อนุทินล่าสุด


piyaporn paphitchaya
เขียนเมื่อ

 

     

 

  หนึ่งวันในฤดูหนาว .. กับพวกเราที่ฟาร์มแกะ

 

              ในช่วงปีใหม่ หลาย ๆ คนก็คงมีวันหยุดยาวกัน ต่างก็อยากไปสัมผัสกับความหนาวเย็น กันที่จังหวัดทางภาคเหนือ ซึ่งที่จังหวัดภูเก็ตของเราไม่มี แต่สำหรับบางคน ที่ไม่มีวันหยุดยาว หรือแทบไม่ได้หยุดเลยนั้น ต่างก็ หาที่พักผ่อนหย่อนใจกัน ซึ่งก็คงไม่พ้น จังหวัดใกล้เคียง  ที่สามารถเดินทางได้สะดวก ก็คือ พังงา และกระบี่ ซึ่งก็เหมือนกับ นศ. ภาคกศ.บป. ที่แต่ละคนต่างก็มีงานที่ต้องทำและรับผิดชอบกัน เลยทำให้ ไม่มีเวลาไปท่องเที่ยวที่ไหนได้ไกล พวกเราเลยชักชวนกันว่า สัปดาห์ที่ได้หยุดปีใหม่ พวกเราจะไปเที่ยว Diary Hut Farm ที่จังหวัดพังงากัน

         เช้าวันเสาร์ที่ 27 ธันวาคม 2556  พวกเรานัดกันเวลา 10.00 น. โบตั๋น ติ่มซำคือเป้าหมายแรกของพวกเรา การเดินทางครั้งนี้ เราใช้รถยนต์ 2 คัน  ผู้ร่วมเดินทาง คันละ 5 คน เมื่อเรารับประทานอาหารเช้ากันแล้ว ก็เดินทางต่อไปยัง วัดถ้ำสุวรรณคูหา วัดนี้ มีลิงเยอะมาก พวกเราเข้าไปไหว้ สักการะพระนอน  ไหว้พระ ขอพรกันแล้ว ก็ชักชวนกันออกมาซื้อกล้วยให้ลิงกัน ที่นี่มี่ลิงเยอะมาก มีทั้งลิงเด็ก ลิงแก่ ลิงแม่ลูกอ่อน ลิงที่น่าจะเป็นจ่าฝูง เพราะ เมื่อลิงตัวนี้จะเดินไปทางไหน แย่งอาหารจากลิวตัวอื่น ๆ ลิงทุกตัวต่างยอม และหลีกทางให้  พวกเราใช้เวลาที่จุดนี้ประมาณ เกือบครึ่งชม.  แล้วจึงเดินทางต่อไปที่ Diary Hut Farm

         เนื่องจาก ติดอยู่ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ที่มีวันหยุดยาว ทำให้วันนี้มีผู้คนมากหน้าหลายตา จากทั่วสารทิศ ที่ต้องการมาเที่ยวพักผ่อน พวกเราเสียค่าเข้าชมคนละ 80 บาท  เมื่อก้าวผ่านประตูทางเข้าเข้าไป เราจะพบกับ ตัวลามะ ที่คล้ายแกะ ผสมกับ อูฐ มีขนปุกปุย แต่ตัวสูง และหน้าเหมือนอูฐ จุดนี้ เราสามารถซื้ออาหารไปป้อนให้มันได้ด้วย ถัดไป เป็น คอกม้า เล็ก ๆ ที่สามารถซื้อตั๋วไปแลกกับ การขี่ม้าได้ สามารถเลือกได้ว่า เราจะให้วนรอบคอก หรือ ออกไปนอกคอก  ราคาต่างกัน 30 บาท  เมื่อเดินเข้าไป เราจะเห็นได้ถึงความกว้างขวางของ Farm แห่งนี้  จะมองขวา หรือ ซ้าย ก็จะเห็น การจัดสถานที่น่ารัก ๆ ไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ ถ่ายรูปเก็บไปเป็นที่ระลึกกันอีกด้วย

 

 

 

          ซึ่ง Diary Hut Farm  อยู่ในความดูแลของร้าน Diary  Hut  seafood .. ซึ่งมีสาขาแรกอยู่ที่ภูเก็ต กับร้าน Diary Hut ..  

          ที่นี่เราใช้เวลาอยู่ประมาณ เกือบ 2 ชม. กับการเดินถ่ายรูป ให้นมลูกแกะ ป้อนหญ้าแกะ ขอชมเลยว่า ที่นี่ น่ารักและเหมาะกับการมาเดินเที่ยว แม้ว่าอากาศจะร้อนอยู่มาก แต่ความสวยงามของสถานที่ และความน่ารักของสัตว์โลกที่อยู่ในฟาร์ม ทำให้พวกเราลืมร้อนกันไปเลยทีเดียว

         เดินเที่ยวกันมาก็นาน เพื่อน ๆ หลายคนเริ่มบ่นหิวกันแล้ว ..  หลังจากที่พวกเราซื้อของฝากติดไม้ติดมือกันคนละเล็ก ละน้อยแล้ว พวกเราก็เดินทางไปยังร้านอาหารใกล้ ๆ กัน กับร้านตำยกครก ต้องยอมรับว่า อาหารที่นี่อร่อยมาก สมคำร่ำลือ มือนี้ จบลง พร้อม ๆ กับความเพียของร่างกาย

      

 

                                    

 

       พวกเราออกเดินทางจากพังงา กลับเข้าสู่ ภูเก็ต ปากก็คุยถึง Diary Hut Farm ที่เพิ่งไปกันมาด้วยความสนุกสนาน จิงอยู่ว่า ที่นี่เป็นอีกหนึ่งสถานที่ ที่หน้าไปเที่ยว แต่อาจจะต้องปรับปรุงเรื่องของความสะอาดสักนิด เพราะว่า เมื่อเข้าไป เราจะได้กลิ่นฉุนของ มูลสัตว์ สัตว์บางตัวก็ ดูอ่อนแอ และดูสกปรก ควรเตรียมความพร้อมในเรื่องของ หญ้า และนมสำหรับป้อนให้สัตว์ให้เพียงพอกับความต้องการของผู้ที่เข้ามาเที่ยวชม เพิ่มเติมสัตว์ให้มากขึ้น เพราะว่าเท่าที่มี ยังดู น้อยเกินไป ส่วน การจัดองค์ประกอบอื่น ๆ ในฟาร์มนั้น น่ารักอยู่แล้ว แต่ถ้าจะมีเปลี่ยนแปลงไปบ้างก็จะยิ่งดียิ่งขึ้น

         ไม่นานนัก หลังจากที่ยังคุย เม้าท์มอยกัน เสียงแต่ละคนก็เริ่มเงียบไป เงียบไป จนเงียบกริบ หันไปอีกครั้ง ต่างคนต่างหลับไปเพราะความเพลีย งานนี้ต้องขอขอบคุณ สารถีของเรา ที่ขับรถพาพวกเราไปกลับกันโดยสวัสดิภาพ ขอบคุณ จักรภธรณ์  เมฆารักกุล  หรือ เต็ม ด้วยค่ะ

         ทริปนี้ผ่านไป เข้าสู่ปีใหม่ ต่างคนต่างมีงาน ขอสวัสดีปีใหม่เพื่อน ๆ ทุก ๆ คนด้วยนะคะ รวมไปถึงอาจารย์ผู้สอน ที่ทำให้เราได้มีวันแบบนี้ ขอบคุณมากค่ะ

 

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
piyaporn paphitchaya
เขียนเมื่อ

 

One Fine day : หนึ่งวันสบายคลายร้อนกับ “วัน  FriDay”

 

เช้าวันศุกร์ อันสดใส อากาศไม่ร้อนจนเกินไป เหมาะแก่การออกไปท่องเที่ยว หลังจากที่ทำงานมาอย่างเหน็ดเหนื่อย ขอหยุดพักผ่อนหนึ่งวัน เลยนัดเพื่อน ๆ ออกไปเที่ยวกัน        

          เรานัดเจอกันที่ ร้านสัตตบรรณ บนเขาเรดาห์ ใกล้ๆ  กับวัดฉลอง ร้านนี้อยู่บนเขา บรรยากาศดีมาก วิวทิวทัศน์สวยงาม อากาศดี เราทานอาหารเที่ยงกันที่นี่ อาหารอร่อย เคล้าบรรยากาศดี ๆ นี่ ทำให้อาหารยิ่งอร่อยขึ้นไปอีก หลังจากที่ทานอาหารเที่ยงกันเสร็จแล้ว เราแวะไปไหว้พระกันต่อ ที่ วัดฉลอง วัดคู่บ้าน คู่เมืองของจังหวัดภูเก็ต เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วง ไฮซีซั่นของจังหวัดภูเก็ต ทำให้วันนี้มีนักท่องเที่ยวจากหลากหลายที่ เข้ามาสักการะ ไหว้พระขอพรกันมากเป็นพิเศษ ปัจจุบัน มีรูปหล่อของหลวงพ่อแช่ม หลวงพ่อช่วง และ หลวงพ่อเกลื้อม ประดิษฐานอยู่ภายในวัด ให้ผู้ที่มาเยือน ได้สักการะ ซึ่ง นอกจากนมัสการรูปหล่อ ของหลวงพ่อทั้งสามแล้ว แนะนำให้เดินมาที่ด้านข้างของวิหาร เพื่อเข้าชมกุฏิจำลองของหลวงพ่อแช่ม นอกจากจะเป็นเรือนไทยที่สวยงามแล้ว ภายในยังมีหุ่นขี้ผึ้งของหลวงพ่อให้เราได้กราบไหว้ มีความสวยงามและเสมือนจริงมาก

หลังจากที่ ไหว้พระเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็ออกเดินทางไปเล่นน้ำทะเลต่อที่ หาดกะรน ทะเลที่นี่ค่อนข้างเงียบกว่าหาดอื่น ๆ ในจังหวัดภูเก็ต ในวันนี้หาดกะรนมีคลื่นลม ไม่แรงมากนักมีนักท่องเที่ยวค่อนข้างมากพอสมควร นักท่องเที่ยวต่างชาวบ้างก็นอนอาบแดด บ้างก็เล่นน้ำทะเลถึงแม้ว่าชาวต่างชาติจะนอนอาบแดดแต่ก็ยังมีคลื่นลมทะเลพัดเข้ามาทำให้อากาศไม่ร้อนมากนัก 

                                                          

หาดกะรนมีลักษณะเป็นเวิ้งอ่าง อยู่ทางฝั่งฟากตะวันตกของภูเก็ตที่รับคลื่นลมจากอันดามัน และยังมีอีก 3 อ่าวที่ทอดตัวยาวต่อเนื่องกัน คือ หาดกะรน หาดกะตะใหญ่ และ หาดกะตะน้อย ทั้ง 3 หาดนี้เป็นหาดที่งดงาม มีเมล็ดทรายสีขาวสะอาดไม่แพ้กัน หลังจากเล่นน้ำเสร็จเราก็เดินทางต่อเพื่อจะไปแหลมพรหมเทพ ระหว่างทางเราแวะที่จุดชมวิว 3 อ่าวด้วย เย็นวันนั้นไม่ค่อยมีคนเยอะนัก และพวกเราก็เดินทางต่อเพื่อที่จะไปดูพระอาทิตย์ตกที่แหลมพรหมเทพ ระหว่างที่กำลังขับรถไปดูเวลาก็เกือบจะ 6 โมงแล้วจึงทำให้ต้องรีบกว่าปกติ เมื่อไปถึงพวกเราต่างรีบขึ้นบันไดแต่ก็ไม่ทันดูพระอาทิตย์ตก ถึงแม้จะไม่ได้ดูพระอาทิตย์ตกแต่ก็ยังได้เห็นภาพท้องฟ้ากำลังจะมืดในยามค่ำคืน เมื่อพวกเราเก็บภาพและความทรงจำ     เสร็จและแล้วก็ถึงเวลาของมื้อค่ำ

ปิดท้ายด้วยมื้อค่ำของวันนี้ก็เป็นร้านประจำของกลุ่มเพื่อนนั้นก็คือ “ร้านแซ่บ” นั้นเอง ถ้าวันไหนที่มีเวลาว่างก็จะไปนั่งที่ร้านกันเป็นประจำ ร้านแซ่บมีเมนูอาหารที่หลากหลาย ราคาไม่แพงมากนัก ไม่เพียงแต่อาหารอร่อยเท่านั้น ภายในร้านยังตกแต่งให้น่านั่ง ที่สำคัญยังมีตุ๊กตาหมีตัวใหญ่อีกด้วย เป็นอีกมุมหนึ่งที่ทำให้ทุกคนแทบเข้าร้านมาต้องเข้าไปถ่ายรูปด้วย ในเมื่อวันนี้มาร้านประจำก็ต้องสั่งเมนูโปรดนั้นคือ สลัดปลาแซลมอน ที่กินที่ไรก็ฟินทุกที เมื่อกินอาหารคาวเสร็จแล้วก็ตบท้ายด้วยของหวาน คือ ฮันนี่โทส ในเมื่อหนังท้องตึง หนังตาก็เริ่มย่อน  หมดเวลาสนุกแล้วสิ หมดเวลาสนุกแล้วสิ ถึงเวลาที่จะต้องกลับบ้านแล้วสินะถึงแม้ว่าจะอยากอยู่เที่ยวต่อก็ตามเถอะ   และวันนี้ก็เป็น one fine day วันสบายสบายของฉันวันอีกวันหนึ่ง

 

                                  

 

 

 

 

 

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
piyaporn paphitchaya
เขียนเมื่อ

แค่ในรั้ว...ก็ชิลได้

 

          มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต  เป็นมหาวิทยาลัย ที่มีบริเวณกว้างขวาง มีที่พักผ่อนหย่อนใจหลายที่  และรอบ ๆ รั้วมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ยังมีร้านอาหารน่านั่ง น่าทานอีกหลายที่เช่นกัน

          หลังจากเรียนช่วงเช้าเสร็จ ก็ถึงเวลาพักเที่ยง บริเวณแถวหน้ารั้วมหาวิทยาลัย ก็มีร้านอาหารมากมาย แต่ดิฉันจะขอแนะนำร้านบ้านกาแฟ ซึ่งร้านนี้ ทำอาหารได้น่าทาน และ อร่อยมาก ภายในร้านมีแอร์เย็น  และมีเพลงเพราะ ๆ ตลอดเวลา ไม่เพียงแต่อาหารอร่อยเท่านั้น  ที่ร้านบ้านกาแฟ ยังมีเครื่องดื่ม และของหวานอีกด้วย  บ้านกาแฟยังมีบรรยากาศดี แถม ราคาอาหารก็ไม่แพงด้วย หลังจากที่รับประทานอาหารเสร็จ ดิฉันจะพาไปแนะนำที่พักผ่อนหย่อนใจ ในรั้วมหาวิทยาลัยกัน

          หลังจากที่รับประทานอาหาร  ดิฉันก็เข้ามาในมหาวิทยาลัย  หลายคนอาจจะเข้าห้องสมุด  แต่ที่ประจำของดิฉันคือ ลานพระ  ที่บริเวณลานพระ  จะมีนักศึกษาเข้ามานั่งพักผ่อนอยู่ตลอดเวลา  ที่บริเวณนี้มีลมพัดตลอด และยังมีลานโล่ง ให้ได้นอนเล่นอีกด้วย  ที่ลานพระนี้  ประธานแลละผู้จัดสร้างพระประธาน สร้างลานปฏิบัติธรรม เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเฉลิมพระชนมายุ  80 พรรษา  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  หลังจากที่นั่งที่ลานพระเสร็จ  ใกล้ ๆ บริเวณลานพระอยู่ใกล้  กับห้องสมุด  ในห้องสมุดชั้น 6 ของมหาวิทยาลัย  ได้เปิดเป็นโรงภาพยนตร์เอาไว้ให้นักศึกษาได้เข้ามานั่งเล่น และเปิดภาพยนตร์ดูตามอัธยาศัย

 

ในห้องสมุด  ไม่เพียงแต่หาความรู้ได้เท่านั้น ในห้องสมุด ยังมีร้านขายของทานเล่นเล็ก ๆ อยูบริเวณชั้นล่างสุด ซึ่งห้องสมุดในแต่ละชั้นจะมีสาระความรู้ที่แตกต่างกันออกไป

          บริเวณชั้น 1 จะมีห้องเล็ก ๆ สำหรับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 7 ปี  ให้เด็ก ๆ เข้ามานั่งเล่น  ในบริเวณชั้น 2 จะเป็นหมวดสังคมศาสตร์  ประวัติศาสตร์  และภูมิศาสตร์  ทรัพยากรสารสนเทศ  บริเวณชั้น 3 จะเป็นหมวดหมู่ความรู้ทั่วไป  วิทยาศาสตร์  วิทยาศาสตร์ประยุกต์  และชั้น 3 ยังมีบริการถ่ายเอกสารให้ด้วย  ส่วนชั้น 4 จะเป็นหมวดหมู่ปรัชญา  ศาสนา  ศิลปะและนันทนาการ  หนังสือต่างประเทศ  และชั้น  5 เป็นหมวดหมู่ภาษาศาสตร์  วรรณคดี  หนังสือหมวดนวนิยาย  เรื่องสั้น  และยังมีโรงภาพยนตร์ให้ดูอีกด้วย

          หลังจากวันนี้ ได้เที่ยวในรั้วมหาวิทยาลัยเสร็จแล้ว  ก็ถึงเวลาที่จะต้องเข้าเรียนแล้ว  และถ้าวันหลังมีโอกาส  หรือเวลาว่างอีก ดิฉันจะพามาแนะนำมหาวิทยาลัย  เพราะว่าในมหาวิทยาลัยยังมีที่เที่ยวและที่พักผ่อนอยู่อีกหลายที

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
piyaporn paphitchaya
เขียนเมื่อ

  

Born To .. Be [w]

 

โรโรโนอา โซโล :  เป็นนักล่าค่าหัวผู้มีความเชี่ยวชาญในการใช้ดาบเป็นอาวุธ โดยมีดาบ 3 เล่มเป็นอาวุธประจำตัว มีความใฝ่ฝันเป็นนักดาบที่เก่งที่สุดในโลก ตามที่ให้สัญญาไว้กับ คุอินะ เพื่อนสมัยเด็กที่เสียไป หลังจากนั้นถูกนาวาโทมอร์แกนมือขวานจับตัวไปและเจอกับลูฟี่ ลูฟี่เข้ามาช่วยโซโลไว้ และโซโลยังร่วมเดินทางไปกับลูฟี่ด้วย และโซโลเองมีค่าหัว 60 ล้านเบรี หลังจากที่จัดการดาซูบอเนส หรือมิสเตอร์วัน แล้วเพิ่มขึ้นเป็น 120 ล้านเบรี หลังจากจัดการคาคุซึ่งเป็นหนึ่งใน CP9

ดาบประจำตัวที่โซโลพกไว้เสมอตั้งแต่แรกคือ ดาบสีขาว วาโดอิจิ มอนยิ (เป็นดาบที่จะคาบไว้ที่ปากเวลาใช้ท่าสามดาบ) ซึ่งเป็นดาบที่รับช่วงมาจากเพื่อนสมัยเด็กและสาบานว่าจะเป็นนักดาบที่เก่งที่สุดในโลก ดาบอื่นที่ใช้ในปัจจุบันอีกสองเล่มคือดาบสีแดง ซังได คิเทซึ เป็นดาบอาถรรพ์ที่ได้มาจากล็อกทาวน์ และ ดาบดำ ชูซุย ซึ่งได้มาจากการสู้กับซามุไรเจเนรัลซอมบี้ ริวมะ ที่ธริลเลอร์บาร์ค จึงทำให้บรู๊ค ได้เงาของเขากลับคืนมา

ดิฉัน :  เป็นนักกีฬาวอลเล่ย์บอล มีความเชี่ยวชาญในการเล่นกีฬาที่หลากหลาย มีความใฝ่ฝันว่า อยากจะเป็นนักกีฬาที่เก่งคนนึง ตามที่ได้สัญญาไว้กับ คุณแม่ แต่ด้วยการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา จึงทำให้ร่างกายไม่สามารถเล่นกีฬาที่หักโหมเกินไปได้   แต่ก็มีความพยายามที่จะฝึกฝน  จึงมีส่วนที่คล้ายคลึงกับโรโรโนอา โซโล ในจุดนี้

เป้าหมายที่สำคัญที่สุดของโซโลคือนักดาบอันดับหนึ่งของโลก จูลาคีล มิฮอว์ค เจ้าของฉายาตาเหยี่ยว โซโลเคยประชันกับมิฮอว์คมาครั้งหนึ่งเมื่อครั้งที่ลูฟี่กับเขาไปที่ร้านอาหารกลางทะเลที่ซันจิอยู่และพ่ายแพ้ หลังจากนั้นเป็นเวลานานที่เกาะชาบอนดี้ โซโลที่สะสมความเหนื่อยล้าไว้มากต้องเข้าสู้กับบาโซโลมิว คุมะและเกือบถูกฆ่าโดยคิซารุ แต่ถูกช่วยชีวิตไว้จากราชันย์นรกเรลี่ จากนั้นจึงถูกหนึ่งในเจ็ดเทพโจรสลัด บาโซโลมิว คุมะซัดกระเด็นไปที่ซากราชอาณาจักรเก่า ที่นั่นเขาได้พบกับมิฮอว์คอีกครั้ง ในเวลานั้นข่าวที่ลูฟี่สูญเสียเอสไปได้มาถึง โซโลจึงดึงดันจะออกจากเกาะไปพบลูฟี่ แต่เมื่อได้รับรหัสที่ลูฟี่ส่งมา จึงเปลี่ยนใจและกลับไปก้มหัวขอให้มิฮอว์คเป็นคนสอนวิชาดาบแก่ตนเอง มิฮอว์คเข้าใจนิสัยโซโลเป็นอย่างดี จึงรับปากสอนหลังจากแผลของโซโลหายดี

เป้าหมายที่สำคัญที่สุด ของดิฉัน คือ การได้เป็นนักกีฬา ที่สามารถนำชัยชนะมาสู่ทีม แม้ว่า จะต้องเจอคู่แข่งที่มีความเก่งกาจ มานับต่อนับ มีชนะบ้าง แพ้บ้าง แต่ก็ไม่เคยที่จะลืมเป้าหมายของตัวเองที่มีมาตลอด ว่าคืออะไร

โรโรโนอา โซโล :  เป็นคนจริงจัง ขี้เซา หลับง่าย ชอบดื่มเหล้า หลงทางบ่อย ไม่เชื่อในพระเจ้า และพูดตรงไปตรงมา แต่ถึงภายนอกจะไม่แสดงออกเท่าไร โซโลก็เป็นคนที่รักเพื่อนฝูงอย่างมาก เมื่อถึงเวลาต่อสู้จะจริงจังเสมอ โดยโซโลมีส่วนคล้ายซันจิตรงที่ไม่ฟันผู้หญิง แต่จะโจมตีให้สลบไป หรือผู้หญิงที่มีพลังพิเศษ

ดิฉัน :  เป็นคนจริงจัง ขี้เซา หลับง่าย ชอบดื่ม เมื่อเข้าสังคม หลงทางบ่อย พูดตรงไปตรงมา มีความรักเพื่อนฝูงมาก แม้จะไม่ค่อยแสดงออกสักเท่าไหร่ เป็นคนที่มีความจริงจังเสมอ ไม่ชอบรังแกผู้หญิงที่อ่อนแอกว่า  ซึ่ง นิสัยส่วนนี้ ของดิฉัน ตรงกับ โรโรโนอา โซโล เกือบทุกอย่าง มีก็แต่ ความมั่นใจในตัวเอง ที่ยังไม่เทียบเท่า ของโรโรโนอา โซโล  ที่มีความมั่นใจ และความทะเยอทะยานที่สูงกว่ามาก

เราทุกคน ย่อมมีเป้าหมายในชีวิตที่แตกต่างกันออกไป ตามความสามารถ ที่แต่ละบุคคลต่างมี หลายคนสามารถไปถึงฝั่งฝัน ของตัวเอง แต่อีกหลายคนที่ไม่สามารถเดินทางไปยังจุดนั้นได้ ไม่ใช่แค่พรสวรรค์ที่มีเท่านั้น เราทุกคนยังต้องการพรแสวง นั่นเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนต่างจำเป็น และสมควรมี หากมีแต่ความฝัน แต่ไม่คิดจะลงมือกระทำ สิ่ง ๆ นั่น ก็จะเป็นแค่ความฝัน ที่คุณก็ไม่อาจจับต้องได้ และก็เป็นเพียงแค่ความฝันต่อไป แต่เมื่อไหร่ ที่คุณมีความตั้งใจ  ไม่นาน ความฝันของคุณก็จะกลายเป็นความจริง

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

นางสาวปิยาภรณ์ ปพิชญา เลขที่ 28



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท