อนุทินล่าสุด


กนกพร วรรณศิริ
เขียนเมื่อ

เซลล์เสื่อมสภาพ

  รู้หรือไม่ว่า มีนักวิทยาศาสตร์พบว่า โครงสร้าง DNA ของมนุษย์นั้น มนุษย์สามารถมีชีวิตยืนยาวได้ถึง 120 ปี แต่เคยสงสัยไหมว่า คนที่มีอายุยืนยาวได้ขนาดนั้นในความเป็นจริงมีอยู่น้อยมาก สาเหตุเป็นเพราะอะไร??? สาเหตุที่คนเรามีอายุน้อยกว่าที่ควรจะเป็นนั้น มาจากความเสื่อมสภาพของเซลล์

  ความเสื่อมสภาพของเซลล์คืออะไร เซลล์ของมนุษย์นั้นจะเริ่มแก่ เมื่ออายุ 25 ปี แต่มนุษย์จะรู้สึกว่าตัวเองแก่จากสภาพภายนอก เมื่ออายุ 50 ปี และสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเซลล์แก่ก็คือเซลล์จะไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ซึ่งส่งผลให้ระบบต่างๆในร่างกายทำงานผิดปกติ และเมื่อเราไม่ดูแลเซลล์ให้ดี แต่ปล่อยให้เสื่อมสภาพไปเรื่อยๆ ร่างกายเราก็จะเริ่มตอบสนองต่อเซลล์ที่เสื่อมสภาพนั้น เห็นได้จากการที่เราจะเริ่มป่วยเป็นโรคต่างๆ และถ้าเรายังปล่อยให้เซลลเสื่อมสภาพต่อไปอีก ก็จะส่งผลให้เซลล์นั้นไม่สามารถทำงานได้อีกต่อไป และจากการที่เซลล์เป็นหน่วยย่อยของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด เป็นผลให้อวัยวะที่เซลล์ที่มีเสื่อมสภาพอยู่ไม่สามารถทำงานได้อีกต่อไปเช่น กัน ร้ายไปกว่านั้นก็อาจเสียชีวิต

  ถ้าเปรียบเซลล์เหมือนไข่ดาว ตรงกลางเปรียบเป็นนิวเคลียส (nucleus) ขอบไข่ขาวก็คือเยื่อหุ้มเซลล์ (cell membrane) ซึ่งเป็นทางเข้า-ออกของสารต่างระหว่างเซลล์ ส่วนที่อยู่ระหว่างไข่แดงและขอบไข่ขาวนั้นก็คือ ไซโตพลาสซึม (cytoplasm) และเมื่อเซลล์เสื่อมสภาพนั้นเยื่อหุ้มเซลล์จะเกิดรู้รั่ว หรือที่เรียกว่าเยื่อหุ้มเซลล์อักเสบ ทำให้เซลล์ได้รับสารอาหารต่างๆได้ไม่ดี นอกจากนี้อนุมูลอิสระและสารพิษต่างๆก็จะสามารถเข้าไปภายในเซลล์ได้ เซลลก็จะถูกทำลาย เมื่อเซลล์ถูกทำลาย เซลล์ก็จะเสื่อมสภาพ   เมื่อเซลล์สภาพจะเกิดอะไรขึ้น??? ถ้าเซลล์เสื่อมสภาพนั้นอยู่ที่หลอดเลือดก็จะทำให้ผนังหลอดเลือดอักเสบ และเมื่อผนังหลอดเลือดอักเสบไขมันก็จะมาเกาะตามผนังหลอดเลือดได้ง่าย และโรคที่เกิดจากผนังหลอดเลือดอักเสบนั้นก็ได้แก่ ความดันโลหิตสูง โรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคหัวใจ โรคอัมพาต โรคเส้นเลือดฝอยในสมองแตก ฯลฯ เพราะเมื่อมีไขมันมาเกาะที่ผนังหลอดจะทำให้หลอดเลือดขาดความยืดหยุ่น เลือดไหลผ่านไม่สะดวก ทำให้เกิดโรคต่างๆดังที่กล่าวมาแล้ว หรือถ้าเซลล์ที่เสื่อมสภาพนั้นเป็นเซลล์สมองก็จะทำให้เกิดโรคความจำเสื่อม โรคอัลไซเมอร์ หรือถ้าเซลล์เสื่อมสภาพนั้นอยู่ที่ปลายประสาทก็อาจทำให้เกิดโรคพาร์คินสัน ถ้าเซลล์เสื่อมสภาพอยู่ที่ข้อก็อาจทำให้เกิดโรคข้อเสื่อม หรือถ้าเซลล์ที่เสื่อมสภาพนั้นเป็นเซลล์ที่ควบคุมการแบ่งตัวของเซลล์ก็อาจทำ ให้เกิดเนื้องอก หรือโรคมะเร็ง เป็นต้น นี่เป็นเพียงตัวอย่างที่ยกมาเพียงน้อยนิดเท่านั้น สำหรับโรคที่เกิดมาจากความเสื่อมสภาพของเซลล์
  โรคที่เกิดจากเซลล์เสื่อมสภาพนั้น ส่วนใหญ่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ เพราะเกิดจากความเสื่อมสภาพของเซลล์ ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรคที่เราสามารถใช้ยารักษาให้หายได้ คราวนี้มาดูกันว่า เราจะป้องกันไม่ให้เซลล์สภาพหรือการควบคุมให้เซลล์เสื่อมสภาพให้น้อยที่สุด ได้อย่างไร ประการแรกทำให้เยื่อหุ้มเซลล์อักเสบน้อยลงหรือน้อยที่สุด ประการที่สองคือการลดอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นในร่างกายของเรา (ถ้าคุณยังไม่รู้ว่าอนุมูลอิสระคืออะไร และเกิดขึ้นได้อย่างไรติดตามตอนหน้านะคะ) ซึ่งทั้งสองข้อนี้เราสามารถทำได้ง่ายๆโดยการดูแลสุขภาพ ขึ้นอนู่กับว่าเราดูแลสุขภาพของเราได้ดีแค่ไหน และจากการที่มนุษย์ทุกคนนั้นมี DNA ที่คล้ายคลึงกัน แต่ทำไมบางคนถึงป่วยเป็นโรคที่เกิดจากความเสื่อมสภาพของเซลล์ ในขณะที่บางคนมีสุขภาพแข็งแรงและสามารถมีชีวิตอยู่ได้ตามปกติ จากเหตุผลนี้จึงสามารถสรุปได้ง่ายๆว่า สาเหตุที่ทำให้บางคนป่วย และบางคนมีสุขภาพที่แข็งแรงนั้นเกิดมาจากอาหารที่เรากินเข้าไป และการดำเนินชีวิตของคนคนนั้น ถ้าเรารู้จักวิธีในการดูแลตัวเองและการรับสารอาหารให้ครบ เราก็จะอยู่ห่างไกลจากโรคที่เกิดจากความเสื่อมสภาพของเซลล์เหล่านี้ได้
  สารอาหารที่ครบกับการกินให้อิ่ม??? สารอาหารที่ครบกับการกินอาหารให้อิ่มนั้นไม่เหมือนกัน ลองนึกภาพขวดโหลที่ใส่ลูกปิงปองไว้จนเต็ม ที่มีช่องว่างอยู่ในขวดโหล คนที่สามารถเติมช่องว่างเหล่านั้นให้เต็มได้ สุขภาพของคนนั้นก็จะดี แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเรากินอาหารที่ให้สารอาหารได้ครบและเพียงพอต่อความ ต้องการของร่างกาย??? แล้วถ้าเรากินอาหารที่ให้สารอาหารครบและเพียงพอ แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าอาหารที่เรากินเข้าไปเหล่านั้น จะไม่เพิ่มอนุมูลอิสระให้ร่างกายของเรา หรือจะไม่มีสารที่เป็นอันตราบต่อร่างกายของเรา??? นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้อาหารเสริมเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในปัจจุบัน และเป็นคำตอบสำหรับคำถามที่ว่าทำไมเราจึงควรกินอาหารเสริม


ความเห็น (3)

ขอแนะนำนะคะ เขียนเป็นบันทึก ข้อมูลดีๆมากอย่างนี้ มีคนอีกมากมายที่ไม่ทราบ โดยเฉพาะเรื่อง ไข่แดง เคยอ่านแต่ไม่ได้เก็บข้อมูลไว้ ดีใจที่ได้มาอ่าน ขอเก็บข้อมูลไปด้วยนะคะ (ช่วยบอกที่มา ด้วยนะคะ เพิ่มความเชื่อถือ ถือว่าสำคัญต่อผู้อ่านค่ะ) ผู้อื่นๆบางทีไม่ได้เข้ามาอ่านที่อนุทิน  หรือผู้ที่หาข้อมูลในเน็ตแล้วไม่พบ

@กานดาน้ำมันมะพร้าว ขอบพระคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ เพิ่งเข้ามาเป็นสมาชิก ตอนแรกเค้ามาหาข้อมูลบางอย่าง แต่พอได้เข้ามาอ่านข้อความจากบางท่าน ถึงได้รู้ว่ามีแหล่งข้อมูลมากมายที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเองและสังคม และมีท่านผู้ทรงคุณวุฒิมากมายที่มีข้อมูลดีๆมาแบ่งปัน เนื่องจากยังใช้ระบบของเว็บไซร์ไม่เป็นค่ะ แต่จะพยายามศึกษาและเรียนรู้ ขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ

กนกพร วรรณศิริ
เขียนเมื่อ

DASH Diet

D.A.S.H. ย่อมาจาก Dietary Approaches to Stop Hypertension แปลว่า “การกินเพื่อหยุดความดันเลือดสูง” แปลไทยให้เป็นไทยอีกทีก็คือแด็ชไดเอ็ทนี้คือสูตรอาหารลดความดันเลือดสูงนั่นเอง 

     ปัจจุบันนี้แด็ชไดเอ็ทเป็นสูตรอาหารยอดนิยมหมายเลขหนึ่งในสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ถือเอาจากการจัดลำดับของ US News and World Reports การที่แดชไดเอ็ทได้ขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งได้นี้ไม่ใช่เรื่องฟลุ้ค เพราะแด็ชไดเอ็ทเป็นของจริงแท้ มีงานวิจัยที่เชื่อถือได้มากมายยืนยันว่าแด็ชไดเอ็ทลดความดันเลือดได้จริง งานวิจัยดั้งเดิมคลาสสิกเลยที่ตีพิมพ์ในวารสารนิวอิงแลนด์เจอร์นาลพบว่าแด็ชไดเอ็ทลดความดันตัวบน (systolic pressure) ได้มากถึง 14 มม. ซึ่งมากพอที่จะช่วยให้คนป่วยด้วยโรคความดันเลือดสูงส่วนใหญ่ที่ความดันตัวบนอยู่ระดับไม่เกิน 155 มม.ไม่ต้องใช้ยาเลย ฟังข้อมูลตัวเลขแล้วน่าเลื่อมใสนะครับ แต่คุณจะทานอย่างเขาได้จริงหรือไม่นั่นอีกเรื่องหนึ่งนะ เพราะสูตรอาหารของแด็ชไดเอ็ทนั้น หากเป็นคนรูปร่างเล็กอย่างคนไทยเราซึ่งต้องใช้แคลอรี่วันละไม่เกิน 2,000 แคลอรี่ ก็ต้องทำดังนี้ คือ

1. ดื่มนมไร้ไขมันวันละ 2-3 แก้ว หมายความว่า zero fat นะ คือไม่มีไขมันเลย เวลาซื้อต้องดูฉลากให้ดี 
2. ทานผลไม้วันละ 4-5 เสริฟวิ่ง หนึ่งเสริฟวิ่งของผลไม้เทียบได้กับผลไม้หั่นจานเล็กหนึ่งจานหรือแอปเปิ้ลหนึ่งลูก
3. ทานผักวันละ 4-5 เสริฟวิ่งหนึ่งเสริฟวิ่งของผักเทียบได้กับผักสดทำสลัดได้ 1 จานสลัดแบบไทยๆ (ไม่ใช่จานสลัดแบบฝรั่งที่มีขนาดน้องๆกระด้ง)
4. ทานอาหารโปรตีนที่ไม่มีมันติดเช่น ปลา เนื้อแดง ไก่ที่ไม่ติดมัน วันละไม่เกิน 2 เสริฟวิ่ง หนึ่งเสริฟวิ่งของอาหารเนื้อก็คือประมาณ 30 กรัม หรือขนาดประมาณเท่าไข่ไก่เล็กๆฟองหนึ่ง เรียกว่าจำกัดเนื้อกันเสียจนเกือบเป็นมังสะวิรัติเลยละ
5. พยายามทานพวกถั่วและพวกนัทและเมล็ดพืช (เช่นมูสลี่ที่อบแห้งใส่ในนมตอนเช้า)ให้ได้สัปดาห์ละ 4-5 ครั้ง
6. เปลี่ยนธัญพืชที่ทานอยู่เช่นขนมปังขาว ข้าวขาว เป็นธัญพืชแบบไม่ขัดสีเช่นขนมปังโฮลวีท ข้าวซ้อมมือ ทั้งหมด
7. จำกัดอาหารพวกไขมันอิ่มตัวเช่นน้ำมันที่ใช้ผัดทอด รวมไปถึงไขมันทรานส์ที่ใช้ในอาหารอุตสาหกรรมเช่นเค้กคุ้กกี้ขนมกรุบกรอบ และของหวานๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำตาลในเครื่องดื่ม ให้เหลือน้อยที่สุด

           ขอบพระคุณข้อมูล เป็นบทความของ นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์  (บทความเขียนให้หนังสือ Guitar Affection)




ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท