อนุทินล่าสุด


ดร. แสวง รวยสูงเนิน
เขียนเมื่อ
ความสำเร็จ กับความล้มเหลว
 
ระหว่าง ความสำเร็จ และความล้มเหลว มีเส้นแบ่งเล็กๆ เรียกว่า "คิด"
 
ที่ทั้งสองด้านของเส้น มีสิ่งตรงข้ามกัน คือ "ได้คิด" กับ "ไม่ได้คิด"
 
ความสำเร็จ มักจะอยู่กับด้าน "ได้คิด"
ที่มีคำว่า "คิดได้" เป็นสะพานเชื่อมโยง
 
แต่ ความล้มเหลวมักจะอยู่กับด้าน "ไม่ได้คิด"
มีคำว่า "คิดไม่ได้" เป็นสะพานเชื่อมโยง
 
ดังนั้น ถ้าอยากสำเร็จ จึงต้องพยายามอยู่ฝ่าย "ได้คิด" สักพัก ก็จะสามารถเดินต่อไปสู่ "คิดได้" กับความสำเร็จ ...
 
ชีวิตเรา ก็มีเท่านี้เอง 
 
หรือใครอยากจะเดินไปฝั่งตรงกันข้าม ก็แล้วแต่ใจปรารถนา
 
เพราะ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมครับ


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ดร. แสวง รวยสูงเนิน
เขียนเมื่อ

ความคิดและชีวิตของ ปุถุชน คนธรรมดาๆ

สมัยเด็กๆ ชีวิตที่มีความหวัง ก็คืออยู่กับ

อนาคต

พอโตขึ้น สมหวังบ้าง ผิดหวังบ้าง ไม่กล้าหวังบ้าง เลยถอยกลับมาอยู่กับ

ปัจจุบัน

(จริงหรือเปล่า ก็ไม่รู้ อาจจะพูดแต่ปาก ใจจริงกลับไปอยู่กับอนาคต ก็ได้)

พอย่างเข้าวัยถดถอย อนาคตแทบมองไม่เห็น เลยย้อนมามีความสุข โดยการอยู่กับ

อดีต

(โดยเฉพาะที่สมหวัง) 

ทั้งๆที่หลักธรรมก็เน้นให้อยู่กับ ปัจจุบัน 

แต่ก็หายากที่ใครจะเข้าใจและอยู่กับปัจจุบันได้จริงๆ

คงจะมีแต่ระดับ อริยะบุคคลเท่านั้นกระมัง



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ดร. แสวง รวยสูงเนิน
เขียนเมื่อ
เคล็ดการเรียนรู้ของผม
 
ที่บางท่านอาจจะยังไม่ทราบ
ที่จริงก็ไม่มีอะไรมาก
ก็....แค่ถามตัวเองว่า
 "เรื่องนี้ เราจะบอกคนอื่นอย่างถูกต้อง และเข้าใจง่ายๆ ได้อย่างไร"
ที่ผมจะนำความรู้ที่มี
  • มาทบทวน
  • จัดลำดับความรู้ และ
  • วางแผนการนำเสนอ

โดย... สมมติว่าคนที่ไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน

  • จะพอรู้และเข้าใจง่ายๆได้อย่างไร

แล้วก็ลอง

  • จดบันทึกดู
  • ทบทวน
  • แก้ไข ปรับปรุง

 ในกระบวนการนี้

  • ผมก็จะเรียนรู้ไปด้วย
  • อย่างชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ...

ผมเรียนไม่เคยจบ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามครับ

ใครก็ตาม ที่คิดว่าผมมีความรู้มาก ขอบอกเลยว่า ท่านเข้าใจผิดครับ

ผมเรียนรู้และใช้ความรู้ ไปเรื่อยๆ วันต่อวัน

จริงๆครับ



ความเห็น (3)

ขอบคุณครับอาจารย์

ขอให้อาจารย์และครอบครัวมีความสุขมากๆ คิดถึงเสมอครับ

 

ดร. แสวง รวยสูงเนิน
เขียนเมื่อ

คนโง่ กับ คนฉลาด ต่างกันตรงไหน?

ลองคิดดูนะครับ

คงมีคำตอบมากมายแน่นอน

สิ่งที่ผมมองเห็นชัดเจนและลึกซึ้งมาก

ทั้งจากประสบการณ์ตรงของตัวเอง และการทำความเข้าใจคนอื่น

พบว่า

คนโง่ คือคนที่มักคิดว่า คนอื่นโง่กว่าตน (จึงมักหยิ่งยโส)

คนฉลาด คือคนที่มักคิดว่า คนอื่นฉลาดกว่าตน (จึงมักอ่อนน้อมถ่อมตน)

ลองนำไปคิดแบบทบทวนนะครับ แล้วจะมองเห็นสัจธรรมในเรื่องนี้

ที่อาจนำมาปรับใช้ในชีวิตของเราได้ครับ



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ดร. แสวง รวยสูงเนิน
เขียนเมื่อ

มืออาชีพ กับ การประกอบอาชีพ

ณ วันนี้ ผมเพิ่งจะซึ้งกับความแตกต่างของ คำว่า "มืออาชีพ" และ "ประกอบอาชีพ" อย่างชัดเจนแก่ใจ

โดยพบว่า คนที่ทำงานอย่างหนึ่งแบบ "มืออาชีพ" (Professional) จะทำแบบ

  • มี "เป้าหมาย" (Target of inspiration) แห่งการมุ่งมั่น สร้างสรรค์ที่ชัดเจน และ
  • มี "ศิลปะการทำงาน" (State of art) ที่น่าติดตาม 

ที่แตกต่างจากการทำงาน "เป็นอาชีพ" เพื่อเลี้ยงชีวิต (Occupational)  อย่างชัดเจน

กล่าวคือ

คนที่ทำงาน "เป็นอาชีพ" เลี้ยงชีวิตนั้น

  • ทำอย่างไรก็ได้ 
  • ห่วยแตก (Messy) อย่างไรก็ได้
  • เลวร้าย (Dirty) อย่างไรก็ได้
  • เพียงขอให้ได้ "เครื่องยังชีพ" เลี้ยงชีวิตตนเท่านั้น

ที่แท้.....โลกนี้ มันก็เป็นเช่นนี้เอง



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ดร. แสวง รวยสูงเนิน
เขียนเมื่อ
จตุรวัตร ข้อควรปฏิบัติของนักส่องพระ "ภาคปฏิบัติการ" 
 
(1) อย่าใช้กล้องส่องพระ ยามปะหมู
(2) อย่าใช้หูดูพระ จะสับสน
(3) อย่าหลงเชื่อคำเชียร์ จะเสียคน และ
(4) อย่าหลงกลคนเขาหลอก บอกว่าดี 
 
แล้วท่านจะอยู่รอดปลอดภัยจากวิชามารทั้งปวง


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ดร. แสวง รวยสูงเนิน
เขียนเมื่อ

คนจำนวนหนึ่ง และค่อนข้างมาก ในสังคมปัจจุบัน ใช้ชีวิตแบบ "ฝันเอาเอง" แทบทุกเรื่อง

ไม่เคยศึกษาหลักการ ไม่เคยอ่านตำรา ไม่เคยอ่านหนังสือ ไม่เคยศึกษาหลักการพัฒนาตัวเอง ไม่ว่าด้านใด

เชื่อแต่สิ่งที่ตัวเองคิด ตัวเองฝัน สูงมาก

คนเหล่านี้ ชอบฝัน และสร้างหลักการต่างๆ ขึ้นมาเอง

สามารถสร้างวิมานในอากาศได้มากมาย ไปเรื่อยๆ แทบทุกเรื่อง

โดยอาศัยหลักการเดียว "ข้าคิดเอาเอง เออเอง สรุปเอง"

ถามอะไร ตอบได้ อธิบายได้หมด

เก่งจริงๆ

แต่อนิจจา ชีวิตเขาทั้งชีวิต ก็แค่จบลงด้วย ชีวิตเพ้อๆฝันๆ แบบปลอมๆ ไร้แก่นสาร ฝันเฟื่องไปวันๆ ตลอดชีวิต

น่าสงสาร แต่คงได้แค่แผ่เมตตา

กรุณาก็ยังหาทางไม่ได้ ไม่รับฟัง อยากรู้ อยากทำแค่ที่ตัวเองฝันอยู่เท่านั้น

แม้จะพยายามมุทิตา ก็หามุมยังไม่ได้

คงต้องอุเบกขาไปพลางก่อน

จนกว่าจะคิดออก



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ดร. แสวง รวยสูงเนิน
เขียนเมื่อ
น้ำตาล คือสารที่ทำลายทรัพยากร สิ่งแวดล้อม และ "ฆ่าคน" ที่รู้ไม่เท่าทันได้อย่างเลือดเย็นที่สุด 
 
  • จะผลิต ก็ต้องทำลายป่าอย่างวินาศสันตะโ
  • เข้าโรงงานน้ำตาล ก็เป็นต้นเหตุทำลายแหล่งน้ำ และสิ่งแวดล้อม
  • ขายก็ทำลายระบบเศรษฐกิจ ...
  • กินก็ทำให้ฟันผุ 
  • กินมากก็ทำให้อ้วนและทำลายสุขภาพ
  • มีน้ำตาลในเลือดมาก ก็จะเป็นโรคสารพัดชนิด แบบ "เบาหวานและคณะ" รักษายาก
  • จะทำลายใครก็ใช้ "น้ำตาลเคลือบยาพิษ" หรือผสมสารพิษ

แล้วเราจะมีน้ำตาลไว้ทำอะไร

ไม่มีเราก็อยู่ได้



ความเห็น (1)

เป็นเรื่องที่ฟังดูน่าจะเข้าใจได้ง่ายมากและตรงไปตรงมามากเลยนะคะอาจารย์ แต่จะทำให้คนตระหนักถึงโทษภัยของมันนี้ยากจริงๆ เพราะเรากินใช้ในชีวิตประจำวันจนลืมคิดไปแล้วว่ามันมีประโยชน์หรือโทษกันแน่ ขอบคุณอาจารย์ที่เอามาเตือนให้คิดกันอีกที เราคงต้องช่วยๆกันเตือนไปเรื่อยๆนะคะ

ดร. แสวง รวยสูงเนิน
เขียนเมื่อ

คนบางคนมีชีวิตแบบไก่กระทง 

  • ตั้งแต่เกิดจนตาย รู้จักแค่ "กรง"
  • ไก่กระทง และท่านเหล่านั้นมักจะอาลัยอาวรณ์กับกรงขังที่ตัวเองเคยอยู่
  • การปล่อยให้เป็นอิสระจากกรง ถือว่าเป็นการลงโทษ 
  • ไปไกลกรงที่ตัวเองเคยถูกขังก็กลัวอด
  • ไม่มีระบบเอาตัวรอด ไปไกลๆก็กลัวหมากัด
  • เลยใช้ชีวิตอยู่รอบๆกรงแบบเดิมๆ

น่าสงสารจริงๆ

ไก่กระทง และท่านเหล่านี้ไม่เคยรู้รสชาติของ "อิสระชน" แบบเดียวกับ 

  • ที่ไม่เคยมีชีวิตเพื่อตัวเอง
  • เกิดมาเพื่อเป็นอาหารให้กับผู้อื่น

ความหมายชีวิตไก่กระทงและท่านเหล่านั้น ไม่แตกต่างกันเลย

อนิจจา อนิจจัง



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ดร. แสวง รวยสูงเนิน
เขียนเมื่อ
ชีวิตหลังจาก"เกษียณ" มาครึ่งปี
  • รู้สึกว่า คุณภาพชีวิตดีขึ้นมาก
  • ใช้ชีวิตตามที่เราอยากทำ และ
  • เห็นว่ามีคุณค่าต่อตนเองและสังคม
  • โดยไม่ต้องกังวลว่าใครจะคิดกับเรายังไง

และที่สำคัญ

  • ไม่ต้องทำอะไร "ไร้สาระ" อย่างที่ต้องทำตอนยังไม่เกษียณ

 วันนี้ จึงรู้สึกจริงๆว่า

  • นี่คือ ชีวิตจริงของเรา
  • หลังจากต้องไปสร้างรากฐานทางเศรษฐกิจและสังคมบางส่วนให้กับชีวิต
  • ที่มีผลให้เราต้องไปวุ่นวายกับโลกภายนอก
  • ที่ไม่ค่อยเป็นประโยชน์ต่อตนเองและสังคมมากนัก ...

บางคนอาจคิดว่าผมคิดแบบ "องุ่นเปรี้ยว" แต่ผมยืนยันด้วยใจจริงว่าไม่ใช่

จึงลองสมมติว่า วันนี้

ถ้ามีคนมาจ้างเดือนละแสน ไปทำแบบเดิมๆ        ผมคิดว่าไม่รับ 

แต่ถ้ามาขอให้ไปทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม โดยไม่มีค่าจ้าง   

ผมก็จะไปทำ

ความรู้สึกและใจจริง ผมอยู่ประมาณนี้จริงๆครับ



ความเห็น (2)

ชัดเจน และลึกซึ้งครับ...อดเสียดายครับ คิดว่า เมื่อกลับไปเรียน จะให้อาจารย์เป็นที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ให้....แต่คิดอีกทีอาจารย์ก็เป็นได้นะครับ...ความรู้สึกและใจจริง...ผมคงอยู่ในความคิดท้ายสุดของอาจารย์ไหมครับ...ไม่ต้องอวยพรอาจารย์แล้วนะครับ..เพราะผมรู้ว่าอาจารย์มีความสุขกับชีวิตและสิ่งที่เลือกเดินครับ

ดร. แสวง รวยสูงเนิน
เขียนเมื่อ

วลีตลกประจำวัน ในโรงงานทำพระเก๊

พอเขาทำงานเสร็จก็จะกล่าวดังๆ ว่า

"อย่างนี้ทำเก๊ไม่ได้ 55555555"

แล้วก็หัวเราะกันทั้งโรงงาน

ท่านที่ชอบใช้วลีนี้หลังส่องพระ น่าจะไปเยื่ยมโรงงานทำพระเก๊บ้างนะครับ



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ดร. แสวง รวยสูงเนิน
เขียนเมื่อ

ข้อคิดประจำวงการพระเครื่อง
คนที่พยายามตามใจนักส่องพระมากที่สุดคือ ช่างทำพระเก๊ "มืออาชีพ"

ใครอยากเห็นอะไร แบบไหน อย่างไร ไม่ต้องบอก เขาจะมาแอบดู แอบฟัง

แล้วเขาก็จะทำให้ได้ ทุกอย่างที่เราต้องการเห็นในพระเก๊ที่เขาทำขาย

มีอย่างเดียวที่เขาทำไม่ได้คือ "พระแท้" ครับ



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ดร. แสวง รวยสูงเนิน
เขียนเมื่อ

ชืวิตที่มีความหมาย คือชีวิตที่มีความรู้พอใช้

ถ้าไม่พอใช้ มักจะหันไปหาความรู้ที่เป็นพิษ ที่ย้อนกลับมาทำลายชีวิต

จนกลายเป็นชีวิตที่ "ไร้ความหมาย"

ดังนั้นวงจรชีวิตจึงมีสองแบบใหญ่ๆ คือ

สัมมาทิษฐิ และ มิจฉาทิษฐิ

มันเป็นเช่นนั้นเอง



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ดร. แสวง รวยสูงเนิน
เขียนเมื่อ

ความรู้ที่มีถึงวันนี้ ผมคิดว่า "การตาย" เป็นเรื่องไม่ง่ายเสียแล้ว

อย่างมากก็แค่ละสังขาร ไปสู่ภพใหม่ ชาติใหม่ ที่ดีกว่า หรือแย่กว่าเดิมก็ไม่รู้

แต่ด้วยหลักการของ "สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม"

ผมจึงไม่ประมาท

  • ด้วยการสร้างกรรมดีไว้ก่อน
  • ทำบุญ ทำกุศลร่วมกับคนที่เรารัก และ
  • ตัดเวรตัดกรรมกับคนที่มีวิถีชีวิต และวิธีคิดต่างจากเรามากๆ

คิดว่า ชาติหน้าคงจะดีกว่านี้ครับ

หรือ ถ้าไม่เกิดได้ก็ดีครับ แต่กรรมสาระพัดผมยังใช้ไม่หมด คงจะยากครับ



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ดร. แสวง รวยสูงเนิน
เขียนเมื่อ

ปัญหาการเรียนในชีวิตของผมมีอยู่เรื่องหนึ่ง คือ

บางทีระบบย่อยความรู้ไม่ค่อยทำงาน

เวลาใครพูดอะไร หรืออ่านหนังสืออะไรมา

กว่าจะเข้าใจเป็นวัน เป็นเดือน เป็นปีก็มี

และผมเชื่อว่าบางเรื่องเป็นชาติเลย หรือบางเรื่อง...ตลอดชาติก็ยังย่อยไม่ออก

แต่ผมยังสบายใจอยู่นิดหนี่งว่า

ผมพยายามทานอาหารความรู้ที่เป็นประโยชน์ พยายามเคี้ยว(อาหารความรู้)ให้ละเอียด และหาอาหารที่ช่วยย่อย (ระบบการทำความเข้าใจ)ให้มากที่สุด

แต่....น่าจะดีกว่าคนที่ทานอาหารเป็นพิษ หรือกินอาหารดี แต่ไม่เคี้ยว ไม่หาสิ่งช่วยช่อย กินอย่างไร ก็ถ่ายออกมาอย่างนั้น นะครับ



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ดร. แสวง รวยสูงเนิน
เขียนเมื่อ

บางคนไม่ยอมเรียน แต่อยากรู้ (ถามจัง แต่พอบอกให้เรียน โดดหนีเลย)

ผมเหนื่อยมากับคนประเภทนี้ตลอดชีวิตผม

ไปที่ไหนก็เจอ ละชาตินี้ไปชาติหน้าก็คงจะเจออีก

ทำบุญอะไรจึงจะไม่พบพานคนแบบนี้อีกครับ



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ดร. แสวง รวยสูงเนิน
เขียนเมื่อ

ปัญหาทุกปัญหาในโลกนี้ ต้องแก้ที่ตัวเราก่อน

เพราะถ้าแม้แต่ตัวเราที่ "รับ" และ "รู้" ปัญหา ยังไม่แก้ แล้วจะหวังให้คนที่ยังไม่ "รับรู้" ปัญหา มาแก้ จะเป็นไปได้อย่างไร

เรื่องนี้จึงเชื่อมโยงกับหลัก "การพึ่งตนเอง" อันเป็นพุทธสุภาษิตบทแรกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ผมคิดอย่างนี้ เข้าใจอย่างนี้ และพยายามทำอย่างนี้ มาตลอดชีวิตของผมครับ



ความเห็น (1)

อาจารย์เป็นครูสุดยอดในความคิดผมครับ เเละได้ไปเรียนรู้กับอาจารย์หลายครั้งยิ่งรู้สึกว่า การพึ่งตนเองสำคัญที่สุดครับ

ดร. แสวง รวยสูงเนิน
เขียนเมื่อ

ฝึกหัดดูจนเห็นสิ่งที่เป็นจริง คือ การดูเป็น

ฝึกหัดฟังจนเข้าใจได้สาระสำคัญ คือ การฟังเป็น

ฝึกหัดคิดจนเชื่อมโยงประเด็นที่เกิดขึ้นได้ คือ การคิดเป็น

ฝึกทำจนได้ผลลัพธ์ตามวัตถุประสงค์ คือ การทำเป็น

ทำ 4 ประเด็น ดั่งนี้แล้วไซร้ จึ่งสมควรเรียกตัวเองว่า เป็น นักเรียนที่ดี

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ดร. แสวง รวยสูงเนิน
เขียนเมื่อ

ครูไม่ดี นักเรียนไม่ดี โลกาวินาศ

ครูดี นักเรียนไม่ดี ไม่มีอนาคต

ครูไม่ดี นักเรียนดี ยังมีความหวัง

ครูดี นักเรียนดี สังคมเป็นสุข



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ดร. แสวง รวยสูงเนิน
เขียนเมื่อ

ไม่มีความรู้ สอนไม่เป็น คือ ขยะสังคม

ไม่มีความรู้ สอนเก่ง คือ คนไร้สาระ

มีความรู้ สอนไม่เป็น คือ นักปฎิบัติ

มีความรู้ สอนเป็น  คือ ครูที่ดี

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ดร. แสวง รวยสูงเนิน
เขียนเมื่อ

หลักปฏิบัติเบื้องต้นของ "เศรษฐกิจพอเพียง"

หาเงินเหลือ ดีกว่า หาเงินหลาย

ใช้ชีวิตแบบมีเงินเหลือวันละหนึ่งบาท จึงดีกว่า ได้วันละพันแต่ไม่เหลือ

ดังนั้น เกษตรกรที่ไม่หลงทาง จะ "รวย" กว่าข้าราชการระดับสูงเงินเดือนหลายหมื่น ที่ "หลงทาง"



ความเห็น (1)

คำคม โดนใจผมจริงๆครับ อาจารย์ (ว่าแต่เอานาแลกกับพระ คุ้มใหมครับ) 555

ดร. แสวง รวยสูงเนิน
เขียนเมื่อ

คิดในกรอบ + มีสาระ = พนักงานชั้นดี

คิดในกรอบ + ไร้สาระ = พนักงานระดับ "เช้าชามเย็นชาม"

คิดนอกกรอบ + ไร้สาระ = ขยะสังคม

คิดนอกกรอบ + มีสาระ = นักบริหารจัดการที่ดี

ในชีวิตจริงอาจจะมีการปะปนกัน ทั้งประเภท เชิงคุณภาพ และเชิงปริมาณ ที่จำเป็นต้องค่อยๆแยกแยะ และพัฒนาให้ดีกว่าเดิม

เพื่อ "คุณค่า" ชีวิตที่ดีกว่าครับ

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ดร. แสวง รวยสูงเนิน
เขียนเมื่อ

ไร้ความรู้ และไร้อำนาจ คือ ทาสสมบูรณ์แบบ

มีความรู้ แต่ไร้อำนาจ คือ ครูที่ดี

มีอำนาจ แต่ไร้ความรู้ คือ อันธพาล

มีอำนาจ มีความรู้ คือ ผู้นำที่ดี

แม้ความจริงในชีวิตเราจะมีหลายๆแบบปะปนกัน

แต่เราก็เลือกพัฒนาได้ ด้วยสติ และปัญญา

แล้วความฝันก็น่าจะอยู่ไม่ไกล



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ดร. แสวง รวยสูงเนิน
เขียนเมื่อ

ไม่มีใครสามารถโกงคนที่ไม่โลภได้

ที่โดนโกงโดนหลอกมาทั้งหลายก็เกี่ยวเนื่องมาจากความโลภ

จึงเป็นกรรมสนองกรรม ยุติธรรมและจบอยู่ในตัวเอง

การฟ้องร้องทางกฎหมายจึงเป็นเรื่องเกินจากกฎของธรรมชาติ

ที่พยายามปกป้องคนโลภไม่ให้ถูกโกง

คิดตามแล้วก็แปลกๆ ยังไงพิกล



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ดร. แสวง รวยสูงเนิน
เขียนเมื่อ

คนที่พอ มีเท่าไหร่ก็ "รวย" คนไม่พอ มีเท่าไหร่ก็ "จน"



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท