รับราชการมานานไม่เคยรู้จักคำว่า "สองขั้น" คงเป็นเพราะ "กรรม" ซึ่งหมายถึงการกระทำของเราเอง การเป็นคนชอบแสดงความคิดเห็น บางครั้งก็ตรงเกินไป จริงจัง จริงใจแต่ไม่ถูกใจนาย พออายุมากขึ้น ใช้ธรรมะช่วยกล่อมเกลาจิตใจ มองเห็นอะไร ๆ อย่างเข้าใจ มีเหตุผลมากขึ้น ทำงานเพื่อโรงเรียนมากขึ้น สี่ปีหลังติดต่อกันจึงเพิ่งจะได้ "ขั้นครึ่ง" กับเขาบ้าง แต่ก็ไม่ท้อนะ ภูมิใจที่เรายังเป็นคนมีคุณค่า มีคุณค่าตรงที่ได้ทำงานเพื่อส่วนรวมไงล่ะ ! เราทำงานอะไรบ้างน่ะหรือ ? ที่ได้ ครึ่งขั้นติดต่อกันสี่ปีน่ะ ก็มี งานทางวิชาการคือ หัวหน้ากลุ่มสาระ ฯ, หัวหน้างานวัดผลประเมินผล ต่อมาเปลี่ยนหน้าที่เป็นหัวหน้างานพัฒนาวิชาการ ต่อมาเปลี่ยนอีกเป็นหัวหน้างานบริหารหลักสูตร และงานวิชาการอื่น ๆ แล้วแต่วาระโอกาส นอกจากงานวิชาการแล้วก็มีงานในกล่มงานอื่นอีก เช่น งานจัดทำข้อมูลสารสนเทศ Obec ทั้งหลาย งานจัดทำระบบทะเบียนทรัพย์สิน (ที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับพัสดุ - ครุภัณฑ์ทั้งหลาย) แล้วยังงานตามโครงการที่ต้องรับผิดชอบอีก ซึ่งเป็นงานที่ต้องติดตามผลเป็นประจำทุกเดือน เยอะไหมเนี่ย.. คงไม่เท่าไหร่หรอกเนอะ ในสายตาผู้บริหาร (เพราะเราไม่ใช่บุคคลในสายตาท่าน) แต่ก็อย่างว่าแหละ ยังไง ๆ เราก็ภูมิใจที่เราเป็นคนมีคุณค่าน่ะ ยิ่งในระยะสามปีหลังนี้ระเห็จขึ้นไปสอนสายชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ( หลังจากที่..เดิมทีสอนสายชั้น ม.1-2 แล้วถูกอัปเปหิลงไปสอนชั้น ป.5-6 อยู่ประมาณ 5 ปี) ขึ้นมาสอน ม.3 ปีแรก ผลคะแนนสอบ NT.เป็นอันดับสามของ สพท.นม.4 ปีต่อมาก็ยังอย่ในระดับ top ten อยู่ และยังเป็นอันดับหนึ่งของกลุ่มโรงเรียน แต่ที่ภูมิใจมากที่สุดคือ สามารถกล่อมเกลาจิตใจเด็กนักเรียนจากเกเร หนีเรียน พฤติกรรมในทางลบ ให้มีพฤติกรรมในทางบวกมากขึ้นกว่าเดิม เด็กนักเรียนทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมซึ่งมาจากใจมิใช่ถูกบังคับจากครู นักเรียนรัก เคารพ เชื่อฟัง ไม่ก้าวร้าว
คิดว่า อานิสงส์ของการทำความดีมีจริง เพราะเมื่อส่งผลงานทางวิชาการได้กลับมาแก้ไข/ปรับปรุง (ไม่ถูกปรับให้ตกก็นับว่าบุญแล้ว)
ไม่มีความเห็น