อนุทินล่าสุด


อ.ต๋อย
เขียนเมื่อ

ฟังหลวงพ่อปราโมทย์ระหว่างทางวันนี้... ท่านพูดถึงเรื่องวิวาท นึกขึ้นว่า วิ แปลว่าไม่  วาทะแปลว่าพูด วิวาทจึงน่าจะหมายถึงไม่คุย ลุยเลย... นอกจากนี้ใจยังคิดไปถึงวิราคะและวิหกด้วย.... ผมฟุ้งไปถึงว่าต้องหาทางให้ลูกสาวเรียนบาลีสันสกฤต



ความเห็น (1)

น่าจะรู้จัก ดร.ต๋อย มากกว่านี้ จะได้ซึมซับความรู้ และความดี ค่ะ 

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
อ.ต๋อย
เขียนเมื่อ

ยิ่งอ่านและศึกษาเท่าใด...  ยิ่งมั่นใจว่า หนังสือดี ข้อเขียนดีแนวทางดีๆ  ผู้ใหญ่ผู้รู้เขียนไว้หมดแล้ว เหลือแต่คนที่ลงมือทำในพื้นที่...



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
อ.ต๋อย
เขียนเมื่อ

   วันนี้ฟังธรรมะหลวงพ่อปราโมทย์ ขณะขับรถไปซ่อมที่อู่ถาวร ตกผลึกในใจว่า คนเรามีความสุขจาก 3 ทางเท้านั้น คือ ความสุขจากการเสพ ความสุขจากการสร้าง และความสุขจากความสงบ ตั้งใจว่าจะเอาไปเขียนขยายความในบันทึกต่อไป... 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
อ.ต๋อย
เขียนเมื่อ

ฟังคลิปคำสอนของพระพุทธเจ้า มหาศาสดาโลก ตอนหนึ่ง พระพุทธเจ้าบอกว่า "หนทางของข้า ไม่ใช่หลักการ และก็ไม่ใช่ปรัชญา มันคือประสบการณ์ล้วน ๆ  .... หนทางของข้าคือ การเรียนรู้ มันไม่สามารถยึดติดหรือยึดเหนี่ยวได้เลย  เปรียบเหมือนเรือลำหนึ่ง เมื่อเราข้ามน้ำได้แล้ว เราก็ไม่ต้องแบกเรือไว้บนหัวอีกใช่หรือไม่ ..."    สุดยอดไปเลยครับ



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
อ.ต๋อย
เขียนเมื่อ

วันนี้ผมแลกเปลี่ยนนิยาม "ความจริง ความดี ความงาม" กับนิสิต  ...  ผมให้ความหมายในมุมตนเองว่า  

"ความจริง"  คือสัจธรรมของธรรมชาติ ได้แก่การเปลี่ยนแปลงและไม่เปลี่ยนแปลง ... เรื่องทางโลกเปลี่ยนแปลงเป็นไตรลักษณ์ เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป ความจริงสูงสุดคือนิพานถือเป็นธรรมสูงสุด ไม่เปลี่ยนแปลง

"ความดี"  คือ การเดินทางสู่ความจริงสูงสุดนั้น นั่นคือมรรค หรืออาจเรียกว่า ทำความดี  

"ความงาม" คือผลของการทำความดีนั้น  นั่นก็ความสุข  อันมีหลากหลายประตูต้น  ทั้งศิลปะวิจักษ์ หรือ ธรรมะวิจักษ์ ....

จบ.....



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
อ.ต๋อย
เขียนเมื่อ

ฟังหลวงพ่อปราโมทย์ หลังจากรู้สึกสมองเริ่มเหนื่อยล้า ....  ท่านบอกว่า หากศึกษาประวัติศาสตร์ให้ดี จะรู้ว่าไม่มียุคไหนเลยที่โลกสงบสุข ... ใจผมคิดต่อว่า หน้าที่และอุดมการณ์ที่ทำทุกวันนี้ สำคัญ ... แต่หากฟังท่าน สิ่งที่สำคัญกว่าคือ ภาวนา ต่างหาก ....



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
อ.ต๋อย
เขียนเมื่อ

จากการฟังยูทูปของนักพูดระดับ คอร์สละ ๑๕,๐๐๐ ถ้าท่านจะลงทะเบียนไปฟัง ท่านหนึ่ง ผมได้เรียนรู้ว่า เราต้องระวังไม่ตกหลุมพลางของทฤษฎีทางการตลาด (ขออภัยที่ตั้งชื่อให้ท่านสนใจ แต่ไม่เกี่ยวกับตลาด) ดังนี้

ผมเข้าใจว่า ทฤษฎีทางการตลาด จะมุ่งกระตุ้นความอยากหรือความโลภของคน โดยไม่สนใจเรื่องความยั่งยืน ดังตัวอย่างที่เขาสอนนักขายกันต่อไปนี้ครับ เขาบอกว่า

๑) “จงฉายสปอร์ตไลท์ไปที่ดอกกุหลาบ ปล่อยหนามกุหลาบไว้ในความมืด” สินค้าทุกอย่างจะถูกนำเสนอ “ดอก” แต่ซ่อนหนามไว้ไม่ให้เห็น เช่น สินค้าแพง ๆ จะไม่ค่อยติดราคา เพราะอยากหลอกคนเห็นว่ามีคุณค่าสูง อยากลูกค้าดูก่อนค่อยถามราคาในขณะที่ไปตลาดนัดของที่จัดจะโชว์ “ดอก” คือราคา ๙๙, ๑๒๙ ฯลฯ “หนาม”ของมันคือคุณภาพต่ำ

๒) "ให้ผู้ฟังเลือกระหว่างบางอย่างกับบางอย่าง ไม่ใช่บางอย่างกับไม่มีอะไรสักอย่าง" เช่น อย่าไปถามให้เลือกระหว่าง ไปหรือไม่ไป ชอบหรือไม่ชอบ เอาหรือไม่เอา
แต่ให้เสนอไปเลยว่าจะไปที่ไหนระหว่างที่นั่นและที่นั่น ชอบอันไหนมากกว่าระหว่างอันนี้กับอันนั้น จะเอาหนึ่งอันหรือสองอัน ฯลฯ

ความจริงมีอีกหลายเทคนิค ….



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
อ.ต๋อย
เขียนเมื่อ

ดูทีวี สารคดี เจ้าหน้าที่ที่ดอยอ่างขางบอกว่า ครั้งหนึ่งทรงมาเยี่ยมแล้วถามว่า มีปัญหาอะไรไหม? เจ้าหน้าที่บอกส่าขาดน้ำ ไม่มีน้ำ ทรงเปิดแผนที่ทันที แล้วใช้ดินสอชี้ไปที่จุดหนึ่งแล้วทรงบอกว่า."..ตรงนี้มีน้ำ เราเคยไปดูแล้ว" เจ้าหน้าที่บอกว่า น้ำจะค่อย ๆ ซึม ออกมาน้อยมาก... ในหลวงทรงแนะนำให้ใช้ไม้ไปกั้น แล้วต่อท่อพวีซีให้ไหลมารวมกันที่จุดหนึ่ง... แล้วทรงตรัสประโยคที่เจ้าหน้าที่คนนั้นจำไปชั่วชีวิต..... "น้ำบนดอย หยดเดียวก็ต้องใช้"



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
อ.ต๋อย
เขียนเมื่อ

วันที่ 3 มิถุนายน 2559 รถส่งลูกที่โรงเรียน ตรงช่วงเคารพธงชาติพอดี ก็เลยยืนร่วมเคารพธงชาติ ผมสังเกตว่า ทุกโรงเรียน จะปล่อยให้เด็กร้องเพลงชาติเอง โดยที่ครูยืนอยู่นิ่งนิ่ง... คิดในใจ ว่า ถ้าครูและผู้ปกครองที่มา ร่วมกันร้องเพลงชาติดังๆ เด็กๆจะมีพลังในการร้องเพลงชาติมากกว่านี้ไหม



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
อ.ต๋อย
เขียนเมื่อ

ความแตกต่างระหว่างเด็กที่โตในเมืองกับที่โตบ้านนา คือ เห็นกิ้งก่าแล้วไม่กลัว....



ความเห็น (2)

ยิ่งถ้าเป็นเด็กชนบทบางที่แล้ว...เห็นแล้วยิ้มเลยละ เอาไปทำอาหารซะเลย ๕๕๕๕

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
อ.ต๋อย
เขียนเมื่อ

มานะตัวตน นี่มันตัวใหญ่จริง.... ศักดิ์ศรีตัวนี้มั้งที่ทำให้คนต้องตัดสินใจลั่นไก....



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
อ.ต๋อย
เขียนเมื่อ

Story.... คนสมัยนี้.. ต้องมีสตอรี่และที่ถ่ายภาพ....ครั้งนี้ ๒ ที่ครอบครัวมาหัวหินครับ...



ความเห็น (1)

เพลินวาน....เดินเพลินดีจ้ะ เดินเพลิน แต่อย่าเพลินซื้อนะจะบอกให้ ที่นี่ห่างจากบ้านคุณมะเดื่อ ๕๐ กว่ากิโลเมตรจ้าา

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
อ.ต๋อย
เขียนเมื่อ

สรรหาจุดขาย...... ชาตาตั้ง... ที่เพลินวาน...หัวหิน.... เอากาแฟใส่โซดาน้ำแข็ง... รสเลิศขมแรงมาก... ตาตั้งจริงๆ... ตั้งเพราะสงสัยทำไมเรียกชา....



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
อ.ต๋อย
เขียนเมื่อ

ธรรมของจิต... ไหลลงต่ำ... ตีสองคืนนี้กับตีสองเมื่อสองปีก่อน... ใจเราถูกเผาไปไม่น้อย....



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
อ.ต๋อย
เขียนเมื่อ

๕ คำ คาถาครองคู่ .... ซื่อสัตย์ อดทน ไม่พูด แกล้งโง่ ลืมง่าย .... ปดิวรัดดา ... ไม่น่าเชื่อว่าเราจะมาดูละครอีกครั้งในชีวิต....ฮา



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
อ.ต๋อย
เขียนเมื่อ

อีกเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับ PLC เทศบาลเมืองมหาสารคาม ผมเสนอทางผู้บริหารของเทศบาล ให้ทำบทบาทหนุน PLC ด้วย ๔ วิธี คือ เติม เสริม แต่ง ตั้ง หมายถึง เติมความสามารถตามความต้องการของครู เสริมความสามารถของครูที่มีอยู่ แต่งเตรียมครูที่มีความสามารถอยู่แล้วให้ทำงานได้สะดวก มีประสิทธิภาพ และมีความสุข และสุดท้าย ตั้งครู BP เป็นแกนนำและยกย่องเชิดชูปูบำเน็จรางวัล...



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
อ.ต๋อย
เขียนเมื่อ

วันก่อนเราทำเวที PLC เทศบาลเมืองมหาสารคาม ผมประเมินความสำเร็จของการทำ PLC รายบุคคล ด้วยวิธียกนิ้ว ๕ ระดับ ที่เคยใช้กับการประเมินความพอใจบ่อยๆ ได้แก่ หากเปิดใจรับฟังเรียนู้จากผู้อื่น ยก ๑ นิ้ว หากบอกเล่าเทคนิคดีๆที่ตนเองภูมใจ ให้ยกนิ้วที่ ๒ ด้วย หากนำเอาเทคนิคที่ได้ฟังหรืออ่านลองทำนำไปปฏิบัติ ให้ยก ๓ นิ้ว หากคิดริเริ่มสิ่งใหม่หรือนำเอาไปต่อยอด ให้ยก ๔ นิ้ว และถ้าหาก ถอดบทเรียนเขียนออกมาเผยแพร่ ให้ยกนิ้วที่ ๕ .... ประทับใจกับผล กลัวตนจะลืม เลยเขียนสั้นๆ ตรงนี้ก่อนครับ



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
อ.ต๋อย
เขียนเมื่อ

เจ้าชายสิทธัตถะ ในละครอินเดียบอกว่า ...

ความรักหนาแน่นกว่าน้ำ เจิดจ้ากว่าแสงตะวัน มันเกิดขึ้นผ่านดวงตา ทำให้หัวใจอิ่มเอิบ ทำให้คำพูดน่าฟัง ... นั่นล่ะความรักล่ะ ... ตัวอย่างเช่น ไม้เลื้อยกับพุ่มไม้ ทะเลและแม่น้ำ หงส์เหินตามกันเพราะความรัก กบร้องดังกลางมรสุมก็คือความรัก...

แล้วถ้าความรักเกิดขึ้นกับคนล่ะ?.....เขาจะไร้ซึ่งความกลัว เขาจะสามารถตายแทนกันและกันได้น่ะ



ความเห็น (1)

ยังสรุปแน่นอนไม่ได้ชัดเจนครับ ทดลองเอาก้อนถ่านร้อนวางบนหัวทั้งสองว่าใครจะปัดให้กันหรือเปล่า

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
อ.ต๋อย
เขียนเมื่อ

ขอยกย่องจิตใจที่เข้มแข็ง ยึดมั่นในคุณธรรมความดี ของปลัดกระทรวงสาธารณสุข และขอยกย่องเครือข่ายหมอทั่วประเทศที่อยู่ข้างประชาชน



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อ.ต๋อย
เขียนเมื่อ

เมื่อวานกับวันนี้มาเยี่ยมโรงเรียนที่จังหวัดเลย มาถึง "เลยออร์คิด" ประมาณ ๓ ทุ่ม น้องที่ดูแลรับ Check in กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ แทนที่จะรับตัดบทวางสาย แต่กลับปล่อยในยืนรอเกือบ 30 นาที ทันทีที่วางสาย เราก็แจ้งชื่อผู้จองและจำนวนห้อง น้องแกบอกว่า "จองไว้กลับใครครับ?" หลังจากโทรเช็คกับผู้จองแล้ว ได้รับคำตอบว่า ลืมลงบัญชีให้  และแกยังบอกว่า "ห้องเต็มแล้ว"  สรุปต้องไปพักที่ AP Court Hotel ที่พูดจาไพเราะ รู้จักมารยาท ดูแลลูค้าดีมาก   .....เป็นบทเรียนว่า ถ้าจะมาพักที่จังหวัดเลย ให้มาพักที่ โรงแรม เอพีคอร์ท ดีกว่าโรงแรมเลยออร์คิด  แต่ถ้าจำเป็นจริงๆ ต้องกำชับถามทวนสักหลายรอบว่าลงบัญชีจองให้หรือยัง.....



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อ.ต๋อย
เขียนเมื่อ

...ถ้านำทุนมารับใช้สังคม เป็นทุนสัมมา แต่ถ้านำสังคมมารับใช้ทุนเป็นทุนสามานย์ .... เนาวรัตน์ พงศ์ไพบูลย์ (๘ ธ.ค. ๕๖)



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อ.ต๋อย
เขียนเมื่อ

...ผู้เป็นครูอย่างแท้จริง นับว่าเป็นบุคคลพิเศษผู้ต้องเมตตาและเสียสละเพื่อความสำเร็จความก้าวหน้า และความสุขความเจริญของผู้อื่นอยู่ตลอดชีวิต... พระบรมราโชวาท (๒๕๒๐)



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อ.ต๋อย
เขียนเมื่อ

ยิ่งผมเรียนรู้จากการสืบค้นทางอินเตอร์เน็ตมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้รู้สึกว่าบทบาทหน้าที่ของตนเองที่ทำอยู่ขณะนี้ไม่มีความจำเป็นอีกต่อไปแล้ว ... องค์ความรู้ทุกอย่างมีอยู่แล้วอย่างครบถ้วน เช่น เรื่อง การขับเคลื่อน ปศพพ. สู่สถานศึกษา ผมเห็นว่า ไม่มีความจำเป็นแล้วที่ต้องมาสร้างสื่อขึ้นมาใหม่ เพราะสิ่งที่มีบนเน็ตต่างๆ คลิปวีดีโอ บทความ หนังสือ ของผู้ใหญ่ มีอยู่มากมายเต็มไปหมด .... ปัญหาคือพวกเราไม่ได้เข้ามาดูมาอ่านต่างหาก ......ตอนนี้ผมเห็นว่าบทบาทที่ผมควรมุ่งทำคือ นำองค์ความรู้เหล่านี้ไป ชวนครูคิด ชวนครูอ่าน ชวนครูทำ แล้วนำผลมาเล่าสู่ผู้ใหญ่ฟังจะดีกว่า.....



ความเห็น (1)

เห็นด้วยและขอเป็นกำลังใจค่ะ...

อ.ต๋อย
เขียนเมื่อ

วันนี้ผมไปขูดหินปูนที่ร้านหมอปัญญา (มหาสารคาม ตรงข้ามเยื้องๆ ธ.กรุงไทย) ท่านทำละเอียดเรียบร้อยดีมากครับ...แต่ต้องแลกมาด้วยความ "เจ็บ" เป็นเวลานานทีเดียว...

ขณะหมอกำลังขูด ผมเกรงตัวเกือบจะส่วนใหญ่ ใจไปอยู่ที่ความเจ็บปวดนั้น มีเพียงบางช่วงสั้นๆ เท่านั้นที่ใจวางกายผ่อนเกรงบ้างแต่ก็เฉพาะที่ตอนไม่เจ็บหรือเจ็บไม่มาก...

...ใจผมระลึกให้ความสำคัญกับการ "เตรียมตัวตาย" มากขึ้นอย่างชัดเจน หากรอให้ "เจ็บ" เหมือนวันนี้ ใจแบบนี้คงต้องทรมานและไปทุคติเป็นแน่...

 



ความเห็น (2)

ทำไมเจ็บละคะ…เพราะนี่ก็ขูดหินปูน ก็ไม่เห็นเจ็บมากมายเลยล่ะ…เพียงแค่พอจี๊ด ๆ…หรือว่า เป็นคนกลัว “เข็ม + เครื่องกรอฟัน” คริ ๆ…

ถือเป็นการดูแลสุขภาพนะครับอาจารย์ ;)…

อ.ต๋อย
เขียนเมื่อ

วันก่อนดู TPBS ทีวี  รายการที่นี่ประเทศไทย  หม่อมอุ๋ย บอกว่า โครงการจำนำข้าว ขาดทุน 4 แสนล้าน ถึงมือชาวนาเพียงครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหายไป และบอกว่าชาวนาที่ได้ประโยชน์คือชาวนาที่มีที่มากกว่า 20 ไร่ น้อยกว่านี้ไม่ได้ประโยชน์...ท่านบอกว่าท่านทนไม่ไหวแล้ว ต้องออกมาช่วยเหลือประเทศ  ไม่เคยมีโครงการไหนก่อความเสียหายขนาดนี้มาก่อน... ผมก็ทนไม่ไหวแล้วเช่นกัน....

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท