“ความไมรู้”

ความรู้ที่สำคัญอย่างหนึ่งที่สกัดมาเป็นชุดความรู้สำหรับการเรียนรู้และนำไปปรับใช้คือความรู้ที่ฝังอยู่ในตัวคนภาษาอังกฤษเรียกว่า implicit knowledge หรือ tacit knowledge เป็นความรู้ที่เกิดจาก ประสบการณ์ พรสวรรค์ หรือสัญชาติญาณของแต่ละบุคคล เช่นทักษะในการเขียนงาน งานฝีมือ การคิดเชิงวิเคราะห์ ซึ่งยากที่จะถ่ายทอดเป็นตัวอักษร ผลกระทบต่อสังคมจะเป็นผลในเชิงบวก นำไปสู่การสร้างหรือยกระดับความรู้

แต่ ณ. ปัจจุบันนี้ ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสังคมในวงกว้าง โดยเฉพาะ เรื่องการเมือง กลับทำให้คิดว่า สิ่งที่สำคัญและส่งผลต่อความขัดแย้ง แก่งแย่ง แบ่งฝักแบ่งฝ่าย มันคือ “ความไม่รู้” ที่ติดตัวบุคคล ฝังในตัวบุคคล(ภาษาอังกฤษเรียกอย่างไรก็ “ไม่รู้”) และไม่มีพื้นที่มากพอให้ความรู้เข้าไปจัดการตัวเองได้ อ่อนแอต่อการถูกครอบงำ เชื่อง่าย เชื่อต่อๆกันไปด้วยเหตุผลง่ายๆเพราะคนส่วนใหญ่เขาเชื่อ เขาคิดกันแบบนั้น เราจะไปคิดใหม่ทำไม ยากที่จะทะลายกำแพงความเชื่อ เป็นการยืนยัน ว่าเราอ่านน้อยละเลยต่อการศึกษาความจริง

“ความไม่ซื่อสัตย์ที่โหดร้ายไม่ใช่แค่เพียงการทุจริต โกงกิน แต่ความไม่ซื่อสัตย์ต่อการให้ความจริงกับเพื่อนมนุษย์ และทำร้ายพวกเขาโดยการป้อนชุดข้อมูลผิดๆ ฝังความเชื่อ ใช้ความไม่รู้ของผู้คน ในการสร้างประโยชน์ใหกับตนเองและพรรคพวก มันเป็นความโหดร้ายและเลือดเย็น”

คนดีๆ นโยบายดีๆ คุณภาพชีวิตที่ดี คงมีพื้นที่น้อยลงในระหว่างการจัดการความขัดแย้ง เลือกเอาเถิดพี่น้องคนไทย ประเทศเราจะเป็นประชาธิปไตยหรือไม่ ไม่ทราบ แต่เราโคตรอิสระเสรี หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว

เราจะเห็นคุณค่าในวันที่เราไม่มีและสูญเสีย

เราตั้งเป้าหมายต้องการเห็นอะไรอีก5ปี10ปีลองย้อนคิดมั้ยครับว่าวันนี่ใช่ภาพที่คุณคิดไว้เมื่อ10ปี5ปีที่ผ่านมา ....