ดอกไม้


subah
เขียนเมื่อ

นานมากที่ห่างหายจากที่นี่ นึกถึงตลอดแต่ไม่มีโอกาสเข้ามา วันนี้มีเวลาตื่นเช้าเพราะต้องไปทำงาน วันนี้ตื่นมาจากความรู้สึกมึนๆ ง่วงๆ เสียงนาฬิกาปลุกบวกกับเสียงคนข้างๆบอกตื่นได้แล้ว อย่าดื้อ เดี๋ยวไปทำงานสาย อิดออดอยู่เล็กน้อยรีบพรวดออกจากเตียงอาบน้ำแต่งตัว เดินออกมารอรถ มองนาฬิกาเกือบสาย ตีห้ายี่สิบใช่อีกไม่กี่นาทีรถก็มาแล้ว ระหว่่างรอรถเจอเพื่อนบ้านคนนึงมายืนรอรถ จุดหมายต่างกันจุดประสงค์เดียวกัน ทำงานหาเลี้ยงครอบครัวเหมือนกัน คุยกันเล็กน้อยเรื่องราวประสาคนทำมาหากินเหมือนกัน รถจอดสองคนต่างวัยต่างขึ้นรถเพื่อไปทำหน้าที่ของตนเอง ขณะที่อีกหลายชีวิตยังหลับไหล

 

หลังจากขึ้นรถต่างแยกย้ายหามุมของตัวเอง ระยะเวลาสองชั่วโมงมันมากพอให้เรามีเวลาอยู่กับตัวเอง เสียงเพลงเพราะๆบนรถ อากาศกำลังเย็นสบายจากแอร์ในรถ ถ้าเป็นวันอื่นๆ คงหลับสบายจนถึงจุดหมาจย แต่สำหรับวันนี้ไม่ใช่ มองสองข้างทางเต็มไปด้วยป่าหมอก คิดไปถึงคนที่อยู่บนยอดภู คงหนาวจนเหน็บ แต่ยังไงก็ตาม มันคือชีวิต คือเรื่องราวที่ทุกชีวิตต้องเผชิญกับมัน เรื่องราวที่แตกต่าง ธรรมชาติให้มาแต่ละที่ทางต่างกัน มันไม่ใช่อุปสรรคของการทำงาน    

 

 

 

เมื่ออชีวิตยังไม่สิ้นต้องดิ้นต่อไป บางครั้งเหนื่อย หลายครั้งท้อ เคยคิดว่าชีวิตเราเหนื่อยเหลือเกิน แต่มองไปรอบข้างมีคนที่หนักหนากว่าเราอีกมาก เขายังอยู๋ได้ แล้วทำไมเราจะอยู่ไม่ได้ เหนื่อยก็พักบ้าง ปล่อยไปบ้างบางอย่างอย่ายึดติด บางครั้งภาระที่เราคิดว่ามันเป็นตัวผูกเรา จริงๆมันอาจต้องการการผ่อนบ้าง อะไรที่่มันตึงเกินมันต้องมีการผ่อน ช้าๆ ไม่ต้องรีบ ชีวิตยังต้องการเวลาที่สวยงามบ้าง มองไปสองข้างทางยังมีสิางสวยงามให้เราได้มองเห็น ได้ไปสัมผัสกับมัน ให้เวลากับตัวเองนะ        

 

     

 

วันนี้ลงจากรถคันนี้ไปแล้ว ไม่ว่าต้องเจอกับอะไร จะนำความเหนื่อยล้า ยุ่งยากใจมาให้กับเราแค่ไหน เราต้องไม่ไปยุ่งยากใจไปกับมัน ปล่อยให้เป็นไปตามทาง ทุกอย่างมันมีคำตอบอยู่แล้ว ขอแค่ให้เรามีสติที่จะทำวันนี้ และทุกๆวันให้ดีที่สุดก็น่าจะเพียงพอ

 

 

 

มาได้ครึ่งทางแล้ว มองไปสองข้างทางยังสวยงามยังคงมีหมอกปกคลุม ขอให้มีความสุขกับอีกวันของชีวิต

 

 

5
2
บุษยมาศ
เขียนเมื่อ

เมื่อคืนแอบไปนอนกับ "ฟ้าคราม" มา เพราะย่า "คิดถึง" หนูจร้า...สังเกตว่าตอนกลางคืนอากาศที่บ้านพรหมพิรามเริ่มเย็นแล้ว...เมื่อเช้าขับรถมาที่บ้านพิษณุโลก เห็นหมอกจาง ๆ สงสัยเหมือนกันว่าหมอกฤดูฝน หรือหมอกฤดูหนาว

 

6
2
krutoiting
เขียนเมื่อ

บางทีฉันรู้สึกเหมือนฉันไม่รู้อะไร แต่บางทีฉันก็ไม่รู้อะไรเลยจริงๆ

 

 

6
1
แสงแห่งความดี...
เขียนเมื่อ

คุยกับลูกสาวโดยมีลูกชายนั่งอยู่ใกล้ ๆ ว่า...ก่อนกลับปักษ์ใต้ พ่ออยากพาน้องไปดูสัตว์ ที่เขาเขียว

วันธรรมดาแบบนี้ พ่อว่า....เราน่าจะจอดรถดูสัตว์ได้ทุกจุดนะ

//

คนที่มองมีความสุขมากที่สุดในกลุ่ม...น่าจะเป็นดวงใจ 

เพราะลูกออกอาการ ...ตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด

วันนี้ พ่อจะพาหนูไปดูสัตว์ และดูความเป็นมาของมันด้วย จะให้มีสาระมากขึ้น เพราะเป็นวันธรรมดา น่าจะปลอดผู้คนมากกว่าวันหยุด

..

ให้แม่น้องดวงใจ  ไปถามยายว่า...จะไปด้วยกันไหม?

แม่น้องดวงใจ ตอบแทนยายเดี๋ยวนั้นว่า...ยายคงไม่ไปหรอก

เพราะที่บ้าน ก็เป็นสวนสัตว์อยู่แล้ว  และเป็นสวนสัตว์เปิดด้วย

..

ข้าพเจ้า ฮา.....

 

เพราะรู้ว่า แม่น้องดวงใจพาดพิงถึงใคร

 

 

11
2
วราภรณ์
เขียนเมื่อ

นั่งจิ้มนั่งเลื่อนกด        ลืมไปหมดสัมพันธ์คน
โลกนี้ช่างชอบกล       ต่างลุ่มหลงด้วยยินดี
ส่งไลน์ส่งภาพถ่าย      ส่งวุ่นวายทุกนาที
ความรู้ไม่ยักมี             ส่งทั้งปีได้อะไร
เป็นไทใช่เป็นทาส       พึงฉลาดหากรู้ใช้
เทคโนฯที่ก้าวไกล       รู้สื่อสารได้ปัญญา
เลือกใช้ในทางถูก       เพื่อฝังปลูกความก้าวหน้า
ชาติไทยพัฒนา          ไม่ใบ้บ้าถ้ารู้ทัน

                                          ธรรมทิพย์
                                ๒๖ กันยายน ๒๕๕๖

13
0
อ.นุ
เขียนเมื่อ

ต้นไม้ให้ ความร่มรื่นแก่ชีวิต
นกตัวนิดให้เสียงเพลงกล่อมโลกหล้า

ขอร่วมคัดค้าน การสร้าง..ที่ทำลายธรรมชาติและป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์ของชาติครับ

14
1
หนูรี
เขียนเมื่อ

21-09-2556

สวัสดียามบ่ายค่ะ

  • วันเริ่มปอกกล้วย วันแรก จากสวนเจ้ออง
  • ครั้งนี้ได้กล้วยไม่มาก 90หวี  

................

ปล.วันนี้คนแก่ก็คงต้อง ขอรำพึง + รำพัน ต่อ อีก ...แล้ว 

คือว่า .........อนุทินย๊าว ยาว ........บ่อยจัง

ไม่เข้า ข่าย กฎ กติกา ชุมชน คนGotoknow ...เข้าใจ ว่า ส่งการบ้านฝึกเรียนรู้

แต่คุณครู หรือ คนเรียนจะทราบไหม ...

9
9
ถาวร
เขียนเมื่อ

     เตรียมรับการเยี่ยมสำรวจจากสรพ.(สถาบันพัฒนาและรับรองคุณภาพโรงพยาบาล) พรุ่งนี้ เครียดค่ะ เครียดระดับกระตุ้นให้ตื่นตัว เตรียมงาน เตรียมความพร้อมทั้งเอกสารและความรู้ ช่วงนี้ผู้ป่วยซึมเศร้ามารับการรักษาเกือบครึ่งward เตรียมพร้อมในส่วนนี้มากเช่นกัน เพราะโรคซึมเศร้าเป็นหนึ่งใน 5 โรคแรกที่มารับการรักษาบ่อยๆ ในโรคอื่นๆของ5โรคแรกก็ต้องพร้อมเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นโรคจิตเภท อารมณ์แปรปรวน2ขั้ว พึ่งพิงสุรา และสมองเสื่อม และแม้จะไม่ใช่5โรคแรกก็ต้องพร้อม

     เรื่องระบบยา เรื่องความพร้อมในการอธิบายยาที่ผู้ป่วยแต่ละคนได้รับ ผลข้างเคียง การเฝ้าระวัง การให้ความรู้ผู้ป่วย เป็นต้น

     เรื่องความเสี่ยง (Risk) ก็ต้องพร้อม ในแต่ละตัวของ simple (ความปลอดภัย การติดเชื้อ ยา กระบวนการดูแลผู้ป่วย การดูแลเมื่อผู้ป่วยใส่lineต่างๆและการตอบสนองเมื่อมีสถานการณ์ฉุกเฉิน) ในบริบทของตึกจิตเวชมีอะไรที่สำคัญ warning signs ต่างๆ เช่นผู้ป่วยที่เสี่ยงก้าวร้าว ผู้ป่วยที่เสี่ยงฆ่าตัวตาย "Safety Goal" นอกจากนี้ต้องเชื่อมโยงงานตัวเองกับ CLT (Cilnical lead team) ของจิตเวช เชื่อมโยงอย่างไรในเรื่องต่างๆ ที่สรพ.อาจหยิบยกมาต้องอธิบายได้

     พร้อมศึกษาหนังสือเล่มเหลืองเพิ่มเติม    

                 

  บอกกับตัวเองว่า I CAN ...เราทำได้

7
4
ครูบาบินก้าว
เขียนเมื่อ

ข้อคิดดี ๆ ที่ควรดู และอ่านให้จบ เป็นบันทึก จากความซาบซึ้งให้คนไทย แม้ นี่คือ การโฆษณา ในเรื่อง... 

" การให้ "แล้ว จะพบว่า โลกใบนี้ ณ สังคมมนุษยชาติจะอยู่รอดได้ด้วยเกิดการให้...ให้...ให้... หรือ การเอา...มุ่งเอา... 

https://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=7s22HX18wDY 
จาก คลิปเรื่องราว...โดย ลงชื่อ นายแพทย์ประจักษ์ อรุณทอง



และ จาก อีกหนึ่งเรื่องรา...พร้อมเนื้อหา ลักษณะคล้าย กัน โดย เป็นเรื่องของ " นายแพทย์เดชา ทองวิจิตร เด็กขี้ขโมย "

ที่ถูกแชร์ ถูกส่งต่อกันอย่างมากมายในสังคมออนไลน์ เกี่ยวกับเรื่องราวของคุณหมอคนหนึ่ง ที่ผ่าตัดเนื้อร้ายให้กับหญิงคนหนึ่ง โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายแม้แต่บาทเดียว... ซึ่งคุณหมอคนดังกล่าว มีชื่อว่า "นายแพทย์เดชา ทองวิจิตร" แต่ถึงแม้ว่า จะไม่ทราบว่าผู้บอกเล่าเรื่องราวดังกล่าวเป็นใคร และเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่ ส่วนนายแพทย์เดชา ทองวิจิตร นั้น จะเป็นเพียงตัวละคร หรือเป็นนายแพทย์ที่มีตัวตนจริง ๆ แต่เรื่องราวดี ๆ เรื่องนี้ ก็ทำให้คนที่ได้อ่านรู้สึกตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูก แถมได้ข้อคิดหลายอย่างเลยทีเดียว...ลองไปอ่านเรื่องราวของ นายแพทย์เดชา ทองวิจิตร กันเลย...

เสียงผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งตะโกนลั่น พร้อมกับมีเด็กคนหนึ่งกับผู้หญิงอีกคนหนึ่งวิ่งผ่านฉันกับแม่ที่กำลังซื้อเนื้อหมูในตลาดไปอย่างรวดเร็ว ทั้งแม่และฉันหันไปดูทันเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นแค่แวบเดียว แม่ถามฉันว่า "อ้าว นั่นป้าร้านขายของไม่ใช่เหรอ"

"ใช่จ้ะแม่ แกวิ่งไล่ใครกันล่ะ"

ป้าคนนั้นชื่อว่า "ป้าหนอม" เป็นแม่ค้าขายของชำสารพัดอย่างในตัวตลาดในอำเภอที่ฉันอยู่ มีฐานะจัดว่าดีกว่าแม่ค้าคนอื่น ๆ ในละแวกเดียวกัน และเป็นที่รู้จักกันว่าแกเป็นคนที่ขี้เหนียวอย่างร้ายกาจ แถมปากจัดที่สุดในตลาดอีกด้วย ใครต่อราคาของมากเกินไป หรือถามราคาแล้วไม่ซื้อ ป้าแกจะโวยวายชนิดต้องรีบเผ่นออกจากร้านแทบไม่ทันทีเดียว

เสียงเอะอะดังมากขึ้น ฉันหันไปมองป้าหนอมจับข้อมือเด็กผู้ชายคนหนึ่งอายุประมาณ ๑๒ - ๑๓ ขวบ ไล่เลี่ยกับฉัน ซึ่งกำลังดิ้นรนอยู่ และป้าแกกำลังจะลงไม้ลงมือแม่จึงเดินเข้าไปถาม

"พี่หนอม มีไรเหรอคะ"

" ก็ไอ้เด็กเวรนี่นะสิ มันมาทำทีขอซื้อยาแก้ปวดกับยาธาตุ พอฉันหยิบส่งให้มันก็วิ่งหนีมาเลย เงินก็ไม่จ่าย" พูดจบป้าหนอมก็ตบหัวเด็กคนนั้นอย่างแรงหนึ่งที และคงจะมีตามมาอีกหลายทีแน่ ถ้าแม่ฉันไม่ห้ามไว้

"ตายแล้วพี่หนอม อย่าถึงกับลงไม้ลงมือกันเลยนะ แล้วนี่จะทำไงต่อ " แม่รีบตัดบทเพราะเห็นว่าเรื่องราวชักจะไปกันใหญ่

" เรียกตำรวจมาเอามันไปเข้าคุกนะสิ เสียนิสัย พ่อแม่ไม่สั่งสอนยังเด็กตัวแค่นี้ก็ริจะเป็นขโมยซะแล้ว ต่อไปก็คงต้องปล้นเขากินแหละ "

ฉันสะกิดแม่ทันทีพร้อมกับมองพลางส่ายหัวน้อย ๆ ทำนองว่าอย่าไปยุ่งดีกว่า แม่มองฉันแล้วมองเด็กคนนั้น ซึ่งท่าทางเหมือนกำลังจะร้องไห้ แม่นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหันไปพูดกับป้าหนอมว่า " อย่าให้ถึงอย่างนั้นเลยนะพี่หนอม เด็กมันคงอยากซื้อยาแต่ไม่มีเงินน่ะ เอาเป็นว่า..ฉันจ่ายให้ละกันนะ กี่บาทกันล่ะ "

ในที่สุดเรื่องก็จบลง โดยการที่แม่ยอมจ่ายเงินค่ายาแก้ปวดกับยาธาตุ แล้วแม่ก็จูงเด็กคนนั้นออกมาจากตลาด แต่ป้าหนอมยังไม่วายเตือนแม่ " ใจดีกับเด็กขี้ขโมยแบบนี้ ระวังจะเสียใจทีหลังนะเธอ "

แม่ไม่ได้ตอบอะไร แต่พอเดินห่างจากร้านพอสมควรแล้วก็ถามว่า "ทำไมหนูขโมยของป้าเขาล่ะ" เด็กคนนั้นเงยหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาขึ้นมองแม่ แล้วตอบสะอึกสะอื้นว่า...

" แม่ผมปวดท้องมากเลยครับ แล้วแม่ก็ไม่มีเงินไปหาหมอ ผมก็เลยต้อง..." แม่มองหน้าเด็กคนนั้นอยู่ครู่หนึ่งแล้วยื่นผลไม้ที่ซื้อมาให้เด็กคนนั้นถุงหนึ่ง แล้วบอกว่า " ทีหลังอย่าขโมยของใครนะ ถ้าไม่มีเงินมาขอเงินน้าไปซื้อก็ได้นะ น้าชื่อสมพร เปิดร้านเย็บผ้าอยู่ใกล้ ๆ นี่เอง ถามคนแถวนี้ก็ได้ รู้จักน้าแทบทุกคนเลยแหละ เอ้า...เอา ส้มไปฝากคุณแม่ซิ คนป่วยต้องกินผลไม้มาก ๆ จะได้หายไว ๆ รู้ไหม " แม่เสริมพร้อมกับยิ้ม

เด็กคนนั้นอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะรับส้มพร้อมกับพูดขอบคุณแม่แล้วเดินจากไป หลังจากนั้นพอกลับมาถึงบ้าน ฉันก็ถามแม่ทันที " ทำไมแม่ต้องช่วยเด็กคนนั้นด้วยล่ะ รู้จักกันเหรอจ้ะ" แม่ยิ้ม แล้วตอบฉันว่า "ไม่รู้จักหรอก แต่แม่เห็นเด็กคนนั้นรับจ้างหาบขนมขายอยู่แถวบ้านเราน่ะลูก แต่คงจำแม่ไม่ได้หรอก แม่ซื้อขนมแกอยู่ไม่กี่ครั้งเอง "

" แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะต้องช่วยเหลือเขาถ้าเขาเป็นขโมยนี่แม่ " ฉันถามต่อ แม่มองหน้าฉันแล้วพูดว่า " แม่เชื่อว่าเด็กที่เคยหาเงินด้วยตัวเองมาก่อนตั้งแต่อายุเท่า ๆ กับลูกจะต้องเป็นเด็กที่มีความรับผิดชอบ รู้คุณค่าของเงินทุกบาททุกสตางค์ว่ากว่าจะได้มามันเหนื่อยยากขนาดไหน และคนที่มีความรับผิดชอบนะ จะไม่มีทางขโมยของใครนอกจากจะจำเป็นจริง ๆ เมื่อเขาไม่มีทางอื่นให้เลือกแล้วเท่านั้น "

ฉันฟังแล้วก็ถามแม่ต่อว่า " แล้วต่อไปถ้าเขามาขอเงินแม่ไปซื้อยาอีก แม่จะให้เขารึเปล่า "

" ให้สิลูกถ้ามันไม่มากไม่มายอะไร "

" แล้วแม่ไม่เสียดายเงินเหรอ บ้านเราก็ไม่ได้ร่ำรวยเหมือนบ้านป้าหนอมเขานะแม่ "

" ถึงแม่จะไม่มีเงินทองมากนัก แต่การที่ได้ช่วยเหลือคนที่กำลังลำบากน่ะ มันทำให้แม่มีความสุข แล้วยังได้บุญอีกด้วยนะ แค่นี้แม่ก็พอใจแล้วไม่อยากได้อะไรตอบแทนหรอก "

แล้วแม่ก็พูดต่ออีกว่า " จำไว้นะลูก คนเรานะ ต้องรู้จักให้อภัยและให้โอกาสคนอื่นแก้ตัวเสมออย่างเด็กคนนั้น.. แม่มั่นใจว่าแกทำไปเพราะรักคุณแม่ของแกจริง ๆ แม่ถึงช่วยแกเอาไว้ "

แล้วแม่ก็พูดต่อว่า " ลูกอาจจะบอกว่าขโมยเป็นสิ่งที่ผิด ใช่...แม่ไม่เถียงแต่บางครั้งคนเราก็ต้องมองด้านอื่น ๆ บ้าง อย่าคิดแต่เรื่องทรัพย์สินเงินทองตอนนี้ลูกอาจจะยังฟังไม่เข้าใจ แต่แม่เชื่อว่าสักวันลูกจะเข้าใจเองแหละ "

หลังจากนั้น ฉันกับแม่ก็หันไปคุยเรื่องอื่น ๆ กันต่อ ฉันเองไม่เคยคิดเรื่องนี้อีกเลย จนเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นทำให้ฉันต้องย้อนกลับมาคิดถึงเรื่องนี้อีกครั้งทั้งน้ำตาว่าคำพูดของแม่ในครั้งนี้ถูกต้องที่สุดจริง ๆ

หลังจากนั้นฉันเรียนจบระดับปริญญาตรีจากสถาบันราชภัฏแห่งหนึ่งในตัวจังหวัด แล้วฉันก็ได้งานทำในโรงงานแห่งหนึ่งในตัวจังหวัดนั้นเอง เงินเดือนก็พอประมาณสามารถเลี้ยงดูแม่ได้โดยไม่ขัดสนนัก ฉันก็เลยขอร้องให้แม่หยุดรับจ้างเย็บผ้าเพราะอยากให้แม่พักผ่อนบ้างหลังจากทำงานหนักมาเกือบ ๒๐ ปี เพื่อส่งฉันเรียนแม่ยอมปิดร้าน แต่ก็ยังรับงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเพื่อนบ้านมาทำบ้างโดยไม่คิดเงิน แม่บอกว่าถ้าไม่ได้ทำอะไรเลยจะรู้สึกเบื่อ ฉันก็เลยต้องยอมตามใจแม่

ฉันทำงานอยู่ประมาณ ๒ - ๓ ปี แม่ก็เริ่มรู้สึกไม่สบาย เริ่มจากปวดหัวบ่อยขึ้นช่วงแรก ๆ ไม่กี่วันก็หาย หลังจากนั้นก็เริ่มเป็นนานขึ้นเรื่อย ๆ

ฉันบอกให้แม่ไปหาหมอ แล้วฉันก็พาแม่ไปหาหมอในเมือง หมอบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก แค่ทำงานหนักมากเกินไป หมอให้ยามาชุดหนึ่งพร้อมกำชับให้พักผ่อนมาก ๆ จะได้หายเร็ว ๆ

หลังจากกินยาตามที่หมอสั่ง อาการปวดหัวของแม่ก็หายไป ฉันเริ่มสบายใจขึ้นแต่หลังจากไปหาหมอได้ประมาณหนึ่งเดือน แม่ก็เริ่มกลับมาปวดหัวอีก คราวนี้เป็นหนักมากกว่าครั้งที่แล้ว ยาที่เคยกินแล้วได้ผลมาก่อนก็ไม่ได้ผลเลย ฉันกังวลใจมาก พอถามหมอ หมอก็บอกว่าต้องไปตรวจที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ เพราะว่าเครื่องไม้เครื่องมือพร้อมกว่าโรงพยาบาลต่างจังหวัด

หลังจากนั้นฉันรีบพาแม่ไปกรุงเทพฯ ทันที ไปยังโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งหลังจากหมอตรวจแล้วบอกว่า มีเนื้องอกในสมองต้องผ่าตัดโดยด่วน หากปล่อยทิ้งไว้อาจไปทับเส้นประสาททำให้เป็นอัมพาตได้ หรือถ้าผ่าตัดไม่ทันก็อาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิต ฉันตกใจมากขอให้หมอผ่าตัดให้ทันที แต่หมอบอกว่าโรงพยาบาลที่มีหมอผ่าตัดสมองที่มีความพร้อมที่จะผ่าตัดเนื้องอกในสมองเป็นอีกโรงพยาบาลหนึ่งซึ่งมีชื่อเสียงมากกว่า ดังนั้นหมอจึงต้องส่งตัวคนไข้ไปยังโรงพยาบาลนั้นฉันก็ตกลง

หลังจากถูกส่งตัวมายังโรงพยาบาลดังกล่าวแล้วแม่ก็ถูกส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดทันที ขณะที่ฉันรออย่างกังวลใจอยู่ด้านนอกทั้งเรื่องอาการป่วยของแม่และจากคำพูดของหมอที่ทิ้งท้ายไว้ก่อนส่งตัวแม่มาที่โรงพยาบาลแห่งนี้หมอบอกให้ทำใจไว้บ้าง เพราะการผ่าตัดสมองเป็นการผ่าตัดที่เสี่ยงมากโอกาสที่คนไข้จะเสียชีวิตมีมาก แม้การผ่าตัดจะประสบความสำเร็จก็ตามอีกเรื่องก็คือค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดสมองค่อนข้างสูง เป็นหลักแสนบาทเมื่อรวมกับค่ายา ระหว่างพักฟื้น คิดแล้วน่าจะต้องใช้เงินราว ๆ ห้าแสนบาท

ฉันได้ยินแล้วแทบลมจับ ฉันจะไปหาเงินห้าแสนบาทมาจากไหน ลำพังเงินเก็บของฉันกับแม่ยังมีไม่ถึงห้าหมื่นบาทเลย แต่ยังไงฉันก็ต้องรักษาแม่ให้หาย ส่วนเรื่องเงินไว้คิดทีหลัง

หลังการผ่าตัดเสร็จสิ้นลง เป็นโชคดีของแม่ที่การผ่าตัดประสบผลสำเร็จและไม่มีอาการแทรกซ้อนใด ๆ ทางโรงพยาบาลบอกให้พักฟื้นประมาณหนึ่งเดือนก็สามารถไปพักฟื้นที่บ้านได้ ทางโรงพยาบาลแจ้งรายการค่าใช้จ่ายทั้งหมดมาให้ฉัน ปรากฏว่าเป็นเงินจำนวนไม่ถึงหนึ่งพันบาท เป็นค่าติดต่อประสานงานเท่านั้น

ฉันแปลกใจมาก จึงสอบถามกับนางพยาบาล นางพยาบาลบอกว่า...คุณหมอที่เป็นคนผ่าตัดและเป็นเจ้าของไข้บอกไม่ให้คิดเงินกับฉันและแม่ โดยที่ทางโรงพยาบาลก็ไม่ทราบสาเหตุ ฉันจึงขอพบคุณหมอคนนั้นเพื่อขอบคุณ นางพยาบาลบอกว่า หลังจากเสร็จคุณหมอก็ถูกส่งตัวไปต่างประเทศทันทีเพื่อศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการผ่าตัดสมองที่อเมริกา แต่คุณหมอได้ฝากจดหมายไว้ให้ฉันกับแม่โดยกำชับกับทางโรงพยาบาลให้ฝากให้ฉันพร้อมกับใบเสร็จค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ของทางโรงพยาบาลในวันที่แม่สามารถออกจากโรงพยาบาลได้

เมื่อกลับถึงบ้าน ฉันกับแม่ก็เปิดอ่านจดหมายของคุณหมอคนนั้น เมื่ออ่านจบทั้งฉันและแม่ก็ร้องไห้ออกมาพร้อมกัน เนื้อความในจดหมายมีดังนี้

ข้าพเจ้านายแพทย์เดชา ทองวิจิตร แพทย์ผู้ผ่าตัด นางสมพร ภู่จันทร์ ขอสรุปค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดทั้งหมดดังนี้

ค่าผ่าตัด ๐ บาท
ค่ายาทั้งหมด ๐ บาท
ค่าใช้จ่ายอื่นที่เหลือ ๐ บาท
รวมเป็นเงินทั้งหมด ๐ บาท

ป.ล. ค่าใช้จ่ายทั้งหมดได้รับแล้ว เมื่อยี่สิบปีก่อนด้วยยาแก้ปวด ยาธาตุ ส้มหนึ่งถุง

ขอให้สุขภาพแข็งแรงไปอีกนาน ๆ นะครับคุณน้า
นายแพทย์เดชา ทองวิจิตร

 

 

 

 

9
2
สีตะวัน
เขียนเมื่อ

วันวาน ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป...

เช้า  :  เข้าร่วมประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การดำเนินงานการจัดการข้อมูลด้านสุขภาพ 43 แฟ้ม 1 ใน 5 จังหวัดนำร่อง ของสนย.  และเป็น 1 ใน 15 รพ.สต. นำร่องของจังหวัด ..การบันทึกข้อมูลให้.ถูกต้อง ครบถ้วน ทันเวลา ยังเป็นประเด็นให้แลกเปลี่ยนอีกต่อไป

บ่าย  : เข้าที่ทำงาน เคลียร์เอกสารบนโต๊ะหลังไม่ได้เข้าที่ทำงานหลายวัน...มีทั้งงานบริการรณรงค์คัดกรองสุขภาพในชุมชน(งานมะเร็งท่อน้ำดีและตรวจพยาธิใบไม้ตับ) จัดการข้อมูลผู้ป่วยรออัลตร้าซาวน์ปีงบ 57 งานวิชาการ ประชุมครูพี่เลี้ยงเตรียมเป็นสถานที่ฝึกงานของนศ.พยบ. วพบ.อด วันที่ 18 บ่าย และ งานบริหาร กำหนดสเป็กคอมพิวเตอร์ที่จะจัดซื้อในงบลงทุน อันนี้รอเซ็นต์อย่างเดียวในตำแหน่งหัวหน้าพัสดุ

เย็น  : อยู่เวรตรวจรักษาพยาบาลนอกเวลาราชการ..ผู้ป่วยทยอยมาตั้งแต่ สี่โมงครึ่งถึงสองทุ่มครึ่ง รายสุดท้ายนอนให้น้ำเหลือตั้งแต่ห้าโมงเย็น ถึงทุ่มสี่สิบอาการไม่ทุเลา ผู้ป่วยเบาหวาน ไปรับประทานของแสลงอาเเจียนตลอด ต้องเรียกรถรีเฟอร์ 1669 กว่ารถจะมาและส่งผู้ป่วยขึ้นรถ ก็สองทุ่มครึ่งพอดี

  • ชีวิตช่างมีอะไรให้ทำได้ทำไม่หยุดหย่อน..ยามค่ำ ก็ดูละครสาปพระเพ็งเป็นการพักผ่อน...

 

"หัวใจของน้องน้อยก็จะมอบความรัก ความภักดีแด่พี่ชายคนเดียว ชั่วนิจนิรันดร์"

 - มรันมา...หวานซะ..

 

 

 

วันนี้ ก็ไม่แตกต่าง

เช้า : ประจำห้อง ER ทำแผล ฉีดยา รับผู้ป่วยอุบัติเหตุ-ฉุกเฉิน

บ่าย : ประชุมอสม.แลกเปลี่ยนเรียนรู้การสร้างสุขภาพในชุมชน.. และจ่ายเงินค่าตอบแทนอสม. 

เย็น : อยู่เวรตรวจรักษาพยาบาลนอกเวลาราชการ ...ลงเวรซื้อกับข้าวไปให้แม่ไว้กินยามเช้า

ค่ำ : ดูละครสาปพระเพ็ง และรายการตีสิบ สัปดาห์หนึ่ง ก็จะมีนอนดึก วันอังคาร...เพื่อรอดูรายการตีสิบ

ชีวิตก็เป็นเช่นนั้นเอง...:)

คิดดี พูดดี ทำดีทุกวันนะคะ...หลับฝันดี ..ราตรีสวัสดิ์ค่ะ...^_^

 

^_^

 

 

8
2
เพชรน้ำหนึ่ง
เขียนเมื่อ

                       -เย็นนี้ได้รับแจ้งข่าวจาก"คุณอักขณิช"ว่าจะนำทีมงาน G2Kจากจังหวัดเชียงใหม่เป็นตัวแทนมอบดอกไม้ให้กับผมที่ได้รับรางวัลสุดคะนึงประจำเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาครับ...รู้สึีกยินดีและถือว่าได้รับเกียรติมากๆครับ..เบื้องต้นนัดกันไว้ว่าคงจะต้องรอประมาณออกพรรษาโน่นน่ะครัีบผมจึงจะได้ขึ้นไปจังหวัดเชียงใหม่  เพราะว่าช่วงนี้ขอปฏิบัติภารกิจตามหน้าที่ให้เสร็จเรียบร้อยก่อน..ขอบคุณมิตรภาพจากที่แห่งนี้มาก ๆครับ...

11
2
อร วรรณดา
เขียนเมื่อ

วันที่่สองของการเป็นสมาชิกใหม่ค่ะ ขอขอบคุณสมาชิกทุกท่านที่ให้กำลังใจค่ะ ตอนนี้กำลังศึกษาวิธีการใช้งานอยู่มีบางอย่างยังไม่เข้าใจก็จะพยายามทำความเข้าใจค่ะ เพื่อที่จะได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสมาชิกค่ะ ก็เลยนำดอกไม้มาฝากค่ะ

บางเวลารู้สึกเหนื่อยล้าจากการทำงาน ก็ปลีกเวลามานั่งดูต้นไม้ ดอกไม้มันทำให้ผ่อนคลายได้ค่ะ ถ้าบางครั้งรู้สึกเครียดก็จะหาดอกไม้มาปลูกหรือไม่ก็เปลี่ยนกระถางใหม่ ย้ายกระถางไปตำแหน่งใหม่ มันทำให้จิตใจเราดีขึ้น ต้นไม้ ดอกไม้ให้ความสุขทางใจเราค่ะ

 

12
3
คนเป็นตาแพง
เขียนเมื่อ

อนุทิน  อนุทินคืออะไร ข้าน้อยยอมรับโดยดีว่าไม่เข้าใจความหมายของคำนี้  แล้วหน้านี้มีไว้เพื่อทำอะไร ท่านผู้รู้ผ่านไปผ่านมาแวะมาบอกด้วยนะคะ  ขอบพระคุณในความกรุณายิ่ง

5
5
คุณมะเดื่อ
เขียนเมื่อ

 

ได้เวลาอันสมควรแก่การพักผ่อนแล้ว  มิตรรักแฟนเพลงของคุณมะเดื่ออย่านอนดึกนักนะ

ไม่ดีต่อสุขภาพจ้ะ....ไปละ  ฝันดี  ราตรีสวัสดิ์จ้ะทุก ๆ คน

 

8
4
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท