ขำขันกทน. ๑๒

เงิน มันซื้ออะไรได้เกือบหมดทุกอย่าง รวมถึงตัวมันเองด้วย (เช่นเอาไปเล่นหุ้น) ดังนั้นเงินน่าจะจัดเข้าเป็นสิ่งที่เรียกว่า แคนิบอลลิสท์ (cannibalism) คือพวกกินตัวเอง สกุลเดียวกันได้

.อาจยกเว้นคือเอาเงินจริงไปซื้อเงินปลอม แล้วเอามาเผาส่งไปสู่วิญญาณยามเทศกาลเชงเม้ง ตรุษจีน

สมัยผมหนุ่ม (พศ. ๒๕๑๘) ทอทัดนิยมโฆษณากางเกงยีนส์ ครีมกำจัดสิว สบู่ รองเท้าวิเศษ(แบบว่าใส่แล้วเหาะได้) ยาแก้ไอตำรับไทยจีน ยาทาแก้คันตามง่ามนิ้วมือนิ้วเท้า.....วันนี้ (พศ. ๒๕๖๐) ต่างไปเป็น ยาดับกลิ่นเต่า ยาหน้าขาว ยาสระผมวิเศษ โปรโมชั่นมือถือ .....ชีวิตเกิดมาเพื่อหาเงิน ดังนั้นการโฆษณาย่อมเปลี่ยนไปตามยุคสมัยเช่นนี้แลกระมัง

---คนถางทาง..กพ.๖๐

ขำขันกทน. ๑๑

วลีคมหนึ่งที่เราชอบมากคือของท่านมหาฤาษี (ครูของวงดนตรี The Beatles) ท่านกล่าวไว้ว่า ..คนโง่ต่างจากคนฉลาดตรงที่.. คนโง่ต้องสอนมัน ๑๐๐๐ ครั้งกว่ามันจะเข้าใจ ส่วนคนฉลาดอดทนสอนมันเพียง ๑๐๐ ครั้งมันก็เข้าใจแล้ว...๕ห้าฮ่า

---คนถางทาง.กพ.๖๐

ขำขันกทน. ๑๐ (แล้วมั๊ง)

ขยะเทศบาล.. เรามักเอาไปทับถมกันไว้เป็นกองใหญ่ส่งกลิ่่นเหม็น นั่นคือขยะจากการใช้ชีวิตของเรา ..ถามว่า แล้วขยะทางความคิดอันมากหลายในอินเตอร์เน็ต หรือในนโยบายรัฐบาล และเก้าลอเก้า ..เราจะเอาไปกองไว้ที่ไหนดี จะมีการแยกขยะด้วยไหม ๕๕๕

---คนถางทาง..กพ.๖๐

ไปเดินถนนคนเดิน เช่น ตรอกข้าวสาร มาหลายต่อหลายครั้งทั่วประเทศไทย สิ่งที่น่ารำคาญที่สุดคือ มอไซค์มันมาจี้ตูดไล่ ควรเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นถนนมอไซค์พล่านได้แล้ว...พอไปเดินในยุโรปยันออสซี่ก็สบายตูดดี....นี่่แหละการบริหารจัดการของคนไทยด้อยพัฒนา ลองคิดกันดู

วัวหายแล้วจึงล้อมคอก..ก็ยังดีกว่าไม่ล้อมเลย ปล่อยให้มันหายซ้ำสองซ้ำสาม

พระสกุลใหม่ "กูล่ะหัน" ไม่ใช่ "อรหัน" นะจ๊ะ....เช่น อดีตเจ้าอาวาส วัดธรรมกลาย พอถูกสั่งจ้บ กลัว หนีหางจุกตูด แบบนี้จะมาอ้างว่าเป็นอรหันได้ไง เพราะอรหันไม่กลัวอะไรแล้ว แม้ความตาย อย่าว่าแต่ถูกจับโดยรัฐบาลโหลยโท่ย ...เป็นกูนะรับรองว่า "กูล่ะหัน" (หน้าหนี) เสียมากกกว่า

---คนถางธรรม ..กพ.๖๐

ขำขันกทน. ๑๖..รางวัลโนเบรน

แค่แต่งเพลง ร้องเพลง ก็ได้รางวัลโนเบลแล้ว เช่น ปีนี้เป็นของ bob dylan (ซึ่งก็เก่งนะ แต่เราว่า พอล ไซม่อน เก่งกว่ามาก แต่ไม่ยักได้) ...ส่วนงานด้านเทคโนโลยีเขาไม่มีรางวัลให้นะ เช่นคนคิดสร้างอินเตอร์เน็ต มือถือ ไม่ให้หรอก แสดงว่าคณะกรรมการให้รางวัลเนี่ยมัน NoBrain มาก ๕ห้าฮ่า

---คนถางทาง (กพ.๖๐)

สังเกตได้ว่าหัวหน้ารัฐบาลชุดนี้กลัวสื่อและ โซเชียลมีเดีย เป็นพิเศษ แถลงการณ์ใดๆ ยาวๆ เป็นต้องแขวะ เสมอ ขนาดเฟสของผมเอง ครูบ้านนอกกระจอกๆ ไม่มีอิทธิพลใดๆ ยังโดนปิดเฉยเลย ทั้งที่มีแฟนเป็นหมื่นเป็นแสน...การปิดเฟส ถือเป็นการลงโทษประหารชีวิตโดยไม่มีการขึ้นศาล ชี้แจงใดๆทั้งสิ้น แล้วอ้างหน้าตาเฉยว่ามีหลักธรรมาภิบาล....อ้วก

เราไม่ค่อยชอบดูหนัง ยกเว้นหนังจีนโบราณ (เช่น สามก๊ก..the 3 kingdoms) ไม่ได้ดูเอาสนุก แต่ดูเอาบริบท (อ่านหนังสือสนุกกว่า) ที่เราชอบมากสุดคือโดยเฉพาะการแต่งกาย ช่างรุ่มร่ามหลายชั้นน่ารักจริงๆ การสร้างหนังคงต้องเสียค่าการแต่งกายไปมาก...

.ส่วนละครน้ำเน่าไทยก็ดูอยู่พอเป็นการศึกษาส้งเกตสังคม แต่ดูได้ไม่เกินสองนาทีต้องเปลี่ยนช่องเพราะมันจะอ้วก ห้า๕ฮ่า

---คนถางทาง..กพ.๖๐

ทำไมแทบทุกคนมักเห็นว่าตัวเราเองรู้ถูก ทำถูก ทำดี ส่วนคนอื่น รู้ผิด ทำผิด ทำไม่ดี นี่ว่าเฉพาะคน ส่วนกลุ่มบุคคล ประเทศ ยิ่งไปกันใหญ่ จนโลกนี้อลเวง ทำร้ายกันไม่สุดสิ้นเสียที ทั้งทางกาย วาจา ใจ เพราะความเห็นต่างเพียงแค่เท่าเล็บตีน(ขออภัยใช้อุปมาต่ำไปหน่อย)

---คนถางทาง..กพ.๖๐

การทำเรื่องยาวให้เป็นเรื่่องสั้น ยากพอกับการทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย แต่สั้นแล้วต้องครอบคลุมใจความทั้งหมดด้วย นะ ที่เหลือคิดเอาเอง

การทำที่ยากที่สุด คือการทำเรื่่องยากให้เป็นเรื่องง่าย เช่น การสอนในห้องเรียนเพื่อให้นักเรียนโง่เข้าใจเรื่องยากๆให้ได้แม้โดยผิวเผินก็ยังดี เขาจะได้ไม่เบื่อการเรียน แต่ครูวันนี้ใช้เวลาว่างให้เป็นโทษเสียมาก แทนที่จะเอามาคิดการสอนให้ง่ายขึ้น

---คนถางทาง..กพ.๖๐

คนเราวันนี้มักเห่อคิดนอกกรอบ เสร็จแล้วก็ไปติดกรอบใหม่ ที่อาจไม่ได้ดีกว่าเดิมอะไรเลย แล้วก็กระทำซ้ำๆเช่นนี้อยู่เรื่อยๆ เขาเรียกว่าคนดิ้นรนหาที่...ความจริงอาจคือว่า โลกนี้มันไม่มีกรอบอะไรหรอก เราไปคิดตีกรอบให้ตัวเองเสียมากกว่า (มั๊ง)

---คนถางทาง (๑๕ กพ. ๖๐)

ขำขันกทน.๑๓

ของขายดีท่ี่สุดในวันแห่งควมฮัก นอกจากดอกกุหลาบแล้ว น่าคือถุงยางอนามัย รีสอร์ทริมทางราคา๕๐๐บาทแน่นตรึม

วันแห่งความรัก เรามักรักคนใกล้ตัวเป็นหลัก ให้ดอกไม้กัน กอดกัน หอมแก้มกัน ส่วนสิ่งไกลตัวเรามักไม่ค่อยคิดถึง เช่น คนเชิงเขาเอเวอเรสต์ หรือ บนเกาะกรีนแลนด์ หรือหมีโคอาล่า หรือ ต้นไม้ยักษ์ในป่าเร็ดวูดส์....จงรักให้ไกลส่งใจให้ถึงแล้วความรักของท่านจะยิ่งใหญ่

---คนถางทาง (วันแห่งความรัก ๒๕๖๐)

เพลงเตือนใจวันแห่งความรัก.........ยามรักกัน หวานมันเหมือนดังกินแห้ว ...เบื่อพอเบื่อกันแล้วถึงกินมันแกวก็ยังไม่รู้จักมัน.....................เพลง ของเพลิน พรมแดน เมื่อนานปีมาแล้ว

---คนถางทาง.๑๓ กพ. ๖๐ (เกือบวันแห่งความรัก)

ข้อคิดวันแห่งความรักคือ ที่ไหนมีรักที่นั่น"มีเกลียด" ทำให้คนเราต่อสู้กิัน อิจฉาริษยา จนถึงทำสงครามระหว่างประเทศ ศาสนา นิกายในศาสนา ล้มตายกันเป็นแสน ล้าน และร้อยล้าน .... เราอยากจัดให้มี"วันแห่งความไม่กลียด" เพื่อให้อภัยทานต่อกันและกัน ไม่ต้องรักก็ได้ ขออย่าเกลียดชังกันเลย ยากกว่ารักเสียอีก

---คนถางทาง..๑๓กพ.๖๐

วันแห่งความรัก ๑๔ กพ. อย่าลืมรักดอกกุหลาบด้วยนะจ๊ะ ไปตัดเขามาแขนขาด เลือดไหล น่าหวาดเสียวแทนเขา เอามาเพียงเพื่อแสดงความรักต่อคนอื่น อย่าลืมว่า ดอกไม้เขาก็รักตัวกลัวตาย กลัวเจ็็บด้วยกันทั้งนั้น ...เขียนมาเตือนใจด้วยความรัก

---คนถางทาง..๑๓กพ.๖๐

หนึ่งคนหนึ่งดี

วันนี้เขาบ้า ๑?๑ดี กันมาก เริ่มต้นด้วย โอทอป เรื่อยไปยันมหาลัยก็เลียนแบบเขาด้วย ...เราอยากถามว่าตั้งแต่เกิดมาท่านใด้ทำดีอะไรไว้บ้าง ลองลิสท์มาสักสิบรายการ (ห้ามตอบว่ารดน้ำดำหัว พ่อแม่ กราบพระไหว้เจ้านะจ๊ะ) ..

.คิดถึงทักษิณแล้ว ผมยังว่าท่านจะลิสท์ได้สักกี่รายการ ทำเป็นสองคอลัมน์ก็ได้ อีกช่องคือ ทำชั่ว อันไหนจะสั้นกว่ากัน

ขำขัน กทน. ๑๒ (วันแห่งความรักในการขี้เกียจ)

วันแห่งความรัก กำลังมาถึงอีกปี (๑๔ กพ. ๖๐) แสดงว่าอีก ๓๖๔ วันเป็นวันแห่งความไม่รักกระนั้นหรือ (ยกเว้นปีอธิกสุรทิน) ..

.แล้วเราควรมีวันแห่งความโกรธ ความไม่โกง ความซื่อบื้อบ้างไหม.....คนไทยพวน(ผู้หญิงสวยสุดในโลก ต้นตำรับเสื้อม่อฮ่อม) เขามีพิธี "กำฟ้า" ให้รักความขีี้เกียจ คือห้ามทำงานใดๆทั้งสิ้นในช่วงเทศกาล...

.อยากชวนให้รัฐบาลโปรโมทวันนี้ให้ดังไปก้องโลก "วันขี้เกียจของไทย"..รับรองไม่กล้าหรอก ..กล้าแต่ไล่ปิด เฟส ของคนเห็นต่างแค่นั้นแหละ

---คนถางทาง..กพ.๖๐

ความเคยชิน มันยิ่งใหญ่กว่ากำแพงใดในโลก เพราะมันกั้นเราไว้ไม่ให้ออกสู่ภายนอกได้ เช่น ตัวเราเองชินกับการหายใจและกินปลาร้า ให้เลิกชินอย่างใดอย่างหนึ่งคงตาย อย่าว่าแต่สองอย่างพร้อมกัน

---คนถางทาง.กพ.๖๐

ขำขันกทน. ๑๑

ถ้า time is money จริง ดังฝรั่งมันว่า ป่านนี้คนจนคงรวยหมดทั้งโลก เพราะพวกนี้มีเวลาเหลือเยอะ ๕ห้าฮ่า (ปล. คนไทยคงรวยสุดในโลกแน่เพราะเห็นนอนกันเกลื่อนใต้ถุนบ้านนอกตอนกลางวัน )

วันนี้เขาเรียกคนว่า "ทรัพยากรบุคคล" ทำยังกะว่าคนมีค่าเท่าแร่ดีบุก

ความรู้เฉยๆก็ได้ ทำไมต้องเป็น "องค์"ความรู้ หรือ "ชุด"ความรู้ ให้ฟุ่มเฟือยน้ำลายและมือจิ้มแป้น

ขำขัน กทน. ๑๐

สมัยอยู่เมกาทำงานอยู่ ๑๘ ปีได้อ่านนิทานเซ็น (ภษ.อก) ความตอนหนึ่งว่า...ท่านเกจิเซ็นเกาหลีท่านสอนพระลูกวัดว่า..ทำอะไรให้มีสติ เช่น กินข้าว ก็มีสติอยู่กับการกินข้าวเพียงอย่างเดียว อย่าล่อกแล่กไปคิดเรื่องอื่น หรือทำอย่างอื่น.....

.

วันหนึ่งพระลูกวัดกำแหง กล้าถามว่า ..แล้วทำไมท่านอาจารย์กินไปอ่านหนังสือไปพลางด้วยเล่า ......ท่านตอบว่า ท่านมีสติทั้งการกินข้าวและการอ่านไปพร้อมๆกัน..มิีไรมะ ๕ห้าฮ่า

---คนถางทาง..กพ. ๖๐