ผลงานทางวิชาการ รายงานผลการใช้แบบฝึกเสริมทักษะ
คณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน กลุ่ม
สาระคณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยม
ศึกษาปีที่ 1
ผู้ศึกษา นางอำไพ คำแสน
โรงเรียน ท่าจีนอุดมวิทยา อำเภอหาดใหญ่ จังหวัด
สงขลา
ปีการศึกษา 2553
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างและทดลองใช้แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องทศนิยมและเศษส่วน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่1และเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
วิชาคณิตศาสตร์ก่อนใช้และหลังใช้แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่1 ตลอดจนเพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะดังกล่าว
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ใน ปีการศึกษา 2553 โรงเรียนท่าจีนอุดมวิทยา อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศีกษาสงขลา เขต 2 ที่เรียนวิชาคณิตศาสตร์ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2553 จำนวน 29 คน
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 9 ตอน รวม 3 เล่ม แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1และแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกเสริมทักษะดังกล่าว สำหรับสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบโดยอาศัยการแจกแจงแบบ t และการหาค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบโดย ใช้วิธีแบบดูเดอร์ - ริชาร์ดสัน สูตร KR – 20
ผลการศึกษาพบว่า
1. ผลการประเมินประสิทธิภาพ แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน พบว่า การประสิทธิภาพของกิจกรรมการเรียนรู้ มีค่า 80.61/81.40 ผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้
2. ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังการใช้ แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน พบว่า มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โดยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนดังนี้เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน มีค่าเฉลี่ย ( ) ก่อนเรียนและหลังเรียนมีค่าเท่ากับ 19.21 และ 24.14 มีค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) เท่ากับ 1.66 และ 1.52 และ ค่า t อยู่ที่37.83 ซึ่งหมายความว่า เมื่อเปรียบเทียบการทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน พบว่า ค่าเฉลี่ย ( ) หลังเรียนมีค่าสูงกว่าก่อนเรียน มีค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานหลังเรียนมีค่าน้อยกว่าก่อนเรียน และค่าทีมีนัยสำคัญที่ .01 เนื่องจากมีค่าทีที่หาได้มากกว่าค่าทีวิกฤตที่ 2.763
3. ผลการสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อ แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน พบว่าโดยภาพรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับความพึงพอใจมากที่สุด โดยสามารถพัฒนาทักษะในวิชาเรียนของนักเรียนได้ มีค่าเฉลี่ยความพึงพอใจในระดับที่สูงที่สุด
ในภาพรวมระดับความพึงพอใจอยู่ที่ 3.79