ดิณ


อาจารย์
ภาควิชาชีวเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
Username
somporn_katekaew
สมาชิกเลขที่
195785
เป็นสมาชิกเมื่อ
เข้าระบบเมื่อ
-
(ไม่มีตั้งแต่ พ.ศ. 2564)
ประวัติย่อ

จากทุ่งกุลาร้องไห้ ในครอบครัวชาวนาจนๆ ห่างไกลความเจริญ (ทางวัตถุ) ลูกชายคนโต ในทั้งหมด 4 คน เรียนหนังสือจบชั้น ป.6 โรงเรียนในหมู่บ้าน มีโอกาสได้ไปศึกษาต่อ ม.ต้น ที่โรงเรียนในอำเภอ จบ.ม.3 ตั้งใจจะไปเรียนต่อช่างเทคนิค หรือไม่ก็เข้ากรุงเทพหางานทำตามสมัยนิยม  เพื่อนส่วนหนึ่งไปสอบเรียนต่อชั้น ม.6 โรงเรียนในตัวจังหวัด ก็เลยตามเพื่อนลองดู ปรากฏว่าสอบได้ จึงย้ายจากอำเภอมาเรียนต่อที่ในตัวจังหวัด สอบโควต้า มข. ติดคณะวิทยาศาสตร์ บอกพ่อว่าไม่เรียนต่อแแล้วจะช่วยพ่อทำนาที่บ้าน แต่ขัดประสงค์ของพ่อไม่ได้ (พ่อบอกว่าไปเรียนซะ มึงจะมาลำบากอย่างกูทำไม) ช่วงที่เรียนทำให้พ่อแม่ น้องๆลำบากมาก กว่าจะจบการศึกษาปริญญาตรี แถมยังเสียที่นาไปอีก 25 ไร่ (ยังเป็นตราบาปอยู่ในใจจนทุกวันนี้) จบ ป.ตรี ไม่มีเงินไปหาสมัครงาน สิงหอพักอยู่กับน้องๆ หางานในมหาวิทยาลัยทำ ได้เป็นนักวิทย์ จากนั้นอยากเรียนต่อเพราะทนสังคมชนชั้นในที่ทำงานไม่ได้ ใช้เงินเดือนอันน้อยนิดที่มี ส่งตัวเองเรียน วันเสาร์อาทิตย์รับจ้างตัดต้นไม้ ทำสวน ซักผ้ารีดผ้าให้กับอาจารย์ที่ท่านเมตตาสงสาร ได้เงินใช้ประทังชีวิตไปวันๆ กู้สหกรณ์ มข. ซื้อรถมอร์เตอร์ไซด์ (เริ่มการเป็นหนี้) เรียนจบ โชคดีได้สมัครและถูกบรรจุเป็นอาจารย์ ป.โท ทำงานไปซัก 4-5 ปี รู้สึกว่าชีวิตถูกจำกัดด้วยกรอบทางสังคมบางอย่าง จึงอยากศึกษาต่อระดับ ป.เอก  โชคดีได้ทุนไปศึกษาต่อที่ประเทศญี่ปุ่น ใช้เวลา 3 ปี กลับมาทำงานที่ต้นสังกัด  เกิดความเบื่อหน่ายระบบการศึกษาที่ดึงผู้คนออกจากบ้าน ออกจากชุมชน ออกจากบ้านเกิดเมืองนอน และใส่ค่านิยมที่ดูถูกรากเหง้าตนเอง เป็นลูกหลานชาวไร่ ชาวนา แต่พอจบการศึกษาก็รังเกียจวิถีของเกษตรกร มองว่าเป็นอาชีพที่ต่ำ ลำบาก ยากจน นับวันท้องทุ่งจะไร้ผู้คน ไร้ลูกหลานสืบทอด  แต่ผมกลับมองสวนทาง... และมองว่า ชาวนา ชาวไร่ ชาวเกษตรกรจะต้องเป็นผู้ที่ร่ำรวยความสุข อยู่ในสังคมอย่างมีเกียรติ และผู้ที่เป็นบัณฑิตจะต้องสำนึกต่อแผ่นดินเกิด เยี่ยงบุพการีคนหนึ่ง 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท