อนุทินล่าสุด


หยั่งราก ฝากใบ
เขียนเมื่อ

ช่วงเช้าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิต..!!!!!...^_^

อ่านวิธีถนอมรักษาดวงตาจากสรรสาระ ...เพราะคนทำงานมักมใช้สายตามาก และแม้เมื่อไม่ทำงานก็ยังมานั่งจ้อง G2K อีก....เฮ้อ...คนเรานี่นะ

ต้องหมั่นกระพริบตาบ่อย ๆ พักทุก 20-30 นาที กรอกตา บน ล่าง ซ้าย ขวา หลับตานิ่ง ๆ ใช้ฝ่ามือที่ถูกันจนอุ่นประคบตา มองสีเขียวของต้นไม้ใบหญ้าบ้าง มองออกไปไกล ๆ  ยังท้องฟ้ากว้าง สุดลูกตา

ยังมีอีกข้อที่อ่านแล้วก็อดจะอมยิ้มไม่ได้ วิธีรักษาดวงตาที่ดีที่สุดคือ การร้องไห้  (ฮ่า...ได้การล่ะ คงมีหลายคนชอบ) เพราะน้ำตาเป็นสิ่งที่เหมาะที่สุดในการดูแล รักษาและชำระดวงตา และยังบอกไว้อีกด้วยว่า...ถ้าอยากร้องไห้โดยไม่ให้ใครรู้ ต้องปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมาเฉย ๆ ห้ามเช็ดห้ามขยี้ตา ... เพราะถ้าขยี้ตาจะบวมช้ำ

ต้องลองดูสักหน่อย...ว่าจริงไหม... อ๋อ ถ้าร้องไห้ไม่อยากให้คนอื่นรู้...ก็ต้องไม่เช็ดน้ำตาสินะ...แนะนำต่อดีกว่า... ^_^

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

หยั่งราก ฝากใบ
เขียนเมื่อ

ขอบันทึกถึงความกระเพื่อมไหวของจิตสักเล็กน้อย

...เพื่อเป็นสติและนำไปเป็นบทเรียนในการเป็น นักรบในสมรภูมิชีวิต ที่เราเพียรอยากเป็น

บางครั้งเราไม่รู้ ไม่เข้าใจว่า เพราะอะไรเราจึงถูกกระทบกระแทกกับ คำพูดบางคำ การกระทำบางอย่าง ไม่เข้าใจในเจตนาของผู้กระทำกับเราเช่นนั้น

ใช่...เราโกรธล่ะ....ต้องถามก่อนว่าทำไมจึงโกรธ...

หรือมัน...แทงใจดำ พอดี  ถ้าไม่แล้ว...คงไม่โกรธหรอกสินะ

อ้อ...เช่นนี้เอง โกรธ น้อยใจ ก็เพราะมันไม่เป็นอย่างที่เราต้องการนั่นเอง....

ให้ไว้กับความกระเพื่อมของจิต...ต้องขอบคุณที่ได้ช่วยสอนให้รู้จักจิตของตัวเองจ้ะ...^_^



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

หยั่งราก ฝากใบ
เขียนเมื่อ

มนุษย์ทุกข์เพราะ..กลัวการเปลี่ยนแปลง...ความไม่เที่ยง ไม่คงทน

...หากแต่...เต๋าและเซนชี้ให้เห็นถึง การมองลึกลงไปให้เห็นว่าในท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง ก็มีบางสิ่งบางอย่างดำรงอยู่อย่างสงบนิ่ง ในท่ามกลางอนิจจังก็มีความเป็นอมตะ ในท่ามกลางความเสื่อมสลายมีความจีรังยั่งยืน ... นั่นคือ..ขณะนี้ เท่านั้น (หน้า 332,เต๋าเต็กเก็ง)

ขอเพียงเราเข้าใจและอยู่กับปัจจุบันขณะ ด้วยสติที่สมบูรณ์เต็มเปี่ยม  รักและขอบคุณทุกขณะของเรา

...เช่นนี้แล้ว...เรายังจะกลัว....อีกหรือ....อย่าได้กลัวไปเลย



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

หยั่งราก ฝากใบ
เขียนเมื่อ

 

ชอบข้อความที่แสดงถึงความคิดและประสบการณ์ของพี่บางทราย ขอบันทึกไว้กันลืมสักหน่อย

"ความจริงคือ การดำรงอยู่ของสรรพสิ่ง แล้วแต่ว่าเราอยู่ในตำแหน่งไหนแล้วมอง ซึ่งบางมุมไม่สวย บางมุมสวย  จริงๆอย่างที่กล่าวครับ แน่นอนเราก็ชอบมุมที่สวยๆ  แต่เราก็ปฏิเสธมุมไม่สวยไม่ได้  เพราะทั้งหมดนั่นคือการดำรงอยู่และเปลี่ยนแปลง เราเข้าใจและมิอาจฝืนสัจจะนี้ได้"

ผู้มีประสบการณ์และเก็บประสบการณ์มาใคร่ครวญด้วยหัวใจที่เปิดกว้างและอ่อนโยนนั้น จะพูดจะเขียนก็เต็มไปด้วย แง่มุมที่งดงามกินใจ ให้ปัญญาอยู่เสมอ.



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

หยั่งราก ฝากใบ
เขียนเมื่อ

เมื่อวานเข้าไปฟังเพลงในบันทึกของคุณกัญญา ชื่อเพลง "ดอกไม้จะบาน" ซึ่งเป็นเพลงที่นิสิต นักศึกษามักจะต้องเคยได้ยินได้ร้องมาแล้วบ้างในยามที่เป็นน้องใหม่ในมหาวิทยาลัย

ดอกไม้ ดอกไม้จะบาน

บริสุทธิ์กล้าหาญจะบานในใจ

สีขาวหนุ่มสาวจะใฝ่

แน่วแน่แก้ไขจุดไฟศรัทธา

เรียนรู้ต่อสู้มายาก้าวไปข้างหน้า

เข้าหามวลชน ชีวิตอุทิศยอมตน

ฝ่าความสับสน เพื่อผลประชา

ดอกไม้บานให้คุณค่า จงบานช้าๆ แต่ว่ายั่งยืน

ที่นี่และที่อื่น ๆ ดอกไม้สดชื่น ยื่นให้มวลชน

เกิดความรู้สึกว่า เพลงบางเพลงมีคุณค่า อมตะ และอยู่ในใจของผู้คนได้ตลอดกาล เพราะมีเนื้อหา ท่วงทำนองที่จรรโลงใจ ให้อาหารแก่อารมณ์ ความคิด จิตใจของมนุษย์และสังคมโลก

แอบคิดเล่น ๆ (อีกแล้ว) ถ้ามีเพลงแบบนี้มาก ๆ เด็ก ๆ ของเราคงมึจิตใจที่อ่อนโยนและมีจิตสาธารณะมากขึ้น สังคมและโลกจะสวยงามสักเพียงไหนกันหนอ

ถ้าอยากฟังเพลงนี้ ก็เข้าไป ที่นี่ ค่ะ

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

หยั่งราก ฝากใบ
เขียนเมื่อ

เช้านี้สะดุดใจกับ บทที่ 78 เรื่อง ความอ่อนโยนมีชัยต่อทุกสิ่ง ในหนังสือ วิถีแห่งเต๋า แปลและเรียบเรียงโดย พจนา จันทรสันติ

บทที่ 78 ความอ่อนโยนมีชัยต่อทุกสิ่ง

  • ไม่มีสิ่งใดจะอ่อนนุ่มไปกว่าน้ำ

แต่ไม่มีสิ่งใดจะยิ่งไปกว่าน้ำ

ในการมีชัยเหนือสิ่งที่แข็ง

ไม่อาจหาสิ่งใดมาทดแทน

  • ความอ่อนแอมีชัยต่อความแข็งแรง

ความอ่อนโยนมีชัยต่อความแข็งกระด้าง

ไม่มีใครที่ไม่รู้

แต่ไม่มีใครที่ปฏิบัติ

  • ดังนั้นปราชญ์จึงกล่าวไว้ว่า

ผู้ที่สามารถทนรับการใส่ร้ายของโลกได้

สมควรที่จะเป็นผู้ดูแลรักษาอาณาจักร

ผู้ที่ทนแบกรับบาปโทษของโลกไว้ได้

สมควรเป็นกษัตริย์ปกครองโลก

  • คำพูดที่ตรงไปตรงมานั้น

ดูคล้ายเป็นคำที่บิดเบี้ยวและเป็นคำเท็จ

 

ดูเหมือนคนในปัจจุบัน (รวมทั้งตัวเองด้วย) กำลังหลงอยู่กับคำพูด สำนวน โวหาร จนลืมสาระอันแท้จริงของคำพูดเสียแล้ว

คำพูดที่ยอกย้อน กินใจ สวยหรู ดูดี ไพเราะนั้น ควรสำเหนียกและใส่ใจด้วยหัวใจที่ละเอียดอ่อน ด้วยหัวใจที่เปิดกว้าง

...เราจะได้...ไม่หลงประเด็น และไม่ทำร้ายกันอย่างไม่รู้ตัว...

 

ขอจงใช้ใจที่เปิดกว้าง รักและเมตตาต่อกันในการสื่อสารกับผู้อื่น...เราจะได้เข้าสู่ Space (มณฑลแห่งการตื่นรู้) ของโลกได้ง่ายขึ้น

 

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

หยั่งราก ฝากใบ
เขียนเมื่อ

ก่อนบันทึกคงต้องขออนุญาตกล่าวขอโทษผู้ที่ติดตามอ่านอนุทินของคนไม่มีรากทุกท่านค่ะ

ด้วยความที่ไม่ศึกษาการใช้อนุทินให้ดี จึงเขียนอนุทินตามความคิดของตนเอง กล่าวคือ เขียนเป็นเนื้อหาย่อ ๆ เพื่อกันลืม ในการจะนำไปใช้เป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการเขียนเรื่องที่ตัวเองสนใจ และเพิ่งทราบว่ามีผู้ติดตามอ่านอนุทินนี้อยู่ 5 ท่าน ซึ่งต้องขอขอบคุณทุกท่านที่สนใจเรื่องของคนเล็ก ๆ และออกจะไม่มีสาระอะไรมากนักค่ะ

ต้องสารภาพว่า..อายมากที่เขียนแบบย่นย่อและบางทีก็เป็นการระบายอารมณ์ความรู้สึกบางช่วงที่เกิดขึ้น ทำให้ดูเหมือนไม่เคารพผู้อ่านเลย แต่ทุกท่านคงอภัยให้เพราะเกิดจากความเชย..ส่วนตัว

ต่อไปจะพยายามเขียนให้เกิดประโยชน์สำหรับผู้อ่านให้มากขึ้นค่ะ



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

หยั่งราก ฝากใบ
เขียนเมื่อ

บางครั้งการคาดหวังกับบางสิ่งบางอย่าง บางคน มากเกินไป ก็ทำให้จิตใจหม่นหมอง...ไปได้อย่างน่าแปลกใจ

เรามักคาดหวังกับคนรอบข้าง สิ่งรอบตัว และแม้คาดหวังกับตัวเองต่าง ๆ นา ๆ  ..น่าจะ...รู้นะว่าฉันคิดอย่างไร ทำไมไม่เข้าใจ ไม่อาทร ไม่ใส่ใจต่อความคิดของฉันบ้างเลยหนอ เธออยากคิด อยากพูด อยากทำอะไร เธอก็ทำตามใจ เพราะฉันไม่เคยขัด งอนง้อ ยอมรับ ให้อภัยเธอตลอดไม่มีข้อแม้ ..ทำไมเราจึงคิด คาดหวังเช่นนั้นนะ โง่งมงาย ไม่อยู่กับร่องกับรอยเสียจริงเลย ..สารพัดสารพันที่เราจะต้องคาดหวังกับคนอื่นและตัวเอง

เราควรรักคนอื่นอย่างที่คนนั้นเป็นตัวเขา ไม่เพียงหวังว่าเราอาทรเขาขนาดนั้นแล้ว เขาควรเข้าใจและอาทรเราบ้าง...สักนิดหนึ่ง..

เราควรรักตัวเองอย่างที่เราเป็น ยอมรับตัวเอง อย่าหลอกตัวเอง ซื่อสัตย์กับตนเอง กล้าหาญที่จะยอมรับ

จะหลอกใครคงไม่ยากนักหรอก เพราะเราหลอกกันอยู่ทุกวัน เวลา นาที แต่การหลอกตัวเองนั้น จะทำได้นานสักเท่าใดกัน

จิตวิญญาณอันเปล่ากลวง มันร้องเรียก โหยหา ... ก็ยังไม่รู้ได้ว่าเมื่อไหร่มันจะเติมเต็มสักที

นักรบต้องอดทน ต้องเจ็บปวด ต้องเปราะบาง ต้อง...อะไรอีกมากมายเหลือเกิน  บางครั้งไม่อยากเป็นแล้วนักรบ...แต่เราเลือกเองนี่นา...เราเลือกเอง

เราต้องยอมรับมัน...สมรภูมิชีวิต...ดูโดดเดี่ยวจัง....



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

หยั่งราก ฝากใบ
เขียนเมื่อ

อ่านหนังสือ เรียนรู้ด้วยใจอย่างใคร่ครวญ ของวิจักขณ์ พานิช จบแล้ว ได้ความคิดหลายอย่าง อาจจะนำไปผนวกเข้ากับความคิด ความเชื่อเดิมของตัวเองมากไปหรือเปล่าไม่ทราบว่า

สารที่ต้องการสื่อก็คือ การตระหนักรู้ โดยการใช้การตั้งมั่นกับ ฐานความคิดภายในตัวตน การภาวนา การปฏิบัติ คุณวิจักขณ์ดูเป็นคนเยือกเย็น สงบนิ่ง น่าสังสรรค์พูดคุยด้วย คงเป็นสิ่งที่ฝึกฝนตนเอง ความสงบจึงปรากฎแก่ผู้ที่พูดคุยด้วย

จำได้ว่า ในการอบรมมีการกล่าวถึง Space ภายในและภายนอกที่เราจะต้องจัดการให้เหมาะสมในการที่เราจะให้ความรู้แก่ผู้เรียน

ครูที่ดีต้องใคร่ครวญ ระมัดระวัง และพิถีพิถันและประณีตในการสร้างสรรค์ Space ที่เหมาะสมให้แก่ศิษย์

วันนี้ค้นหนังสือเก่า ๆ พบหนังสือที่น่าสนใจเล่มหนึ่งคือ วิถีแห่งเต๋า ซึ่งซื้อเก็บไว้นานมาแล้ว แต่ไม่เคยอ่านได้จบเลย  อ่านเมื่อไหร่ก็รู้สึกเหมือนอ่านใหม่ทุกครั้ง

ตั้งใจจะเลือกอ่านแล้วนำไปแลกเปลี่ยนกับคนที่สนใจสักคน

กำลังคิดว่าน่าจะเป็นใครจึงจะชอบคุยเรื่องพวกนี้



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

หยั่งราก ฝากใบ
เขียนเมื่อ

วันนี้อ่าน เรียนรู้ด้วยใจอย่างใคร่ครวญ ที่เขียนโดยคุณวิจักขณ์ พานิช ทั้งวัน  แต่ยังไม่จบ ดูเหมือนจะยังไม่สามารถรับสาระที่คนเขียนต้องการสื่อให้ได้ทั้งหมด

การพูด เล่า เรื่องที่เป็นนามธรรมมาก ๆ นั้น จะว่าเข้าใจยากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่าย บางครั้งครุ่นคิดอยู่นานเท่านาน ยังไม่กระจ่างใจ บางทีก็เพียงพลิกฝ่ามือ

มันคงต้องมีกุญแจอะไรสักอย่างหนึ่ง  น่าจะเป็น การใคร่ครวญหลังจากการสร้างมณฑลแห่งการตื่นรู้แล้ว 

ขั้นต่อไป คงต้องประคับประคอง ให้มณฑลแห่งการตื่นรู้อยู่กับเราได้นาน ๆ และหมั่นใคร่ครวญบ่อย ๆ

ต้องตั้งใจ และ แน่วแน่กว่านี้ ใช้เวลาเพื่อการเรียนรู้ให้มากกว่านี้

...เราจะเป็นนักรบ...ตามหาจิตวิญญาณอันเก่าแก่ แห่งชับบาลา



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

หยั่งราก ฝากใบ
เขียนเมื่อ

My Quest  จากการอบรมเมื่อ 28 เม.ย.51

อะไรที่กำลังค้นหา...ในชีวิต  หลายครั้งบอกตัวเองว่า..ก็แค่อยากเป็น..ตัวเอง

...ตัวเอง..คือใคร อะไร จะไปไหน   อยากเป็นที่ยอมรับกระนั้นหรือ

หรือว่า...แม้ตัวเองก็ยังไม่ยอมรับตัวเอง...จึงดิ้นรนไขว่คว้า...การยอมรับ

คงอยากตามหา ทำอะไรสักอย่างหนึ่งเพื่อเติมเต็ม...ความเปล่ากลวง..ในวิญญาณละกระมัง...แต่ยังไม่รู้นี่นา...อะไรกัน..เล่า

ความอยากนี่..มันทุรนทุรายเหลือเกิน หาไม่เจอ ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน...ตะกายหา..ค้น..ทางสายนั้น สายนี้ ทางนี้ใช่เลย ทางนี้ยังไม่ใช่หรอก เปลี่ยนใจอีกแล้ว...

ชีวิตคือ..การเดินทางของวิญญาณอันโหยหา...ไม่รู้ว่าจุดหมายอยู่ที่ไหนกันแน่...หรือว่า...จะรู้แล้ว..แต่ก็ยังโลเล...ลังเล...

หลายครั้งที่บอกตัวเองว่า อยากให้ประสบการณ์ ความรู้ ความชำนาญของเราได้เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น แก่โลก

เราเสพผลประโยชน์จากโลกและคนรอบข้าง...เราต้อง..ตอบแทนคุณ..ด้วยใจที่อ่อนน้อม ถ่อมตน และเปี่ยมด้วยความรัก

การใช้ชีวิตที่มิได้เพียงเพื่อตัวเองเท่านั้น  ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ชีวิตง่ายขึ้น ทุรนทุราย โหยหาน้อยลง สงบระงับขึ้น

ดูเหมือน..แค่อยากค้นพบตัวเอง..ค้นพบจิตวิญญาณอันเก่าแก่...มั้ง..

ว่าแต่..คงต้องตรวจสอบ ใคร่ครวญว่า...เราหลอกตัวเองอยู่หรือเปล่า...ใช่แน่ละหรือ...



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

หยั่งราก ฝากใบ
เขียนเมื่อ

นักรบแห่งชับบาลา ดวงจิตอันเก่าแก่ที่เดินทางไม่สิ้นสุด

นักรบ ต้องอดทน เยือกเย็น หนักแน่น ผ่านความเจ็บปวดเพื่อการเติบโตทางจิตวิญญาณ

ที่สำคัญตัองกล้าเผชิญกับความกลัว...ความโดดเดี่ยว...

วิถีแห่งนักรบ นั้น ยากเย็น โดดเดี่ยว เพียงนี้เชียวหรือ...ยาวนานสักเพียงใดกันหนอ

....กว่าจะค้นหาจิตวิญญาณที่แท้จริง...แห่งนักรบในสมรภูมิชีวิต

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

หยั่งราก ฝากใบ
เขียนเมื่อ

วันนี้ประชุม การอบรมภาวะผู้นำทางจิตตปัญญาศึกษาสู่มหาวิทยาล้ยที่ บ้านผู้หว่าน นครปฐม

วิทยากร 3 ท่าน คือ คุณณัฐฬส วังวิญญู สถาบ้นขวัญเมือง คุณวิจักขณ์ พานิช และคุณฌาณเดช พ่วงจีน

ติดใจในส่วนของ มณฑลแห่งการตื่นรู้ Space ทุกคนมี Space ต่างก้นไม่เท่ากัน ต้องจัดการกับ Space นี้ เสียก่อน จึงจะเปิดตัวตนและเรียนรู้ได้อย่างใคร่ครวญ

เย็นนี้จะเป็นกิจกรรมเรื่องเกี่ยวกับ นาโรปะ



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

หยั่งราก ฝากใบ
เขียนเมื่อ

วันนี้รู้สึกราวกับว่า ได้รู้จักตัวตนภายใน โลกภายใจ ของตัวเองมากขึ้นแล้ว ...

การรู้จักลักษณ์ของตนเอง จะทำให้เราก้าวข้าม กับดัก ได้อย่างสง่างาม และ องอาจ.



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

หยั่งราก ฝากใบ
เขียนเมื่อ

จากการวิเคราะห์ลักษณ์ของตัวเองแล้ว คิดว่าน่าจะเข้าใจตัวเองยังไม่ดีพอ เพราะคิดว่าตัวเองเป็นลักษณ์ 1 แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์บางอย่างทำให้คิดว่าตัวเองยังคง เป็นคน Sensitive มากเกินกว่าจะเป็นลักษณ์ 1

อาจต้องพิจารณาลักษณ์อื่น ๆ ต่อไป.



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

หยั่งราก ฝากใบ
เขียนเมื่อ

อ่านคนครบทั้ง 9 ลักษณ์แล้ว  ท่านอ.อัญชลีได้บอกถึงลักษณะเฉพาะ ปัจจัยแห่งความสำเร็จ ปัจจัยที่อาจเป็นปัญหา รวมทั้งสิ่งที่ควรสร้างให้เป็นจุดแข็งของคนแต่ละลักษณ์ไว้อย่างน่าสนใจ

ตั้งใจว่าจะลอง Classify ออกเป็น 3 กลุ่ม ตามแนวทาง Neo-Humanist (Animality  Humanist  Neo-Humanist) จะได้วิเคราะห์ว่าปัจจัยร่วมคืออะไร ต่างกันตรงไหน.



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

หยั่งราก ฝากใบ
เขียนเมื่อ

อ.อัญชลีกล่าวไว้ว่า  "ยิ่งเราเข้าใจตัวเองมากเท่าไร เราจะเข้าใจคนอื่นมากขึ้น" 

น่าจะเป็นประเด็นเดียวกันกับ "ตระหนักรู้จากภายใน"



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

หยั่งราก ฝากใบ
เขียนเมื่อ

อ่านงานเรื่องนพลักษณ์ของท่านอ.อัญชลี (บางส่วน) ทำให้รู้สึกว่าน่าจะมีความสัมพันธ์ในทางเดียวกัน (Parallel correspondence) ระหว่าง จิตปัญญาศึกษา และ Neo-Humanist

ประเด็นสำคัญคือการสามารถเข้าถึง ความจริง ความดี และความงาม ที่เกิดจากตระหนักรู้จากภายใน

* การให้ความสำคัญกับ โลกภายใน



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

หยั่งราก ฝากใบ
เขียนเมื่อ

อ่านเรื่อง Neo-Humanist จบแล้ว ตั้งใจเก็บรายละเอียดอีกบางส่วน ต้องหยุดก่อนปวดตามาก

คิดว่า Neo-Humanist มีความใกล้เคียงกับพระพุทธศาสนามากที่สุด น่าจะนำมาเปรียบเทียบกันได้ในส่วนของปรัชญา วิธีการ (มรรค) และผลที่ได้รับจากการปฏิบัติ

*เขียนเชิงเปรียบเทียบกัน โดยยกตัวอย่างอธิบาย



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

หยั่งราก ฝากใบ
เขียนเมื่อ

ตื่นเช้ายังไม่ได้ปฏิบัติภารกิจอื่น ก็รีบหยิบหนังสือเล่มเล็ก ชื่อ เราเกิดมาทำไม ของพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก อ่านเป็นของขวัญวันหยุดสงกรานต์ให้ตัวเองเสียหน่อย

ติดใจวรรคหนึ่งที่ว่า หากเราพิจารณากฏแห่งกรรม ด้วยปัญญาชอบแล้ว เราจะเข้าใจว่ากรรมปัจจุบันสำคัญที่สุด

ตั้งใจจะนำไปลองประยุกต์และเขียนสักบันทึกหนึ่ง



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท