครื่อง เธอรู้สึกเจ็บปวดหัวใจ  เธอนั่นเองที่ไร้มารยาท   เป็นหัวขโมยที่ไร้การศึกษาตัวจริง..........มีกี่ครั้งในชีวิตของคนเรา ที่ค้นพบในภายหลังว่า "สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมันไม่ใช่เรื่องจริง มันเป็นการเข้าใจผิด มีกี่ครั้งในชีวิตที่เราขาดความไว้วางใจผู้อื่น และทำให้เราตัดสินผู้อื่นจากความคิดเย่อหยิ่งของเราเอง ซึ่งห่างไกลจากความเป็นจริงมากมาย"

..........นี่แหละที่ทำให้เราต้องคิดซ้ำแล้วซ้ำอีกก่อนตัดสินผู้อื่น หลาย ๆ สิ่งไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น ควรมองผู้อื่นในแง่ดี แล้วคอยสงสัยตัวเองว่า

"เรามองโลกในแง่ดีพอแล้วหรือยัง?   เราเคยแบ่งปันอะไรแก่คนอื่นบ้างหรือไม่".......... 

          สมัยนี้คนเราก็มองเห็นแต่ตนเองจนบางครั้งก็มองข้ามเรื่องเล็กๆน้อยไป การแบ่งบันทำให้เราเสียอะไรบางอย่างไป แต่ถ้าเราคิดในแง่ดี เราจะรู้ว่าสิงที่ได้กลับคืนมาคืออะไร  ฉันคิดว่าถ้าเรารู้จักมองข้ามเรื่องเล็กๆน้อยๆไป เราจะมีความสุขมากขึ้น ที่สำคัญการขอโทษไม่ใช่เรื่องน่าอาย การให้อภัยก็เช่นกัน

ที่มา http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=cmu2807&month=25-06-2008&group=8&gblog=26



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท