เมื่อเย็นวานนี้ ยายไอดินได้โทรฯ คุยกับน้องชายคนเล็ก (อายุห่างกันประมาณ 4 ปี) ซึ่งเป็นครูสอนวิชาสังคมศึกษาในโรงเรียนมัธยมฯ แห่งหนึ่งใน จ.ยโสธร น้องเพิ่งสูญเสียภรรยาคู่ชีวิตได้สองเดือนเศษ น้องบอกว่ากำลังจะทานข้าว...คนเดียว...เวทนาน้องนัก...ภรรยาที่ตรวจสุขภาพอยู่ทุกปี พอตรวจพบโรคร้ายก็รักษาอยู่เพียงประมาณ 6 เดือนก็เสียชีวิต...ลูกชายคนโตที่แต่งงานแล้ว (ป้าๆ ช่วยจัดงานให้โดยที่แม่ไม่ได้ไปร่วมเพราะความเจ็บป่วย) เป็นครูอยู่ที่ กทม. ลูกสาวคนเล็กเรียนแพทย์ปี 2 ที่ม.อุบลฯ
น้องจาระไนว่าทานข้าวกับอะไรบ้าง...บอกว่าอร่อย กำลังจะไปตักข้าวจานที่สอง...ถ้าน้องสะใภ้ยังอยู่น้องยิ่งจะอร่อยมากกว่านี้ เพราะมีคนรู้ใจเป็นเพื่อนพูดคุย น้องชายเป็นคนที่รักและผูกพันกับภรรยามาก (ยายไอดินเคยมีสภาพเช่นนี้มาตั้งแต่ปี 2527) ...ถึงจะเวทนาน้องแต่ก็เบาใจที่น้องคงเริ่มปรับตัวปรับใจได้...น้องยังเล่าให้ฟังว่า ที่เรียนปริญญาโทกับโครงการความร่วมมือระหว่างสพฐ.กับ ม.รามคำแหง ผ่านหมดแล้วทั้งงาน IS (Independent Study) สอบประมวลผล และสอบภาษาอังกฤษ จะรับปริญญาในเดือนมีนาคมปี 2556 เพื่อนๆ ที่เรียนในสาขาเดียวกันและสาขาอื่นๆ ยังไม่จบเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่ไม่ผ่านงาน IS และต้องไปดำเนินการต่อที่กทม. ...ดีใจที่น้องทำได้สำเร็จทั้งที่การส่งงาน IS และสอบอยู่ในช่วงงานศพภรรยาเป็นต้นมา ยายไอดินบอกว่า จะไปให้กำลังใจน้องในวันรับปริญญา และได้สอบถามถึงการจัดงานบุญ 100 วัน น้องบอกว่าจะจัดในวันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม 2555
เช้านี้...ยายไอดินลุกมาตอบขอบคุณผู้ให้ดอกไม้ในบันทึกของตนเอง เข้าไปอ่าน ให้ดอกไม้/และเขียนความเห็นในงานเขียนของท่านต่างๆ ประมาณ 6-7 ท่าน แล้วรวบรวมบันทึกเกี่ยวกับวิธีเพาะเห็ดที่ "คุณคนถางทางแนะนำไว้ใน 4 บันทึก ได้แก่
1) วิธีเพาะเห็ดแบบรวดเร็วและประหยัดแรงงาน : http://www.gotoknow.org/blogs/posts/507274
2) วิธีเพาะเห็ดให้ได้กำไรสุทธิไร่ละ ๑๕ ล้านบาท (ตอน ๒) : http://www.gotoknow.org/blogs/posts/507416
3) ปลูกเห็ดแบบห้อยกิ่งไม้ด้วยระบบน้ำหยด : http://www.gotoknow.org/blogs/posts/507498
4) ปลูกเห็ดแบบริมหาด : http://www.gotoknow.org/blogs/posts/507499
ท่านเป็นนักคิดนอกกรอบ (Lateral Thinker) ซึ่งยายไอดินสนใจความคิดเกี่ยวกับการเพาะเห็ดของท่าน หลังจากทุกอย่างเข้าที่เข้าทางจะทดลองนำแนวคิดของท่านไปทดลองทำดู...และคงได้เขียนบันทึกในเรื่องนี้
จริงๆ แล้ว ตามกำหนดการเดิมนั้น วันนี้ยายไอดินจะอยู่ที่สิงห์บุรีตามกิจกรรมทัศนศึกษาจ.อ่างทอง สิงห์บุรี ลพบุรี 10-14 พฤศจิกายน 2555 ซึ่งเพื่อนที่เกษียณในปี 2553 แต่ยังอยู่ทำงานให้กับคณะต่อเป็นคนจัด และชวนยายไอดินเข้าร่วมในช่วงทัวร์ยุโรป แต่ช่วงก่อนเดินทาง จนถึงเช้าวันเดินทาง ยายไอดินมีอาการคล้ายอาการของโรคกระเพาะซึ่งเจ็บปวดทรมานมากจึงไม่กล้าเดินทาง เลยต้องฝากจดหมายขอโทษและชี้แจงปัญหาให้พ่อใหญ่สอนำไปแจ้งเพื่อน พร้อมนำกล้วยน้ำว้า 1 เครือไปฝากให้รับประทานกันบนรถ (ใช้รถของบริษัทนำเที่ยวในการเดินทาง)
"อยากเก็บงานเขียนดีๆ ไว้อ่าน และบอกผ่านไปยังผู้ที่สนใจ"
หลังจากที่ผู้เขียนได้อ่านบันทึกของ "คุณสามสัก" เรื่อง "๔๖.ปู....นางฟ้าผู้อารี หรือนักฆ่านัยตาหวาน ????" ที่สร้างในวันที่ 9 กันยายน 2555 (http://www.gotoknow.org/blogs/posts/501708) ผู้เขียนได้แสดงความเห็นไว้ ดังนี้
• อ่านบันทึกนี้ในเวลาที่ควรนอน ตอนเกือบตีสองหลังตรวจงานนักศึกษา
ชอบบันทึกนี้มากๆ เลยค่ะ
อ่านแล้วได้ความรู้ว่า ต้นที่ขึ้นเยอะมากที่ฟาร์มไอดิน-กลิ่นไม้และถอนทิ้งประจำเรียกว่า "ต้นสาบแมว" เคยถ่ายรูปตอนที่เขาขึ้นเต็มสวนกล้วยและออกดอกเต็มสวยเหมือนกันค่ะ
ได้รู้จัก "แมงมุมปู (Flower Crab Spider)" ซึ่งรู้สึกว่าจะไม่พบแถวฟาร์มไอดินฯ และได้เรียนรู้เกี่ยวกับการหาอาหารของแมงมุมดังกล่าว
ได้เรียนรู้ว่า คุณสามสักมีความรู้เกี่ยวกับแมลงศัตรูพืชเป็นอย่างดี เป็นคนละเอียดอ่อน ช่างคิด และมีความคิดลึกซึ้ง จะเห็นได้จากการนำวิถีชีวิตของสัตว์มาเปรียบเทียบกับคนไทย ที่อยากให้คนไทยทั้งประเทศได้อ่านอย่างมีสติตระหนักรู้ จะได้ไม่หลงระเริงดังเช่นผึ้งที่หลงใหลในความงามและน้ำหวานของดอกสาบแมว
"คุณสามสัก" ทิ้งท้ายในบันทึกดังกล่าว ไว้ดังนี้
เฮ้อ..ช่างแสนเวทนาแมงมุมปูวัยเด็กและสงสารผึ้งตัวนั้นจริงๆ.......พอๆ กับการสงสารตัวเอง สงสารอนาคตของลูกหลานไทย .. ที่ถูกภาครัฐ กำลังเพาะบ่มพฤติกรรม "รอแลกแจกแถม อย่างไม่เห็นคุณค่า...ถูกหลอนให้หลงใหลได้ปลื้มกับความสุข ความสบายภายใต้นโยบายประชานิยมที่ขาดความสมเหตุสมผลที่ดี ฟุ้งเฟ้อ ฟุ่มเฟือยเกินความจำเป็น มากยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนาทางการเมืองและทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว..เพราะรายได้ของประเทศ ได้ถูกนำเอามาใช้เพื่อเอาอกเอาใจประชาชน ให้ได้มาซึ่งคะแนนเสียง..จนกระเป๋าของชาติฉีกขาดอย่างต่อเนื่องยาวนาน ..
เมื่อไม่มีก็ต้องกู้ ..หนี้เก่าเมื่อปี ๒๕๕๔ จำนวน ๔.๒๘ ล้านล้านบาท มาปีนี้ คงมีหนี้สะสมไม่น้อยกว่า ๕ ล้านล้านบาท.. ในขณะที่ทรัพยากรชาติ ก็ถูกล้าง ถูกผลาญ..ควบคู่ไปกับการเพิ่มขึ้นของหนี้สินภาคครัวเรือน จาก ๘ หมื่นบาทเศษ เป็น ๑๓๖,๕๖๒ บาทต่อครัวเรือน ในเวลาเพียงไม่กี่ปี..
คนไทย จึงไม่ต่างกับผึ้งที่ถูกหลอนให้หลงระเริงกับความหวานและความสวยงามของดอกสาบแมว.รอเวลาที่จะถึงกาลเสื่อมถอย..แตกดับ...
ในขณะที่ลาว พม่า เวียตนาม (เวียดนาม).. ซุ่มซ่อนลับคมเขี้ยวทางปัญญาให้แก่พลเมือง ให้รู้จักตนเองและก้าวเท่าทันโลกอย่างมั่นคง..พร้อมที่จะแซงพี่ไทย..ที่หลงระเริงความหวาน จนจะเป็นโรคเบาหวาน..ได้อย่างไม่ยากเย็น...
ถ้อยคำทิ้งท้ายของ "คุณสามสัก" ดังที่ยกมา ตรงใจผู้เขียนยิ่งนัก ที่รู้สึกนึกคิดเยี่ยงเดียวกัน ด้วยความห่วงใยใน "หายนะของชาติ" แต่ไม่อาจเขียนออกมาเป็นถ้อยคำ เมื่อได้พบกับงานเขียน "ค่าล้ำ" จึงขอนำมาบอกต่อ ขอให้คนไทยได้นำมาคิดไตร่ตรองกันดู จะปล่อยให้บ้านเมืองก้าวไปสู่หายนะเช่นนี้หรือไฉน...