ผศ.ดร.วศิน เหลี่ยมปรีชา
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. วศิน เหลี่ยมปรีชา

ดอกไม้


Wasawat Deemarn
เขียนเมื่อ

| อนุทิน ... ๓๒๖๒ |

"นั่ง ๗ ชั่วโมงรวด"

สอนตั้งแต่ ๘ โมงเช้าจนถึงเที่ยง ทานข้าว ๑ ชั่วโมง

นับตั้งแต่บ่ายโมงจนถึงสองทุ่ม นั่งอยู่ที่เก้าอี้ในห้องทำงานโดยไม่ได้ลุกออกไปไหน นักศึกษามาเข้าคิวส่งร่างให้ตรวจวันสุดท้าย ๒ ห้อง ๓ อาทิตย์ผ่านไปแทบไม่มีใครมาส่ง แต่พอกำหนดวันสุดท้ายมาทันที

การได้มีโอกาสสัมภาษณ์และสอบถามความคิดเห็นของนักศึกษา ทำให้สามารถประมาณความสามารถของนักศึกษาได้ระดับหนึ่ง น่าหนักใจครับ นักศึกษาเดี๋ยวนี้ "วิเคราะห์" ไม่เป็น คนเรียนเก่งกลับกลายเป็นคนที่ "่ท่องจำ" เก่ง พอจะให้วิเคราะห์บอกว่าคิดไม่ออก อาจารย์บอกแนวหน่อย อะไรประมาณนี้

ผมว่าน่าเป็นห่วงสังคมการศึกษาไทยมาก

เด็กที่เรียนเอกคอมพิวเตอร์ ลายมือไม่ต้องพูดถึง อ่านไม่ออก คิดไม่เป็น มักง่ายและใจเสาะที่สุด คุณภาพการศึกษาต่ำมาก ไม่รู้สอบเข้ามาได้อย่างไร

รับนักศึกษามาเยอะ สอบแต่ข้อเขียนเข้ามา แล้วจะหาคุณภาพที่ไหนได้ มหาวิทยาลัยมัวแต่ไปอ้างว่า "เราเป็นมหาวิทยาลัยท้องถิ่น รับไม่อั้น"

คนละเรื่องกันเลย อธิการบดีนักการเมืองของผ้ม ;(

5
2
Wasawat Deemarn
เขียนเมื่อ

| อนุทิน ... ๓๒๒๕ |

"ความกตัญญู"

The Voice Thailand สัปดาห์ที่ ๒ ยังคงมีคนที่ประทับใจน้องคนสุดท้ายของวัน ที่ชื่อ "น้องต๊ะ" ตระการ ศรีแสงจันทร์ อายุ ๑๖ ปี ที่ร้องเพลงเพื่อแม่

น้องเล่าให้ฟังว่า แม่จะบอกว่า "คนอื่นจะบอกร้องเพราะขนาดไหนไม่รู้ เค้าฟังลูกตัวเองร้องทีไร เค้าก็บอกเพราะ"

มี ๓ คำที่บอกความเป็นตัวต๊ะ คือ "สู้ เพื่อ แม่" ครับ

น้องร้องเพลง "หยาดเหงื่อเพื่อแม่" ครับ

ผมประทับใจเสียงร้องและความกตัญญูของน้องมาก ๆ ครับ

"ความกตัญญูเป็นเครื่องหมายของคนดีเสมอ"

5
2
ขจิต ฝอยทอง
เขียนเมื่อ

พี่ครูธนิตย์บอกผู้เขียนว่า บ้านนักเรียนรอบๆนอกของจังหวัดพิษณุโลกเริ่มท่วมแล้ว ปีนี้จะเป็นแบบปีที่แล้วไหมเนี่ย...

7
3
Wasawat Deemarn
เขียนเมื่อ

| อนุทิน ... ๓๒๐๕ |

"ชีวิตที่ไม่ดิ้นรน"

หลายคนใช้ชีวิตที่เรียกว่าดิ้นรนและต้องกระเสือกกระสนเพื่อจะวิ่งขึ้นสู่ยอดเขาสูง ยิ่งสูงเท่าใด ยิ่งเรียกว่าประสบความสำเร็จเท่านั้น

หันมาดูชีวิตตัวเองประจำวันพฤหัสบดีของทุกสัปดาห์เล่น ๆ

ตื่นเช้า ๆ ตรวจดูการทำเวรทำความสะอาดหอพักของเด็ก ๆ หลังจากนั้นกาแฟสักกระป๋องกับขนมปังสักชิ้น โทรศัพท์หาใครสักคนที่คิดถึง เกือบเก้าโมงเช้า ก็เตรียมส่งเด็กเดินไปขึ้นรถบัสมหาวิทยาลัย ณ ปากทางเข้าอาคารที่พัก เมื่อเด็กขึ้นรถหมดแล้ว ผมก็ขี่รถเครื่องตุเลง ๆ ไปทางแม่มาลัย สัมผัสทุ่งนา ภูเขา สองข้างทาง

ข้าง ๆ Lotus จะมีกาดนัดของพื้นถิ่น ที่เห็นวันนี้ก็มี มะเขือเทศ อะโวคาโด ผักกาดขาว พริกใหญ่ ขิง ข่า แอปเปิ้ล ลูกก่อ ถั่วลิสง มันแกว ลองกอง ต้นไม้ กล้วยทอด ฯลฯ แวะไปเดินสักรอบ ชื่นชมกับชีวิตบ้าน ๆ สักพัก ตอนนั้นก็น่าจะเกือบสิบโมงแล้ว

ระหว่างเดินก็คิดว่า ชีวิตเราก็แค่นี้ ในขณะที่คนอื่นเขาต้องไปประจำออฟฟิซกัน เราได้มาเดินกาดนัด สัมผัสวิถีชีวิตพื้นถิ่น ไม่ได้ไปดิ้นรนขวนขวาย อยากได้ อยากมี อยากเป็น เหมือนคนที่เราเคยเห็นเขาเป็นกัน

กาแฟสดสักแก้ว ขี่รถสำรวจเส้นทางเลี่ยงเมืองไปปายท่ามกลางภูเขาและเรือกสวนไร่นา แล้วค่อยขี่รถกลับอาคารที่พักในวิทยาเขตใหม่

ขอบคุณที่เลือกใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองเลือกได้

ผมว่า ชีวิตเราเลือกได้นะ หากเราต้องการเลือกจริง ๆ

9
8
Wasawat Deemarn
เขียนเมื่อ

| อนุทิน ... ๓๑๙๒ |

"ทุกอย่างคืนกลับตัวเอง"

เมื่อกรรมการไม่เลือกให้เราเข้ารอบต่อไป เราจึงถามกรรมการว่า "ผมขอเหตุผลด้วยครับว่าทำไม" นี่เป็นตอนหนึ่งของการประกวด The Voice ที่ผู้เข้าประกวดคนหนึ่งถามกรรมการทั้ง ๔ ท่านด้วยอารมณ์ไม่พอใจและโกรธ เสียงที่ออกมานั้นเขาพยายามข่มใจแล้วล่ะ แต่ปิดไม่มิด ผิดกับน้องคนแรกที่ร้องเพลงเพราะมาก แต่กรรมการไม่เลือกเหมือนกันที่น่ารักมากกับความสุขของการร้องเพลง

ผมไม่ใช่กรรมการ แต่ผมเป็นคนดู คนฟัง ผมก็ว่า เสียงเขาไม่รู้จะเอาไปโค้ชต่อดีไหมเท่านั้นเอง แต่เมื่อเทียบกับคนอื่น เขาน่าจะน่าสนใจน้อยกว่าเท่านั้น เพราะคนอื่นร้องดีเกือบหมด

ผมว่าในสังคมนี้มีคนลักษณะนี้มากมายเหมือนกัน แม้กระทั่งตัวผมเองในบางทีบางอารมณ์ เราก็ลืมนึกไปว่า เราผิดพลาดเอง แต่เราไม่ยอมรับมัน เราไม่เปิดใจและเปิดหูัรับฟังเพื่อเอาไปแก้ไข แต่เราฟังเพื่อกร่นด่าคนอื่นแทน

ความมั่นใจมีประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตในบางสถานการณ์ แต่ก็อาจจะทำให้ฉลาดน้อยไปชั่วขณะในบางสถานการณ์ก็ได้นะครับ

คิดเล่น ๆ ;)...

6
0
ภูคา
เขียนเมื่อ

เพียงแค่คิด
วันนี้เดินทางจากบ้านที่น่านแต่เช้าเพื่อจะมาสอนตอนบ่ายโมง ขับมาประมาณ 4 ชั่วโมงครึ่ง เหลือระยะทางอีก 70 กิโลจะถึงที่ทำงาน ปรากฏว่ารถดับไปเฉย ๆ ในขณะที่กำลังยหาสาเหตุอยู่ ก็มีลุงขับรถมอเตอร์ไซต์มาถาม และไปตามช่างให้ (โชคดีครั้งที่ 1) ช่างมาถึงก้ดูเครื่องและแกะดูที่ สายพานไทม์มิ่ง ปรากฏว่าขาด ทั้งๆ ที่ตอนเช้าก็ตรวจดูระบบต่าง ๆ และไม่มีสัญญาณให้เปลี่ยนสายพานเลย (โชคดีครั้งที่ 2 มีช่างอยู่ใกล้ๆ) ปกติจะกลับมาทำงานในตอนกลางคืน และจะถึงที่เกิดเหตุตอนประมาณ 5 ทุ่ม แต่วันนี้ออกเช้า รถเสียตอนกลางวัน (โชคดีครั้งที่ 3) ช่วงนี้เป็นช่วงที่ฝนตกหนักตลอด แต่วันนี้ฝนไม่ตก(โชคดีครั้งที่4) และมีคนที่รู้จักเมื่อโทรตามก็สามารถสละเวลามาช่วยเหลือและรับ-ส่ง จนถึงท่ารถ (โชคดีครั้งที่ 5) สรุป รถเสียครั้งนี้ถึงแม้นจะต้องเสียเงินค่าซ่อมมากอยู่ แต่ก็ยังมีโชคในหลาย ๆ เรื่องและที่สำคัญที่สุดคือ ปลอดภัย (ข้อนี้แม่บ้านหว่งที่สุด...อิอิ) ขอบคุณอาจารย์วัลลพ แห่งชมรมกล้วยไม้อุตรดิตถ์ ครับ

3
2
โอ๋-อโณ
เขียนเมื่อ

มีรายงานการศึกษาที่รายงานในวารสาร Lancet ที่ตีพิมพ์ออนไลน์ พบว่าการพยายามช่วยชีวิตด้วยการปั๊มหัวใจที่ทำอย่างมีระบบให้นานขึ้นอีกหน่อย สามารถช่วยชีวิตคนได้มากขึ้น อ่านสรุปข่าวได้ที่ 

Don't Give Up Yet! Longer In-Hospital Resuscitation Effort May Improve Survival

 ส่วนตัวรายงานตามไปอ่านได้ใน http://www.thelancet.com/journals/lancet/article/PIIS0140-6736(12)60862-9/abstract">">Lancet ค่ะ

อ่านแล้วนึกถึงกรณีไม่ไกลตัวเท่าไหร่ที่เพิ่งได้ยินก็คือพยาบาลที่มอ.เรานี่เอง ที่โดนปั๊มหัวใจนานกว่าครึ่งชั่วโมง แล้วก็สามารถฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ เพราะคุณหมอไม่ยอมหยุดช่วยปั๊ม ซึ่งถ้าคุณหมอท่านใจอ่อนก็คงยอมแพ้และพยาบาลท่านนั้นก็คงไม่ได้มีชีวิตอยู่ในวันนี้ อันนี้ก็คงขึ้นอยู่กับการพิจารณาณ เวลานั้นและชะตาชีวิตของเราแต่ละคนนั่นเองนะคะ

12
2
Wasawat Deemarn
เขียนเมื่อ

| อนุทิน ... ๓๑๒๓ |

"อาจารย์ประจำหอพัก..สักคน"

ระยะนี้ หอพักนักศึกษาครูเป็นเิลิศ ต้องการประกาศรับ "อาจารย์ประจำหอพัก" ๑ ตำแหน่ง ที่ต้องมีวิญญาณความเป็นครูมาก ๆ สำหรับการดูแลชีวิตของเด็กทั้งหมด เราเลือกรับระดับปริญญาโทในทุกสาขาที่เรามีเปิดสอนในคณะผลิตครู เป็นผู้หญิง เนื่องจากนักศึกษาหญิงเยอะกว่าชาย และสอนนักศึกษาระดับปริญญาตรีได้ด้วย ในเรื่องนี้ รองฯ บอกว่า มีคนมาโทรศัพท์มา บอกว่า ตัวเองจบการสอนภาษาััอังกฤษ ถามเรื่องเงินเดือนก่อน ยังไม่ทันได้แสดงผลงานเลยก็เอาเงินไว้ก่อน แล้วบอกว่า ยังไม่ปรับตามอัตราที่รัฐบาลกำหนดนี่

ผมเลยบอกรองฯ ว่า ไม่ต้องรับคนนี้ เงินนำ ความเป็นครูไม่ต้องพูดถึง หากไม่ได้จริง ๆ ก็ขยายการรับออกไปอีก ไม่ได้คนที่มีวิญญาณความเป็นครูจริง ๆ ก็ไม่ควรรับมา เพราะจะมีปัญหาตอนหลัง

5
2
นางสาว กมลรัตน์ ฉิมพาลี
เขียนเมื่อ

เด็กคณิต...ไม่พิศมัยชีวะ

        การสอนนักเรียนที่มีเจตคติที่ไม่ดีต่อวิชาเรียนอยู่แล้วนี่เป็นงานหนักพอสมควร ทั้งๆที่วิชาชีววิทยา น่าจะเป็นวิชาที่เด็กๆเรียนรู้ได้ง่าย ไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่ประสบการณ์เกี่ยวกับวิชาชีววิทยาของเด็กกลุ่มนี้คงโหดร้ายน่าดูถึงทำให้เด็กไม่ชอบชีววิทยาเลย....
        ถึงแม้การสอนครั้งนี้จะเป็นเพียงการสอนพิเศษเด็กๆ 4 คน แต่ทุกครั้งที่ลงมือสอน ทุกครั้งที่มีบทบาทเป็นนางเอกของห้อง ครูปุ้มต้องทำให้พระเอก(เด็กๆ) หลงรักครูปุ้มและวิชาชีววิทยาให้ได้ ต้องรักษากฏหมายของการเป็นครูชีววิทยาค่ะ สอนให้เด็กรักวิชาชีววิทยาคือกฏหมายสูงสุดของการเป็นครู เพราะความรักนี่เป็นพลังที่สำคัญมากนะค่ะ ถ้าเด็กรักในสิ่งที่เค้าเรียนรู้ ครูแทบจะไม่ต้องทำอะไรนอกจากเป็นผู้อำนวยความสะดวกจริงๆค่ะ แต่สำหรับเด็กกลุ่มนี้ ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาแห่งห้วงของความรักค่ะ
       เทคนิคการสอนที่ดีที่ครูปุ้มประสบมาด้วยเอง คือ การทำข้อสอบค่ะ เด็กๆจะไม่รู้เลยว่าความรู้ที่เค้าได้รับตอนนี้ต้องสังเกตอะไร ต้องสนใจอะไรเป็นพิเศษ ต้องเข้าใจระดับไหน จนกว่าจะเจอสถานการณ์จริง การสร้างเหตุการณ์หรือสถานการณ์ให้ผู้เรียนได้นำความรู้ไปใช้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่สามารถทำได้ง่ายๆ คือการให้ทำแบบทดสอบค่ะ แบบทดสอบมีอยู่มากมายหลากหลาย ทั้งสร้างจากผู้เชี่ยวชาญแบบเป็นมาตรฐาน คือข้อสอบระดับชาติต่างๆ และข้อสอบจากหนังสือต่างๆมากมาย ครูจึงไม่ใช่เพียงผู้ที่เลือกๆข้อสอบมาแล้วให้นักเรียนทำ แต่ครูต้องมีเทคนิคในการเลือกข้อสอบค่ะ
      ครูปุ้มเห็นด้วยกับความคิดที่ว่า "ไม่ใช่เรียนเพื่อทำข้อสอบอย่างเดียว องค์ประกอบอื่นก็มีความสำคัญ" แต่กว่าจะไปถึงองค์ประกอบต่างๆ การทำข้อสอบก้สำคัญเหมือนกันค่ะ

.....โชคดีที่ได้เป็นทั้งคุณครูและนักศึกษาปริญญาเอกในเวลาเดียวกัน การมีบทบาทควบคู่กันอย่างนี้ ทำให้ครูปุ้มได้เห็นมุมมองที่มากขึ้น เห็นปัญหากว้างขึ้น รวมทั้งคิดวิเคราะห์มากขึ้นค่ะ

...ทำไมครูปุ้มถึงชอบเรียนในบางวิชาและไม่ชอบเรียนในบางวิชา....

   ลองตั้งคำถามและหาวิธีการตอบคำถามของตัวเอง พบว่า
   วิชาที่ครูปุ้มชอบ เป็นวิชาที่คุณครูสอนเข้าใจ  คุณครูให้เวลาและให้ความสนใจในตัวเรา เห็นพัฒนาการของตัวเอง ยิ่งได้ลองใช้ ได้เห็นวิธีการ ได้ฝึกผิด-ถูก ยิ่งทำให้หลงรักในวิชานั้น

  วิชาที่ไม่ชอบเรียน คุณครูสอนไม่เข้าใจ คุณครูพูดอะไร พูดกับใครก็ไม่รู้  ไม่เคยได้ลองใช้ ทำไปทีไรผิดทุกที แต่ไม่รู้ว่าผิดยังไง จะถูกต้องทำยังไง และไม่รู้ว่าท้ายที่สุดแล้วตัวเองอยู่ตรงจุดไหน......

     เมื่อได้คำตอบ ครูปุ้มก็ค่อยๆคิดและหาวิธีการ ที่สำคัญที่สุดคือความใจเย็น ไม่พยายามทำเหมือนจับความรู้ใส่สมองเค้า ครูปุ้มจะค่อยๆพยายามแทรกซึม และปล่อยให้เค้าค่อยๆซึมซับไปในที่สุด

      เมื่อวานนี้ครูปุ้มต้องสอนเรื่องคุณสมบัติของสิ่งมีชีวิต ถ้าให้เนื้อหาก็คือการบรรยายอย่างเดียว เพราะที่บ้านนักเรียนมีแค่ไวท์บอร์ดเท่านั้น แต่ครูปุ้มเริ่มด้วยการชวนคุยค่ะ "รู้ไหม กะเทยนี่คือเรื่องธรรมชาติจริงๆนะ" ได้ผลค่ะ คนหนึ่งที่กำลังดีดกีตาร์ก๊องแก๊งๆ คนหนึ่งที่กำลังร้องเพลง คนหนึ่งที่นอนกับโต๊ะ คนหนึ่งที่นั่งบิดยางลบ ค่อยๆเงยหน้ามองครูปุ้ม

     
"มันธรรมชาติตรงไหนครับครู" ตัวแสบคนที่หนึ่งเริ่มยิงคำถาม "ปกติสิ่งมีชีวิตมีการสืบพันธุ์อย่างไรบ้าง" "เสียบครับ" ดูเอาเถอะค่ะ คำตอบของเด็กทุกวันนี้ แต่อย่าเพิ่งหงุดหงิดเป็นอันขาดค่ะ  ต้องค่อยๆตะล่อมกลับเข้ามา "การเสียบนี่ต้องเกิดระหว่างเพศหนึงกับเพศชายใช่ไหมค่ะ" แต่ Lizard บางชนิด มีเฉพาะเพศเมีย มันจะทำยังไง" ได้ผลสุดๆค่ะ เริ่มสนใจ เปิดชีทหานู่นี่นั่น เริ่มมองมาทีกระดาน เร่งเร้าให้อธิบาย ครูปุ้มต้องค่อยๆเล่าเรื่อง Sex reversal, parthenogenersis และการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศของสิ่งมีชีวิตบางชนิด

     2 ชั่วโมงที่ต้องสอนเด็ก 4 คนนี้เหมือนโดนสูบวิญญาณไปสักครึ่งชีวิต เพราะเหนื่อยมาก ต้องมีลูกล่อลูกชน ต้องเกลี้ยงกล่อม ตะล่อมให้เข้าทาง ต้องรอบรู้เพื่อจะตอบข้อสงสัยต่างๆ อย่างชัดเจน

     ในระหว่างที่เด็กๆเรียนรู้จากครู สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือการที่ครูเรียนรู้จากเด็ก หาวิธีช่วยเหลือและพัฒนาเค้าให้ได้รับรู้ในความสามารถของตนเอง

     วันนี้ครูปุ้มยังทำให้เด็กๆรักชีววิทยาไม่ได้  แต่ไม่ได้หมายความว่าในอนาคตเด็กๆจะไม่รักชีววิทยานี่ค่ะ อย่างน้อยตอนนี้เด็กก็มีพฤติกรรมการเรียนที่ดีขึ้น มีสติมากขึ้น และสามารถทำใบงาน แบบฝึกหัดตรงหน้าได้นานมากขึ้น รวมถึงการเดินไปหยิบกีตาร์ขึ้นมาเล่นก็ลดลง

     "เมื่อได้รับบทให้เป็นนางเอก ไม่ว่าจะเป็นหนังใหญ่ หนังเล็ก ครูปุ้มทุ่มทุนสร้างเสมอค่ะ เพราะหน้าที่ของครูปุ้มคือ ทำให้เด็กรักชีววิทยาค่ะ สอนให้เด็กรักชีววิทยาไม่ได้นี่ ผิดกฏหมายตายเลย"

2
2
โอ๋-อโณ
เขียนเมื่อ

Online Applications: บางครั้งเราสามารถหาโปรแกรมออนไลน์ได้ฟรี

เช่นจาก ที่ www.techsupportalert.com
2
0
โอ๋-อโณ
เขียนเมื่อ

ดูรายการวีไอพี ได้ฟังได้เห็นวิธีคิดของคุณสุพจน์ ช่อแก้ว “ศิลปินพเนจร” ที่ไม่มีแขน ไม่มีขา เพราะไฟฟ้าช้อตตั้งแต่อายุ 15 เรียนจบ ป.6 พิการ ฟังแล้วชื่นชมมากๆกับวิธีคิดที่คุณสุพจน์ ที่บอกว่าชีวิตที่มีอยู่เป็นกำไร เขาไม่เคยคิดเปรียบเทียบอะไรกับใครเลย "ใช้ชีวิต"อย่างคุ้มค่าจริงๆ ใครๆที่คิดว่าตัวเองโชคร้าย ทุกข์ทรมาน ต้องมาดูนะคะ ตามไปดูเทปรายการ (จะเป็นช่วงกลางๆค่ะ) ได้http://www.dooeii.com/vip%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B9%84%E0%B8%AD%E0%B8%9E%E0%B8%B5(%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%82%E0%B8%94%E0%B8%A2%E0%B9%84%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B9%81%E0%B8%82%E0%B8%99)16%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%992555.html">ที่นี่ค่ะ 

ชื่นชมวิธีคิดของคุณสุพจน์มากๆ เป็นคนสอนคนได้ด้วยทั้งวาจา และการกระทำ สุดยอดมากๆค่ะ ใจเกินร้อยจริงๆ

11
2
โอ๋-อโณ
เขียนเมื่อ

น้องฟุงไปดูหนังครั้งแรกในรอบหลายเดือนก็มีเหตุให้ได้ตื่นเต้น ประสบการณ์ตรงกับการอพยพออกจากโรงหนังที่ลีการ์เดน น้องฟุงบอกว่านึกว่าเอฟเฟ็คในหนังพอดีจังหวะเลย คือพื้นโรงสั่นสะเทือน แล้วก็มีคนเข้ามาตะโกนว่ามีระเบิด น้องฟุงบอกว่า มีเจ้าหน้าที่ส่องไฟให้วิ่งออกกันไปทางหนีไฟ ด้านนอกมีแต่ควันเต็มไปหมด 

น้องฟุงบอกว่าเพิ่งรู้ว่าช้อคเป็นยังไง ฟุงตกใจถือโทรศัพท์แต่นึกไม่ออกว่าจะโทรหาใครดี (มีการคิดว่าจะโทร 191 หรือโทรหาพ่อดีด้วย) สุดท้ายโทรบอกพ่อระหว่างกำลังเคลื่อนย้าย แล้วพอถึงบ้านเพื่อนซึ่งอยู่ใกล้ๆแถวนั้น ค่อยโทรบอกพ่อไปรับอีกที เรียกว่าตัดสินใจได้รวดเร็วมาก ทำให้กลับถึงบ้านภายในเวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมงหลังเกิดเหตุ 

น้องฟุงบอกว่า เขม่าควันติดผม ติดเสื้อและอยู่ในจมูกต้องล้างกันนานเลย 

นึกภาวนาให้เด็กๆทั้งหลายที่ไปลีการ์เดนกันวันนี้ปลอดภัยถึงบ้านกันทุกคน เพราะที่นั่นคือแหล่งรวมของเด็กทุกเพศทุกวัยในวันหยุด รู้ว่ามีระเบิดตรงนั้นก็ต้องรีบตามลูกหลานกันทั้งนั้น น้องฟุงนานนานจะไปสักที ก็ได้มีเหตุให้จำไปนานเลย แต่ดูแล้วสบายใจที่ลูกดูเป็นคนมีสติ และไม่ตื่นกลัว สามารถเอาตัวรอดได้ 

11
7
ขจิต ฝอยทอง
เขียนเมื่อ

เก็บเสื้อผ้าตัวเองได้สามถุงใหญ่ เพื่อเอาไปบริจาคหลังจากที่ขอบริจาคจากคณะ ผ่านลุงยามตอนเข้ามหาวิทยาลัย ให้เสื้อวอร์ม ลุงยามไปหนึ่งตัว แกยิ้มแป้นเลย ...สิ่งบางสิ่งเล็กน้อยแต่งดงาม...มีความสุขอีก 1 วัน เย้ๆๆ

14
4
โอ๋-อโณ
เขียนเมื่อ

ขอเอากลอนของพี่ใหญ่ นงนาท มาแปะในอนุทินวันนี้ ด้วยความขอบคุณที่พี่ช่างแต่งได้แทนใจเราดีเหลือเกิน อยากให้กัลยาณมิตรทั้งหลายได้อ่านกันด้วยค่ะ ขอมาจากความเห็นในอนุทินอ.ธวัชชัยอีกทีค่ะ

Large_pyai

11
0
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท