สงสัยว่า ที่แปลไม่ได้ เพราะลอกมาผิด และไม่ครบถ้วนครับ
เป็นมนุษย์หรือเป็นคน
เป็นมนุษย์เป็นได้เพราะใจสูง
เหมือนนกยูงมีดีที่แววขน
ถ้าใจต่ำเป็นได้แต่เพียงคน
ย่อมเสียทีที่ตนได้เกิดมา
ใจสะอาด ใจสว่าง ใจสงบ
ถ้ามีครบควรเรียกมนุสสา
เพราะทำถูกพูดถูกทุกเวลา
เปรมปรีดาคืนวันสุขสันต์จริง
ใจสกปรกมืดมัวและร้อนเร่า
ใครมีเข้าควรเรียกว่าผีสิง
เพราะพูดผิดทำผิดจิตประวิง
แต่ในสิ่งนำตัวกลั้วอบาย
คิดดูเถิดถ้าใครไม่อยากตก
จงรีบยกใจตนรีบขวนขวาย
ให้ใจสูงเสียได้ก่อนตัวตาย
ก็สมหมายที่เกิดมาอย่าเชือนเอย
(ผู้แต่ง : พระธรรมโกศาจารย์ (พุทธทาสภิกขุ))
หรือ มีผู้นำเสนอเป็น
เป็นมนุษย์ เป็นได้ เพราะใจสูง
เหมือนหนึ่งยูง มีดี ที่แววขน
----------------
นำเสนอให้เช่นนี้แล้ว คงไม่ต้องขยายความนะครับ
(ส่วนตัว ไม่ชอบคำว่า "แปล" เลย ภาษาไทย ทำไมต้องแปลอีก
น่าใช้เป็น "อธิบายความ ตีความ ขยายความ" มากกว่า)
สระเดี่ยว หรือ สระแท้ คือสระที่เกิดจากฐานเพียงฐานเดียว มีทั้งสิ้น 18 เสียง (ดู "ภาษาไทย" จากวิกิพีเดีย)
จะ กา ริ ปี อึ มือ ปุ สู
เตะ เก แฉะ แก โปะ โซ
เกาะ รอ เลอะ เจอ
- กรณีบุตรที่เกิดนอกประเทศไทย
1) ถ้าบิดาเป็นผู้มีสัญชาติไทย และมารดาสัญชาติไทย จะจดทะเบียนสมรสกันหรือไม่ก็ตาม บุตรย่อมได้สัญชาติไทย
2) ถ้าบิดาเป็นผู้มีสัญชาติไทย และมารดาเป็นคนสัญชาติอื่น บิดาต้องจดทะเบียนสมรสกับมารดา บุตรจึงจะได้สัญชาติไทยตามบิดา ซึ่งการจดทะเบียนสมรสนั้นจะจดตามกฎหมายของต่างประเทศหรือจดทะเบียนสมรสที่สถานเอกอัครราชทูตไทยก็ได้
3) ถ้ามารดาเป็นผู้มีสัญชาติไทย และบิดาเป็นคนสัญชาติอื่น บิดาจะจดทะเบียนสมรสกับมารดาหรือไม่ก็ตาม บุตรย่อมได้สัญชาติไทยตามมารดา
- กรณีที่บุตรเกิดก่อนวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2535 (ค.ศ. 1992) โดยมีมารดาสัญชาติไทย บุคคลนั้นจะได้สัญชาติไทยโดยการเกิด โดยมีผลย้อนหลังไปตั้งแต่วันที่เกิด ซึ่งเป็นไปตามมาตรา 10 แห่ง พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ. 2535
บริการงานกงสุล > งานทะเบียนราษฎร/ทะเบียนครอบครัว > การได้สัญชาติไทยของบุคคล
http://www.thaiembassy.fr/%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%A5/%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%8E%E0%B8%A3-%E0%B8%97%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4/
มาตรา ๗ บุคคลดังต่อไปนี้ย่อมได้สัญชาติไทยโดยการเกิด
(๑) ผู้เกิดโดยบิดาหรือมารดาเป็นผู้มีสัญชาติไทย ไม่ว่าจะเกิดในหรือนอกราชอาณาจักรไทย
(๒) ผู้เกิดในราชอาณาจักรไทย ยกเว้นบุคคลตามมาตรา ๗ ทวิ วรรคหนึ่ง
คำว่าบิดาตาม (๑) ให้หมายความรวมถึงผู้ซึ่งได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นบิดาของผู้เกิดตามวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง แม้ผู้นั้นจะมิได้จดทะเบียนสมรสกับมารดาของผู้เกิด และมิได้จดทะเบียนรับรองผู้เกิดเป็นบุตรก็ตาม
มาตรา ๗ ทวิ ผู้เกิดในราชอาณาจักรไทย โดยบิดาและมารดาเป็นคนต่างด้าว ย่อมไม่ได้รับสัญชาติไทย ถ้าในขณะที่เกิดบิดาตามกฎหมายหรือบิดาซึ่งมิได้มีการสมรสกับมารดาหรือมารดาของผู้นั้นเป็น
(๑) ผู้ที่ได้รับการผ่อนผันให้พักอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย
(๒) ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าอยู่ในราชอาณาจักรไทยเพียงชั่วคราว หรือ
(๓) ผู้ที่เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง
ในกรณีที่เห็นสมควร รัฐมนตรีจะพิจารณาและสั่งเฉพาะรายหรือเป็นการทั่วไปให้บุคคลตามวรรคหนึ่งได้สัญชาติไทยก็ได้ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
ผู้เกิดในราชอาณาจักรไทยซึ่งไม่ได้สัญชาติไทยตามวรรคหนึ่งจะอยู่ในราชอาณาจักรไทยในฐานะใด ภายใต้เงื่อนไขใด ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ทั้งนี้ โดยคำนึงถึงความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรและสิทธิมนุษยชนประกอบกัน ในระหว่างที่ยังไม่มีกฎกระทรวงดังกล่าว ให้ถือว่าผู้นั้นเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง
http://www.thailandlawyercenter.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538975889&Ntype=19
เธอเขียนเนื้อหามาสิครับ สัก ๕ บรรทัด ให้มี เกริ่นนำ เนื้อเรื่อง สรุป แล้วจะช่วยครับ
อเนก, อเนก [อะเหฺนก, อะเหฺนกกะ] ว. มาก, หลาย, เช่น อเนกประการ.
อเนกประสงค์ [อะเหฺนกปฺระสง] ว. ใช้ประโยชน์ได้หลายอย่างแล้วแต่ความต้องการ.
พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ ไม่มีคำ “เอนก” ครับ
สวัสดีครับ
ผมไม่ได้เป็นครู อาจารย์โดยอาชีพ แต่ข้องเกี่ยวกับการสอน อบรมกว่า ๒๕ ปี
ตั้งแต่อนุบาล ๓ ถึงปริญญาโท ในเกือบทุกสาขาวิชา
อยากให้ข้อคิดครับ
๑ การเรียนพิเศษ จะไม่ช่วยให้ลูกเก่งได้เลย หากไม่ใช่ความต้องการของเขา
๒ การเอาแต่เรียน โดยไม่เรียนรู้สิ่งรอบ ๆ ตัวจะไม่เพิ่มความสามารถได้จริงในระยะยาว
๓ สาเหตุที่เด็กส่วนมาก ไม่"เก่ง" เพราะเรียน "แยกส่วน" ทำให้ไม่เข้าใจลึกซึ้ง
ความทรงจำจะอยู่ได้นาน ต้องมีตัวยึดโยงครับ
๔ ขาดการเรียนเป็นกลุ่ม เป็นทีม ทำให้ต้องทำงานหนักคนเดียว และน่าเบื่อ
หาเพื่อนดี ๆ ไว้มากมายนะครับ
....เพื่อนแท้ สิมิ่งมิตร........แนะ-ช่วย-คิด ลุทางธรรม
ปลดกรอบ กิเลสงำ...........มิโน้มนำ อโคจร
....สิ่งดี ณ แห่งใด............เสาะสืบให้ มิถอยถอน
ตกต่ำ บ่แคลนคลอน..........อุราร้อน ก็แบ่งเบา ................. (อินทรลิลาตฉันท์ ๑๑)
มิ่ง น. สิ่งเป็นสิริมงคล
มิตร, มิตร- [มิด, มิดตฺระ-] น. เพื่อนรักใคร่คุ้นเคย เช่น มิตรแท้ มิตรเทียม
โคจร, โคจร- [-จอน, -จะระ-] น. อารมณ์. ก. เดินไปตามวิถี เที่ยว
๕ ไม่รู้จักเรียน "ล่วงหน้า" คือ ควรเรียน ทำโจทย์ ย่อเรื่อง ตั้งแต่หยุดเทอมใหญ่ ก่อนที่จะเรียน "จริง" ชั้นนั้น ๆ
ในความเห็นส่วนตัว ไม่จำเป็นต้องเสียเงิน เสียเวลาเดินทางไปเรียนพิเศษครับ
ใน web วิชาการ มีคนถามว่า เรียน ภาษาอังกฤษที่ไหนดี
ผมตอบ ที่แถววัดโพธิ วันพระแก้ว เพราะ คนต่างชาติมากมาย ได้ฝึกฝีมือจริง ๆ 555
ขอบคุณครับ
พูดคุยกันอีกนะครับ
ไม่ใคร่เข้าใจคำถามครับ
ถ้าถาม "หิน ๆ" ("ๆ" ต้องเขียนเว้นวรรคครับ) ใช้อะไรแทน ตอบ: ยากมาก ๆ
หัวใจเพชร ตอบ: มีจิตใจแข็งแกร่ง ไม่หวั่นไหวกับสิ่งยั่วยุ
เราใช้ "หัวใจ" ในความหมาย "จิตใจ" และใช้ "เพชร" แทน "แข็งแกร่ง"
(เพชร เป็นสิ่งที่มี "ความแข็ง" มากที่สุด แต่ 555 "เปราะ" นะครับ)
แนะนำ ควรอ่าน ๆ ไป ศัพท์ไหนไม่เข้าใจ พจนานุกรมช่วยได้
แล้วถอดความตามที่เข้าใจไป ติดตรงไหนจะช่วยกันครับ
น่าสนใจมาก ๆ ครับ
ผมไม่ได้ยินคำนี้มานานมาก ๆๆๆ 555
ก่อนอื่น ต้องถามให้เข้าใจตรงกัน
ที่ว่า อยากเป็นครูนี้ คือหมายถึงอยากเป็นแบบ เป็นด้วยจิตวิญญาณ หรือ ต้องการเพียงใบรับรอง
ถ้าต้องการใบ คำตอบง่ายมาก ไปเข้าเรียนในสถาบันที่เปิดสอน
(เดี๋ยวนี้ คนมีจิตวิญญาณครู ไปสอนไม่ได้นะครับ ไม่มีใบ ผิดกฎหมายนะครับ 555)
ถ้าเป็นด้วยจิตวิญญาณ ขั้นตอนยาว ต้องคุยกันนาน
สนใจแบบไหน บอกมาหน่อยครับ
ขอบคุณครับ ที่ให้โอกาสร่วมแบ่งปันความคิดกัน
จากแนวที่คุณเรียนมา และการงานที่ทำ ต้องเชื่อมั่นว่าเป็นจุดแข็งของเรา
ในการทำอะไร ผู้รู้ท่านย้ำเสมอ อย่าเอาจุดอ่อนเราไปสู้กับปัญหา แพ้แน่ ๆ
จึงไม่สนับสนุนให้ไปเรียนด้านอื่น (หากต้องการกระดาษ ต้องเป็นแนวแข็งของเรา)
แต่ก่อนจะใช้จุดแข็ง เราต้องทบทวนก่อน สรุปแก่นแกนออกมา ผมไม่ได้เรียนจิตเวช
คิดว่า แนวคงวิเคราะห์สภาพจิต และปรับให้สมดุล ถ้าเป็นเช่นนี้ เหมาะมากเลยครับ
คนทั้งบ้านทั้งเมืองป่วยเครียดกัน คณช่วยได้แน่ แต่อย่าทำคนเดียว ขณะดูแลผู้ป่วย
สร้างเครือข่ายด้วยครับ คือจัดหลักสูตรระยะสั้น อบรมบุคลากร
ย้ำ ต้องทำจริงจัง
๑ พูดคุยกับผู้น่านับถือในชุมชน เชิญมาร่วมจัดแนวรับบุคลากรโดยต้องเลือก
คนดี ๆ มาเจียรนัย อย่ามักง่าย ได้น้อยแต่ให้มากคุณภาพ มีน้ำใจงาม
๒ จากการทบทวนแก่นรู้ของเรา ทำหลักสูตรแบบ on job training อย่าเน้นบ้าเรียน
ต้องฝึกทำได้จริง หากเขาทำได้ ต้องขอคนในชุมชนช่วยค่าแรงพวกเขา คนต้องกิน
ไม่ใช่ว่า เสียสละก็กินอากาศไปนะ
๓ หากต้องการกระดาษเอาเรื่องนี้ทำ dissertation เอาเอกไปเลย
๔ หาทางขอทุนวิจัย หรือขอรับความช่วยเหลือจากผู้มีใจงามในชุมชน ให้ชุมชน
เห็นความสำคัญนี้ ต้องเน้น หากเด็กจิตแข็ง ใจงาม ยาเสพติดไม่มีวันชนะ
ขอแค่นี้ก่อนนะครับ
ติดต่อเพิ่มเติมได้ที่ [email protected] ครับ
ขอบคุณมาก ๆ
เริ่มจาก "ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไร อย่างไร" ก็จะเห็นตัวชี้วัดได้ครับ
คุณลองเริ่มสิครับ แล้วเรามาช่วยกันดู แล้วคุณจะได้คำตอบแน่ ๆ
โอ๊ ๆ ลืมถาม kpi คุณเข้าใจจริง ๆ แล้วใช่ไหม
อย่าพูดตามกระแสนะครับ จะไม่ได้ผล
ก่อนอื่น ต้องขออภัย หากคำตอบทำให้ขัดเคืองใจ
ยอมรับครับ ตอบปัญหาทางเครือข่ายสังคม ไม่ง่ายเลย เข้าใจผิดกันบ่อย ๆ
คงต้องบอกก่อนว่า ไม่เคยเรียนเรื่องนี้ แต่อยากแบ่งปันสักเล็กน้อย
(คงตอบทีละสั้น ๆ เพราะพิมพ์ช้ามาก)
จากประสบการณ์ พบว่า การตั้งโจทย์ เป็นหัวใจสำคัญ
ถ้าถามว่า "บรรยากาศการเรียนเป็นอย่างไรบ้าง" ผมแน่ใจได้เลยว่า เป้าประสงค์ที่หวัง
"อยากพัฒนาตนเอง และชุมชนใกล้บ้าน" คงไม่ได้คำตอบแน่
ขอเริ่มนะครับ
๑ หากเราเชื่อว่า เรียนตามหลักสูตร เป็นคำตอบของการพัฒนาดังกล่าวแล้ว
คงบอกได้เลย คุณผิดหวังแน่ เพราะหากเป็นเช่นนั้น ทำไมเรายังมีความล้าหลังในหลาย ๆ ด้าน
ทั้งที่เรามีผู้สำเร็จการศึกษาระดับ โท เอก มากมาย
ไม่ใช่ว่า ทฤษฎีใช้ไม่ได้เลย เพราะเป็นข้อสรุป ผ่านการทดสอบมาพอควรแล้ว
ถามตัวเรา หากเรามีเครื่องมือแพทย์ชั้นเยี่ยม มีทุกประเภทการรักษา
แต่ใช้ไม่เป็น ไม่รู้จุดอ่อนเครื่องมือ หรือใช้เป็น รู้จุดอ่อน แต่ไม่ชำนาญ ขาดผู้ช่วยที่สามารถ
คงเห็นคำตอบเลยว่า ผล ???
๒ แล้วเราควรเริ่มอย่างไร
ถ้าไม่ติดยึด "กระดาษ" ควรกลับไปดูเป้าประสงค์ "อยากพัฒนาตนเอง และชุมชนใกล้บ้าน"
จะเห็นว่ามี ๒ ประเด็น คือ ตนเอง และชุมชน ทั้งสองมีหลักร่วม คือ "รู้เขา รู้เรา"
๒.๑ พัฒนาตนเองก่อน ถามตัวเรา เรารู้เรื่องชุมชนเพียงใด ใช้หลัก "ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร และ เมื่อไร"
๒.๒ ชุมชน ตรวจสอบให้ชัดว่า อะไรคือ "ปัญหา"จริง ๆ ของชุมชน อย่าคิดเอาเอง
(คงต้องขอยกไปขยายความ หากเห็นว่า เป็นประโยชน์)
คำถามไม่ชัดเจนจริงๆ ครับ
แต่ขอตอบดังนี้
18:15 = 6:5
19:38 = 1:2
9:7 คงเดิมครับ
แล้วถ้าอยากให้มี หลายๆ คำตอบ แต่ละอัน ก็เอาเลขอะไรคูณเข้าไปก็ใช้ได้แล้วครับ
18:15=6:5 = 12:10 =24:20
19:38=1:2=10:20=100:200
9:7=90:70=900:700
ต้องการซักถามเพิ่มเติม ติดต่อ [email protected]
ก่อนอื่น ขอแนะนำตัว ผมแม้ไม่เคยเป็นครู อาจารย์ โดยอาชีพ
แต่เคยดูแล สอน มานาน ชั้นต่ำสุด อนุบาล 3 เคยสอน เด็กชาวเขา (หลากหลายเผ่า) ป.1-ป.6
ผมคาดว่า เป็นโรงเรียนขนาดเล็ก และคงมีชั้นเรียนไม่เกิน ป.6 ถ้าเป็นเช่นนี้
แนวหลักสูตรควรเน้น
1. การฟัง การพูด มากกว่า การอ่าน การเขียน ยิ่งต่างเผ่า การเล่านิทานให้ฟัง ช่วยควบคุมการเรียนได้ง่าย
มีผู้ถามว่า แล้ววัดผลได้อย่างไร ให้เขาเล่ากลับครับ หากเขาฟังได้ดี เขาจะเล่ากลับได้มาก
2. ทั่ว ๆ ไป เด็ก ๆ จะไม่รู้สึกถึงความต่างของแต่ละคน ดังนั้น หลักสูตรอย่าตอกย้ำเรื่องเผ่า ชุดเรียน อาหารควรเสนอแบบอันมีลักษณะร่วมกัน (ควรให้ผู้ใหญ่ของแต่ละเผ่ามาร่วมพูดคุยกัน)
3. อย่าใช้หลักสูตรจากส่วนกลางเป็นหลัก ให้ใช้วิถีชีวิตชาวบ้านเป็นหลัก แล้วนำวิชาการมาจับ มาอธิบาย
การเรียนควรเน้น "ทำได้จริง"
4. ผู้สอน ผู้แนะนำ ต้องมีนิสัยจดบันทึก จด(หมายรวมถึง การถ่ายภาพ การอัดเสียงด้วยครับ)ทุกเรื่อง ทุกวัน จะช่วยให้เห็นแนวทาง
หากต้องการพูดคุย สอบถามเพิ่มเติม ติดต่อผมได้ทาง mail : [email protected] ครับ
1. รบกวน ผู้ดูแลระบบ แนะนำด้วยครับ
หาก ไม่มีการจัดเรียงที่ดี ยากที่จะนึกได้ว่า
กระทู้เรื่องนั้น ๆ ได้นำลงแล้วหรือยัง
ยากจะขีดเขียนต่อยอดไปได้
รบกวนตอบด่วนด้วยครับ
2. เมื่อต้องการใส่เพิ่มเนื้อหา ต้องไปเพิ่มใน
"เพิ่มความเห็น" ซึ่งยากต่อการไปแก้ไข เมื่อมีการเขียนผิดพลาด
(แม้ความเห็นนั้น ๆ เป็นของผู้นั้นเอง)
แบบสั้น ๆ ง่าย ๆ นะครับ
จุดเด่น
1. ช่วยจับประเด็น : การตั้ง คำถาม หรือ สมมติฐาน ที่ชัดเจน จะช่วยให้การถก โต้แย้ง การแบ่งปัน เป็นไปได้ง่าย
2. ช่วยกำหนด นิยาม คำศัพท์ เพื่อความเข้าใจจะได้ตรงกัน
3. รวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้องมาไว้ที่เดียวกัน ง่ายต่อการค้นคว้า อ้างอิง
4. ทราบถึงวิธิที่ใช้ศึกษา ส่งผลให้เห็นจุดดี จุดบกพร่องของชิ้นงาน
5. มีข้อสรุปที่แน่ชัด นำไป คิดวิเคราะห์ ต่อยอด ได้
จุดด้อย
1. หากชิ้นงานนั้นมีผู้ มีคุณวุฒิสูง มีชื่อเสียง รับรอง ก็อาจนำไปอ้างอิงกันผิด ๆ ได้
2. ผู้อ่าน ผู้นำไปใช้มักนำ ผลสรุป ไปใช้โดย
ไม่ได้นำ ข้อกำหนด เงื่อนไข ข้อจำกัด ที่ชิ้นงานนั้น ๆ มี หรือที่ ระบุไว้ ไปร่วมพิจารณา
เช่น บอกผลการสำรวจ แต่ไม่ได้แจ้ง
2.1 จำนวนตัวอย่าง
2.2 ที่มาของตัวอย่าง
2.3 ลักษณะอันจำเพาะของตัวอย่าง
ทำให้เข้าใจผิดพลาดได้
...“วิจารณ์”…...ควรรู้….….........ลึกซึ้งยิ่ง
ในประเด็น……ในสิ่ง…........….ถกถ้อยแถลง
“หน้าที่”………ที่ตน……..........ต้องสำแดง
ปราศจาก…....เคลือบแคลง…...พวกพ้องใคร (เลขที่บันทึก: 516930)
…มั่นคง….....…เที่ยงตรง…….…อุเบกขา
ธรรมา…….....…ธงหลัก……...….ปักสูงไสว
เล่ห์ลิ้น…......….พลิ้วพลิก…….....หลีกห่างไกล
ทุกฟาก….....….ฝั่งใด……........…ยินดีฟัง
ไม่เข้าใจจริง ๆ ครับว่า อยากให้ทำอะไร
อ่านแล้วก็เข้าใจได้นี่ครับว่า
ที่หมอรักษาไม่ได้ เพราะโรคมันรุนแรงแล้ว
ไฟนั้น เมื่อแรกย่อมดับง่าย แต่หากลุกเป็นไฟป่าย่อมยากจะดับ
ผิดพลาดขออภัยครับ