จากการที่ได้ไปสนทนากับชาวต่างชาติในวันที่ 2 สิงหาคม 2555 เวลา 17.00 น. ที่ทุ่งศรีเมือง ณ ลานหน้าศาลหลักเมืองจังหวัดอุบลราชธานี โดยไปสัมภาษณ์ Mr.Ben ชาวเบลเยี่ยม เขาพึ่งเคยมาที่อุบลราชธานีเป็นครั้งแรก เขาชอบอาหารไทยที่รสจัดและก็ชอบภรรยาของเขามาก จากที่ได้ทำความรู้จักและพูดคุยกับ Mr.Ben ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกประทับใจที่มีชาวต่างชาติเข้ามาเที่ยวในเมืองไทยและได้ให้ความสนใจในวัฒนธรรมและประเพณีไทยจำนวนมาก นั่นย่อมแสดงว่าประเทศไทยก็มีที่ท่องเที่ยวที่สวยงามเยอะแยะไม่แพ้ประเทศอื่น
| อนุทิน ... ๓๐๙๕ |
"ทำลายโอกาส"
ก่อนกลับบ้านวันนี้แวะไปคณะฯ หารองคณบดีฝ่ายวิชาการ มีนักศึกษาหญิงสองคนเดินเข้ามาให้ คนแรกแจ้งขอ "ยกเลิกรายวิชา" ที่เรียนกับรองฯ โดยใช้เหตุผลว่า "ต้องทำงาน" รองฯ เลยถามว่า "งานอะไร" เด็กตอบว่า "ขายเครื่องสำอางผ่านอินเทอร์เน็ต" ทำใหุ้งงกันว่า มันไม่มีเวลามากขนาดนั้น ถึงยอมมายกเลิกรายวิชา (ปี ๓ เอกปฐมวัย)
อีกคนมาแจ้งรองฯ ว่า "หนูมาขอลาออก" รองฯ ถามว่า "ทำไมต้องลาออก" เด็กตอบว่า "จะลาออกเพื่อกลับบ้านที่แม่สะเรียง" ถามอะไรไปมากกว่านี้ก็ไม่ชัดเจน
แค่นี้จริง ๆ ครับ ดูทั้งสองคนนี้ ฐานะไม่ได้ย่ำแย่นัก แต่ภาพมันออกมาว่า เป็นเด็กเที่ยวที่อโคจรมากกว่า ไม่ได้อยากเรียนหนังสือแน่นอน
คนที่เขาไม่มีโอกาส เขาอยากจะเรียน แต่ไ่ม่มีเงินเรียน
คนที่มีโอกาสแล้ว กลับไม่อยากเรียน
ตลกร้ายจริง ๆ ... นี่ถ้าผมได้สอนเด็กพวกนี้นะ โอกาสน้อยที่จะมาลาออกแบบนี้
ประสบการณ์และความรู้สึกนึกคิดจากการไปสนทนากับชาวต่างชาติ
วันพฤหัสบดี ที่ 2 สิงหาคม 2555 ที่ผ่านมา ข้าพเจ้ากับเพื่อนๆอีก 7 คน ก็ได้นัดหมายกันไปทำกิจกรรมสนทนากับชาวต่างชาติ เวลา 18.00 น.ในงานประเพณีแห่เทียนพรรษา โดยในงานนั้นจะมีงานปั้นและแกะสลักเทียนนานาชาติ ซึ่งจัดเป็นครั้งที่ 7 แล้ว จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20 กรกฎาคม – 5 สิงหาคม 2555 ที่ทุ่งศรีเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นประเพณีประจำจังหวัดอุบลราชธานี จัดทำขึ้นเพื่อเป็นการแสดงศิลปะการแกะสลักเทียนและวัฒนธรรมการแห่เทียนที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของชาวจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อที่จะได้เป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมที่มีความงดงามล่ำค่าไว้สืบเนื่องต่อกันไปสู่รุ่นลูก รุ่นหลาน เมื่อข้าพเจ้าได้รู้ว่าจะได้ไปทำกิจกรรมสนทนากับชาวต่างชาตินี้ ข้าพเจ้าก็รู้สึกตื่นเต้นและตระหนักถึงความสำคัญของการเป็นเยาวชนคนอุบลราชธานีมากขึ้น เพราะการทำกิจกรรมนี้ก็เท่ากับว่าเราต้องไปเผยแพร่ศิลปะและวัฒนธรรมของเราด้วย ยิ่งทำให้ข้าพเจ้ากดดันมากขึ้นเพราะกลัวว่าจะทำไม่ได้ แต่ว่าในลึกๆของก้นบึ้งของหัวใจของข้าพเจ้าได้สั่งออกมาว่าจะต้องทำให้ได้ และต้องทำให้ได้ดีที่สุดด้วย เมื่อเป็นคำสั่งแล้วก็ทำให้ข้าพเจ้าต้องสู้ต่อไปเพื่อจะได้พบเจอกับความสำเร็จ พอถึง เวลา 18.00 น. พวกเราก็รวมตัวกันได้แล้วจากนั้นก็พากันเดินไปทักทายและสนทนากับชาวต่างชาติ
ในขณะที่ข้าพเจ้ากับเพื่อนๆ เดินหานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่จะสนทนาด้วยนั้น ก็มีอุปสรรคมากเหลือเกิน เพราะเดินไปหาใครก็บอกว่ารีบๆๆบ้าง ไม่สะดวกบ้าง และอื่นๆ อีกต่างนานา ข้าพเจ้ากับเพื่อนๆ ก็ได้แต่น้อยใจ และคิดตั้งคำถามว่าเพราะอะไร ถึงได้มีอุปสรรคมากเหลือเกิน เพราะถามไปแล้ว 3-4 คน แต่ก็ยังไม่มีใครสามารถสนทนาได้เลย จากนั้นก็เดินไปเรื่อยๆ ก็ได้เจอกับชาวต่างชาติคนที่ 5 เธอเป็นผู้หญิง ที่น่ารักมากในสายตาของข้าพเจ้าและน่าจะเป็นคนใจดี ก็เลยคิดว่าคนนี้น่าจะสามารถสนทนากับกลุ่มของข้าพเจ้าได้ ก็เลยเดินไปหา ความรู้สึกตอนนั้นทั้งตื่นเต้นและเป็นกล้าๆกลัวๆ ที่จะสนทนากับเธอ "จะทำยังไงกันดีนะ" พูดกับเพื่อนๆ ข้าพเจ้าก็เลยตัดสินใจที่จะเดินเข้าไปถามเธอ ข้าพเจ้าคิดอยู่ในใจว่า อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด แล้วพอเดินไปถึงเห็นเธอยืนอยู่กับคนไทย ก็เลยเข้าไปพูดคุยกับคนไทยนั้นก่อน จากนั้นคนไทยคนนั้นก็ได้สนทนากับเธอ แล้วเธอก็เลยมองมาที่พวกเรา ต่อจากนั้นพวกเราจึงได้สนทนากับเธอ และได้ขออนุญาตในการสนทนาเธอ เธอก็อนุญาตให้สนทนากับเธอได้เป็นไปอย่างที่ข้าพเจ้าคิดไว้ไม่มีผิดว่าเธอจะเป็นคนที่ใจดี หลังจากนั้นข้าพเจ้ากับเพื่อนๆ ยิ่งพากันตื่นเต้นมากขึ้นกว่าที่คิดไว้ก่อนหน้านี้ เพราะตอนนี้ได้อยู่และพูดคุยใกล้ๆกันกับชาวต่างชาติ บทสนทนาของกลุ่มพวกเราก็เป็นประโยคที่พื้นฐานทั่วไป เช่น
ขณะที่เราทำการสนทนานั้นก็ได้มีการบันทึกวิดีโอไว้ ความรู้สึกตอนที่บันทึกก็เป็นอีกสถานการณ์หนึ่งของพวกเราที่มีความรู้สึกตื่นเต้น และกังวลมาก แต่ก็คิดอยู่ในใจตลอดเวลาว่าจะต้องทำให้ได้ หลังจากที่ทำการบันทึกวิดีโอเสร็จแล้ว พวกเราก็ได้ร่วมกันถ่ายภาพกับเธอคนนั้น ซึ่งเป็นภาพที่น่าประทับใจมากอีกรูปหนึ่ง เพราะกว่าจะได้มาก็ต้องฝ่าฟันกับอุปสรรคต่างๆมากมาย
หลังจากที่ได้ไปทำกิจกรรมสนทนากับชาวต่างชาติครั้งนี้ ข้าพเจ้ากับเพื่อนๆก็ได้คำตอบที่น่าประทับใจมากจากเธอ คือ เธอชื่อ Diana. Washington-DC. America. เธอเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยน เธอพักอยู่ที่อำนาจเจริญ และเธอบอกว่าเธอชอบศิลปะการแกะสลักเทียนและประเพณีการแห่เทียนของชาวจังหวัดอุบลราชธานีมาก เพราะเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ตระการตาและสวยงามมาก โดยการไปสนทนาครั้งนี้ก็ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกภาคภูมิใจมากที่ได้เกิดเป็นคนไทย และคนจังหวัดอุบลราชธานีที่ได้เห็นประเพณีอันสวยงามและล่ำค่านี้ ซึ่งขณะนั้นก็ทำให้ข้าพเจ้าหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลย เพราะอย่างน้อยเราก็เป็นส่วนหนึ่งของเยาวชนที่ตระหนักและให้ความสำคัญกับประเพณีประจำจังหวัดอุบลราชธานี และจากที่ตื่นเต้นและกลัวๆนั้นก็หายไปหมดเลย ทำให้การสนทนาครั้งนี้ของกลุ่มข้าพเจ้าผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ขอขอบคุณ ผศ. วิไล แพงศรี มากนะค่ะที่ได้ให้ข้าพเจ้ากับเพื่อนๆ ได้ทำกิจกรรมดีดีนี้คะ
ข้อมูอภาพจาก @Chadarutalbum : Thursday 2th August 2012