ดอกไม้


03 วราภรณ์ จันชะนะ
เขียนเมื่อ

     ดิฉันโชคดีมากที่ได้มีโอกาสไปสัมภาษณ์ชาวต่างชาติ เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2555 เวลา 17:33 น. ณ บริเวณลานหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอุบลราชธานี

     ดิฉันและเพื่อนๆในกลุ่มอีก 3 คน ได้เข้าขอไปอนุญาตสัมภาษณ์ชาวต่างชาติท่านหนึ่งซึ่งเดินมาพร้อมกับภรรยาชาวไทย ท่านทั้งสองดูใจดีมากและยิ้มๆให้พวกเรา ก่อนที่ผู้เป็นภรรยาจะเดินไปนั่งรอที่ม้านั่งยาวใต้ร่มไม้ใหญ่ใกล้ๆ

     ดิฉันเริ่มต้นบทสัมภาษณ์เป็นคนแรกโดยเริ่มจากการแนะนำตัวเอง ตามด้วยการแนะนำตัวเองของเพื่อนๆจนครบทุกคน แล้วดิฉันก็ถามคำถามแรกด้วยคำถามที่ว่า "What's your name ?" ในทันทีก็ได้รับคำตอบกลับมาว่า "I'm John" จากนั้นเพื่อนๆแต่ละคนต่างก็ถามคำถามต่อไปตามลำดับที่ได้เตรียมไว้

    และคำตอบของคำถามต่อมาทั้งหมดที่ได้รับคือ I'm German. I stay in Ubon, and I have a nice time in Ubon.

4
1
03 ศิโรรัตน์ แก้วมงคล
เขียนเมื่อ

                ข้อมูลและความรู้สึกที่ไปสัมภาษณ์ชาวต่างชาติ

ดิฉันสัมภาษณ์ชาวต่างชาติเมื่อวันพุธที่ 1 เดือนสิงคม พ.ศ.2555 เวลา 17.45 น.

สถานที่สัมภาษณ์ ทุ่งศรีเมือง จ.อุบลราชธานี

      ดิฉันนัดกับเพื่อนหลายกลุ่ม เพื่อที่จะไปสัมภาษณ์ชาวต่างชาติกัน เรานัดเจอกันที่ทุ่งศศรีเมืองตรงลานหน้าศาลหลักเมือง เมื่อเพื่อนทุกคนมากันครบแล้ว พวกเราจึงเลือกเดินไปที่พิพิธพันธ์ข้างทุ่งศรีเมือง พอเราเจอชาวต่างชาติพวกเราจึงรีบเดินเข้าไปขออนุญาติสัมภาษณ์ โดยเพื่อนกลุ่มของวราภรณ์ จันชะนะสัมภาษณ์ก่อน ดิฉันจึงอาสาถ่ายวีดีโอให้ แต่กล้องของปริศนา มาลาสาย ดันความจำกล้องเต็ม ไม่สามารถถ่ายได้ ดิฉันเลยนำกล้องโทรศัพท์ของดิฉันขึ้นมาถ่าย แต่กล้องของดิฉันมีปัญหาอยู่ว่ามันเอาข้อมูลในเครื่องออกยาก สายที่เสียบลงคอมพิวเตอร์ก็ไม่ค่อยดีนัก แต่สถานการณ์มันฉุกเฉิน ชาวต่างชาติเขารอเลยต้องรีบถ่าย พอกลุ่มวราภรณ์ถ่ายเสร็จ กลุ่มของดิฉันก็เดินหาชาวต่างชาติต่อ พอไปเจอชาวต่างชาติผู้หญิงกำลังเดินมาดิฉันจึงเดินเขาไปถามด้วยคำถามที่ว่า

   excuse me,Do you have a freetime for our interview you a faw question?

หลังจากนั้นดิฉันและเพื่อนจึงเริ่มแนะนำตัวตามประโยคที่อาจารย์ให้มา

แล้วดิฉันก็ได้ถามข้อมูลตามที่ดิฉันและเพื่อนได้หามาคือ

1.May i have your name ,please ?

ชาวต่างชาติตอบว่า= Carria (ฉันได้ยินไม่ค่อยชัดเพราะเขาพูดเบามาก แถมดิฉันฟังไม่ค่อยรู้เรื่องอีก ตื่นเต้นมาก)

2.Where are you from ?

ชาวต่างชาติตอบว่า= Australia (ประโยคนี้ที่เขาตอบ ดิฉันและเพื่อนก็ไม่มั่นใจอีกตามเคย ลองฟังดูในคลิปก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง)

3.How do you think about the Candle Fastival ?

=ประโยคนี้ดิฉันฟังไม่รู้เรื่องเลยค่ะ

4.Where do you stay ?

ชาวต่างชาติตอบ= I am in ubon.(ดิฉันจึงมารู้ที่หลังว่าชาวต่างคนนี้น่าจะอาศัยอยู่ที่อุบลฯมานานพอสมควร หรือเธออาจทำงานที่อุบลฯ เพราะดิฉันเห็นหลังจากที่ไปสัมภาษณ์เธอเสร็จแล้วหลายวัน เห็นเธอเดินหลังวัดแจ้งบ้าง  ข้างโรงบาลบ้าง แถวโรงเรียนเบญจะมะมหาราชบ้าง)

พอตอนสัมภาษณ์เสร็จดิฉันได้กล่าวขอบคุณ "คุณcarria" และได้ให้ "postcard"รูปต้นเทียนเป็นของที่ระลึกแก่เธอ เธอยิ้มดีใจ ดิฉันดีใจที่เธอชอบค่ะ

(ปัญหาของกลุ่มดิฉัน กลุ่มของวราภร และกลุ่มของปดิวรัดา มีอยู่ว่ากำลังหาทางที่จะเอาคลิปสัมภาษณ์ชาวต่างชาติออกจากโทรศัพท์อย่างไร  แต่ดิฉันก็จะพยายามหาทางออกให้ได้ โดยการไปร้านซ่ิอมโทรศัพท์ หรือไปหาผู้รอบรู้ค่ะ)

ความรู้สึกที่ดิฉันได้ไปสัมภาษณ์ ดิฉันตื่นเต้นมาๆค่ะ กล้าๆกลัวๆแต่ไงก็สู้แล้วกัน พอตอนสัมภาษณ์ดิฉันก็พูดผิดเยอะ สำเนียงก็ไม่ถูกต้อง แต่ดิฉันใช้รอยยิ้มของคนไทยเป็นอาวุธ กันหน้าแตก(หัวเราะ) การสัมภาษณ์ครั้งนี้เป็นประสบการณ์ที่ดี ดิฉันได้ฝึกความกล้าแสดงออก และความสามัคคีในกลุ่มเพื่อน ดิฉันจะพยายามฝึกพูดกับชาวต่างชาติให้มากกว่านี้ อาจารย์วิไล แพงศรี ได้เป็นผู้แนะนำและมอบโอกาสดีๆ ประสบการณ์ที่สอนดิฉันมากมาย ขอขอบคุณอาจารย์เป็นอย่างสูงค่ะ



 

 

 

3
1
03 จุฬารัตน์ แถมวัน
เขียนเมื่อ

ข้าพเจ้าได้ไปสัมภาษณ์ชาวต่างชาติ ณ ทุ่งศรีเมือง จังหวัดอุบลราชธานี  วันที่ 1 สิงหาคม 2555 เวลา 17.39 นาที 28 วินาที

     ซึ่งชาวต่างชาติที่ข้าพไปสัมภาษณ์นั้นมาจากประเทศAmerica ชื่อว่า "Angella" หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "ชมพู"  เธอเป็นชาวAmerican ได้เป็นครูสอนในโรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี และได้มาเที่ยวทุ่งศรีเมืองเป็นครั้งแรกและเธอก็ได้มาทำProjectงานที่ทุ่งศรีเมืองเช่นกัน

    กลุ่มข้าพเจ้าได้เข้าไปทักทายรู้สึกตื่นเต้นและดีใจ ได้ทำการสัมภาษณ์ชาวต่างชาติและทำการบันทึก Clip VDO ไว้เป็นหลักฐาน 

    เมื่อได้สัมภาษณ์ชาวต่างชาติเสร็จก็รู้สึกโล่งและสบายใจ มีความสุขกับสิ่งที่ได้ทำ และดีใจจากแต่ก่อนไม่เคยได้คุยและสัมผัสชาวต่างชาติ ซึ่งข้าพเจ้ารู้สึกกลัวและไม่กล้า แต่ตอนนี้ทำให้เราได้รู้ว่าชาวต่างชาติเขามีอัธยาศัยดี และเป็นมิตรกับคนทั่วไปได้ง่ายค่ะ

 

3
2
03 เสาวภา สุภาษร
เขียนเมื่อ
  • วันพฤหัสบดี ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ.2555(ขึ้น15ค่ำเดือน8สองหน)ซึ่งเป็นวันอาสาฬหบูชา ข้าพเจ้าตั้งใจไว้ว่าจะไปทำบุญตักบาตรกับเพื่อนๆที่วัดพระธาตุหนองบัว ข้าพเจ้ากับเพื่อนจึงตื่นขึ้นมาเวลา (05:00 น.)เพื่อที่จะอาบน้ำ แต่งตัวและเตรียมของที่จะไปตักบาตร พอเวลาประมาณ (07:00 น.)ก็เริ่มตักบาตรกันซึ่งข้าพเจ้าก็ได้พบว่ามีคนไปทำบุญตักบาตรกันเยอะมากซึ่งเป็นภาพที่น่าประทับใจมากเพราะคนให้ความสำคัญกับวันนี้เป็นอย่างมาก
  • (19:00 น.)ข้าพเจ้ากับเพื่อนก็ได้ขับรถไปที่ทุ่งศรีเมืองเพื่อที่จะไปชมเทียนพรรษาที่เขานำมาตั้งไว้ก่อนที่จะแห่ในวันพรุ่งนี้ ซึ่งกว่าจะไปถึงก็ใช้เวลานานพอสมควรเพราะรถติดมาก พอไปถึงคนก็เยอะมากจริงๆบรรยากาศก็ดูคึกคักมากกว่าวันอื่นๆ
6
4
03 ศิโรรัตน์ แก้วมงคล
เขียนเมื่อ

                     ธรรมจักกัปปวัตนสูต

วันอาสาฬหบูชา

ทุกวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ของทุกปี จะตรงกับวันสำคัญทางพุทธศาสนาอีกหนึ่งวัน นั่นคือ "วันอาสาฬหบูชา" ซึ่งในปี พ.ศ.2555 นี้ วันอาสาฬหบูชา ตรงกับวันที่ 2 สิงหาคม และวันเข้าพรรษา ตรงกับวันที่ 3 สิงหาคม

          ทั้งนี้ คำว่า "อาสาฬหบูชา" สามารถอ่านได้ 2 แบบ คือ อา-สาน-หะ-บู-ชา หรือ อา-สาน-ละ-หะ-บู-ชา ซึ่งจะประกอบด้วยคำ 2 คำ คือ อาสาฬห ที่แปลว่า เดือน 8 ทางจันทรคติ กับคำว่า บูชา ที่แปลว่า การบูชา เมื่อนำมารวมกันจึงแปลว่า การบูชาในเดือน 8 หรือการบูชาเพื่อระลึกถึงเหตุการณ์สำคัญในเดือน 8 

          วันอาสาฬหบูชา คือวันที่พระพุทธเจ้าได้ทรงประกาศพระพุทธศาสนาเป็นครั้งแรก หลังจากตรัสรู้ได้ 2 เดือน   โดยแสดงปฐมเทศนาโปรดพระปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 ได้แก่ พระโกณฑัญญะ พระวัปปะ พระภัททิยะ พระมหานามะ และพระอัสสชิ ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เมืองพาราณสี แคว้นมคธ จน พระอัญญาโกณฑัญญะ ได้บรรลุธรรมและขอบวชเป็นพระภิกษุรูปแรกในพระพุทธศาสนา จึงถือว่าวันนี้มีพระรัตนตรัยครบองค์สามบริบูรณ์ครั้งแรกในโลก คือ มีทั้งพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก่อนพุทธศักราช 45 ปี

          ทั้งนี้ พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 เรียกว่า  "ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร"แปลว่า พระสูตรแห่งการหมุนวงล้อธรรม ซึ่งหลังจากปฐมเทศนา หรือเทศนากัณฑ์แรกที่พระองค์ทรงแสดงจบลง พระอัญญาโกณฑัญญะก็ได้ดวงตาเห็นธรรม สำเร็จเป็นพระโสดาบัน จึงขออุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าก็ได้ประทานอุปสมบทให้ด้วยวิธีที่เรียกว่า "เอหิภิกขุอุปสัมปทา" พระโกณฑัญญะจึงได้เป็น พระอริยสงฆ์องค์แรกในพระพุทธศาสนา ต่อมา พระวัปปะ พระภัททิยะ พระมหานามะ และพระอัสสชิ ก็ได้ดวงตาเห็นธรรม และได้อุปสมบทตามลำดับ 

          สำหรับใจความสำคัญของการปฐมเทศนา มีหลักธรรมสำคัญ 2 ประการ คือ 

    1. มัชฌิมาปฏิปทา หรือทางสายกลาง เป็นข้อปฏิบัติที่เป็นกลาง ๆ ถูกต้องและเหมาะสมที่จะให้บรรลุถึงจุดหมายได้ มิใช่การดำเนินชีวิตที่เอียงสุด 2 อย่าง หรืออย่างหนึ่งอย่างใด คือ

           การหมกมุ่นในความสุขทางกาย มัวเมาในรูป รส กลิ่น เสียง รวมความเรียกว่าเป็นการหลงเพลิดเพลินหมกมุ่นในกามสุข หรือกามสุขัลลิกานุโยค 

           การสร้างความลำบากแก่ตน ดำเนินชีวิตอย่างเลื่อนลอย เช่น บำเพ็ญตบะการทรมานตน คอยพึ่งอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นต้น ซึ่งการดำเนินชีวิตแบบที่ก่อความทุกข์ให้ตนเหนื่อยแรงกาย แรงสมอง แรงความคิด รวมเรียกว่า อัตตกิลมถานุโยค 

          ดังนั้น เพื่อละเว้นห่างจากการปฏิบัติทางสุดเหล่านี้ ต้องใช้ทางสายกลาง ซึ่งเป็นการดำเนินชีวิตด้วยปัญญา โดยมีหลักปฏิบัติเป็นองค์ประกอบ 8 ประการ เรียกว่า อริยอัฏฐังคิกมัคค์ หรือ มรรคมีองค์ 8 ได้แก่ 
      
           1. สัมมาทิฏฐิ เห็นชอบ คือ รู้เข้าใจถูกต้อง เห็นตามที่เป็นจริง 

           2. สัมมาสังกัปปะ ดำริชอบ คือ คิดสุจริตตั้งใจทำสิ่งที่ดีงาม 

           3. สัมมาวาจา เจรจาชอบ คือ กล่าวคำสุจริต 

           4. สัมมากัมมันตะ กระทำชอบ คือ ทำการที่สุจริต 

           5. สัมมาอาชีวะ อาชีพชอบ คือ ประกอบสัมมาชีพหรืออาชีพที่สุจริต 

           6. สัมมาวายามะ พยายามชอบ คือ เพียรละชั่วบำเพ็ญดี 

           7. สัมมาสติ ระลึกชอบ คือ ทำการด้วยจิตสำนึกเสมอ ไม่เผลอพลาด 

           8. สัมมาสมาธิ ตั้งจิตมั่นชอบ คือ คุมจิตให้แน่วแน่มั่นคงไม่ฟุ้งซ่าน 

    2. อริยสัจ 4 แปลว่า ความจริงอันประเสริฐของอริยะ ซึ่งคือ บุคคลที่ห่างไกลจากกิเลส ได้แก่  
    
           1. ทุกข์ ได้แก่ ปัญหาทั้งหลายที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ บุคคลต้องกำหนดรู้ให้เท่าทันตามความเป็นจริงว่ามันคืออะไร ต้องยอมรับรู้ กล้าสู้หน้าปัญหา กล้าเผชิญความจริง ต้องเข้าใจในสภาวะโลกว่าทุกสิ่งไม่เที่ยง มีการเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างอื่น ไม่ยึดติด  
    
           2. สมุทัย ได้แก่ เหตุเกิดแห่งทุกข์ หรือสาเหตุของปัญหา ตัวการสำคัญของทุกข์ คือ ตัณหาหรือเส้นเชือกแห่งความอยากซึ่งสัมพันธ์กับปัจจัยอื่นๆ  
    
           3. นิโรธ ได้แก่ ความดับทุกข์ เริ่มด้วยชีวิตที่อิสระ อยู่อย่างรู้เท่าทันโลกและชีวิต ดำเนินชีวิตด้วยการใช้ปัญญา  

           4. มรรค ได้แก่ กระบวนวิธีแห่งการแก้ปัญหา อันได้แก่ มรรคมีองค์ 8 ประการดังกล่าวข้างต้น 


กิจกรรมวันอาสาฬหบูชา 

           พิธีกรรมโดยทั่วไปที่นิยมกระทำในวันนี้ คือ การทำบุญ ตักบาตร รักษาศีล ฟังพระธรรมเทศนา และสวดมนต์ ในตอนค่ำก็จะมีการเวียนเทียนที่เป็นการสืบทอดประเพณีอันดีงามของไทยเรา
 ดังนั้น พุทธศาสนิกชนทั้งหลายควรเข้าวัด เพื่อน้อมระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย อีกทั้งยังเป็นการช่วยชะล้างจิตใจให้ปลอดโปร่งผ่องใส จะได้มีร่างกายและจิตใจที่พร้อมสำหรับการดำเนินชีวิตในยุคที่ค่าครองชีพถีบตัวสูงขึ้นอย่างนี้

อ้างอิงจาก kapook ขอบคุณภาพประกอบจาก dhammathai.org 

3
0
ไอดิน-กลิ่นไม้
เขียนเมื่อ
  • จากวันที่ 22-26 สิงหาคม 2555 คงต้องขับรถอุบลฯ-ยโสธร และยโสธร-อุบลฯ ตามลำพัง เป็นว่าเล่น เพราะต้องเดินทางไปช่วยงานฌาปนกิจศพน้องสะใภ้ที่ อ.เมือง ยโสธร และกลับไปทำงานที่อุบลฯ
  • สายๆ วันนี้ขับรถจากยโสธรมาอุบลฯ ช่วงอำเภอเขื่องใน-อุบลฯ รู้สึกง่วงแต่ก็พักไม่ได้ พยายามฝืนเพราะมีงานด่วนรออยู่ที่มหาวิทยาลัย มีอาการเกือบหลับในไป 3 ครั้ง รถแฉลบออกทางขวานิดๆ แต่ก็รู้สึกตัว (ที่ยังกล้าขับอยู่ก็เพราะรถวิ่งทางเดียว ไม่มีรถสวนเลยไม่เกรงว่าจะสร้างปัญหาให้รถสวน และก็คิดว่าไม่น่าจะสร้างปัญหาให้รถที่ขับตามหลังมา เพราะมีสองเลน เราเองขับเร็วเลยวิ่งเลนขวา ถ้ามีรถที่ขับตามหลังมาใกล้ๆ และขับเร็วก็จะหลีกทางให้ โดยให้สัญญาณแล้วเปลี่ยนไปขับเลนซ้าย
  • ตอนที่รถทำท่าแฉลบทั้ง 3 ครั้งจะอยู่ในช่วงที่วิ่งเลนขวาและไม่มีรถตามมาใกล้ๆ  ทั้ง 3 ครั้งรถทำท่าจะแฉลบลงร่องที่กั้นระหว่างถนนอีกด้าน ถ้ามีปัญหาจริงก็คงเป็นอันตรายกับตนเอง ไม่เป็นอันตรายกับคนอื่น แต่ก็โล่งอกที่ถึงเป้าหมายโดยปลอดภัย
  • คืนนี้ก็คงต้องนอนน้อย เพราะต้องพิมพ์เอกสารประวัติ และจัดทำไฟล์ภาพส่งงานประชาสัมพันธ์เช้าพรุ่งนี้ เพื่อจัดทำหนังสือเกษียณอายุราชการ และตรวจงานวิชาจิตวิทยาสำหรับครู ซึ่งมีตารางสอนพรุ่งนี้ 08.00-11.20 น.  ตอนบ่ายต้องทำเรื่องเบิกค่าวัสดุฝึก ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่คณะให้ทำเรื่องเบิก แล้วเย็นๆ ก็ต้องขับรถไปยโสธรอีก เที่ยวนี้ดีหน่อยจะมีคนนั่งไปเป็นเพื่อน

 

45
28
ไอดิน-กลิ่นไม้
เขียนเมื่อ

        ค่ำนี้ ได้อ่านอนุทินของน้องสุภัทรา เล่าถึงอาการหอบที่เนื่องมาจากหวัดของคุณแม่ของเธอ ทำให้ได้ความรู้ว่า อาการหอบสืบเนื่องมาจากการเป็นหวัด

       ย้อนกลับมาดูตัวเอง ซึ่งได้รับเชื้อหวัดมาจากลูกสาวตอนที่ไปเกาหลี สองวันแรกไม่เป็นอะไร วันที่สามเริ่มมีอาการจามและน้ำมูกไหลไม่หยุดจนต้องขอยาลดน้ำมูกจากลูกมากิน (ปกติเวลาป่วยจะไม่กินยา/หาหมอ ปล่อยให้หายเอง) อาการแสดงออกมากในวันที่จะเดินทางกลับ  ตอนกลับถึงกทม.วันที่ 29 พ.ค.มีอาการหายใจหอบ ซึ่งไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งที่ก็เคยเป็นไข้หวัด และยิ่งตอนที่เดินจากจุดเช็คอินที่สนามบินสุวรรณภูมิไปรอขึ้นเครื่องกลับอุบลฯ ในวันที่ 30 ซึ่งต้องเดินไกลมาก ก็ยิ่งหอบมาก กลับถึงอุบลฯ ทำอะไรไม่ได้เลย เพราะแค่เดินไม่กี่เมตรก็หอบเลยนอนอย่างเดียว ช่วงบ่ายแก่ๆ ตื่นขึ้นมาพบว่าอาการหอบหายแล้ว เลยไปตลาดซื้อกับข้าวมากิน หลังจากที่ไม่ได้กินมาตั้งแต่เที่ยงวันที่ 30

       ช่วงนี้เดินทางบ่อยมาก ในรอบสองสัปดาห์ขึ้นเครื่อง 8 เที่ยว และใช้แรงเดินขึ้นเขาทั้งตอนที่ไปเที่ยวเชียงใหม่และเที่ยวเกาหลี กลางคืนก็นอนน้อยร่างกายเลยอ่อนแอสู้กับโรคไม่ไหว ถ้าอยู่ที่ฟาร์มไอดินฯ หรือบ้านเรือนขวัญ ในแต่ละมื้ออาหารจะทานพืชผักสมุนไพร 80 % ทานโปรตีน 20 % ทำให้พร้อมสู้โรค แต่อยู่ที่เกาหลี 4 วันเต็มๆ อาหารเป็นเนื้อสัตว์ 85 % ผัก 15 % ร่างกายคงจะปรับตัวไม่ได้

       คืนนี้ก็คงจะต้องนอนน้อย เพราะมีงานค้างที่ไม่มีแรงทำส่งในวันที่ 30 ตามที่แจ้งคณะไว้ และพรุ่งนี้ก็เป็นวันแรกของการเปิดภาคเรียน ซึ่งเริ่มด้วยการประชุมของมหาวิทยาลัยในภาคเช้า และเริ่มการเรียนการสอนในภาคบ่าย 

34
4
ไอดิน-กลิ่นไม้
เขียนเมื่อ
  • เช้านี้ ตื่นขึ้นมา (04.30 น.) และเริ่มกิจกรรมประจำวันด้วยการติดตามนักศึกษาที่อยู่ในกระบวนการพัฒนาทักษะการอ่าน การคิดวิเคราะห์สังเคราะห์ และเขียนสื่อความ ผ่าน Weblog "GotoKnow.org" เช่นเคย แต่กว่าจะ เข้าถึง (Access) ได้ก็ใช้เวลานานมาก...เมื่อวานก็เพิ่งไปจ่ายค่าบริการ Internet ผ่าน Aircard มานี่นา ปัญหาอะไรอีกล่ะ...
  • ติดตามนักศึกษาแล้วก็มาเขียนอนุทิน ที่ไม่ได้เขียนมานานแล้ว แต่เขียนเสร็จก็เกิดจัดเก็บข้อมูลไม่ได้หลายครั้ง...ทำไงดีล่ะ...ถอยเพื่อตั้งหลัก กลับไปต่อ 'net ใหม่ ลองดูซิจะแก้ปัญหาได้ไหม ถ้าได้ก็จะได้พบเนื้อหาที่ต้องการสื่อ ดังนี้ นะคะ
  • สิ่งที่ทำให้เหนื่อยใจก็คือ ปัญหานักศึกษาที่ไม่ยอมแก้ไขในข้อผิดพลาดซึ่งเกิดจากปัญหาการอ่าน ที่เข้ามาอ่านแต่กลับไม่อ่านทั้งหมด ทำให้ไม่ได้รับรู้ข้อผิดพลาดของตน ทั้งที่อาจารย์ได้ชี้ให้เห็นเป็นรายบุคคล อย่าว่าแต่จะ "เรียนรู้จากข้อผิดพลาดของคนอื่น" เลย
  • แต่สิ่งที่ทำให้รู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาบ้างก็คือ "การที่สามารถทำในสิ่งที่ทำได้ยากยิ่งคือ การเปลี่ยนความรู้สึกนึกคิดของคน" คือการทำให้นักศึกษาสาขาวิศวกรรมเครือข่าย นรากร พิสิษพุทธิธาดา หันมารักภาษาไทย ภูมิใจในภาษาของชาติ และสัญญาว่า จะรักและใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง ดังที่เขาได้แสดงความเห็นในบันทึกเรื่อง "ภาษาไทย...ภาษาชาติฯ" ความว่า "ในเรื่องภาษาไทย ผมก็ไม่ค่อยใส่ใจมากเท่าไหร่นัก แต่พอมาอ่านบันทึกของอาจารย์ มันทำให้ผมภูมิใจที่เรามีภาษาไทยเป็นภาษาที่เป็นเอกลักษณ์ของความเป็นไทย ทำให้ผมรู้สึกรักในภาษาไทยมากขึ้น ผมจะรักษาและใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง ขอขอบคุณสำหรับบันทึกดีๆ ครับ"
37
10
ไอดิน-กลิ่นไม้
เขียนเมื่อ

            เช้าวันที่ 18 มกราคม 2555 นี้ ผู้เขียนมีแรงจูงใจที่ทำให้ต้องเขียนอนุทิน ซึ่งปกติไม่ค่อยได้เขียน แรงจูงใจที่ว่า เกิดจากการได้พบกับปรากฏการณ์ที่ผู้เขียนมองว่า "เป็นเรื่องแปลก" เพราะผู้เขียนได้เขียนบันทึกใน GotoKnow.org มาจน ณ วันนี้เข้าเดือนที่ 11 ยังไม่เห็นบันทึกไหนที่มีกัลยาณมิตรเข้ามาอ่านมากเช่นนี้

       ในรอบ 11 เดือนเศษ ผู้เขียนได้สร้าง Blog 5 Blogs เขียนบันทึกมารวม 14 เรื่อง เฉลี่ยประมาณเดือนละ 2 เรื่อง 1) "Pridetoknow" ใช้แลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับการทำเกษตรแบบพอเพียง เขียนบันทึกมา 7 เรื่อง เรื่องที่มีคนอ่านมากที่สุด 7 เดือนมีคนอ่าน 618 คน 2) Learntoknow ใช้แลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับแนวคิดและประสบการณ์ในการจัดการศึกษา เขียนบันทึกมา 3 เรื่อง เรื่องที่มีคนอ่านมากที่สุด 5 เดือนมีคนอ่าน 1,108 คน  3) Mantoknow ซึ่งเพิ่งสร้างได้เดือนเดียว ใช้แลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์ เขียนบันทึกมา 2 เรื่อง เรื่องที่มีคนอ่านมากที่สุด 1 เดือนมีคนอ่าน 585 คน 4) Let's Learn English by the Situation Together ใช้แลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับการเรียนรู้ภาษาอังกฤษตามสถานการณ์ เขียนบันทึกมา 4 เรื่อง เรื่องที่มีคนอ่านมากที่สุด 21 วันมีคนอ่าน 527 คน และ 5) Goaltoknow ใช้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ตามแรงบันดาลใจทางสังคม ก่อนนี้เขียนบันทึกมา 7 เรื่อง เรื่องที่มีคนอ่านมากที่สุด 9 เดือนมีคนอ่าน 1,135 คน ซึ่งเป็นบันทึกของผู้เขียนที่มีคนอ่านมากที่สุด เป็นเรื่องที่เขียนจากแรงบันดาลใจที่มีเหตุการณ์นักเรียนม.6 ที่ร้อยเอ็ดฆ่าตัวตาย

       และในบันทึกเรื่องที่ 8 ใน Blog "Goaltoknow" ซึ่งลงยังไม่ครบ 3 วันดี คือเรื่อง "เด็กวอนสอนผู้ใหญ่ : วันเด็ก/วันครู ปี 2555" ลง 15 มกราคม 2555 เวลา 10.31 น. เมื่อวานนี้ช่วงบ่ายผู้เขียนเห็นมีคนอ่านสองร้อยกว่า พอหัวค่ำเห็นคนอ่านเพิ่มเป็นห้าร้อยกว่า ผู้เขียนรู้สึกประหลาดใจและไม่แน่ใจว่าระบบบันทึกข้อมูลคลาดเคลื่อนหรือเปล่า เพราะไม่เคยเห็นบันทึกไหนของผู้เขียนที่มีคนอ่านเพิ่มเร็วขนาดนี้ ยิ่งพอผู้เขียนลุกขึ้นมาเช้าวันนี้ เวลาประมาณ 05.10 น. ซึ่งยังไม่ครบ 3 วันดี พบว่ามีผู้อ่านมากถึง 2,621 คน ทำให้ผู้เขียนยิ่งงงใหญ่ ว่าเป็นไปได้อย่างไร หวังว่าคงจะไม่เกิดจากระบบ Error นะคะ ถ้าเป็นข้อมูลจริง ก็ต้องขอขอบคุณกัลยาณมิตรทุกท่าน ที่กรุณาเข้ามาอ่าน ผู้เขียนคงต้องบันทึกเหตุการณ์นี้ไว้ เพื่อเป็นกำลังใจในการเขียนบันทึกเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับกัลยาณมิตรผู้มีไมตรีจิต ต่อๆ ไปค่ะ               

19
6
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท