นวนิยายใช้เป็นเครื่องสร้างแรงบันดาลใจได้
หลังจากเรืองเดช จันทรคีรี ได้อ่านหนังสือ โลกสดใสฯ ของเราแล้ว เขาแนะให้เราเขียนนวนิยาย แต่เราเฉยๆ สัปดาห์ก่อน อ.เสรี ให้หนังสือนวนิยายอิงเรื่องราวในชีวิตจริงของ "เอริ" มาอ่าน เกิดความเข้าใจว่า นวนิยายก็คือเรื่องเล่าที่มีหลายๆ เหตุการณ์ (หลายฉาก) ดำเนินต่อๆ กันจากต้นจนจบ โดยมีพล็อตใหญ่ไว้ก่อน นวนิยายจึงใช้เป็นเครื่องมือสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อ่านได้หากแต่ละเหตุการณ์ที่เล่านั้นเป็นเรื่องดีๆ นอกจากนี้ ยังสามารถสอดแทรกแนวคิดต่างๆ ผ่านปากตัวละคร จึงสนใจเขียนนวนิยายดูบ้าง แต่แน่นอนว่ายังไม่ใช่ปีนี้
ไม่มีความเห็น
พลังแห่งโต๊ะกลม พลังแห่งความเท่าเทียม
หลายปีมาแล้ว ได้ดูหนังเรื่อง King Arthur ที่มีอัศวินนับสิบคนมานั่งประชุมกันรอบโต๊ะกลมตัวใหญ่ที่ทุกคนเห็นหน้ากันหมด ตอนนั้นไม่เข้าใจว่าทำไมต้องใช้โต๊ะกลม เพิ่งมาฉุกคิดเรื่องนี้เมื่อไปนั่งประชุมกับกรรมการสภาสถาบันฯ เมื่อไม่นานมานี้ ที่เขาจัดโต๊ะเป็นรูปตัวยู พอคนที่นั่งด้านเดียวกันพูด เราไม่เห็นหน้าผู้พูด เห็นแต่ประธานหัวโต๊ะกับคนนั่งด้านตรงข้าม การประชุมที่จัดโต๊ะตัวยูไม่มีพลังเท่าโต๊ะกลม มีแต่ประธานที่เห็นหน้าทุกคน จึงได้แนวคิดในการจัดที่นั่งห้องเรียน (room setting) ยิ่งกลมได้มากเท่าไรยิ่งดี หรืออย่างน้อยก็รูปไข่ ห้องเรียนเราไม่มีโต๊ะอยู่แล้ว มีแต่เก้าอี้ ยิ่งจัดง่าย
ไม่มีความเห็น
สอนอย่างทำอย่าง!
เมื่อวานไปสอนวิชากระบวนทัศน์ที่บางคนที ตอนเที่ยงนำข้าวกล่องโฟมที่พนักงานจัดเตรียมให้ไปร่วมกับ นศ.ที่โรงอาหาร นักศึกษาทักว่า พวกเราไม่ใช้โฟมแล้ว แต่อาจารย์ยังใช้อยู่ ผมรู้สึกเจ็บปวดพอสมควร เพราะเพิ่งสอนเรื่องนี้ไปหยกๆ ว่าโฟมใช้เวลา ๒๐๐ ปีในการย่อยสลาย รู้สึกตนเองไม่มี integrity คือ สอนอย่างแต่ทำอีกอย่าง หลังอาหารมาสอนต่อ นักศึกษาคนหนึ่งบอกจะบริจาคปิ่นโตขนาดเล็ก ขนาดสำรับละคนกินพอดีให้ ๓๐ เถา รู้สึกขอบคุณเธอมาก เมื่อนำความเรื่องนี้ไปบอกพนักงาน ฟังเสียงสะท้อนแล้วก็ทำให้รู้สึกว่าเรากำลังสร้างภาระอะไรเพิ่มให้เขาอีกแล้ว จากที่เขาแค่โทรศัพท์สั่งข้าวกล่องโฟมจากร้านให้มาส่งง่ายๆ กลายเป็นต้องมีการจัดการเพิ่มขึ้น ศิษย์เก่าในท้องถิ่นคนหนึ่งที่จบ ป.ตรี ไปแล้ว แวะมาเยี่ยมสถาบัน เธอขอเข้ามานั่งสังเกตการเรียนการสอน ป.โท ด้วย เธอให้ข้อมูลว่า บางคนทีเป็นแหล่งจำหน่ายใบตองมากทึ่สุดแห่งหนึ่ง เพราะที่นี่ปลูกกล้วยมาก อาจลองบอกคนขายให้ใช้ใบตอง เรื่องนี้ยังไม่มีข้อยุติ
ไม่มีความเห็น
การเรียนรู้ด้วยการลงมือทำ (Learning by Doing)
คำถามที่เกิดขึ้นข้อหนึ่งคือเมื่อแยกจาก "สหวิทยาการ" ออกเป็นสาขาเฉพาะ คือ สุขภาพชุมชน กับ วิทย์-เทคโนฯ เพื่อชุมชนแล้ว ควรจัดกระบวนการเรียนรู้อย่างไร?
คำตอบในความคิดผมคือยึดแนวทางหลักของ ม.ชีวิต ที่เคยบันทึกไปแล้วเมื่อวันพุธที่ ๓๑ ธ.ค.๕๑ ในหัวข้อ การเรียนโดยเอาชีวิตเป็นตัวตั้ง และที่อยากเพิ่มในบันทึกนี้คือ เน้นการจัดกระบวนการเรียนรู้ด้วยการลงมือทำ (ไม่เน้นการฟังบรรยายหรือท่องหนังสือเพื่อสอบ)
ความจริงการเรียนรู้ด้วยการลงมือทำนี้มีการพูดกันมากไม่เพียงแต่ในการศึกษาผู้ใหญ่ ผู้ที่ได้รับการอ้างอิงว่าพูดเรื่องนี้อย่างเป็นเรื่องเป็นราวก่อนเพื่อนคือ จอห์น ดิวอี้ เจ้าของวาทะ Learning by Doing
เราเชื่อว่า การเรียนโดยไม่ได้ลงมือทำ ไม่ทำให้ใครรู้อะไรจริง
นอกจากนี้ การเรียนโดยการลงมือทำจะนำไปสู่การสร้างความรู้ใหม่ (ต่างจากการฟังหรือท่องเพื่อจดจำความรู้เก่า) แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าความรู้ที่เกิดจากประสบการณ์การลงมือทำมาก่อนของคนอื่นจะไม่มีความสำคัญ ปัญหาก็คือเขาทำแล้วได้ผลในบริบทของเขา หากทำในบริบทของเราแล้วจะได้ผลหรือไม่อย่างไร หรือจะเกิดความรู้ใหม่ๆ ต่อยอดขึ้นมาอย่างไร จะรู้ได้ก็ต้องเมื่อได้ลงมือทำจริงในบริบทของเราเองเท่านั้น
ไม่มีความเห็น
ทำไมสถาบันการเรียนรู้เพื่อปวงชนจึงต้องมีหลายสาขา ไม่มีแต่สหวิทยาการอย่างเดียว?
ที่เราเพิ่มสาขาวิชาสุขภาพชุมชนและสาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อชุมชน เกิดจากระเบียบกฎเกณฑ์ของ สกอ.ที่ระบุว่าจะเปิดสถาบันอุดมศึกษาได้ต้องมีอย่างน้อย ๓ สาขา เราก็เลยมามองที่วิชาเฉพาะของสาขาสหวิทยาการว่ามีกลุ่มวิชาอะไรที่จะขยายเป็นสาขาในตัวมันเองได้บ้าง ก็พบว่ามีกลุ่มวิชา
แล้วเราก็ประสานกับภาคีและเครือข่าย จนกระทั่งสามารถพัฒนาหลักสูตรในสาขาสุขภาพชุมชน และสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อชุมชนสำเร็จ
ในตอนนั้นเราคิดถึงอีก ๒ สาขา คือ สาขาเกษตรกรรมยั่งยืน และสาขาเศรษฐกิจชุมชน สาขาเกษตรกรรมยั่งยืนนั้นมีความสำคัญเพราะผู้เรียนส่วนใหญ่มีอาชีพหลักหรืออาชีพเสริมด้านการเกษตรนั้น แต่เฉพาะหน้านี้ให้รวมเอาไว้ในสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อชุมชนก่อน พร้อมเมื่อไรค่อยแยกออกมา สาขาเศรษฐกิจชุมชนได้ตั้งทีมทำหลักสูตรขึ้นและมีความคืบหน้าพอสมควร แต่เนื่องจาก สกอ.กำหนดให้มีอย่างน้อยเพียง ๓ สาขา และเราก็มีสาขาสหวิทยาการเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นอยู่แล้ว จะมีสาขาเกษตรกรรมยั่งยืนหรือสาขาเศรษฐกิจชุมชนหรือไม่ก็ไม่มีผลต่อการได้รับอนุมัติให้เปิดสถาบัน เฉพาะหน้านี้เราจึง focus ที่สาขาสุขภาพชุมชนและสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อชุมชนก่อนเพราะทั้งสองสาขามีความเป็นไปได้สูงในการ raise fund
สาขาสุขภาพชุมชน เราได้รับความร่วมมือจาก สช.เพราะตรงกับวัตถุประสงค์หลักของ สช.ที่ต้องการเสริมงานสร้างเสริมสุขภาวะชุมชน ซึ่งการสร้างเสริมสุขภาวะดังกล่าวจำเป็นต้องสร้างคนที่จะเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง(สร้างเสริม)นี้ ซึ่งก็มองไปที่ อสม.
สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อชุมชน เราได้รับความร่วมมือจาก สวทช. ซึ่งเป็นภาคีก่อตั้ง สสวช. ซึ่งต้องการสร้างผู้นำในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในท้องถิ่นจากคนในท้องถิ่นเอง (ก่อนนั้นได้ทำเรื่องการสร้างนักวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระดับชาติอยู่แล้ว)
ส่วนสาขาสหวิทยาการเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นก็ยังคงเน้นด้านการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงในชุมชนท้องถิ่นแบบรอบด้าน ครอบคลุมทั้งการทำแผนแม่บท แผนปฏิบัติการทุกด้าน การจัดการทุนท้องถิ่น วิสาหกิจชุมชน รวมทั้งด้านการเกษตร สุขภาพ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ไม่มีความเห็น
อายุและอาชีพของผู้เรียนในโครงการมหาวิทยาลัยชีวิต
ไม่มีความเห็น
การเรียนโดยเอาชีวิตเป็นตัวตั้งทำอย่างไร?
ไม่มีความเห็น