อนุทินล่าสุด


ถวิล อรัญเวศ
เขียนเมื่อ

ฝืนใจ จะได้กำไร
ตามใจ จะทำให้ขาดทุน



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
ถวิล อรัญเวศ
เขียนเมื่อ

เสียอะไรก็เสียไปเถอะ แต่อย่าเสียกำลังใจ
เสียกำลังใจ เหมือนศูนย์เสียทุกอย่างในชีวิต



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
ถวิล อรัญเวศ
เขียนเมื่อ

การบริหารที่จะได้ทั้งคนและงานนั้น ควรเป็นการบริหารที่เกิดมาจากความร่วมมือร่วมใจ จากผู้เกี่ยวข้อง นักบริหารจำต้องบริหารโดยการเข้าไปครองใจคนในหน่วยงานให้ได้ ซึ่งการจะทำเช่นนั้นได้ นักบริหาร จำต้องใช้ทั้งศาสตร์ และศิลป์ หรือนำศาสน์ และศีล มาเป็นหลักยึดเหนี่ยวใน
การทำงานให้ได้



งานคือเกียรติยศ

ผู้ตั้งใจทำงาน คือผู้รักษาเกียรติยศ




ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
ถวิล อรัญเวศ
เขียนเมื่อ

อย่าทำงานจนลืมสังขาร

ถวิล อรัญเวศ

อันสังขาร ร่างกาย ก็ไม่ต่างจากรถยนต์ อายุการใช้งานมากก็จะชำรุด

เสื่อมสภาพเป็นธรรมดา เพราะฉะนั้น ต้องหมั่นดูแล แง่คิดในการทำงาน คือ

  • ทำงานตามกำลังความสามารถของร่างกายเรา
  • ทำงานให้สนุกและมีความสุขกับงานที่ทำ
  • ทำงานด้วยใจรัก ไม่ฝืน เพราะถ้าฝืนจะทำให้
  • ทำงานแบบค่อย ๆ ทำ ค่อยเป็นไป
  • ทำงานด้วยความเพียรพยายามเสมอต้นเสมอปลาย

ไม่หักโหม และไม่บ้าบอหรือบ้าบิ่นจนเกินดี

ทำแบบงานปนเล่น การงานปนบันเทิง

การทำงานไม่ประสบผลสำเร็จ

เหนื่อยก็พัก งานไม่บรรลุเป้าหมายก็ไม่ควรด่วนท้อใจ

ไม่สำเร็จวันนี้ไม่เป็นไร วันหน้า คงสำเร็จ มองโลกในแง่ดีไว้ก่อน

สรุป

ทำงานให้อยู่ในวิสัยที่ร่างกายรับได้ ยินดีตามมีตามได้

ยินดีตามกำลังตนเอง และยินดีตามความเหมาะสม




ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
ถวิล อรัญเวศ
เขียนเมื่อ

จะเป็นสุข    ต้องผ่านทุกข์ร้อนไปก่อน

จะเป็นก้อน  ต้องค่อยค่อยคอยผสม

จะเป็นพระ   ต้องละกามารมณ์

จะเป็นพรหม ต้องหมั่นเรียนเพียรบำเพ็ญฌาน

 

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ถวิล อรัญเวศ
เขียนเมื่อ

ปัญหาของโลกที่ยังไม่ล้าสมัย

--------------------------

แย่งอาหารกันกิน

แย่งแผ่นดินกันอยู่

แย่งคู่พิศวาส

แย่งอำนาจกันปกครอง

--------------------------

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ถวิล อรัญเวศ
เขียนเมื่อ


รู้จักยิ้มไหว้ ทักทาย  ไม่มาทำงานสาย

ไม่นินทาเจ้านาย        มีใจต่อหน้าที่

ทำดีให้ถูกกาลเทศะ   รู้จักเสียสละตามกาล

เอื้อเฟื้อต่อเพื่อนบริวาร  งานไม่เสียหาย

มีกุศโลบายในการทำงาน  ไม่เกียรติคร้านเมื่อนายสั่ง

พึงหวังได้ว่า      หน้าทีการงานเจริญแน่นอน





ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ถวิล อรัญเวศ
เขียนเมื่อ

ถ้าหมั่นเรียน  เรียนอะไรก็ย่อมรู้

ถ้าหมั่นดู  ดูอะไร ก็ย่อมเห็น

ถ้าหมั่นทำ  ทำอะไร ก็ต้องเป็น

ถ้าไม่เล่น  หมั่นทำ จักจำเริญ

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ถวิล อรัญเวศ
เขียนเมื่อ

            หัวใจสภานักเรียน  
คารวธรรม สามัคคีธรรม และปัญญาธรรม


นายถวิล อรัญเวศ รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 4
ได้รับมอบหมายจากนายสมภพ ศักดิษฐานนท์ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 4ให้เป็นประธานเปิดงานโครงการอบรมนักเรียนแกนนำสภานักเรียนเพื่อพัฒนาความเข้มแข็งกิจกรรมสภานักเรียน
ประจำปี 2556 เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2556 ณ โรงเรียนบ้านโนนกุ่มมิตรภาพที่ 210 อำเภอสีคิ้ว
จังหวัดนครราชสีมา วัตถุประสงค์ในการจัดอบรมเพื่อให้นักเรียนแกนนำสภานักเรียนจากโรงเรียนขยายโอกาส
ทางการศึกษาในสังกัดจำนวน 57 โรงเรียน โรงเรียนละ 3 คน รวม 171 คน และนักเรียนโรงเรียนขนาดใหญ่ จำนวน 11 โรงเรียนโรงเรียนละ 3 คน รวมทั้งสิ้น จำนวน 204 คน ที่เข้ารับการอบรม มีความรู้ ความเข้าใจ ในเรื่องบทบาทหน้าที่ความเป็นพลเมืองและวิถีประชาธิปไตย อันได้แก่ คารวธรรม สามัคคีธรรม ปัญญาธรรม รวมทั้งหลักธรรมาภิบาล
คือหลักนิติธรรม หลักคุณธรรม หลักความโปร่งใส หลักการมีส่วนร่วม หลักความรับผิดชอบ และความคุ้มค้า ตลอดทั้งการมีจิตอาสาและพัฒนาตนเองได้อย่างเต็มศักยภาพ อันจะส่งผลต่อคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน รวมทั้งคุณลักษณะที่ดีบนพื้นฐานตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง พร้อมก้าวสู่ความเป็นสากลและพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน โดยอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคีเครือข่าย สามารถนำความรู้กระบวนการ วิธีการไปขยายผลสู่เพื่อนนักเรียนภายในโรงเรียน และมีส่วนร่วมในการดำเนินกิจกรรมในโรงเรียนและชุมชนอย่างสร้างสรรค์ต่อไป

วิทยากร ได้แก่นายทรงพล ฐานวิสัย ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหนองมะค่านายดำรง มงค์พิมาย ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหัน นางศศิธร จ๋าพิมาย ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านแก่นท้าว นางวิระดา นาสูงเนิน ผู้อำนวยการโรงเรียนแหลมทองวิทยานุสรณ์ นางภรณวรรณ ลักษณะเพชร ครูโรงเรียนบ้านโนนกุมมิตรภาพที่ 210 นายชัชเวทย์ เหิมหาญ และคณะ ผู้รับผิดชอบโครงการ นางนงนุช หงวนสูงเนิน นักวิชาการศึกษา ผู้กล่าวรายงาน คือนางสาวณัชชา พันธ์ภักดี
ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมการจัดการศึกษา





http://www.obec.go.th/news/38110

---------------------------------------------------------------------------------
น.ส.ธัณณ์พิชา ธภัทรเรืองโรจน์ : ถ่ายภาพ
ถวิล อรัญเวศ : ให้ข่าว 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ถวิล อรัญเวศ
เขียนเมื่อ

วันนี้เวลา 13.30-16.30 น. ได้เป็นผู้แทน สพป.นครราชสีมา เขต 4 ร่วมประชุมหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดนครราชสีมา สิ่งที่อยากจะบอกคือ 

1. โครงการปลูกป่าฟื้นฟูต้นน้ำและโครงการประชาอาสาปลูกป่า 800 ล้านกล้า 80 พรรษามหาราชินี เฉลิมพระเกียรติสมเด็จ
พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถเนื่องในวโรกาสมหามงคล

เฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2556

2.โครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีนี้รัฐบาลให้ราคา 12,000 บาท/ต้น
ปีที่แล้ว 15,000 /ตั้น
3. การพูดจาหาทางออกประเทศไทย  คนไทยเราจะแก้ปัญหาได้
ต้องหันหน้ามาพูดคุยกัน ให้รู้เรื่อง จูนให้ตรงกัน เห็นตรงกันหรือต่างกันแต่ไม่ขัดแย้ง ร่วมมือกันพัฒนาประเทศชาติได้






ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ถวิล อรัญเวศ
เขียนเมื่อ

การทำงานให้ประสบผลสำเร็จ ปราชญ์ท่านกล่าวไว้ว่าจะต้อง

รักในงาน  แข็งใจทำ ตั้งใจทำ เข้าใจทำ 

นำความสำเร็จไปสู่การปรับปรุงแก้ไข

ผู้ใหญ่ดึง  ผู้น้อยดัน คนเสมอกัน คอยพยุงช่วยเหลือ 










ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ถวิล อรัญเวศ
เขียนเมื่อ

นักปราชญ์ท่านกล่าวไว้ว่า

การเป็นผู้บริหาร เขา
แต่ง
ตั้้งให้มาทำเรื่องต่อไปนี้ คือ

---------------------------------------------

คิดหาวิธีแก้ปัญหา

ตัดสินใจแก้ปัญหา

ดำเนินการแก้ปัญหาที่ได้ตัดสินใจไปแล้ว

รับผิดชอบในเรื่องที่ตัดสินใจไปแล้ว


ผู้บริหารที่ดี คือ ผู้ที่สามารถดึงเอา

ความสามารถของลูกน้องออกมาใช้ให้ได้

มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

ผู้บริหารที่ดี คือผู้สามารถครองใจคนใน

หน่วยงานได้ และประสานหาวิธีแก้ไข

ข้อขัดแย้งโดยสันติวิธีและสมานฉ้นท์

บนพื้นฐานแห่งประชาธิปไตย

--------------------------------------------









ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ถวิล อรัญเวศ
เขียนเมื่อ

คำกลอนสำหรับวัยศึกษา

---------------------------------

ถ้าหมั่นเรียน  เรียนอะไร  ก็ํย่อมรู้

ถ้าหมั่นดู  ดูอะไร ก็ย่อมเห็น

ถ้าหมั่นทำ ทำอะไร ก็ย่อมเป็น

ถ้าไม่เล่น  หมั่นเรียน จักจำเริญ

-----------------------------------





ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ถวิล อรัญเวศ
เขียนเมื่อ

 

คำกลอนสอนจิต

 

จะเป็นสุข ก็ต้องทุกข์ สู้ไปก่อน

จะเป็นก้อน ทีละน้อย ค่อยประสม

จะเป็นพระ ก็พึงละ กามารมณ์

จะเป็นพรหม ให้หมั่นเรียน เพียรทำฌาน

 

 




ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ถวิล อรัญเวศ
เขียนเมื่อ

ไม่ใช่อักษรย่อนะครับ

ณ โรงพยาบาลชนบทห่างไกลแห่งหนึ่ง
มีคนได้รับอุบัติเหตุเพราะเหยียบตอปอจนเป็นแผล

และก็ไปเพื่อรักษาแผลที่โรงพยาบาล

------------------------------------------

หมอ  :  เป็นอะไรมาครับ

คนไข้ :  ผมเหยียบตอปอเลยเป็นแผลครับ

หมอ  : คุณเหยียบอะไรมานะ

คนไข้  : ตอปอครับ

หมอ  : ไม่ต้องพูดคำย่อกับหมอก็ได้ ตาปูใช่ไหม

คนไข้  : ไม่ใช่ตาปู  ตอปอจริงๆ

หมอ  : ตาปู ใช่ไหม

คนไข้  : ไม่ใช่ตาปู ตอปอจริงๆ 

      ต่อมานางพยาบาล มาพอดี ได้ยินหมอกับคนไข้ เถียงกัน ก็เลยไปกระซิบกับหมอ

หมอ  : ตอปอก็ตอปอ  ครับ เชิญนอนที่เตียงได้ ครับ หมอจะล้างแผลให้

 

----------------------------------------------




ความเห็น (2)

ก็หมอไม่รู้จัก ปอนิ ว่าปอก็มกหลายสายพันธ์ เห็นที่ภาคใต้ ไม่เหมือนทางภาคอิสานครับ

สงสัยคุณหมอมาจากภาคอื่นครับ

ถวิล อรัญเวศ
เขียนเมื่อ

คำกลอนพูดงานพระราชทานเพลิงศพ

หรืองาน ฌาปนกิจศพแล้วแต่กรณี

---------------------------------------------

 

เมื่อเจ้ามา เจ้ามีอะไร มากับเจ้า

เจ้าจะมัวแต่สุข สนุกไฉน

เมื่อเจ้ามามือเปล่า เจ้าจะเอาอะไร

เจ้าก็ไปมือเปล่าเหมือนเจ้ามา

 

พรรณไม้ดอก ถึงโตได้วันละนิด

ยังความงาม พาจิตใจ ให้สดใส

ก่อนเหี่ยวแห้ง หมู่แมลง ยังชื่นใจ

ดูดเกสร บินร่อนไป เลี้ยงรวงรัง

 

อันมนุษย์ เกิดมาอยู่ คู่กับโลก

มีสุข ทุกข์โศก โรคภัย ตายแล้วฝัง

ก่อนจะดับลับโลกไปเพราะอนิจจัง

ควรปลูกฝัง ความดีไว้ ให้โลกชม

 





ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ถวิล อรัญเวศ
เขียนเมื่อ

คนงามที่ตรงไหน นอกจากเรือนกาย

 

คนจะงาม งามน้ำใจ ใช่ใบหน้า

คนจะสวยสวยจรรยา ใช่ตาหวาน

คนจะแก่แก่ความรู้ ใช่อยู่นาน

คนจะรวย รวยศีลทาน ใช่บ้านโต



 

 

 



ความเห็น (1)

งามใจ สวยกริยา แก่วิชา รวยศิล

ถวิล อรัญเวศ
เขียนเมื่อ

 

 

ความรัก  ?

 

คือ น้ำผึ้ง คือ น้ำตาล คือ ยาพิษ 

คือ หยดน้ำอมฤต อันชุ่มชื่น

คือ ร้อนรุม คือไฟสุม ในดวงจิต 

คือ ความสุข สดชื่น สมหวัง นี้แหละรัก

 

 


 

 



ความเห็น (1)

ความรักมันสารพัดพิษจริงๆครับ

สุข-ทุกข์คละเคล้าปนเป ต้องใช้วิจารณญาณ แยกแยะให้ดี

รุ่นใหญ่อย่างเราๆยังพลาดหรือวูบวาบไปบ้างเหมือนกัน...แล้วเด็กๆหละน่าเป็นห่วงนะครับ

          แวะมาเยือนครับ


 

ถวิล อรัญเวศ
เขียนเมื่อ

คำกลอนสอนจิตสำหรับคนหนุ่ม วัยเรียนครับ

----------------------------------------

เงินกับงาน การศึกษา ต้องหาก่อน

อย่ารีบร้อน หารัก งานจักเสีย

ถ้าขาดเงิน ขาดงาน พาลขาดเมีย

งานไม่เสีย เงินคงมี  เมียคงมา





ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ถวิล อรัญเวศ
เขียนเมื่อ

ก่อนจะเชื่อ สิ่งใด ให้พิสูจน์

ก่อนจะพูด ให้ยั้งคิด วินิจฉั

ก่อนจะทำ กิจการ งานใดใด

คิดให้รอบคอบก่อน จึงชอบดี







อ่านบทความ "กลยุทธ์การบริหารจัดการแบบทวิภาคี : กรณีเขาพระวิหาร

http://km.obec.go.th/main/research/201304160203184762365.pdf

http://km.obec.go.th/main/research/201304160203184762365.pdf




ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ถวิล อรัญเวศ
เขียนเมื่อ


เสียอะไร ก็เสียไปเถอะ  

แต่อย่าเสียกำลังใจ

คนผู้เสียกำลังใจ  

เสมือนสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง

ในชีวิตของเขา................





ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ถวิล อรัญเวศ
เขียนเมื่อ

 

 

 

ความเป็นมาของประเพณีวันสงกรานต์ในประเทศไทย

 

 

ถวิล  อรัญเวศ

รอง ผอ.สพท.ชำนาญการพิเศษ

สพป.นครราชสีมา เขต 4

สงกรานต์ เป็นประเพณีปีใหม่ของประเทศไทย ลาว กัมพูชา พม่า ชนกลุ่มน้อยชาวไตแถบเวียดนามและมณฑลยูนนานของจีน ศรีลังกา และทางตะวันออกของประเทศอินเดีย 

  สงกรานต์เป็นคำสันสกฤต  หมายถึงการเคลื่อนย้าย  ซึ่งเป็นการอุปมาถึงการเคลื่อนย้ายของการประทับในจักรราศี หรือคือการเคลื่อนขึ้นปีใหม่ในความเชื่อของไทยและบางประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชาวต่างประเทศเรียกว่า  "สงครามน้ำ”

สงกรานต์  เป็นประเพณีเก่าแก่ของไทยซึ่งสืบทอดมาแต่โบราณคู่มากับประเพณีตรุษ จึงมีการเรียกรวมกันว่า ประเพณีตรุษสงกรานต์  หมายถึงประเพณีส่งท้ายปีเก่า และต้อนรับปีใหม่ คำว่าตรุษเป็นภาษาทมิฬ แปลว่า การสิ้นปี

   คำว่า "ดำหัว" ปกติแปลว่า "สระผม" แต่ประเพณีสงกรานต์ล้านนา  หมายถึง การแสดง

ความเคารพ และขออโหสิกรรมที่ตนอาจจะเคยล่วงเกิน รวมทั้งขอพรจากผู้ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นญาติผู้ใหญ่ ผู้อาวุโส ครูบาอาจารย์ หรือผู้บังคับบัญชา ส่วนมากจะใช้น้ำขมิ้นส้มป่อยนำไปไหว้ และผู้ใหญ่ก็จะจุ่มเอาน้ำแปะบนศีรษะก็เป็นอันเสร็จ

สงกรานต์ คือ วันปีใหม่ตามประเพณีไทยแต่โบราณ ซึ่งเริ่มต้นในวันที่ 13 เมษายนของปี รวมระยะเวลา  3 วัน เทศกาลสงกรานต์ในวันที่ 13 คือวันมหาสงกรานต์ หรือวันที่บ่งบอกถึง

การสิ้นสุดปีเก่า วันที่ 14  เมษายนคือวันเนา ซึ่งเป็นวันถัดมา และวันที่ 15 เมษายน คือวันเถลิงศก ซึ่งเป็นวันเริ่มต้นปีใหม่

สงกรานต์ หมายถึง การเคลื่อนที่ หรือการเปลี่ยนแปลง ตามโหราศาสตร์ไทยนั้น

พระอาทิตย์จะเคลื่อนเข้าเข้าสู่จักรราศีใหม่ในวันนี้ นอกจากนี้แล้ว สงกรานต์ยังเรียกว่า เทศกาลน้ำอีกด้วย  เชื่อว่าน้ำจะชำระล้างความชั่วร้ายทั้งมวลในช่วงวันสงกรานต์  ดังนั้น มันจึงเป็นช่วงเวลาในการทำความสะอาดบ้าน หมู่บ้าน วัด และศาลพระภูมิ

ตามประเพณีไทย วันปีใหม่จะเริ่มในช่วงเช้าหลังจากชาวพุทธทำบุญตักบาตรแด่พระสงฆ์แล้ว หลังจากนั้นก็จะมีการปล่อยสัตว์ที่ถูกขังจองจำ โดยเฉพาะนกและปลา บรรดาผู้สูงอายุและพ่อแม่ก็จะรอรับการสักการระจากลูกหลาน ผู้น้อยจะรินน้ำอบหอมผ่านมือผู้สูงอายุ และท่านก็จะ

อวยพรให้ลูกหลานมีสุขภาพแข็งแรง มีความสุขและมั่งคั่ง ประเพณีการแสดงการคาราวะนี้ เรียกว่า รดน้ำ ดำหัว” วันที่ 14 เมษายน เรียกว่า “วันครอบครัว”

ในช่วงบ่าย  พุทธศาสนิกชนจะปะพรมน้ำหอมแด่พระพุทธรูป หลังจากนั้นพวกเขาจะปะพรมน้ำหอม หรือสาดน้ำที่สะอาด เย็นให้แก่กันและกัน เป็นที่สังเกตว่าประเพณีสงกรานต์จะได้รับความนิยมมากในภาคเหนือ โดยเฉพาะในจังหวัดเชียงใหม่

  ผู้คนจำนวนมากจากทั่วทุกมุมในประเทศ  จะมุ่งหน้าขึ้นเหนือเพื่อร่วมเทศกาลที่จัดที่นั่น การประกวดนางสงกรานต์และการเดินพาเหรดขบวนยาวๆ ก็ถูกจัดขึ้นด้วย

 ในกรุงเทพ พระพุทธรูป “พุทธสิหิง” จะถูกนำออกจากพิพิธสถานภัณฑ์แห่งชาติ เพื่อให้ผู้คนได้รดน้ำที่ท้องสนามหลวง ตรงข้ามกับวัดพระแก้ว ใครก็ตามแต่ที่ออกมาเดินตามท้องถนน จะต้องเปียกโชกกันทั้งนั้น คนเชื่อกันว่าน้ำจะชะล้างความโชคร้ายและน้ำที่สาดให้เพื่อนๆหรือใครก็ตามแต่จะเป็นการอวยพรปีใหม่ให้แก่พวกเขา

คำอธิบาย: C:\Users\MYCOM\Desktop\รดน้ำสงกรานต์56\7[1>.jpg

         สำหรับคำว่า "สงกรานต์" มาจากภาษาสันสกฤตว่า "สํ-กรานต" ซึ่งแปลว่า ก้าวขึ้น ย่างขึ้น หรือการย้ายที่ เคลื่อนที่ โดยหมายความอีกนัยหนึ่ง เป็นการเข้าสู่ศักราชราศีใหม่ หรือวันขึ้นปีใหม่

นั่นเอง

ส่วนเทศกาลสงกรานต์นั้น เป็นประเพณีเก่าแก่ของคนไทยสืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณคู่กันมากับประเพณีตรุษจีน จึงมีการเรียกรวมกันว่า "ประเพณีตรุษสงกรานต์" ซึ่งหมายถึง ประเพณี

ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ นั่นเองวันหยุดสงกรานต์  เป็นวันหยุดราชการ แบ่งออกเป็น 3 วัน ได้แก่ วันที่ 13 เมษายน เรียกว่า วันมหาสงกรานต์  วันที่ 14 เมษายน เรียกว่า วันเนา  วันที่ 15 เมษายน เรียกว่า วันเถลิงศก ส่วนกิจกรรมหลัก ๆ ที่ทำในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ก็จะเป็นการทำความสะอาดบ้านเรือนการร่วมกันทำบุญทำทาน สรงน้ำพระ รดน้ำของพรผู้ใหญ่ และเล่นสาดน้ำคลายร้อนกัน  เป็นต้น 

คำอธิบาย: C:\Users\MYCOM\Desktop\รดน้ำสงกรานต์56\9[1>.jpg

ประเพณีสงกรานต์ การฉลองการขึ้นปีใหม่ ตามสุริยะคติ

วันสงกรานต์ ในแต่ละท้องถิ่นอาจไม่ตรงกัน แต่เป็นช่วงระหว่างวัน โดยการนับวันทางจันทรคติ และนอกจากประเทศไทยเราแล้ว ยังมีประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว พม่า กัมพูชา ก็มีประเพณีสงกรานต์เป็นประเพณีขึ้นปีใหม่ด้วยเช่นกัน


วันมหาสงกรานต์

13 เมษายน เป็นวันมหาสงกรานต์ เป็นวันสิ้นปีเก่า และเป็นวันที่พระอาทิตย์เข้าสู่ราศีเมษ ต้องมีการยิงปืน หรือจุดประทัด ทำให้เกิดเสียงดัง เพื่อขับไล่สิ่งไม่ดีต่างๆ จะมีการปัดกวาดบ้านเรือน

ซักเสื้อผ้า เพื่อทำความสะอาดและขับไล่สิ่งไม่ดีจากปีเก่าให้หมดไป

วันเนา  14 เมษายน เป็นวันเนา บางแห่งเรียกว่า วันเน่า เป็นวันที่ เชื่อต่อระหว่าง ปีเก่าและปีใหม่ มีความเชื่อว่า ห้ามกระทำสิ่งที่ไม่เป็นมงคล ห้ามด่ากัน ห้ามทะเลาะกัน ซึ่งโดยรวมแล้ว วันเนานี้จะเป็นวันเตรียมงานทำบุญสงกรานต์ และมีการขนทรายเข้าวัดในตอนบ่าย

วันเถลิงศกขึ้นปีใหม่

 15 เมษายน เป็นวันเถลิงศกหรือวันพญาวัน เป็นวันที่มีการทำบุญทางศาสนา ทำบุญ ทำทานแก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว พร้อมทั้งยังมีการ รดน้ำดำหัว ผู้เฒ่าผู้แก่ ผู้อาวุโสเพื่อขอพร มีความเชื่อว่า จะสามารถช่วยให้ผู้ที่มีบาปหนัง พ้นทุกข์จากขุมนรกได้

คำอธิบาย: C:\Users\MYCOM\Desktop\รดน้ำสงกรานต์56\8[1>.jpg

นิทานปรัมปราเกี่ยวกับตำนานวันสงกรานต์

    มีท่านเศรษฐีผู้หนึ่งไม่มีบุตรแต่ต้องการบุตรมาก ด้วยถูกนักเลงสุราที่บ้านใกล้กันนั้นกล่าว

คำหยาบช้าต่อเศรษฐี

ท่านเศรษฐีจึงกล่าวถามว่า "เหตุใดท่านจึง กล่าวดูถูกเราผู้มีสมบัติมาก"

นักเลงสุราตอบกลับว่า "ถึงแม้ท่านเป็นผู้มีสมบัติมาก แต่ท่านก็ไม่มีบุตร เมื่อเสียชีวิตแล้ว สมบัติเหล่านี้ก็สูญเปล่า เรานั้นมีบุตร ย่อมประเสริฐกว่า"

ท่านเศรษฐีจึงได้จัดพิธีบวงสรวงขอบุตรจากพระอาทิตย์ และพระจันทร์ รอนานสามปีก็มิได้เกิดบุตร เมื่ออาทิตย์ยกขึ้นสู่ราศีเมษ ท่านเศรษฐีจึงพาบริวารไปบวงสรวงขอบุตรจากพระไทร

พระไทรมีความเมตตาสงสารเศรษฐีผู้นี้ จึงได้ขึ้นไปบนสวรรค์ทูลขอบุตรจากพระอินทร์ให้แก่เศรษฐี ผู้นั้น พระอินทร์จึงให้ธรรมบาลกุมารเทวบุตรลงมาเกิดเป็นบุตรของท่านเศรษฐี

เมื่อภรรยาของท่านเศรษฐีคลอดบุตร ท่านเศรษฐีได้ปลูกปราสาทเจ็ดชั้นให้อยู่ใต้ต้นไทรริม

ฝั่งแม่น้ำ และตั้งชื่อให้ว่าธรรมบาลกุมารธรรมบาลกุมารนี้เป็น เด็กที่มีปัญญาเฉลียวฉลาดอย่างมาก เรียนรู้ไตรเทพจบเมื่ออายุ 7 ขวบอีกทั้งยังสามารถเรียนรู้ภาษานกได้อีกด้วย

   ความดังกล่าวได้ล่วงรู้ถึงท้าวกบิลพรหม ท่านจึงต้องการที่จะทดสอบปัญญาของธรรมบาลกุมาร ท้าวกบิลพรหมจึงได้เสด็จลงมายังโลกมนุษย์ ถามปัญหาธรรมบาลกุมาร 3 ข้อคือ  ข้อที่ 1 เช้าราศีสถิตอยู่แห่งใด ข้อที่ 2 เที่ยงราศีสถิตอยู่แห่งใด ข้อที่ 3 ค่ำราศีสถิตอยู่แห่งใด และตกลงกันว่า

ถ้าธรรมกุมารสามารถตอบปัญหา ๓ ข้อนี้ได้ ภายใน ๗ วัน จะตัดเศียรของตนบูชาธรรมบาลกุมาร แต่ถ้าธรรมบาลกุมารไม่สามารถตอบปัญหาได้ ธรรมบาลกุมารต้องตัดศีรษะของตนบูชาท้าวกบิลพรหมเช่นกัน

  เวลาล่วงเลยไปถึง 6 วัน ธรรมบาลกุมารก็ยังไม่สามารถหาคำตอบได้ ด้วยความกลัวอาญาท้าวกบิลพรหม ธรรมบาลกุมาร จึงได้หนีไปแอบซ่อนอยู่ใต้ต้นตาลและบนต้นตาลนั้นมีนกอินทรี 2 ตัว ผัวเมียทำรังอยู่นกอินทรีทั้งสองได้สนทนากันอยู่ในเรื่องการออกไปหากินในวันพรุ่งนี้ นางนกอินทรี : "พรุ่งนี้เราจะไปหากินที่ไหนกันดี "นกอินทรีตัวผู้ : "พรุ่งนี้เราไม่ต้องออกไปหากินไกลหรอก ด้วยพรุ่งนี้ธรรมบาลกุมารจะต้องตัดศีรษะบูชาท้าวกบิลพรหม เนื่องจากตอบปัญหาไม่ได้"


นางนกอินทรี : "น่าสงสารกุมารน้อยยิ่งนัก ท้าวกบิลพรหมก็ช่างถามปัญหาที่มนุษย์เกินจะตอบได้"
นกอินทรีรู้สึกหมั่นไส้นางนกอินทรีจึงได้บอกถึงคำตอบที่ท้าวกบิลพรหมถามธรรมบาลกุมารให้นางนกอินทรีได้รู้นกอินทรีตัวผู้ : "ราศีแห่งมนุษย์นั้นจะสถิตอยู่ที่ร่างกายต่างวาระกัน คือ เวลาเช้าจะสถิตอยู่ที่หน้า มนุษย์จึงต้องล้างหน้า เวลาเที่ยงราศีสถิตอยู่ที่อก มนุษย์จึงต้องปะพรมน้ำที่หน้าอก และเวลาค่ำสถิตอยู่ที่เท้า มนุษย์จึงต้องล้างเท้า จึงจะพ้นอัปรีย์จัญไรทั้งปวง"

  ธรรมบาลกุมารเมื่อได้ยินดังนั้น ก็ได้จดจำคำตอบและนำไปบอกแก่ท้าวกบิลพรหม ท้าวกบิลพรหมจึงจำต้องตัดเศียรของตนบูชาธรรมบาลกุมาร แต่เศียรของท้าวกบิลพรหมมีพิษมาก คือ ถ้าตัดแล้วตั้งไว้บนแผ่นดิน แผ่นดินก็จะลุกเป็นไฟ ถ้าโยนขึ้นสู่ท้องฟ้าฝนก็จะตกไม่ถูกต้องตามฤดูกาล และถ้าทิ้งลงมหาสมุทรน้ำก็จะเหือดแห้ง ท้าวกบิลพรหมจึงรับสั่งเรียกธิดาทั้ง 7 เพื่อให้นำเศียรของท้าวกบิลพรหมไปแห่ประทักษิณรอบเขาพระสุเมรุ 60 นาที แล้วจึงนำไปเก็บไว้ในมณฑปถ้ำธุลีเขาไกรลาศ ครั้นครบกำหนด 365 วัน (โลกสมมุติว่าเป็น1๑ปี) เป็นสงกรานต์ ซึ่งหมายถึงขึ้นปีใหม่นั้นเอง นางสงกรานต์ก็จะต้องนำเศียรของท้าวกบิลพรหมแห่ประทักษิณรอบเขาพระสุเมรุเป็นประจำทุกปี


บทวิพากษ์

  ประเพณีสงกรานต์ของไทย ถือได้ว่าเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่ฉลาดหลักแหลมมาก กล่าวคือ

ในช่วงเดือนเมษายน เป็นช่วงที่อากาศร้อนมากเพราะแสงแดดแผดเผาจ้ามาก  เพราะดวงอาทิตย์โคจรอยู่ในระดับเหนือศีรษะพอดี ฉะนั้น คนไทยในยุคนั้น จึงได้คิดกิจกรรมขึ้นมาเพื่อคลาย

ความร้อนทำให้เย็นสบายและมีความสุขสนุกสนานในการเล่นสาดน้ำ และรดน้ำขอพรผู้สูงอายุ

ซึ่งเป็นแสดงออกถึงความนอบน้อม การให้ความเคารพระหว่างกันและกันตามคุณวุฒิ และวัยวุฒิ

อันจะทำให้การกระทำสิ่งใดก็ตาม จะประสบความสำเร็จ เพราะการให้ความเคารพซึ่งกันและกัน และจะได้รับความเมตตาช่วยเหลือกัน

สรุป

  ประเพณีสงกรานต์ ถือว่าเป็นประเพณีการเล่นสาดน้ำและการรดน้ำขอพรจากผู้สูงอายุซึ่ง

เป็นกิจกรรมที่ชาวไทยได้ปฏิบัติมาตั้งแต่โบราณกาล และสืบทอดมาจนถึงทุกวันนี้  เดิมกิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมที่เกี่ยวกับวันขึ้นปีใหม่ของไทยเรา  เมื่อวันสงกรานต์มาถึง ก็จะสรงน้ำพระ ปล่อยนก

ปล่อยปลา ทำบุญตักบาตร  ละเล่นสาดน้ำกันในคนหนุ่มสาว และกิจกรรมสนุกสนานร่าเริงอื่น ๆ

ตามแต่จะเล่นกันในแต่ละภูมิภาคของไทย  ประเพณีสงกรานต์ การเล่นสาดน้ำ ถือว่าเป็นภูมิปัญญา

ชาวบ้านที่สำคัญยิ่ง เพราะในช่วงเดือนเมษายน เป็นช่วงที่อุณภูมิอากาศของประเทศไทย ร้อนมาก ดังนั้น คนไทยเราในสมัยก่อนจึงหาวิธีที่จะทำให้มีกิจกรรมที่จะคลายความร้อน และสนุกสนาน คือการเล่นสาดน้ำกันและพัฒนาการเป็นกิจกรรมการทำความดีอย่างหลากหลายวิธี เช่น สรงน้ำพระ

รดน้ำขอ

พรจากผู้สูงอายุ  ทำบุญตักบาตร ปล่อยนกปล่อยปลา และทำประโยชน์ต่อสังคม  เรา

ชาวไทย จึงควรสืบสานประเพณีสงกรานต์ไว้ให้นานคู่ชาติไทย และแสดงออกด้วยวิธีการที่

สร้างสรรค์ ซึ่งไม่เป็นการละเมิดสิ ทธิส่วนบุคคล และไม่เป็นต้นเหตุให้เกิดการละเมิดทางเพศ

เป็นต้น


บรรณานุกรม

กระปุกดอดคอม. (2556) . กิจกรรมวันสงกรานต์ และข้อควรปฏิบัติ. (ออนไลน์).สืบค้นเมื่อ

  วันที่ 12 เมษายน 2556 จาก http://hilight.kapook.com/view/21053

วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี. (2556). สงกรานต์. (ออนไลน์). ).สืบค้นเมื่อ วันที่ 12 เมษายน 2556 จาก

  http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C

วิชาการ.คอม (2556). ประวัติตำนานวันสงกรานต์. (ออนไลน์). สืบค้นเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2556

 จาก  http://www.vcharkarn.com/varticle/36247

วันสงกรานต์ภาคภาษาอังกฤษ. (2556). วันสงกรานต์. (ออนไลน์). สืบค้นเมื่อ

  วันที่ 12 เมษายน 2556 จาก  http://school.obec.go.th/nongplamowit/songkran1.html






ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท