อนุทินล่าสุด


stt
เขียนเมื่อ

    วันนี้ปวดหัวจัง  สับสน จะย้ายไปที่ทำงานใหม่ แถวสาธร ไม่รู้จะหาที่พักใหม่หรืออยู่ที่เดิมดี  เบื่อการขนย้าย  จะเดินทางไปทีทำงานใหม่   ก็ไกล รถก็ติด ต้องตื่นนอนแต่เช้า  จะย้ายไปอยู่ที่ใหม่ ถ้าดี ๆ ก็แพงหลายพันบาท ...จะทำไงดี  ....   



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

stt
เขียนเมื่อ

  ชีวิตคนเราเกิดมาเปรียบเสมื่อนเส้นด้าย 1 เส้นต่อหนึ่งชีวิต ทุกคนเกิดมาเพื่อใช้กรรมเรียกว่ากรรมเก่า ในระหว่างดำรงค์ชีวิตอยู่นั้น ย่อมมีเส้นด้ายชีวิตเส้นอื่น เข้ากระทบกระเทือนหรือผูกมัดกับเส้นด้ายชีวิตของเรา อาจจะเสียหายบ้าง หรือถูกผูกรัดบ้าง เปรียบเสมือนการใช้กรรมเก่า แต่ถ้าเส้นด้ายชีวิตของเราไม่คิดที่ผูกมัดหรือเกี่ยวพันธ์กับด้ายชีวิตผู้อื่นแล้ว เส้นด้ายชีวิตเส้นอื่นนั้นก็ไม่สามารถผูกมัดเราได้ เราแค่เพียงออกแรงดึงเส้นด้ายชีวิตของเราออกมาจากเส้นด้ายชีวิตอื่นนั้น ก็โดยง่าย แต่ถ้าเส้นด้ายชีวิตของเรา ผูกมัดหรือเกี่ยวพันธ์กับด้ายชีวิตเส้นอื่นนั้น แล้ว เราก็ไม่สามารถดึงเส้นด้ายชีวิตเราออกมาได้ เลย ดังนั้นชีวิตคนเรา นั้น ถ้าเราไม่ต้องการสร้างเวรกรรมต่อคนอื่น เราก็ไม่ควรที่จะคิดแก้แค้น หรือผูกใจเจ็บต่อบุคคลอื่นที่มาทำร้าย เราควรอโหสิกรรมให้กับเขา.....



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

stt
เขียนเมื่อ

    วันนี้ได้ข่าวว่าในวันที่  5 กรกฎาคม 2553 ถูกย้ายไปทำงานที่อื่น ไกลจากที่พัก ประมาณ 20 กม. คงต้องตื่นนอนแต่เช้า แล้ว ..แต่เบื่อการขับรถยนต์ในกรุงเทพจัง รถติด เช็งเป็ด.............



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

stt
เขียนเมื่อ

    ที่คิดๆไว้ว่าสักวันอาจได้ผล ถ้าฉันนั้นรักและอดทนได้มากพอ
บางทีวันนึงสิ่งเหล่านั้นอาจจะมีมีความหมาย
และแล้วฉันก็เรียนรู้ว่าฉันฝืนความจริง เมื่อรักของฉันถูกทิ้งถูกเขาทิ้งกองไว้
ยิ่งรักยิ่งโดนทำร้ายยิ่งทนยิ่งท้อใจ มองยังไงก็มองไม่เห็นทาง
หยุดหลอกตัวเองซะที เลิกซะที กลับมามองให้ดี รับความจริงเถอะ
หยุดหลอกตัวเองซะที เลิกไปหลงละเมอ ปล่อยให้คนเค้าไปตามทาง(ได้แล้ว)

ทำไมเราต้องหลอกตัวเอง  หาเหตุผลให้ตัวเองถูกเสมอ หรืออาจเพราะหลอกแต่เองมันง่าย  มีความสุขไปวัน ๆ แต่ยอมรับความจริงมันยาก  แม้ว่าการยอมรับความจริง มันจะเจ็บปวดและทรมาน แต่มันก็จบ ดังคำที่ว่า"เจ็บแล้วจบ" แค่ถ้าเราหลอกตัวเอง ไปวัน ๆ มันก็ไม่มีวันจบ แต่มันจะเจ็บเล็กน้อยแต่นาน . เพราะเรารู้อยู่แล้วนี่ว่าความจริงมันคืออะไร ตอนนี้ กำลังอยู่ ทางแยกแล้ว   ....เราจะไปทางไหน....



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

stt
เขียนเมื่อ

17/6/53 วันนี้ เพื่อนหลายคนท้องเสีย รวมถึงนักฟุตบอลที่ต้องแข่งขัน เชื่อมความสามัคคีด้วย หลายคนไปดูงานไม่ไหว นอนพักโรงแรม ส่วนตัวเราไม่เป็นไร แต่มีอาการเสียดท้องตั้งแต่วันแรกยังไม่หาย  กลัวท้องเสียจึงกินยาแก้ท้องเสีย1 เม็ดพอกินยาแล้วสรุปว่าได้เรื่องครับถ่ายท้องครับ เวลาเย็นมีการแข่งขันฟุตบอลต้องกินเกลือแร่ช่วยได้ผลนิดหน่อย พอมีแรงเล่นบอล แต่เมื่อเริ่มแข่งขันไปได้ประมาณ 5-10 นาที คอแห้งมาก อาจเกิดจากการเสียเหงือประกอบกับถ่ายท้อง แต่ฝืนทนแรงต่อไป จนถึงครึ่งหลัง รู้สึกว่าร่างกายแย่ เตะบอลพลาดบ่อย แต่ทนจนหมดเวลาและทีมของเราชนะ ด้วยการยิ่งจุดโทษ จบการแข่งขันหมดแรงครับจะเป็นลม ไม่ไหวจริงๆขอตัวกลับโรงแรมห้องพักก่อน ส่วนเพื่อนไปทานงานเลี้ยงกันต่อ(น่าอิจฉาจัง)กลับเข้าโรงแรม สั่งข้าวต้มโรงแรมมากิน แพงจัง ถ้วยละ 200 บาท ก่อนนอนรู้สึกว่ามีเป็นไข้จึงกินยาลดไข้ ..อยากนอนหลับฝันดีจัง แต่ตื่นเช้าก็ยังไม่ฝันถึงใครสักคน ..แม้แต่ฝันของเราเองยังไม่เป็นใจ น่าเศร้าจัง...



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

stt
เขียนเมื่อ

  16 /6/53 ในวันนี้นั่งเรือเฟอร์รี่ไปเกาะสมุย ในระหว่างทาง ได้เดินไปเล่นบริเวณหัวเรือ เพื่อดูบรรยากาศและความงดงามของธรรมชาติ ก่อนที่จะถึงเกาะสมุยฝนตกที่เกาะสมุย ซึ่งมองออกไปจากเรือ เห็นเป็นม่านบังเกาะสมุย แต่เป็นม่านธรรมชาติที่เกิดจากสายฝนสวยงามมาก แต่น่าเสียดายไม่ได้ถ่ายภาพนั้นไว้ ไปถึงโรงแรมที่พักประมาณ 16.00 น.เปลี่ยนเสื้อผ้า จะไปว่ายน้ำสระน้ำของโรงแรม แต่สระน้ำ  มันเล็กเกินเลย เปลี่ยนใจ ไปว่ายน้ำในทะเลดีกว่า เมื่อ ตกลงใจได้ดังนั้นแล้วจึงไปว่ายน้ำในทะเล โดยการเดินไปให้ใกล้ที่สุดเท่าที่จะใช้เท้ายั่งพื้นทราย และว่ายน้ำกลับเข้าฝัง ผลปรากฏว่าว่ายได้แค่รอบเดียวเอง เกือบตาย เหนื่อยมากครับ ว่ายน้ำเสร็จยังไม่หายซ่า ไปเล่นฟุตบอลอีก แต่เป็นได้แค่ผู้รักษาประตูเพราะหมดแรงจริง ๆ รอบค่ำมีงานเลี้ยง ร่วมทานอาหารกับเขาประมาณ 21.00 น. รู้สึกว่าเสียดท้องจึงแอบหนีขึ้นห้องพักนอนดูบอลโลก (เกาหลี บราชิล) ตื่นเช้ามา รู้ข่าวว่าเพื่อนท้องเสียหลายคน เพราะหมูหันเป็นพิษบ้าง แตงโม เป็นพิษบ้าง ส่วนตัวเรานั้นปลอดภัย เนื่องจากไม่กล้ากินหมูหัน  ...เห็นแล้วสงสารหมู...



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

stt
เขียนเมื่อ

   การมองหาใครสักคนที่คิดว่า ใช่หรือไม่  มันไม่ใช่ของง่าย ไม่ได้มองดูเพียงความน่ารัก ความสวยงาม ถึงแม้ความสวยงามความน่ารัก  เป็นสิ่งที่ดึงดูดให้เราเขาไปหา ไปรู้จัก คุ้นเคย  แต่เราต้องศึกษาลักษณะนิสัยของเขา ว่าไปด้วยกันได้หรือไม่ ความสวยและน่ารัก มันไม่ทำให้มีความสุขในระยะยาวหรอกเปรียบเหมือนความรักกับรองเท้า  ถ้าเราพบรองเท้าที่สวย แต่เล็กไปหรือใหญ่ไปสำหรับเรา ถ้าตัดสินใจซื้อมาไว้ในความครอบครอง เราก็ภูมิใจที่มีไว้อวดใครได้ว่าเรามีรองเท้าที่สวยงามแต่เราต้องการมีรองเท้าไว้แค่โชว์ มันไม่คุ้มหรอก เพราะ มันไม่สามารถไปไหน ๆ กับเราได้เลย ถึงแม้เราจะฝืนใส่รองเท้านั้นไป เท้าเราหรือรองเท้าต้องพังไปข้างหนึ่งไม่มีความสุขเลย  ใช่มั่ย .. แต่เราเลือกรองเท้าที่เหมาะสมกับเรา ถึงแม้มันจะไม่สวยเท่าไร แต่พาเราไปได้ทุกที โดยที่เราไม่รู้สึกเจ็บหรืออึดอัด เราคงมีความสุขกับการเดินทางไปกับรองเท้าคู่นี้ เปรียบเหมือนการเลือกหาคนรัก เราต้องหาคนที่เหมาะสมและไปกับเราได้ ไม่ใช่เพียงความสวยหรือน่ารัก เท่านั้น..แต่ครั้งนี้เขาสวย น่ารัก และก้อ ...ก็เลยทำใจลำบาก



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

stt
เขียนเมื่อ

 ไปเจอท้องฟ้าสีครามที่สดใส ไออุ่นลาพัดชะโลมกาย ไปเจอผื้นน้ำระยิบและพร่างพราย นอนหลับตาพักใจให้คลาย เมื่อความหวัง ความฝัน ล่องลอยมาและหายจางไป
เมือความหมาย แห่งรัก จบลงก็แค่ ทิ้งมันไป ทะเลสายลมจะปลอบใจล้าเท่าไหร่

 แอนกายพักใจให้ผ่อนคลาย  ทิ้งมันไป นั้งคุยกับทะเลและหยุดใจทุกข์เท่าไหร่ ปล่อยทิ้งมันไป พรุ่งนี้เริ่มใหม่ อีกครังเมื่อฉันค้นพบโลกยังมีอะไร อีกมากมายให้ไปเผชิญ
ละลองค้นหาหนทางที่หลากหลาย แค่รักหล่นหายก็ไม่เห็นจะตายแต่ตอนนี้ฉันแค่ขอได้ออกไป นอนหลับตาพักใจให้คลาย



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

stt
เขียนเมื่อ

    วันที่ 14 ออกเดินทางจาก กทม. ยังไม่มีอะไรประทับใจ แต่รู้สึกประทับใจวันที่ 15 ที่วัดสวนโมก คือประทับใจหลักคำสอนของท่าน คำสอนที่โดนที่ใจมาก คือประมาณว่าคนเราไม่ต้องยึดติดอะไร มากแม้แต่คำสอนหรือตำราทางศาสนา ซึ่งแก้ไขปรุงแต่งมาแล้ว แต่เราควรยึดถือปฏิบัติในสิ่งที่ดี ไม่ควรยึดถือตัวกูของกู ทำอะไรควรมีสติ  ซึ่งตรงนี้ ผมเคยมีแนวคิด(ความเห็นส้วนตัวนะ) ว่าทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดี คำว่าศาสนาใด ศาสนาหนึ่งนั้นเป็นเพียงจุดร่วมใจของกลุ่มชนนั้น แต่เป้าหมายเดียวกันคือความสุข ความสงบของตัวเองและสังคม  ยกตัวอย่างง่าย ๆ ศาสนาพุทธ สอนให้สวดมนต์ ส่วนศาสนาอื่นก็มีบทสวดเป็นของตนเอง แต่ผลของการสวดมนต์  นั้นก็คือทำให้คนมีสมาธิ และสติอยู่กับตัวเอง เมื่อคนเรามีสติอยู่กับตัวเอง ก็จะเกิดความคิดที่มีเหตุผล สรุปง่าย ก็คือเกิดปัญญานั้นเอง



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

stt
เขียนเมื่อ

   กลับจากการท่องเที่ยวและดูงานต่างจังหวัดแล้ว เวลาประมาณ 22.00 น. มีอะไรดีหลายอย่าง จากการศึกษาดูงาน 5 วัน 4 คืน 3 โรงแรม และการเดินทางครั้งใช้เวลาพักผ่อนอยู่ในรถยนต์มากกว่าในโรงแรม  แต่สิ่งที่ประทับใจและเป็นหน้าที่ของพวกเราที่ต้องทำต่อไปให้ดีในอนาคต คือการ ดูแลและต้อนรับน้อง ๆ รุ่นใหม่ ตามแบบอย่างที่รุ่นพี่ทำให้ดู

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

stt
เขียนเมื่อ

   วันนี้ เดินทางไปจังหวัดราชบุรี แต่เช้า และนำรถยนต์ไปซ่อมที่ศูนย์ตามที่ชางนัดหมาย และช่างนัดรับรถยนต์เวลาประมาณ 16.00 น.เวลาว่างไม่มีที่ไป จึงไปเดินเที่ยวห้างที่มีในจังหวัดราชบุรีจำนวน 3 ห้าง (โรบินสัน โลตัส และบิ๊กชี ) และตลาดกำนันหลัก จนถึงเวลาประมาณ 16.00 น.กว่า ไปเอารถยนต์ ซึ่งเสียค่าซ่อมไปหลายพัน จึงเอาเงินในอนาคตออกมาใช้ก่อน เวลาเย็นเดินเล่นตลาดนัดเปิดท้ายในจังหวัดราชบุรี ตลาดนัดในต่างจังหวัดน่าเดินเล่นอากาศดีและไม่ร้อน ก่อนกลับ กทม.ได้แวะรับประทานอาหารเย็นที่ร้านข้าวต้มนายปอ รสชาดอาหารก็พอใช้ได้ แต่ที่ชอบสั่งมากินทุกครั้งก็คือแกงเลียงกุ้งสด ออกมาจากจังหวัดราชบุรี 20.00 น.กว่า ถึง กทม.เกือบ 23.00 น. รถติดแถวแยกวงศสว่าง ฯ



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

stt
เขียนเมื่อ

     ค่ำคืนนี้เตรียมตัวเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า เพื่อเตรียมความพร้อมไปศึกษาดูงานต่างจังหวัด 5 วัน 4 คื่น เดินทางไปครั้งนี้ พร้อมเพื่อน ๆ อีกหลายสิบคน จะได้ความรู้และประสบการณ์ใหม่ ในต่างจังหวัด เมื่อกลับมาจากต่างจังหวัด  คงใกล้เวลาทีจะ  ปฏิบัติหน้าที่ จริงๆ แล้ว ความรับผิดชอบมากขึ้น คงเหนื่อย แต่ท้าทาย



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

stt
เขียนเมื่อ

         การเป็นกีฬาทำให้รู้ถึงการเป็นผู้มีน้ำใจนักกีฬา จะแพ้ หรือชนะไม่สำคัญข้อสำคัญคือ ได้มีส่วนร่วมแข่งขัน และทำการแข่งขันอย่างเต็มความสามารถ ยอมนับกฎ   กฏกติกาของการเล่น ซื่อสัตย์สุจริตต่อคู่แข่งขัน เชื่อฟังและเคารพต่อเหตุผลเป็นผู้รักษาความยุติธรรม เป็นผู้รู้แพ้ รู้ชนะ และรู้อภัย ดังนั้นเมื่อเปรียบความรักเป็นเกมส์กีฬา ที่เราสมัครใจลงเข้าแข่งขันแล้ว เราต้องยอมรับในกฎกติกาของเกมส์ความรัก ซื่อสัตย์สุจริตต่อคู่แข่งขัน เกมส์กีฬาทุกอย่างมีระยะเวลา จบเกมส์แข่งขัน เช่นเกี่ยวกับความรักก็ต้องมีกำหนดระยะเวลา ในการแข่งขัน เมื่อหมดเวลาแล้ว  เราต้องยอมกติกานั้น นักกีฬา เมื่อหมดเวลาแล้ว ถึงแม้จะพ่ายแพ้ ก็แสดงสปิริตยิ้มทักทายคู่แข่งขัน เกมส์ความรักก็เช่นกัน เมื่อหมดเวลาแล้ว ผู้แพ้ก็ต้องยินดีกับผู้ชนะ แต่ถ้าเป็นนักกีฬาเมื่อแพ้ก็ต้องกลับไปฝึกฝนกลับมาต่อสู้กันใหม่  ซึ่งตรงนี้แหละ ที่แตกต่างจากความรัก เว้นแต่ว่า กรรมการความรักจะให้โอกาสเข้าแข่งขันอีกครั้ง  



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

stt
เขียนเมื่อ

     สิ่งที่ยาวนาน ยิ่งกว่าสิ่งไหน นั่นก็คือใจ ที่ฉันให้เธอแต่สิ่งที่ยืนยง มั่นคงเสมอ ก็คือเธอกับความเฉยชาอ่อนใจ กับความเลื่อนลอย กับการรอคอย จนเหนื่อยจนล้าบัดนี้ มันเกินเวลาจบแล้ว   รักนี้ที่ทนมา เหนื่อยล้าเพราะรักที่ยาวไกลหนึ่งคำ  ที่อยากจะพูดไป  อยากจะย้ำชัดๆครั้งสุดท้าย รักเธออยากจะใจเย็น มากกว่าวันนี้ อยากเป็นคนดี ทนได้นานๆแต่จะรอเธอ เพื่อเจอวันนั้น จะต้องรออีกนานเท่าไรเมื่อเธอ ไม่เคยเข้าใจ  ว่าการรอคอย มันเหนื่อยเพียงไหนอย่างนี้ คงรอเรื่อยไปจบแล้ว  รักนี้ที่ทนมา  เหนื่อยล้า  เพราะรักที่ยาวไกลจากกัน  ฉันอาจต้องเสียใจ  แต่วันนี้ฉันขอยอมตัดใจ จากเธอหากว่าความจริงเธอไม่มีใจก็ไม่น่าคิดนานขนาดนั้นเจ็บที่จริงใจ ให้อยู่นาน แต่เหมือนไม่มีความหมายจบแล้วรักนี้ที่ทนมา  เหนื่อยล้า เพราะรักที่ยาวไกลหนึ่งคำ ที่อาจจะฝืนใจ แต่วันนี้ต้องพูดมันออกไป ลาก่อน



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

stt
เขียนเมื่อ

      มองดุเธอจากตรงนี้  ได้แต่เห็นเธอไกล ๆ และความฝันมันจะเป็นจริงบ้างไหม ได้แต่ถามใจเรื่อยมา คงเป็นเพียงแค่รอยยิ้ม กับสิ่งที่เห็นในแววตาเธอ ส่องให้เห็นความงดงามเสมอ จนอยากจะรักเธอเรื่อยไป  แต่ในทุกครั้งที่ฉันลอง จะใกล้เธอ ก้อเหมือนฟ้าจะแกล้งกัน   ใกล้กันแค่นี้ก็เอื่อมไม่ถึง และฟ้าก็ยังคงเขามา  ยิ่งอ่อนล้า ยิ่งเหนื่อยใจไปทุกอย่าง สิ่งที่หวังเริ่มจางลงทุกที และต่อไปนี้คงไม่มีวันได้เจออีกแล้ว เหมือนเส้นขนานคู่ไปคนละฝัง แต่ฝันที่อยู่ในใจเสมอคือรักเธอ และมันยิ่งท้อใจ เมื่อเห็นเขาใกล้เธอ บอกตรง ๆ ว่าเสียใจ แต่ถึงแม้ไม่ได้รักกันแต่ก็ยังดีที่เห็นเธอสุขใจ



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

stt
เขียนเมื่อ

   วันนี้เวลากลางวันมีการอบรม เชิงปฏิบัติงานจริง ดูแล้วยากจัง  ..สำหรับมือใหม่แบบพวกเรา ออกอาการเครียดไปหลายคนเลย แต่สำหรับเราวันนี้ผ่านแบบ ชิว ชิว เพราะเป็นอาชีพเก่าของเราเอง จนพวกมองแบบหมั่นไส้ 5555 ...แต่พรุ้งนี้ สิจะเอาตัวรอดหรือเปล่าไม่รู้เลย ( แอบสร้างศตูรไว้ด้วยสิ) ยังไม่เคยปฏิบัติหน้าที่แบบนี้มาก่อนด้วย  เริ่มเครียดแล้วละ ห้าทุ่ม แล้วยังหลับไม่ลงเลย ต้องตรวจเอกสาร หัดตั้งคำถาม   ไว้ เยอะ ๆ เฮ้อ ... ไม่มีใครให้กำลังใจเรา ก็ขอให้กำลังใจตัวเอง ก็แล้วกัน แล้วบอกกับตัวเอง  ว่า   สู้ โว้ย ๆ     



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

stt
เขียนเมื่อ

เชื่อว่าหลายคนก็มีคนอื่นมาแอบรัก  และคนที่ถูกแอบรักนั้น ก็ไปแอบรักคนอื่นอีก เวียนกันไป ทำไมไม่กลับไปรักคนที่รักเรา ลองหันไปมองคนข้างหลังสิ เขาคิดอย่างไงกับเรา...อาจจะเป็นคนที่ใช่สำหรับคุณก็ได้

"  เคยมองว่ารักนั้นแสนยากเย็น

ไม่เห็นไม่รู้ว่าอยู่ไหน ลืมมองว่ามีคนคอยห่วงใย

รู้ตัวช้าเกินไปใช่ไหมเธอ

ในวันนี้ถ้าฉันจะบอก ว่าคนที่รอก็คือเธอ แล้วเธอจะฟังฉันไหม

ไม่เคยคิดว่าเธอจะยืนอยู่ตรงนี้ ไม่คิดวารักจะใกล้อย่างนั้น

คนใกล้ตัวจริง ๆ ก็คือคนในฝันไม่ต้องการใครแล้ว

เธอคือคนนั้นคนเดียวที่ตอบคำถามของหัวใจ

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

stt
เขียนเมื่อ

จงอย่าดูแคลนว่าผู้อื่นต้อยต่ำ แล้วทะนงตนเองว่าสูง เพียงเพราะเห็นว่า ตัวเองมั่งมีสุขสบายกว่าเขา เพราะนั่นเป็นเพียงเปลือกนอกที่ฉาบฉวยเกินกว่าจะเอามาตัดสินคุณค่าชีวิตของใครคนใดคนหนึ่งได้ รู้ไว้เถิดว่า สำหรับคนที่สูงส่งจริงๆ แล้ว เขามักจะอยู่อย่างเจียมตน และไม่อวดอ้างหรอกว่าตนเองอยู่เหนือกว่าผู้อื่น เนื่องจากคนที่สูงส่งที่แท้จริงย่อมทำตนเองให้มีคุณค่ามากพอ จนเกิดความรู้สึกอิ่มเอมในชีวิต และไม่จำเป็นต้องยกตนเพื่อไปเปรียบเทียบ หรือคุกคาม ข่มเหงใครๆ เพียงเพราะต้องการให้ตนเองดูยิ่งใหญ่กว่าผู้อื่น เพราะผู้ที่ทำเช่นนี้ไม่ใช่คนที่สูงส่ง



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

stt
เขียนเมื่อ

  วันนี้ เป็นวันหยุด เป็นวันสำหรับตัวเอง โดยแท้จริง ทำกิจวัตประจำวันเสร็จแล้ว นั่งคิดทบทวนเรื่องที่ผ่านมา เมื่อวันก่อน เดือนก่อน ปีก่อน ( เวอร์ ไป ป่ะ ) สิงไหนที่ดี เราต้องทำต่อให้สำเร็จ และทำดียิ่งขึ้นต่อไป แต่สิ่งไหนที่ไม่ดี เราต้องปรับปรุงแก้ไข หรือเริ่มต้นใหม่.... นั่งคิดทบทวนอยู่ 3-4 ขั่วโมง ตกลงได้ละ ว่าพรุ้งนี้เราจะทำอะไรดี ....(รอดูผลงานต่อไป)  แต่ที่ผ่านมา ทุกอาทิตย์วันหยุดก็คิดแบบนี้นะ  ตกลงแบบนี้เลย แต่ถึงวันจันทร์ พบเจอผู้คนมากมาย  กิเลศ เข้ามาหา ไม่ถึง 5 นาที่ สติเตลิด ตลอดเฮ้อ...แล้วเราจะทำไง  หรือว่า ศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดของชีวิต คือ ตัวเราเอง เอาใหม่ เริ่มต้นใหม่ ช้ำ ๆ    จะเป็น อย่างนี้อีกนานไหม เธอบอกให้รอฉันก็รออย่างไร้จุดหมาย (นี้มันเพลงไร้ตัวตน ของเจมส์ นี้หว่า ) พอก่อนดีกว่าออกแนวเพ้อเจ้อแล้ว



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

stt
เขียนเมื่อ

  แน่นอน เมื่อเรารักเขาเข้าแล้วเขาไม่ยอมรักตอบ
ก็ต้องเจ็บต้องช้ำไป
แน่นอน ถ้ามันเป็นเกมอะไรสักเกม
ก็ต้องมีคนเสียใจ
แต่การแพ้ เพราะไม่เคยได้ลงแข่ง
น่าเสียดาย น่าเสียดาย

อย่าเก็บมันไว้ อย่าปิดมันไว้
เมื่อไปเจอใครที่แคร์
ไม่อยากเอ่ยยิ่งช้ำ ไม่อยากแข่งยิ่งแพ้
และคนที่เราแคร์ไม่มีวันรู้เลย

  
    



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

stt
เขียนเมื่อ

 

        วันนี้ไปเลี้ยงอาหารเด็ก พิการช้ำช้อน ปากเกร็ด รู้สึกว่าพวกเขาเป็นผู้ด้อยโอกาสน่าสงสารมาก แต่ประทับใจตอนพวกเขาทานอาหาร พวกเราเป็นเด็กเสริฟ เสริฟน้ำ ปลอกผลไม้ และเสริฟไอศครีมให้พวกเขา ดูแล้วพวกเขามีความสุข ขอถ่ายรูปกับพวกเราหลายคน พวกเขาทุกคนเก็กหล่อทั้งนั้นเลย แต่บ้างครั้งก็ฟังพวกเขาบางคนพูดไม่รู้เรื่อง มีอยู่ครั้งหนึ่ง เขาถามอะไร ฟังไม่รู้เรื่อง เราจึงพยักหน้า ไป เขาแสดงความดีใจใหญ่ แต่รู้ภายหลังว่าเขานึกว่าพรุ้งนี้เราจะไปเลี้ยงอาหารอีก จึงต้องรีบบอกเขาว่า อ้อ ไม่ใช่ พรุ้งนี้ไม่มา  พวกเขาน่ารัก นะ อยากจะแนะนำให้ไปกันมาก ๆ

   แต่ ไม่รู้ว่าเราคิดไปคนเดียวหรือเปล่า นะ เพราะก่อนทานอาหารกลางวัน เด็ก มาเล่นเกมส์ เก้าอี้ดนตรี ก็ดูเด็กสนุกสนานดีหรอก เมื่อได้ผู้ชนะแล้วเราก็แจกรางวัลให้เขา ในมุมมองของเราคิดว่า มันเหมือนเอาสัตว์มาแสดงอะไรสักอย่าง เพื่อแลกรางวัลหรืออาหาร  แต่เราอาจจะคิดเพ้อเจ้อ หรือหลุดโลกไปคนเดียวก้อไม่รู้สิ ....ช่างมัน

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

stt
เขียนเมื่อ

     ไม่เข้าใจว่า เพราะอะไร คนผิดหวัง อกหัก ต้องดื่มเหล้า ( เลี่ยนแบบภาพยนต์ หรือ Mv มั้ง) ทำไม ทำไม  ไม่คิดบ้างว่า "เราถูกคนอื่นทำร้าย แล้วทำไมเราต้องมาทำลายตัวเองอีก"  ดื่มเหล้าแก้ได้ เฉพาะตอนเมา สางเมา ก็คิดมากฟุ้งซ่านอีก และมีปัญหาให้คิดมากกว่าก่อนดื่มเหล้าด้วย เพราะต้องคิดทั้งเรื่องงานและเงินที่เสียไปอีก เมื่อรู้แบบนี้แล้ว เรามาแก้ปัญหาแบบมีสติดีกว่าไหม โดยการให้เวลากับตัวเอง คิดทบทวน ปรับปรุงแก้ไขดีกว่า................



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

stt
เขียนเมื่อ

   ไม่รู้ว่ามุมไหนของประเทศไทย จะมีที่อยู่สำหรับคนที่มองโลกในแง่ดีบ้างนะ เคยคิดเสมอว่า การให้ที่ดีที่สุดคือการให้อภัย  ( มองโลกในแง่ดีได้อีก) แต่ไม่เคยมองในมุมกลับเลย ถ้าเราให้อภัยเขามาโดยตลอด เขาก็จะมองว่าเราโง่ เราอ่อนแอ ถูกรังแกตลอดไป ถ้าแบบนี้ เราควรให้อภัยโดยมีขอบเขตดีกว่าไหม.......? 

  และอีกคำ หนึ่งที่ต้องระวัง  คือคำว่า"ยิ่งสูงยิ่งหนาว" แต่คำนี้ที่ถูกต้อง นั้นต้องใช้กับคำว่า "ยิ่งสูงเพื่อนยิ่งหาย" การทำงานนั้นเราต้องระวังคือคู่แข่ง แต่คู่แข่งที่น่ากลัวที่สุดคือเพื่อน ...เพราะเราไม่เคยมองเพื่อนในแง่ร้าย ดังนั้นเมื่อเพื่อนคิดร้ายเราเมื่อไร ความโชคร้ายกำลังมาเยี่ยมแล้วละ  



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท