อนุทินล่าสุด


เสาวลักษณ์ หนูรอด
เขียนเมื่อ

ขอให้เราเป็นกระจกสะท้อนภาพสิ่งที่เราเชื่อว่ามีจริง ขอให้คนที่อยู่ใกล้ชิดเราได้เห็นสิ่งที่เราเชื่อจากการกระทำของเรา

อย่าให้เป็นเหมือนคำกล่าวที่ว่า มือถือสาก ปากถือศีล หรือ ถือศาสนาแต่เปลือกนอก ขอให้เราไปได้ถึงแก่นอย่าหยุดแค่กระพี้



ความเห็น (1)

ขออนุญาตนำข้อคิดเห็นใน Gotoknow มาไว้นะที่นี้เพื่อเตือนตนเอง เป็นกระจกส่องใจเพื่อต่อสู้กับความโกรธค่ะ

Do not fight against pain; do not fight against irritation or jealousy. Embrace them with great tenderness, as though you were embracing a little baby. Your anger is yourself, and you should not be violent toward it. The same thing goes for all your emotions. -

..

อย่าต่อสู้กับความเจ็บปวด อย่าต่อสู้กับความหงุดหงิดหรือความอิจฉา โอบรับความรู้สึกนั้นด้วยความอ่อนโยนเหมือนที่เราโอบกอดเด็กน้อย ความโกรธก็คือตัวเราเองและเราก็ไม่ควรไปตอบรับมันด้วยความรุนแรง เหมือนกับทุกๆ อารมณ์ที่ผ่านเข้ามา

..

ฉันจะพยายามซึมซับเอาความเมตตาที่สัมผัสได้จากคำสอนนั้นไว้เป็นกำลังใจในการฝึกฝนตนเอง เพื่อการทดสอบของชีวิต

 

ขอนำคำพูดคุณปริม ที่ว่า......

 "ให้เรื่องนี้จบลงด้วยความรู้สึกที่ดี...ขอให้เราต่างทำในสิ่งที่ถูกก็แล้วกันเพราะไม่ว่าเราจะตัดสินใจอย่างไรไปในวันนี้ คำว่า integrity (ความซื่อสัตย์) จะติดอยู่กับเราไปจนวันสุดท้ายของชีวิต.."

ขอบคุณมากๆนะคะ สำหรับบทเรียนที่สอนให้เรารู้ว่าจะปฏิบัติตนต่อความโกรธได้อย่างไร

เสาวลักษณ์ หนูรอด
เขียนเมื่อ

ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ส่งข้าพระองค์มาที่นี่โดยมีวัตถุประสงค์พิเศษ 

ขอทรงสอนให้เข้าใจ และทำตามพระบัญชา เพราะเวลาเร่งเข้ามามากจนเกือบจะค่ำแล้ว

เกรงว่าพระประสงค์ของพระองค์จะไม่สำเร็จในชีวิตนี้ อย่าให้มัวหลงกับดับของพญามาร

อย่าให้คำพูดของใคร คำดูถูกสบประมาทของใครทำให้เสียกำลังใจจนเดินต่อไปไม่ไหว 

ขอให้หูของข้าพระองค์ฟังเสียงพระองค์ตรัสมากกว่าเสียงพญามาร ขอช่วยคนทั้งหลาย

ให้หลุดพ้นจากเป็นทาสของมาร ขอให้คนทั้งหลายได้พบความจริงแห่งชีวิต ขอโปรดช่วย

ผู้ที่หลงเจิ่นอยู่ให้พ้นจากความชั่วร้ายทั้งปวง อาเมน

 

 

 



ความเห็น (1)

ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจค่ะ ขอเอาใจช่วยในการดำเนินชีวิตแต่ละวันด้วยนะคะ

เสาวลักษณ์ หนูรอด
เขียนเมื่อ

ถึงเวลาที่ต้องพูดคนเดียวอีกแล้ว "ผู้บริหารไม่ควรให้ใครล่วงรู้ความรู้สึกนึกคิดของตน"

เป็นคำพูดที่เคยได้ยินมา ยังไม่เข้าใจ แต่ช่วงระยะนี้เริ่มเข้าใจมากขึ้น การคิดอะไรดังๆ

ไม่ดีจริงๆด้วย เพื่อนเคยบอกว่า "ก่อนเราพูด เราเป็นนายคำพูด แต่หลังจากพูดแล้ว คำพูดเป็นนายเรา" 

ก็โยงได้กับให้ผู้บริหารคิดเงียบๆ ไม่ต้องพูด อย่าให้ใครล่วงรู้ความคิด เมื่อไตร่ตรองดีแล้วจึงค่อยพูด

ต้องฝึกพูดคนเดียวบ่อยๆ อย่าให้ใครได้ยิน 

วันนี้ก็มีหลายเรื่องที่พูดไม่ได้ ต้องเก็บไว้ก่อน รอเวลาผ่านไปค่อยคลี่คลาย ขอพระผู้เป็นเจ้าที่ยิ่งใหญ่รับรู้

เรื่องยุ่งยากซับซ้อนในใจ ในเหตุการณ์ต่างๆ และพระองค์ยิ่งใหญ่พอที่จะคลี่คลายปัญหาให้ เรื่องบางเรื่อง

ยิ่งพูดก็ยิ่งยุ่ง ยุติที่ตัวเราดีที่สุด เชื่อแล้วค่ะว่า "ผู้บริหารไม่ควรให้ใครล่วงรู้ความรู้สึกนึกคิดของตน"

 



ความเห็น (1)

ขอบคุณสำหรับดอกไม้ค่ะ ชื่นใจมากค่ะ

เสาวลักษณ์ หนูรอด
เขียนเมื่อ

วันนี้เป็นวันที่รู้สึกหดหู่ใจบอกไม่ถูก อยากมีเพื่อนที่เข้าใจ อยากมีเพื่อนฟังความสับสนในใจ แต่ไม่มีใคร ก็เลยต้องพูดคุยคนเดียว

การพูดคุยคนเดียวก็ดีเหมือนกัน พูดแล้วก็ไม่ต้องจดจำ ไม่มีใครแอบไปพูดต่อ เพราะบางครั้งเรื่องที่คิดที่สนทนามันผ่านไป ถ้ามีคนได้ยิน มีคนช่างจดจำนำไปพูดต่อมันก็ไม่จบ ดังนั้นการพูดคนเดียวจะช่วยผ่อนคลายและมีการจบที่สงบ สันติ ไม่ไปทำให้ใครเดือดร้อนหรือไปกระทบกระทั่งใคร ดังนั้นยามเหงา ว้าเหว่ ขาดที่พึ่งพูดคนเดียวเถอะค่ะจะพูดในใจหรือพูดดังๆ หรือพร่ำพรรณนาแบบนี้แหละปลอดภัย



ความเห็น (4)

ลองพร่ำรำพันใน “บันทึก” ส่วนตัวสิครับ จะสบายใจขึ้น แถมยังได้ใคร่ครวญอีกหลายรอบเลย ;)…

เดี๋ยวใครอ่านบันทึกส่วนตัวก็จะเป็นปัญหาอีก เพราะบางทีคนพร่ำรำพันลืมไปแล้วแต่คนมาอ่านคิดว่ายังเป็นอยู่  

วันนี้มีความสุขขึ้น ปัญหาแม้ยังไม่ได้รับการแก้ไข แต่ใจเราพร้อมที่จะรับเหตุการณ์ทุกสิ่ง

แม้จะเป็นสิ่งไม่ดีต่อตัวเรา แต่ถ้าเป็นสิ่งดีต่องาน เราก็รู้สึกเป็นสุขใจ ขอให้การแก้ปัญหา

ทำให้คนอื่นที่ทุกข์ใจเป็นสุขได้บ้าง แม้เราต้องเสียบางสิ่งก็คุ้มกันค่ะ รู้สึกดีขึ้นจริงๆวันนี้

คนอื่นคิดไม่เหมือนเราคิด บางคนเปราะบางในบางเรื่อง ต้องเข้าใจคน เอาใจเขามาใส่ใจเรา

แล้วความทุกข์ใจเราจะเบาบางลงได้ เพราะเราเข้าใจเขา ไม่ต้องให้ใครมาเข้าใจเราในทันที

แต่สักวันเค้าจะเข้าใจในสิ่งที่เรายอม การชนะไม่จำเป็นต้องชนะด้วยคำพูด แต่การชนะใจนั้น

ส่วนใหญ่ได้มาด้วยการยอมเป็นผู้แพ้ ยอมเป็นผู้ผิดทั้งที่ไม่ได้ผิด แต่การถือว่าคนอื่นดีกว่าเรานั้น

เป็นความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่จริงๆ ใครทำได้ถึงจะเรียกว่าการถ่อมใจค่ะ พระเยซูทรงตรัสว่า"เรามาเพื่อ

รับใช้ ไม่ได้มาเพื่อให้ใครรับใช้เรา ดังนั้น "I am here to serve, not to be served"

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท