ไม่มีความเห็น
ความคิดและชีวิตของ ปุถุชน คนธรรมดาๆ
สมัยเด็กๆ ชีวิตที่มีความหวัง ก็คืออยู่กับ
อนาคต
พอโตขึ้น สมหวังบ้าง ผิดหวังบ้าง ไม่กล้าหวังบ้าง เลยถอยกลับมาอยู่กับ
ปัจจุบัน
(จริงหรือเปล่า ก็ไม่รู้ อาจจะพูดแต่ปาก ใจจริงกลับไปอยู่กับอนาคต ก็ได้)
พอย่างเข้าวัยถดถอย อนาคตแทบมองไม่เห็น เลยย้อนมามีความสุข โดยการอยู่กับ
อดีต
(โดยเฉพาะที่สมหวัง)
ทั้งๆที่หลักธรรมก็เน้นให้อยู่กับ ปัจจุบัน
แต่ก็หายากที่ใครจะเข้าใจและอยู่กับปัจจุบันได้จริงๆ
คงจะมีแต่ระดับ อริยะบุคคลเท่านั้นกระมัง
ไม่มีความเห็น
โดย... สมมติว่าคนที่ไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน
แล้วก็ลอง
ในกระบวนการนี้
ผมเรียนไม่เคยจบ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามครับ
ใครก็ตาม ที่คิดว่าผมมีความรู้มาก ขอบอกเลยว่า ท่านเข้าใจผิดครับ
ผมเรียนรู้และใช้ความรู้ ไปเรื่อยๆ วันต่อวัน
จริงๆครับ
สุดยอดเคล็ดวิชาเลยครับ
ขอบคุณครับอาจารย์
ขอให้อาจารย์และครอบครัวมีความสุขมากๆ คิดถึงเสมอครับ
เช่นกันครับอาจารย์ :-)
คนโง่ กับ คนฉลาด ต่างกันตรงไหน?
ลองคิดดูนะครับ
คงมีคำตอบมากมายแน่นอน
สิ่งที่ผมมองเห็นชัดเจนและลึกซึ้งมาก
ทั้งจากประสบการณ์ตรงของตัวเอง และการทำความเข้าใจคนอื่น
พบว่า
คนโง่ คือคนที่มักคิดว่า คนอื่นโง่กว่าตน (จึงมักหยิ่งยโส)
คนฉลาด คือคนที่มักคิดว่า คนอื่นฉลาดกว่าตน (จึงมักอ่อนน้อมถ่อมตน)
ลองนำไปคิดแบบทบทวนนะครับ แล้วจะมองเห็นสัจธรรมในเรื่องนี้
ที่อาจนำมาปรับใช้ในชีวิตของเราได้ครับ
ไม่มีความเห็น
มืออาชีพ กับ การประกอบอาชีพ
ณ วันนี้ ผมเพิ่งจะซึ้งกับความแตกต่างของ คำว่า "มืออาชีพ" และ "ประกอบอาชีพ" อย่างชัดเจนแก่ใจ
โดยพบว่า คนที่ทำงานอย่างหนึ่งแบบ "มืออาชีพ" (Professional) จะทำแบบ
ที่แตกต่างจากการทำงาน "เป็นอาชีพ" เพื่อเลี้ยงชีวิต (Occupational) อย่างชัดเจน
กล่าวคือ
คนที่ทำงาน "เป็นอาชีพ" เลี้ยงชีวิตนั้น
ที่แท้.....โลกนี้ มันก็เป็นเช่นนี้เอง
ไม่มีความเห็น
ไม่มีความเห็น
แล้วเราจะมีน้ำตาลไว้ทำอะไร
ไม่มีเราก็อยู่ได้
เป็นเรื่องที่ฟังดูน่าจะเข้าใจได้ง่ายมากและตรงไปตรงมามากเลยนะคะอาจารย์ แต่จะทำให้คนตระหนักถึงโทษภัยของมันนี้ยากจริงๆ เพราะเรากินใช้ในชีวิตประจำวันจนลืมคิดไปแล้วว่ามันมีประโยชน์หรือโทษกันแน่ ขอบคุณอาจารย์ที่เอามาเตือนให้คิดกันอีกที เราคงต้องช่วยๆกันเตือนไปเรื่อยๆนะคะ
คนบางคนมีชีวิตแบบไก่กระทง
น่าสงสารจริงๆ
ไก่กระทง และท่านเหล่านี้ไม่เคยรู้รสชาติของ "อิสระชน" แบบเดียวกับ
ความหมายชีวิตไก่กระทงและท่านเหล่านั้น ไม่แตกต่างกันเลย
อนิจจา อนิจจัง
ไม่มีความเห็น
และที่สำคัญ
วันนี้ จึงรู้สึกจริงๆว่า
บางคนอาจคิดว่าผมคิดแบบ "องุ่นเปรี้ยว" แต่ผมยืนยันด้วยใจจริงว่าไม่ใช่
จึงลองสมมติว่า วันนี้
ถ้ามีคนมาจ้างเดือนละแสน ไปทำแบบเดิมๆ ผมคิดว่าไม่รับ
แต่ถ้ามาขอให้ไปทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม โดยไม่มีค่าจ้าง
ผมก็จะไปทำ
ความรู้สึกและใจจริง ผมอยู่ประมาณนี้จริงๆครับ
ชัดเจน และลึกซึ้งครับ...อดเสียดายครับ คิดว่า เมื่อกลับไปเรียน จะให้อาจารย์เป็นที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ให้....แต่คิดอีกทีอาจารย์ก็เป็นได้นะครับ...ความรู้สึกและใจจริง...ผมคงอยู่ในความคิดท้ายสุดของอาจารย์ไหมครับ...ไม่ต้องอวยพรอาจารย์แล้วนะครับ..เพราะผมรู้ว่าอาจารย์มีความสุขกับชีวิตและสิ่งที่เลือกเดินครับ
ครับ ขอบคุณครับ
วลีตลกประจำวัน ในโรงงานทำพระเก๊
พอเขาทำงานเสร็จก็จะกล่าวดังๆ ว่า
"อย่างนี้ทำเก๊ไม่ได้ 55555555"
แล้วก็หัวเราะกันทั้งโรงงาน
ท่านที่ชอบใช้วลีนี้หลังส่องพระ น่าจะไปเยื่ยมโรงงานทำพระเก๊บ้างนะครับ
ไม่มีความเห็น
ชืวิตที่มีความหมาย คือชีวิตที่มีความรู้พอใช้
ถ้าไม่พอใช้ มักจะหันไปหาความรู้ที่เป็นพิษ ที่ย้อนกลับมาทำลายชีวิต
จนกลายเป็นชีวิตที่ "ไร้ความหมาย"
ดังนั้นวงจรชีวิตจึงมีสองแบบใหญ่ๆ คือ
สัมมาทิษฐิ และ มิจฉาทิษฐิ
มันเป็นเช่นนั้นเอง
ไม่มีความเห็น
ความรู้ที่มีถึงวันนี้ ผมคิดว่า "การตาย" เป็นเรื่องไม่ง่ายเสียแล้ว
อย่างมากก็แค่ละสังขาร ไปสู่ภพใหม่ ชาติใหม่ ที่ดีกว่า หรือแย่กว่าเดิมก็ไม่รู้
แต่ด้วยหลักการของ "สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม"
ผมจึงไม่ประมาท
คิดว่า ชาติหน้าคงจะดีกว่านี้ครับ
หรือ ถ้าไม่เกิดได้ก็ดีครับ แต่กรรมสาระพัดผมยังใช้ไม่หมด คงจะยากครับ
ไม่มีความเห็น
ปัญหาการเรียนในชีวิตของผมมีอยู่เรื่องหนึ่ง คือ
บางทีระบบย่อยความรู้ไม่ค่อยทำงาน
เวลาใครพูดอะไร หรืออ่านหนังสืออะไรมา
กว่าจะเข้าใจเป็นวัน เป็นเดือน เป็นปีก็มี
และผมเชื่อว่าบางเรื่องเป็นชาติเลย หรือบางเรื่อง...ตลอดชาติก็ยังย่อยไม่ออก
แต่ผมยังสบายใจอยู่นิดหนี่งว่า
ผมพยายามทานอาหารความรู้ที่เป็นประโยชน์ พยายามเคี้ยว(อาหารความรู้)ให้ละเอียด และหาอาหารที่ช่วยย่อย (ระบบการทำความเข้าใจ)ให้มากที่สุด
แต่....น่าจะดีกว่าคนที่ทานอาหารเป็นพิษ หรือกินอาหารดี แต่ไม่เคี้ยว ไม่หาสิ่งช่วยช่อย กินอย่างไร ก็ถ่ายออกมาอย่างนั้น นะครับ
ไม่มีความเห็น
บางคนไม่ยอมเรียน แต่อยากรู้ (ถามจัง แต่พอบอกให้เรียน โดดหนีเลย)
ผมเหนื่อยมากับคนประเภทนี้ตลอดชีวิตผม
ไปที่ไหนก็เจอ ละชาตินี้ไปชาติหน้าก็คงจะเจออีก
ทำบุญอะไรจึงจะไม่พบพานคนแบบนี้อีกครับ
ไม่มีความเห็น
ปัญหาทุกปัญหาในโลกนี้ ต้องแก้ที่ตัวเราก่อน
เพราะถ้าแม้แต่ตัวเราที่ "รับ" และ "รู้" ปัญหา ยังไม่แก้ แล้วจะหวังให้คนที่ยังไม่ "รับรู้" ปัญหา มาแก้ จะเป็นไปได้อย่างไร
เรื่องนี้จึงเชื่อมโยงกับหลัก "การพึ่งตนเอง" อันเป็นพุทธสุภาษิตบทแรกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ผมคิดอย่างนี้ เข้าใจอย่างนี้ และพยายามทำอย่างนี้ มาตลอดชีวิตของผมครับ
อาจารย์เป็นครูสุดยอดในความคิดผมครับ เเละได้ไปเรียนรู้กับอาจารย์หลายครั้งยิ่งรู้สึกว่า การพึ่งตนเองสำคัญที่สุดครับ
ฝึกหัดดูจนเห็นสิ่งที่เป็นจริง คือ การดูเป็น
ฝึกหัดฟังจนเข้าใจได้สาระสำคัญ คือ การฟังเป็น
ฝึกหัดคิดจนเชื่อมโยงประเด็นที่เกิดขึ้นได้ คือ การคิดเป็น
ฝึกทำจนได้ผลลัพธ์ตามวัตถุประสงค์ คือ การทำเป็น
ทำ 4 ประเด็น ดั่งนี้แล้วไซร้ จึ่งสมควรเรียกตัวเองว่า เป็น นักเรียนที่ดี
ไม่มีความเห็น
ครูไม่ดี นักเรียนไม่ดี โลกาวินาศ
ครูดี นักเรียนไม่ดี ไม่มีอนาคต
ครูไม่ดี นักเรียนดี ยังมีความหวัง
ครูดี นักเรียนดี สังคมเป็นสุข
ไม่มีความเห็น
ไม่มีความรู้ สอนไม่เป็น คือ ขยะสังคม
ไม่มีความรู้ สอนเก่ง คือ คนไร้สาระ
มีความรู้ สอนไม่เป็น คือ นักปฎิบัติ
มีความรู้ สอนเป็น คือ ครูที่ดี
ไม่มีความเห็น
หลักปฏิบัติเบื้องต้นของ "เศรษฐกิจพอเพียง"
หาเงินเหลือ ดีกว่า หาเงินหลาย
ใช้ชีวิตแบบมีเงินเหลือวันละหนึ่งบาท จึงดีกว่า ได้วันละพันแต่ไม่เหลือ
ดังนั้น เกษตรกรที่ไม่หลงทาง จะ "รวย" กว่าข้าราชการระดับสูงเงินเดือนหลายหมื่น ที่ "หลงทาง"
คำคม โดนใจผมจริงๆครับ อาจารย์ (ว่าแต่เอานาแลกกับพระ คุ้มใหมครับ) 555
คิดในกรอบ + มีสาระ = พนักงานชั้นดี
คิดในกรอบ + ไร้สาระ = พนักงานระดับ "เช้าชามเย็นชาม"
คิดนอกกรอบ + ไร้สาระ = ขยะสังคม
คิดนอกกรอบ + มีสาระ = นักบริหารจัดการที่ดี
ในชีวิตจริงอาจจะมีการปะปนกัน ทั้งประเภท เชิงคุณภาพ และเชิงปริมาณ ที่จำเป็นต้องค่อยๆแยกแยะ และพัฒนาให้ดีกว่าเดิม
เพื่อ "คุณค่า" ชีวิตที่ดีกว่าครับ
ไม่มีความเห็น
ไร้ความรู้ และไร้อำนาจ คือ ทาสสมบูรณ์แบบ
มีความรู้ แต่ไร้อำนาจ คือ ครูที่ดี
มีอำนาจ แต่ไร้ความรู้ คือ อันธพาล
มีอำนาจ มีความรู้ คือ ผู้นำที่ดี
แม้ความจริงในชีวิตเราจะมีหลายๆแบบปะปนกัน
แต่เราก็เลือกพัฒนาได้ ด้วยสติ และปัญญา
แล้วความฝันก็น่าจะอยู่ไม่ไกล
ไม่มีความเห็น
ไม่มีใครสามารถโกงคนที่ไม่โลภได้
ที่โดนโกงโดนหลอกมาทั้งหลายก็เกี่ยวเนื่องมาจากความโลภ
จึงเป็นกรรมสนองกรรม ยุติธรรมและจบอยู่ในตัวเอง
การฟ้องร้องทางกฎหมายจึงเป็นเรื่องเกินจากกฎของธรรมชาติ
ที่พยายามปกป้องคนโลภไม่ให้ถูกโกง
คิดตามแล้วก็แปลกๆ ยังไงพิกล
ไม่มีความเห็น
คนที่พอ มีเท่าไหร่ก็ "รวย" คนไม่พอ มีเท่าไหร่ก็ "จน"
ไม่มีความเห็น