ไพฑูรย์
นาย ไพฑูรย์ แอ็ด เขียวรัตน์

อนุทินล่าสุด


ไพฑูรย์
เขียนเมื่อ

การพัฒนาโปรแกรมการฝึกการอบรมตามแนวทางไตรสิกขา เพื่อเสริมสร้างความมีวินัยในตนเอง

................................................................

การพัฒนาโปรแกรมการฝึกการอบรมตามแนวทางไตรสิกขา เพื่อเสริมสร้างความมีวินัยในตนเอง ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5
Development of a trisikkha-based training program to enhance Prathom Suksa five students' self-discipline

วิจัยโดย วิลาพัณย์ อุรบุญนวลชาติ

ครุศาสตรมหาบัณฑิต
ปริญญาโท
ประถมศึกษา
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

     การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาโปรแกรมการฝึกอบรมตามแนวทางไตรสิกขาเพื่อเสริมสร้าง ความมีวินัยในตนเองของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 การดำเนินการวิจัยมี 4 ขั้นตอน ได้แก่ 1) การศึกษาข้อมูลพื้นฐาน 2) การสร้างโปรแกรมการฝึกอบรมตามแนวทางไตรสิกขาเพื่อเสริมสร้าง ความมีวินัยในตนเอง ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 3) การดำเนินการทดลองใช้โปรแกรม และ 4) การปรับปรุงแก้ไขโปรแกรม กลุ่มตัวอย่างคือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ปีการศึกษา 2549 โรงเรียนจารุศรบำรุง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ปทุมธานี เขต 1 จำนวน 20 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบวัดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ ความมีวินัยในตนเองของนักเรียน และแบบประเมินพฤติกรรมความมีวินัยในตนเองของนักเรียน ตามการรับรู้ของครู วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการหาค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบ ค่าที ระยะเวลาทดลอง 7 สัปดาห์ ผลการวิจัยพบว่า 1. หลังเข้าร่วมโปรแกรม นักเรียนมีค่าเฉลี่ยของ คะแนนความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความมีวินัยในตนเอง สูงกว่าก่อนเข้าร่วมโปรแกรม อย่างมี นัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2. หลังเข้าร่วมโปรแกรม นักเรียนมีค่าเฉลี่ยของคะแนนพฤติกรรม ความมีวินัยสนในตนเองที่ได้จากแบบประเมินพฤติกรรมความมีวินัยในตนเองตามการรับรู้ของครู สูงกว่าก่อนเข้าร่วมโปรแกรม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
        This research aimed at developing a TRISKKHA-BASED training program to enhance Prathom Suksa Five students self-discipline. The research involved 4 stages: 1) Basic data study ; 2) A development of TRISKKH-BASED training program to enhance Prathom Suksa Five students self-discipline; 3) Program test; 4) Program modification. The subjects included 20 students of Prathom Suka Five academic year 2006 in Charusorn Bamrung School under the Pathumthani Provincial Education District 1, Klongluang District, Pathumthani Province The research instruments were cognition scale of students self-discipline and behavioral scale of students self-discipline as perceived by teacher. Data were analyzed by using mean, standard deviation, and t-test. The duration in experimental program was 7 weeks. The findings indicated as follows: 1. The post-test mean score of students; self-disciplinary cognition from cognition scale of students; self-discipline was higher than that of the pre-test at the .05 level of significance.2. The post-test mean score of students self-disciplinary behavior form behavioral scale of students; self- discipline as perceived by teacher was higher than that of the pre-test at the .05 level of significance.
วิทยานิพนธ์ (ค.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2549



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ไพฑูรย์
เขียนเมื่อ

E1/E2 Model for Developmental Testing of Media and Multi-Media Instructional Packages Part I 0001

สรุปการนำไปใช้อ้างอิง

E1 =Efficiency of Process (ประสิทธิภาพของกระบวนการ) และพฤติกรรมสุดท้าย (ผลลัพธ์) กำหนดค่าประสิทธิภาพเป็น

(Do the thing right=Efficiency)

(Do the right thing=Effectiveness)

E2 =Efficiency of Product (ประสิทธิภาพของผลลัพธ์)

การกำหนดเกณฑ์ประสิทธิภาพ

1. ประเมินพฤติกรรมต่อเนื่อง (Transitional Behavior) คือประเมินผลต่อเนื่อง ซึ่งประกอบด้วยพฤติกรรมย่อยของผู้เรียน เรียกว่า “กระบวนการ” (Process) ที่เกิดจากการประกอบกิจกรรมกลุ่ม ได้แก่ การทำโครงการ หรือทำรายงานเป็นกลุ่ม และรายงานบุคคล ได้แก่งานที่มอบหมาย และกิจกรรมอื่นใดที่ผู้สอนกำหนดไว้

2. ประเมินพฤติกรรมสุดท้าย (Terminal Behavior) คือประเมินผลลัพธ์ (Product) ของผู้เรียน โดยพิจารณาจากการสอบหลังเรียนและการสอบไล่

ประสิทธิภาพ ของสื่อหรือชุดการสอนจะกำหนดเป็นเกณฑ์ ที่ผู้สอนคาดหมายว่าผู้เรียนจะเปลี่ยน พฤติกรรมเป็นที่พึงพอใจ โดยกำหนดให้ผลเฉลี่ยของคะแนนการทำงานและ การประกอบกิจกรรมของผู้เรียนทั้งหมด ต่อ ร้อยละของผลการประเมินหลังเรียนทั้งหมด

E1/E2 = ประสิทธิภาพของกระบวนการ/ประสิทธิภาพของผลลัพธ์

       80/80 หมายความว่าเมื่อเรียนจากสื่อหรือชุดการสอนแล้ว ผู้เรียนจะสามารถทำแบบฝึกปฏิบัติ  หรืองานได้ผลเฉลี่ย 80% และประเมินหลังเรียนและงานสุดท้ายได้ผลเฉลี่ย 80%

การที่จะกำหนดเกณฑ์ E1/E2 ให้มีค่าเท่าใดนั้น ให้ผู้สอนเป็นผู้พิจารณาตามความพอใจโดยพิจารณาพิสัยการเรียนที่จำแนกเป็น

วิทยพิสัย (Cognitive Domain)

จิตพิสัย (Affective Domain) และ

ทักษพิสัย (Skill Domain)

ข้อควรคำนึงในการทดลอบประสิทธิภาพสื่อหรือชุดการสอน

1) การเลือกผู้เรียนเข้าร่วมการทดลอบประสิทธิภาพ ควรเลือกนักเรียนที่เป็นตัวแทนของนักเรียนที่ใช้สื่อหรือชุดการสอน ตามแนวทางการสุ่มตัวอย่างที่ถูกต้อง

2) การเลือกเวลาและสถานที่ทดลอบประสิทธิภาพ  ควร หาสถานที่และเวลาที่ปราศจากเสียงรบกวน ไม่ร้อนอบอ้าว และควรทดลอบประสิทธิภาพในเวลาที่นักเรียนไม่หิวกระหาย ไม่รีบร้อนกลับบ้าน หรือไม่ต้องพะวักพะวนไปเข้าเรียนในชั้นอื่น

3) การชี้แจงวัตถุประสงค์และวิธีการ ต้อง ชี้แจงให้นักเรียนทราบถึงวัตถุประสงค์ของการทดลอบประสิทธิภาพสื่อหรือชุดการ สอนและการจัดห้องเรียนแบบศูนย์การเรียน หากนักเรียนไม่คุ้นเคยกับวิธีการใช้สื่อหรือชุดการสอน

4) การรักษาสถานการณ์ตามความเป็นจริง สำหรับ การทดลอบประสิทธิภาพสอนภาคสนามในชั้นเรียนจริง ต้องรักษาสภาพการณ์ให้เหมือนที่เป็นอยู่ในห้องเรียนทั่วไป เช่น ต้องใช้ครูเพียงคนเดียว ห้ามคนอื่นเข้าไปช่วย

ผู้ สังเกตการณ์ต้องอยู่ห่างๆ ไม่เข้าไปช่วยเหลือเด็ก ต้องปล่อยให้ครูผู้ทดลอบประสิทธิภาพสอนแก้ปัญหาด้วยเอง หากจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือก็ให้ครูผู้สอนเป็นผู้บอกให้เข้า ไปช่วย มิฉะนั้นการทดลอบประสิทธิภาพสอนก็ไม่สะท้อนสถานการณ์จริงที่มีคนสอนเพียงคน เดียว

การดำเนินการสอนตามขั้นตอน

ดำเนิน การสอนตามขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการทดลงแบบเดี่ยว แบบกลุ่ม และภาคสนาม หลังจากชี้แจงให้นักเรียนทราบเกี่ยวกับสื่อ ชุดการสอน และวิธีการสอน แล้ว ครูจะต้องดำเนินการสอนตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ในแต่ละระบบการสอน

สำหรับการสอนแบบศูนย์การเรียน ดำเนินตามขั้นตอน 5 ขั้น คือ

1) ทดสอบก่อนเรียน

(2) นำเข้าสู่บทเรียน

(3) ให้นักเรียนทำกิจกรรม กลุ่ม

(4) สรุปบทเรียน (ครูสรุปเองหรือให้นักเรียนช่วยกันสรุปก็ได้ ทั้งนี้ต้องดูตามที่กำหนดไว้ในแผนการสอน) และ

(5) สอบหลังเรียน

–        สำหรับการสอนแบบอิงประสบการณ์ มี 7 ขั้นตอน คือ

(1) ประเมินก่อนผชิญประสบการณ์

(2) ปฐมนิเทศ

(3) เผชิญประสบการณ์หลัก ประสบการณ์รอง ตามภารกิจ และงานที่กำหนด

(4) รายงานความก้าวหน้าของการเผชิญประสบการณ์หลักและรอง (5) รายงานผลสุดท้าย

(6) สรุปการเผชิญประสบการณ์ และ

(7) ประเมินหลังเผชิญประสบการณ์

การสอนทางอิเล็กทรอนิกส์ อาจดำเนินตามขั้นตอน 7 ขั้น คือ(1) สอบก่อนเรียน

(2) ศึกษาประมวลการสอน แผนกิจกรรมและเส้นทางการเรียน

(Course Syllabus, Course Bulletin and Learning Route)

(3) ศึกษาเนื้อหาสาระทีกำหนดให้แบบออนไลน์บนเว้ปหรือออฟไลน์ ในซีดีหรือตำรา คือจากแหล่งความรู้ที่กำหนดให้

(4) ให้นักเรียนทำกิจกรรมเดี่ยว (Individual Assignment) และกิจกลุ่มร่วมมือ (Collaborative Group)

(5) ส่งงานที่มอบหมาย (Submission of Assignment)

(6) สรุปบทเรียน (ครูสรุปเอง หรือให้นักเรียนช่วยกันสรุปก็ได้ ทั้งนี้ต้องดูตามที่กำหนดไว้ในแผนการสอน) และ (7) สอบหลังเรียน

บทบาทของครูขณะทดลอบประสิทธิภาพ

1)       ต้องคอยสังเกตและบันทึกพฤติกรรมของนักเรียนอย่างใกล้ชิด เพื่อดูว่านักเรียนทำหน้าฉงนเงียบหรือสงสัยประการใด

2)       2) สังเกตและปฏิสัมพันธ์ (Interactive Analysis) ของนักเรียน โดยใช้แบบสังเกตปฏิบัติสัมพันธ์ที่มีผู้พัฒนาขึ้นแล้ว เช่น Flanders Interactive Analysis (FIA), Brown Interactive Analysis (BIA), Chaiyong Interactive Analysis (CIA)

พยายามรักษาสุขภาพจิต ไม่คาดหวังหรือเครียดกับความเหน็ดเหนื่อยที่ทุ่มเทในการผลิตชุดการสอน หรือเครียดกับการเกรงว่า ผล การทดสอบประสิทธิภาพจะไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ เกรงว่า จะไม่ได้รับความร่วมมือจากนักเรียน

4) สร้างบรรยากาศอบอุ่นและเป็นกันเอง ครูต้องเป็นกันเองกับนักเรียน เวลาสอบก่อนเรียน ยิ้มแย้มแจ่มใส สร้างบรรยากาศที่นักเรียนจะแสดงออกเสรี ไม่ทำหน้าเคร่งขรึมจนนักเรียนกลัว

ต้องชี้แจงว่าการสอบครั้งนี้ไม่มีผลต่อการสอบไล่ปกติของนักเรียนแต่ประการใด

6) ปล่อยให้นักเรียนศึกษาและประกอบกิจกรรมจากสื่อหรือชุดการสอนตามธรรมชาติ โดยทำทีว่า ครูไม่ได้สนใจจับผิดนักเรียน ด้วยการทำทีทำงานหรืออ่านหนังสือ

7) หากสังเกตว่านักเรียนคนใดมีปัญหาระหว่างการทดสอบ อย่าให้ความสนใจเป็นพิเศษ แต่ให้บันทึกพฤติกรรมไว้เพื่อจำมาซักถามและพูดคุยกับนักเรียนในภายหลัง

บทบาทของครูภาคสนามกับนักเรียนทั้งชั้น

1) ปฏิบัติตามข้อเสนอแนะ ที่นำเสนอทั้ง 7 ข้อที่กล่าวมาแล้ว

2) ครูต้องพยายามอธิบายประเด็นต่างๆ ที่ต้องการจะบอกนักเรียนอย่างชัดเจน

3) เมื่อบอกให้นักเรียนลงมือประกอบกิจกรรมแล้ว ครูต้องหยุดพูดเสียงดัง หากประสงค์จะประกาศอะไรต้องรอจนเปลี่ยนกลุ่ม หรือไปพูดกับนักเรียนคนนั้นหรือกลุ่มนั้น ด้วยเสียงที่พอได้ยินเฉพาะครู กับนักเรียนครูต้องไม่พูดมากโดยไม่จำเป็น

ขณะที่นัก เรียนประกอบกิจกรรม ครูจะต้องเดินไปตามกลุ่มต่างๆ เพื่อสังเกตพัฒนาการของนักเรียนดูการทำงานของสมาชิกในกลุ่ม ความเป็นผู้นำผู้ตามและอาจให้ความช่วยเหลือนักเรียนกลุ่มใดหรือคนใดที่มี ปัญหา แต่ไม่ควรไปนั่งเฝ้ากลุ่มใดกลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะ เพราะจะทำให้นักเรียนอึดอัด เครียด หรือบางคนอาจแสดงพฤติกรรมเขื่องเพื่ออวดครู

เมื่อ จะให้นักเรียนเปลี่ยนกลุ่ม ครูควรชี้แจงให้นักเรียนเดินช้าๆ ไม่ต้องรีบเร่ง และให้หัวหน้าเก็บสื่อการสอนใส่ซองไว้ให้เรียบร้อยก่อนเปลี่ยนไปกลุ่มอื่นๆ ห้ามหยิบชินส่วนใดติดมือไป ยกเว้น “แบบฝึกปฏิบัติ” หรือ “กระดาษคำตอบ” ประจำตัวของนักเรียนเอง

6) การเปลี่ยนกลุ่มกระทำได้ 3 วิธี คือ (1) เปลี่ยนพร้อมกันทุกกลุ่มหากทำกิจกรรมเสร็จพร้อมกัน (2) กลุ่มใดเสร็จก่อน ให้ไปทำงานในกลุ่มสำรอง (3) หากมี 2 กลุ่มทำเสร็จพร้อมกันก็ให้เปลี่ยนกันทันที

หลังจาก การทดสอบประสิทธิภาพสิ้นสุดลง ขอให้แสดงความชื่นชมที่นักเรียนให้ความร่วมมือ และประสบความสำเร็จในการเรียนจาก สื่อหรือชุดการสอน

8) หากทำได้ ให้แจ้งผลการทดสอบหลังเรียนให้นักเรียนทราบเพื่อให้ประสบการณ์ที่เป็นความสำเร็จ

ปัญหาจากการทดสอบประสิทธิภาพ

การประเมินประสิทธิภาพตามระบบการสอน “แผน จุฬา” ที่ยึดแนวทางประเมินแบบสามมิติ คือ (1) การหาพัฒนาการทางการเรียนคือผู้เรียนมีความรู้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (2) การหาประสิทธิภาพทวิผลคือ กระบวนการควบคู่ผลลัพธ์โดยกำหนดค่าประสิทธิภาพเป็น E1/E2 (Efficiency of Process/Efficiency of Products) เพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างผลการเรียนที่เป็นกระบวนการและผลการเรียนที่เป็น ผลลัพธ์ และ (3) การหาความพึงพอใจของผู้เรียน โดยการประเมินคุณภาพของสื่อหรือชุดการสอนที่มีผลต่อความพึงพอใจของผู้สอนและ ผู้เรียน หลังจากเวลาผ่านไปมากกว่า 30 ปี ได้พบปัญหาที่พอสรุปได้ ประการ

นักวิชาการรุ่นหลังนำแนวคิดทดสอบประสิทธิภาพที่พัฒนาโดยศาสตราจารย์ ดร.ชัยยงค์ พรหมวงศ์ เมื่อพ.ศ. 2516 และได้เผยแพร่อย่างต่อมาตั้งแต่ พ.ศ. 2520 มาเป็นของตนเอง โดยเขียนเป็นบทความหรือตำราแล้วไม่มีการอ้างอิง มีจำนวนมากกว่าร้อยรายการ ทำให้นิสิตนักศึกษารุ่นหลังไม่ทราบที่มาของการทดสอบประสิทธิภาพ จึงทำให้มีผู้ที่อ้างว่าเป็นเจ้าของทฤษฎี E1/E2  เป็นจำนวนมาก บางสำนักพิมพ์ได้นำความรู้เรื่องการสอนแบบศูนย์การเรียน ของ ศาสตราจารย์ ดร.ชัยยงค์ พรหมวงศ์ ไปพิมพ์เผยแพร่ ตั้งแต่ พ.ศ. 2539 และมีรายได้มหาศาล

นักวิชาการนำ E1/E2  ไปเป็นของฝรั่ง เช่น ระบุว่า การหาประสิทธิภาพ E1/E2 เกิดจากแนวคิด Mastery Learning ของ Bloom

นักวิชาการไม่เข้าใจหลักการของการตั้งเกณฑ์ประสิทธิภาพ เช่น เสนอแนะให้ตั้งเกณฑ์ไว้ต่ำ (เช่น E1/E2 =70/70) หลังจากตั้งเกณฑ์ไว้ต่ำแล้ว เมื่อหาค่า E1/E2 ได้ สูงกว่า ก็ประกาศด้วยความภาคภูมิใจว่า สื่อหรือชุดการสอนของตนมีประสิทธิภาพมากกว่าเกณฑ์ ซึ่งที่จริงเป็นเพราะตนเองตั้งเกณฑ์ไว้ต่ำไปแทนที่จะ ปรับเกณฑ์ให้สูงขึ้นอันเป็นผลจากคุณภาพของสื่อหรือชุดการสอน

ไม่เข้าใจความสัมพันธ์ของ E1 และ E2 ทั้งสองค่าควรได้ใกล้เคียงกัน กล่าวคือ แปรปรวนหรือแตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสำคัญที่ระดับ .05 (แตกต่างกันได้ไม่เกิน ±2.5 ของค่า E1 และ E2 ซึ่งจะมีผลทำให้ค่ากระบวนการ E1ไม่สูงกว่าค่าผลลัพธ์E2 เกินร้อยละ 5

นักวิชาการบางคนเขียนเผยแพร่ในเว้ปว่า ค่า E1 ควรมากกว่า E2 เพราะการทำแบบฝึกหัดหรือกิจกรรมปรกติจะง่ายกว่าการสอบ ถือเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง หากค่า E1 สูง แสดงว่า กิจกรรมที่ให้นักเรียนทำง่ายไป หากค่า E2 สูงก็แสดงว่า ข้อสอบอาจจะง่ายเพราะเป็นการวัดความรู้ความจำมากกว่า ดังนั้น ครูต้องปรับกิจกรรมให้ตรงตามระดับพฤติกรรมที่ตั้งไว้

รองศาสตราจารย์ ดร.เปรื่อง กุมุท  อธิบาย 90/90 Standard ว่า “...90 แรกหมายถึง เป็นคะแนนเฉลี่ยของทั้งกลุ่ม ซึ่งหมายถึงนักเรียนทุกคน เมื่อสอนครั้งหลังเสร็จให้คะแนนเสร็จ นำคะแนนมาหาค่าร้อยละเฉลี่ยของกลุ่มจะต้องเป็น 90 หรือสูงกว่า ….90 ตัวที่สองแทนคุณสมบัติที่ว่า ร้อยละของนักเรียนทั้งหมด ได้รับผลสัมฤทธิ์ตามความมุ่งหมายแต่ละข้อ และทุกข้อของบทเรียนโปรแกรมส่วน E1/E2 เน้นการเปรียบเทียบผลการเรียนจากพฤติกรรมต่อเนื่องคือกระบวนการ กับพฤติกรรมสุดท้ายคือ ผลลัพธ์ ดังนั้น แนวคิดของ E1/E จึงมีจุดเน้นต่างกับกัน 90/90 Standard หรือ มาตรฐาน 90/90 ที่เน้นความสัมพันธ์ของพฤติกรรมสุดท้ายของนักเรียน กับ การบรรลุวัตถุประสงค์แต่ละข้อและทุกข้อของบทเรียน แม้จะใช้ 90/90 80/80 หากไม่เน้นกระบวนการกับผลลัพธ์ ก็จะนำไปแทนค่า E1/E2 ไม่ได้



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ไพฑูรย์
เขียนเมื่อ

สรุปผลการเรียนรู้แบบผสมผสาน (blended learning)

เบล็นเด็ดเลินนิ่ง หมายถึง กระบวนการเรียนรู้ ที่ผสมผสานรูปแบบการเรียนรู้ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นในห้องเรียน ผสมผสานกับการเรียนรู้นอกห้องเรียนที่ผู้เรียนผู้สอนไม่เผชิญหน้ากัน หรือการใช้แหล่งเรียนรู้ที่มีอยู่หลากหลาย กระบวนการเรียนรู้และกิจกรรมเกิดขึ้นจากยุทธวิธี การเรียนการสอนที่หลากรูปแบบ เป้าหมายอยู่ที่การให้ผู้เรียนบรรลุเป้าหมายการเรียนรู้เป็นสำคัญ
         การสอนด้วยวิธีการเรียนรู้แบบผสมผสานนั้น ผู้สอน สามารถใช้วิธีการสอน สองวิธีหรือมากกว่า ในการเรียนการสอน เช่น ผู้สอนนำเสนอเนื้อหาบทเรียนผ่านเทคโนโลยีผนวกกับการสอนแบบเผชิญหน้า แต่หลังจากนั้นผู้สอนนำเนื้อหาบทความแขวนไว้บนเว็บ จากนั้นติดตามการดำเนินกิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้อีเลินนิ่ง ด้วยระบบแอลเอ็มเอส (Learning Management System ) ด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ในห้องแล็บ หลังจากนั้นสรุปบทเรียน ด้วยการอภิปรายร่วมกับอาจารย์ผู้สอนในห้องเรียน
"Blended learning เป็นสิ่งสำคัญของการศึกษาและเทคโนโลยี ,blended learning มีการใช้งานที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว,เป็นการบูรณาการระหว่างการเรียนในชั้น เรียนและการเรียนแบบออนไลน์,สามารถช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนและ การใช้เวลาในชั้นเรียนได้เหมาะสม"

         การเรียนแบบผสมผสาน (Blended learning) การเรียนแบบผสมผสาน เป็นการรวมกันหรือนำสิ่งต่างๆมาผสม โดยที่สิ่งที่ถูกผสมนั้น คือ รวม รูปแบบการเรียนการสอน รวม วิธีการเรียนการสอน รวม การเรียนแบบออนไลน์ และรูปแบบการเรียนการสอนในชั้นเรียนการเติบโตของการเรียนแบบผสมผสานตั้งแต่ อดีต ปัจจุบันและอนาคตการเรียนรู้แบบผสมผสาน โดยในอดีตนั้น การเรียนแบบผสมผสานคือส่วนที่ได้มีการรวมเข้าหากันจาก 2 รูปแบบสภาพแวดล้อมของการเรียนแบบเดิม นั้นก็คือ การเรียนแบบเผชิญหน้าในชั้นเรียนกับ การเรียนแบบออนไลน์ ซึ่งในอดีตนั้นการเรียนทั้ง 2 รูปแบบจะมีช่องว่างหรือระยะห่างระหว่างกันค่อยข้างมาก คือจะมีการจัดการเรียนการสอนเฉพาะของตัวเองมีรูปแบบ และการดำเนินการในรูปแบบที่ต่างกันเพราะว่าต่างก็ใช้สื่อและเครื่องมือที่ แตกต่างกัน และมีสถานที่ในการเรียนที่แตกต่างกันเพราะมีกลุ่มผู้เรียนที่ต่างกันด้วย แต่ในขณะเดียวกันนั้นการเรียนแบบทางไกลก็กำลังมีการเติบโตและแผ่ขยายอย่าง รวดเร็วซึ่งได้เข้ามาในรูปของเทคโนโลยีใหม่ ที่มีความเป็นไปได้อย่างสูงที่การเรียนแบบออนไลน์นั้นจะมีการแผ่ขยายเข้ามา สู่การเรียนในชั้นเรียนอย่างรวดเร็วในปัจจุบันการเรียนแบบออนไลน์นั้นได้ เข้ามามีส่วนร่วมในการติดต่อสื่อสารและมีปฏิสัมพันธ์ร่วมในการเรียนการสอนใน ชั้นเรียนเกิดเป็นการเรียนแบบผสมผสานขึ้นมาซึ่งคาดว่าในอนาคตนั้นการเรียน แบบผสมผสานจะมีการขยายตัวที่มากขึ้นตามรูปแบบการเรียนแบบออนไลน์ที่จะมีการ เติบโตขึ้นมากกว่าปัจจุบัน จึงส่งผลให้การเรียนแบบผสมผสานนั้นมีการขยายวงกว้างออกไปจากเดิมยิ่งขึ้นอีก ด้วย

ข้อดี-ข้อจำกัด
การเรียนแบบผสมผสานสรุป Blended Learning การเรียนการสอนแบบผสมผสาน ความหมายและความสำคัญ
1. การเรียนแบบผสมผสาน (blended learning) เป็นการเรียนที่ใช้กิจกรรมที่ต้องออนไลน์และการพบปะกันในห้องเรียนจริง (hybrid) โดยใช้สื่อที่มีความหลากหลายเหมาะกับบริบทและสถานการณ์ การเรียนรู้ เพื่อตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคล
2. การเรียนแบบผสมผสาน เป็นการรวมกันหรือนำสิ่งต่าง ๆ มาผสม โดยที่สิ่งที่ถูกผสมนั้น การเรียนอาจจะเรียนในห้องเรียน 60% เรียนบนเว็บ 40% ไม่ได้มีกฎตายตัวว่าจะต้องผสมผสานกันเท่าใด เช่น- รวม รูปแบบการเรียนการสอน- รวม วิธีการเรียนการสอน- รวม การเรียนแบบออนไลน์ และรูปแบบการเรียนการสอนในชั้นเรียน
3. การเรียนแบบผสมผสาน (Blended learning) การเติบโตของการเรียนแบบผสมผสานตั้งแต่อดีต ปัจจุบันและอนาคตการเรียนรู้แบบผสมผสาน โดยในอดีตนั้น การเรียนแบบผสมผสานคือส่วนที่ได้มีการรวมเข้าหากัน จาก 2 รูปแบบ
    3.1 สภาพแวดล้อมของการเรียนแบบเดิม นั้นก็คือ การเรียนแบบเผชิญหน้าในชั้นเรียน
   3.2 การเรียนแบบออนไลน์ ซึ่งในอดีตนั้นการเรียนทั้ง 2 รูปแบบจะมีช่องว่างหรือระยะห่างระหว่างกันค่อยข้างมาก คือจะมีการจัดการเรียนการสอนเฉพาะของตัวเองมีรูปแบบ และการดำเนินการในรูปแบบที่ต่างกันเพราะว่าต่างก็ใช้สื่อและเครื่องมือที่ แตกต่างกัน และมีสถานที่ในการเรียนที่แตกต่างกันเพราะมีกลุ่มผู้เรียนที่ต่างกันด้วย แต่ในขณะเดียวกันนั้นการเรียนแบบทางไกลก็กำลังมีการเติบโตและแผ่ขยายอย่าง รวดเร็ว ซึ่งได้เข้ามาในรูปของเทคโนโลยีใหม่ ที่มีความเป็นไปได้อย่างสูงที่การเรียนแบบออนไลน์นั้นจะมีการแผ่ขยายเข้ามา สู่การเรียนในชั้นเรียนอย่างรวดเร็วในปัจจุบันการเรียนแบบออนไลน์นั้นได้ เข้ามามีส่วนร่วมในการติดต่อสื่อสารและมีปฏิสัมพันธ์ร่วม ในการเรียนการสอนในชั้นเรียนเกิดเป็นการเรียนแบบผสมผสานขึ้นมาซึ่งคาดว่าใน อนาคตนั้นการเรียนแบบผสมผสานจะมีการขยายตัวที่มากขึ้นตามรูปแบบการเรียน แบบออนไลน์ที่จะมีการเติบโตขึ้นมากกว่าปัจจุบัน จึงส่งผลให้การเรียนแบบผสมผสานนั้นมีการขยายวงกว้างออกไปจากเดิมยิ่งขึ้นอีก ด้วย

สรุป
1. การเรียนการสอนแบบผสมผสาน Blended Learning เป็นการเรียนรู้แบบผสมผสานหลากหลายวิธี เพื่อให้ผู้เรียนได้มีการเรียนรู้ที่หลากหลาย และเพื่อผู้เรียนได้พัฒนาเต็มศักยภาพเหมาะกับบริบทและสถานการณ์ การเรียนรู้และตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคลเกิดการเรียนรู้และเกิดทักษะ ด้านการปฏิบัติ (Practice Skill )โดยใช้เทคโนโลยี เช่น การเรียนการสอนในชั้นเรียนร่วมกับการเรียนการสอนแบบออนไลน์(a combination of face-to-face and Onine Learning) การเรียนแบบหมวก 6 ใบ, สตอรี่ไลน์ จุดมุ่งหมายสูงสุดอยู่ที่ผู้เรียน โดยอัตราส่วนการผสมผสาน จะขึ้นอยู่กับลักษณะเนื้อหา และการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน กรณี - ครูผู้สอนสั่งงานทาง e-mail หรือ chatroom หรือ webbord ถือเป็นการเรียนรู้แบบผสมผสาน- ครูสั่งให้ส่งงานเป็นรูปเล่มรายงานถือว่าเป็นการเรียนรู้แบบผสมผสานเช่นกัน เพราะต้องไปค้นคว้าสืบค้นข้อมูลและนำมาอภิปราย สรุป เนื้อหาเป็นแนวเดียวกัน ผู้เรียนทุกคนเข้าใจตรงกัน
2. การใช้งานจริง ณ ขณะนี้ สรุป การใช้ Blended Learning ในองค์กร หรือบริษัท ช่วยในการประชุม การสั่งงาน โดยมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตระบบเครือข่าย ส่วนมาก นิยมใช้ระบบ LMS เป็นระบบการบริหาร ผ่าน Sever เป็นระบบเครือข่ายผู้ใช้งานในระบบ
   2.1 กลุ่มผู้บริหาร Administrator ทำหน้าที่ดูแลระบบ
   2.2 กลุ่ม ครู อาจารย์ Instructor/ teacher ทำหน้าที่สอน
   2.3 กลุ่มผู้เรียน Student /Guest นักเรียน นักศึกษาสำหรับขั้นตอนการออกแบบการเรียนรู้แบบผสมผสานของ Beijing Normal University (BNU) ประกอบด้วย 3 ขั้นตอนหลัก ดังนี้
1. ขั้นก่อนการวิเคราะห์ (Pre-Analysis) เป็นขั้นตอนแรกของการออกแบบการเรียนรู้แบบผสมผสาน ประกอบการพิจารณาข้อมูลทั่ว ๆ ไป ได้แก่
   1.1 การวิเคราะห์คุณสมบัติของผู้เรียน
   1.2 การวิเคราะห์วัตถุประสงค์ในการเรียนรู้
   1.3 การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมของการเรียนรู้แบบผสมผสานผลลัพธ์ที่ได้จากขั้นตอนแรก จะเป็นรายงานผลที่จะนำไปใช้ในขั้นต่อไป
2. ขั้นการออกแบบกิจกรรมและการออกแบบวัสดุการเรียนรู้ (Design of Activity and Resources) เป็นขั้นตอนที่สองที่นำผลลัพธ์ที่ได้จากขั้นตอนแรกมาออกแบบกิจกรรมและวัสดุ การเรียนรู้ ซึ่งจำแนกออกเป็น 3 ส่วนย่อย ๆ ได้แก่
   2.1 การออกแบบภาพรวมของการเรียนรู้แบบผสมผสาน ประกอบด้วย
กิจกรรมการเรียนรู้แต่ละหน่วยเรียน
กลยุทธ์การนำส่งบทเรียนในการเรียนรู้แบบผสมผสาน
ส่วนสนับสนุนการเรียนรู้แบบผสมผสาน
   2.2 การออกแบบกิจกรรมแต่ละหน่วยเรียนประกอบด้วย
นิยามผลการกระทำของผู้เรียน
กิจกรรมในแต่ละวัตถุประสงค์
การจัดกลุ่มของกิจกรรมทั้งหมด
การประเมินผลในแต่ละหน่วยเรียน
   2.3 การออกแบบและพัฒนาวัสดุการเรียนรู้ประกอบด้วย
การเลือกสรรเนื้อหาสาระ
การพัฒนากรณีต่าง ๆ
การนำเสนอผลการออกแบบและการพัฒนาผลที่ได้จากขั้นตอนที่สอง จะเป็นรายละเอียดของการออกแบบบทเรียนในแต่ละส่วน
3. ขั้นการประเมินผลการเรียนการสอน (Instructional Assessment) เป็นขั้นตอนสุดท้ายในการออกแบบการเรียนรู้แบบผสมผสานประกอบด้วย
   3.1 การประเมินผลขั้นตอนการเรียนรู้
   3.2 การจัดการสอบตามหลักสูตร
   3.3 การประเมินผลกิจกรรมทั้งหมดผลที่ได้จากขั้นตอนสุดท้าย จะนำไปพิจารณาตรวจปรับกระบวนการออกแบบในแต่ละขั้นที่ผ่านมาทั้งหมด เพื่อให้การเรียนรู้แบบผสมผสานมีประสิทธิภาพและเกดประสิทธิผลกับผู้เรียน อย่างแท้จริง

ขั้นตอนการออกแบบการเรียนรู้แบบผสมผสาน
การเรียนรู้แบบผสมผสานมีสิ่งต่างๆจะต้องพิจารณา ดังนี้
1. เพิ่มทางเลือกของวิธีการนำส่งการเรียนรู้ไปยังผู้เรียนให้มีความหลากหลายมากขึ้น จะเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับผู้ออกแบบ
2. เกณฑ์การตัดสินความสำเร็จในการเรียนรู้แบบผสมผสานไม่ได้มีเพียงเกณฑ์เดียว เช่น รูปแบบการเรียนรู้และวิธีการเรียนรู้ ซึ่งสามารถนำมาพิจารณาร่วมกันได้
3. การออกแบบการเรียนรู้แบบผสมผสานจะต้องพิจารณาประเด็นของความเร็วในการเรียนรู้ ขนาดของผู้เรียน และการสนับสนุนช่วยเหลือผู้เรียน
4. สภาพแวดล้อมทางการเรียนของผู้เรียน จะมีความแตกต่างกันเป็นธรรมชาติซึ่งการจัดการเรียนรู้จะต้องสนับสนุนให้ผู้ เรียนบรรลุตามวัตถุประสงค์เป็นสำคัญ
5. หน้าที่ของผู้เรียน จะต้องศึกษาและค้นพบตัวเอง เพื่อสร้างสรรค์ความรู้ตามศักยภาพของตนเอง
6. การออกแบบการเรียนรู้แบบผสมผสานต้องการทีมงานออกแบบที่มีความรู้เรื่องการปรับปรุงด้านธุรกิจด้วย เช่นกัน
การเรียนการสอนทางไกลของ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ) ถือว่าเป็นการเรียนการสอนแบบผสมผสานเช่นกัน
คอร์สการเรียนภาษาอังกฤษทางไกล ของ แอนดรูส์ บิ๊ก ที่ใช้ระบบ(Bkended Learning for Distance Learning) ซึ่งสามารถสอนนักเรียนพร้อมกันทีเดียวได้เป็นพันคน

 3. ประโยชน์ ข้อดี และข้อจำกัด
ประโยชน์ ข้อดี

1. แบ่งเวลาเรียนอย่างอิสระ
2. เลือกสถานที่เรียนอย่างอิสระ
3. เรียนด้วยระดับความเร็วของตนเอง
4. สื่อสารอย่างใกล้ชิดกับครูผู้สอน
5. การผสมผสานระหว่างการเรียนแบบดั้งเดิมและแบบอนาคต
6. เรียนกับสื่อมัลติมีเดีย
7. เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง Child center
8. ผู้เรียนสามารถมีเวลาในการค้นคว้าข้อมูลมาก สามารถวิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูลได้อย่างดี
9. สามารถส่งเสริมความแม่นยำ ถ่ายโอนความรู้จากผู้หนึ่งไปยังผู้หนึ่งได้ สามารถทราบผลปฏิบัติย้อนกลับได้รวดเร็ว (กาเย่)
10. สร้างแรงจูงใจในบทเรียนได้(กาเย่)
11. ให้แนวทางในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนได้(กาเย่)
12. สามารถทบทวนความรู้เดิม และสืบค้นความรู้ใหม่ได้ตลอดเวลา (กาเย่)
13. สามารถหลีกเลี่ยงสิ่งที่รบกวนภายในชั้นเรียนได้ ทำให้ผู้เรียนมีสมาธิในการเรียน
14. ผู้เรียนมีช่องทางในการเรียน สามารถเข้าถึงผู้สอนได้
15. เหมาะสำหรับผู้เรียนที่ค่อนข้างขาดความมั่นใจในตัวเอง
16. ใช้ในบริษัท หรือองค์กรต่างๆ สามารถลดต้นทุนในการอบรม สัมมนาได้

 ข้อจำกัด
1. ไม่สามารถแสดงความคิดเห็น หรือถ่ายทอดความคิดเห็นอย่างรวดเร็ว
2. มีความล่าช้าในการปฏิสัมพันธ์
3. การมีส่วนร่วมน้อย โดยผู้เรียนไม่สามารถมีส่วนร่วมทุกคน
4. ความไม่พร้อมด้าน ซอฟแวร์ Software บางอย่างมีราคาแพง (ของจริง)
5. ใช้งานค่อนข้างยาก สำหรับผู้ไม่มีความรู้ด้าน ซอฟแวร์ Software
6. ผู้เรียนบางคนคิดว่าไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน เพราะราคาอุปกรณ์ค่อนข้างสูง
7. ผู้เรียนต้องมีความรู้ ความเข้าใจด้านการใช้งานคอมพิวเตอร์ เพื่อเข้าถึงข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต
8. ผู้เรียนต้องมีความรับผิดชอบต่อตนเองอย่างสูง ในการเรียนการสอนแบบนี้
9. ความแตกต่างของผู้เรียนแต่ละคนเป็นอุปสรรคในการเรียนการสอนแบบผสมผสาน
10. สภาพแวดล้อมไม่เหมาะสมในการใช้เครือข่าย หรือระบบอินเทอร์เน็ต เกิดปัญหาด้านสัญญาณ
11. ขาดการปฏิสัมพันธ์แบบ face to faec (เรียลไทม์)

ความเป็นไปได้ในการไปใช้งานจริงของ Blened Learning การเรียนการสอนแบบผสมผสาน
1. มีการเปลี่ยนแปลงไปสู่ยุค ICT ทำให้มีการเรียนรู้ที่หลากหลายวิธี เช่น 2 วิธี หรือมากกว่านั้นได้
2. ดำเนินกิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้ e-Learning
3. สามารถนำไปใช้ได้จริงในสถานศึกษา เช่น โรงเรียน หรือมหาวิทยาลัย รวมไปถึง บริษัท องค์กร ต่าง ๆ เพื่อประหยัดงบประมาณและต้นทุน
4. เป็นไปได้หรือไม่ในการนำไปใช้งานได้จริงขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม ความเหมาะสมขององค์ประกอบในการจัดการเรียนการสอน อุปกรณ์ ผู้เรียน และผู้สอน

การสอนแบบผสม (Mixed Method)
วิธีสอนแบบผสมผสาน
ในการสอนผู้สอนย่อมกำหนดจุดประสงค์ไว้หลายด้าน ทั้งด้านความรู้เจตคติ และ
ทักษะ ถ้าผู้สอนใช้วิธีสอนวิธีใดวิธีหนึ่งวิธีเดียว อาจไม่สามารถสนองตอบจุดประสงค์ทุกด้านได้ ดังนั้นจึงเป็นความจำเป็นที่ผู้สอนต้องรู้จักเลือกใช้วิธีสอนหลายๆ วิธีอย่างผสมผสานกัน นอกจากนี้วิธีมีข้อดีและข้อจำกัดในตังเอง ผู้สอนต้องเลือกใช้ให้สอดคล้องเหมะสมกับสถานการณ์ผู้เรียนและเนื้อหาวิชา บางครั้งบางชั่วโมงอาจต้องเลือกใช้หลายวิธีอย่างผสมผสานกัน เพื่อช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดี การผสมผสานวิธีสอนหลาย0 วิธีเข้าด้วยกัน จะช่วยให้การเรียนการสอนสุก น่าสนใจ และเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศการเรียนการสอนให้ดีขึ้น (อาภรณ์  ใจเที่ยง. 2540 :134-139)
1.ความหมายของการสอนแบบผสมผสาน
การสอนแบบผสมผสาน หมายถึง การสอนที่ผู้สอนนำวิธีการสอนหลายๆวิธีมาผสมผสานกัน เพื่อมุ่งให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดีที่สุด
2.ความมุ่งหมายของการสอนแบบผสมผสาน
1.เพื่อสนองจุดประสงค์การสอนทั้ง 3 ด้าน คือ ด้านความรู้ เจตคติ และทักษะ ถ้าใช้วิธีสอนเพียงวิธีเดียว อาจไม่สามารถครอบคลุมจุดประสงค์ทั้ง 3 ด้านได้ เพราะการสอนแต่ละวิธีย่อมมีจุดมุ่งหมายเฉพาะแต่ละอย่างไป
2.เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้แสดงความสามารถ ความสนใจ ความถนัดเฉพาะตน  ซึ่งแต่ละคนมีแตกต่างกัน การใช้วิธีสอนหลายๆ วิธีผสมผสานกัน จะช่วยให้ผู้เรียนได้คุ้นเคยหรือถนัดกับกิจกรรมการสอนหลายๆ แบบ
3.เพื่อกระตุ้นความสนใจของผู้เรียน ความสนใจของผู้เรียนนั้นไม่คงที่ตลอดชั่วโมงหรือตลอดเวลาของการสอน และมีลักษณะที่จะเหนื่อยและเบื่อหน่ายในตอนท้ายชั่วโมง การเปลี่ยนวิธีสอนจะเป็นการเรียกร้องความสนใจให้กลับมาอีกครั้งหนึ่งได้
4.เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศการเรียนการสอนให้น่าสนใจขึ้น การใช้วิธีสอนหลายๆ แบบทำให้ผู้เรียนได้ตื่นตัว เกิดความกระตือรือร้นในการเรียน ไม่เกิดความเบื่อหน่าย ขณะเดียวกันทำให้ผู้สอนได้เลือกใช้วิธีสอนที่เหมาะสมกับตนเอง เป็นการเปลี่ยนบรรยากาศของผู้สอนเองด้วยพร้อมกันไป
3.รูปแบบการผสมผสานวิธีสอน
รูปแบบการผสมผสานวิธีสอนจัดทำได้ 3 ลักษณะ ได้แก่
   1.ผสมผสานเป็นรายชั่วโมง หรือรายคาบ
   2.ผสมผสานเป็นรายสัปดาห์
   3.ผสมผสานเป็นรายเดือนและรายภาค
แต่ละลักษณะมีรายละเอียดดังนี้
1.การผสมผสานเป็นรายชั่วโมงหรือรายคาบ
คำว่า รายชั่วโมงหรือรายคาบ หมายถึง รายครั้งที่มีการสอน เช่น เวลา 2 คาบ ลักษณะการผสมผสานทำได้ 3 ลักษณะ โดยถือเอาการสอนแบบบรรยายเป็นการสอนหลักมีดังนี้ (ไพฑูรย์  สินบารัตน์ 2534 : 149-153)
   1.1 การบรรยายเริ่มต้นชั่วโมง  เมื่อผู้สอนได้บรรยายไปพอสมควรและเห็นว่า ห้องเรียนจะมีอาการน่าเบื่อหน่าย ก็อาจจะเปลี่ยนวิธีการด้วยการให้ผู้เรียนอภิปรายหรือทำงานเป็นรายบุคคลได้
   1.2 การบรรยายอยู่กลางชั่วโมง บางครั้งอาจใช้การบรรยายไว้กลางชั่วโมง แล้วเริ่มต้นหรือปิดท้ายด้วยวิธีการอื่นๆ แต่ควรบรรยายสรุปก่อนเลิก
   1.3 การบรรยายไว้ท้ายชั่วโมง ในการสอนโดยทั่วไป ไม่จำเป็นจะต้องบรรยายก่อนแต่อาจเริ่มต้นด้วยกิจกรรมอื่นๆ ก่อน แล้วปิดท้ายด้วยการบรรยายก็ได้รูปแบบและกิจกรรมที่ยกมาให้ดูเป็นตัวอย่างนี้ เป็นเพียงตัวอย่างและกิจกรรมเนอแนะเท่านั้น ผู้สอนย่อมจะปรับปรุงเวลาและกิจกรรมได้แล้วแต่ความเหมาะสมของผู้สอน ผู้เรียน เวลา และวิชาที่สอนนั้นๆ
2.การผสมผสานเป็นรายสัปดาห์
การผสมผสานเป็นรายสัปดาห์ในที่นี้หมายถึง การสอนที่ใจหนึ่งสัปดาห์มีการสอนตั้งแต่ 2 ครั้งขึ้นไป การสอนแต่ละครั้งอาจจะเป็น 1 ชั่วโมง หรือ 2 ชั่วโมงก็ได้รูปแบบของการผสมผสานอาจทำได้ 3 ลักษณะเช่นกัน คือ
   2.1ใช้วิธีการสอนแบบเดียวตลอดชั่วโมงแต่แตกต่างกัน ถ้าหากสัปดาห์นั้นมี  
การสอน 2 ครั้ง   ครั้งหนึ่งสอนบรรยายตลอด ครั้งต่อไปควรเปลี่ยนเป็นการอภิปรายหรือฝึกปฏิบัติแทน
   2.2 ใช้แบบผสมแต่เน้นแตกต่างกัน ถ้าใช้วิธีการผสมผสานในแต่ละครั้ง ควรเน้นให้แตกต่างกันในแต่ละครั้งภายใน 1 สัปดาห์
   2.3 ใช้วิธีการต่อเนื่องกัน วิธีนี้นิยมวิธีการสอนแบบเดียวแต่ควรเป็นลักษณะการสอนที่มีความต่อเนื่องกัน เช่น การสอนแบบอภิปราย การสอนแบบให้รายงาน การสอนแบบโครงการสอนแบบฝึกปฏิบัติ เป็นต้น
3.การผสมผสานเป็นรายเดือนและรายภาค
การผสมผสานเป็นรายเดือนและเป็นรายภาคนั้นไม่แตกต่างกันมากนัก ความสำคัญอยู่ตรงที่ผู้สอนที่ผู้สอนจะกำหนดจุดมุ่งหมายไว้อย่างใด วางแผนการสอนในลักษณะใด ต้องการให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์อะไรบ้าง สำหรับรูปแบบนั้นมีต่างๆ กันออกไป ในที่นี้จะเสนอตัวอย่าง 3 รูปแบบคือ
   3.1 ให้หลักการและอภิปรายสรุป  การวางแผนการสอนแบบนี้ถือหลักว่า เมื่อผู้เรียนรู้หลักการทฤษฎีดีแล้ว ก็จะอภิปรายหรือไปทำรายงายงานได้ดีขึ้น
   3.2 ศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองนำไปสู่ข้อสรุป รูปแบบนี้ให้ผู้เรียนศึกษาด้วยตนเอง ลงมือทำเองแล้วนำไปสู่ข้อสรุปในภายหลัง
   3.3 ผสมผสานรูปแบบต่างๆ เข้าด้วยกัน แบบที่สามนี้เป็นอิสระ ไม่มีพื้นฐานหลัก
อะไรผู้สอนจะเลือกแบบต่างๆ ให้มีการผสมผสานกัน เพื่อจุดมุ่งหมายหลายๆ อย่าง และเปลี่ยนบรรยากาศไปในตัวโดยทั่วไปจะประกอบไปด้วยการบรรยาย อภิปราย ฝึกปฏิบัติศึกษาด้วยตนเอง ประกอบกันไป ไม่ควรเป็นอย่างใดอย่างเดียวกันตลอด และควรจะมีการวางแผนอย่างดี อย่าให้ซ้ำซ้อนหรือเปลี่ยนแปลงบ่อยจนเกินไป
ข้อควรคำนึงถึงในการผสมผสานวิธีสอนแบบต่าง ๆ
1.ผู้สอนควรคำนึงถึงจุดประสงค์การสอนเป็นหลักสำคัญ อย่าผสมผสานจนบ่อยเกินไป และอย่าผสมผสานเพียงเพื่อให้มีการสอนหลาย ๆ แบบเท่านั้น
2.ผู้สอนต้องคำนึงถึงความพร้อมของผู้เรียน และของผู้สอนเองด้วย ผู้สอนต้องเข้าใจและมองเห็นภาพการผสมผสานว่าสามารถดำเนินการได้ดีเหมาะสม เพียงไร ส่วนผู้เรียนมีความพร้อมที่จะเรียนโดยวิธีเหล่านั้นมากน้อยเพียงใด
3.สถานที่และอุปกรณ์ ก็เป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึง เพราะการเปลี่ยนวิธีสอนหมายถึงการเปลี่ยนบรรยากาศ เปลี่ยนกิจกรรม  อุปกรณ์และสถานที่อาจเปลี่ยนตามไปด้วย

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ไพฑูรย์
เขียนเมื่อ

การประเมิน การนำเสนองานวิจัย ของเพื่อนๆ

ชื่อผู้นำเสนอ ชื่อเรื่องที่นำเสนอ ข้อดี ข้อปรับปรุง ข้อเสนอแนะ สรุปผลการประเมิน ระดับ น้อย(1) ปานกลาง(2) มาก(3)

1ขนาดตัวอักษรเหมาะสม 2สีตัวอักษร 3การออกแบบพื้นหลัง 4ภาพประกอบ 5เสียงประกอบ 6เทคนิคการเคลื่อนไหวระหว่างประโยค 7วิธีการนำเสนอ 8เทคนิคพิเศษอื่นๆๆ



ความเห็น (16)

ชื่อผู้นำเสนอ รังรอง วะภัคเพชร เลขที่ 04

ชื่อเรื่องที่นำเสนอ การพัฒนาชุดฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4

ข้อดี เวลาเหมาะสม

ข้อปรับปรุง เนื้อหาข้อมูลมากเกินไป

ข้อเสนอแนะ ควรปรับปรุง สีอักษร ภาพพื้นหลัง ให้ต่างกัน

สรุปผลการประเมิน ระดับ น้อย (1) ปานกลาง (2) มาก (3)

สรุป 2.5

...........................................................................................................................................................

ชื่อผู้นำเสนอ ดาระณี ภูนิคม เลขที่ 21

ชื่อเรื่องที่นำเสนอ การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์และทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6

ข้อดี มีความเข้าใจในเนื้อหาข้อมูลของงานวิจัยที่นำมาเสนอ

ข้อปรับปรุง -

ข้อเสนอแนะ ควรปรับปรุง สีอักษร ภาพพื้นหลัง ให้ต่างกัน

สรุปผลการประเมิน ระดับ น้อย (1) ปานกลาง (2) มาก (3)

สรุป 3

..............................................................................................................................................................

ชื่อผู้นำเสนอ นายสว่าง พิมพิชัย เลขที่ 07

ชื่อเรื่องที่นำเสนอ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้กลุ่มร่วมมือการเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5

ข้อดี มีความเข้าใจในเนื้อหาข้อมูลของงานวิจัยที่นำมาเสนอ วาทะการนำเสนอดี

ข้อปรับปรุง -

ข้อเสนอแนะ ควรปรับปรุง สีอักษร ภาพพื้นหลัง ให้ต่างกัน

สรุปผลการประเมิน ระดับ น้อย (1) ปานกลาง (2) มาก (3)

สรุป 3

..................................................................................................................................................................

ชื่อผู้นำเสนอ นางพรทิพย์ อาจวีชัย เลขที่ 34

ชื่อเรื่องที่นำเสนอ การเปรียบเทียบสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์และความสามารถด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ประกอบการเขียนผังมโนมิติกับการสอนปกติ

ข้อดี มีความเข้าใจในเนื้อหาข้อมูลของงานวิจัยที่นำมาเสนอ

ข้อปรับปรุง -

ข้อเสนอแนะ ควรปรับปรุง สีอักษร ภาพพื้นหลัง ให้ต่างกัน

สรุปผลการประเมิน ระดับ น้อย (1) ปานกลาง (2) มาก (3)

สรุป 2.5

.................................................................................................................................................................

นางดวงฤดี แก้วเสถียร เลขที่ 108

ผลของการใช้เทคนิคผังกราฟฟิกในการเรียนการสอนในการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ที่มีการนำเสนอข้อความรู้ด้วยผีงกราฟฟิกของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น

ข้อดี มีความเข้าใจในเนื้อหาข้อมูลของงานวิจัยที่นำมาเสนอ

ข้อปรับปรุง -การเปลี่ยนแปลงตัวอักษร ภาพพื้นหลัง ขนาดอักษร

ข้อเสนอแนะ ควรปรับปรุง สีอักษร ภาพพื้นหลัง ให้ต่างกัน

สรุปผลการประเมิน ระดับ น้อย (1) ปานกลาง (2) มาก (3)

สรุป 2.5

นางสุภาภรณ์ นอ้ยทรง เลขที่ 105

การวิจัยเชิงปฎิบัติการเพื่อพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมด้านความมีระเบียบวินัยของนักเรียนช่วงชั้นที่ 3

โรงเรียนบ้านโพนสวรรค์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสกลนคร เขต 3

ข้อดี มีความเข้าใจในเนื้อหาข้อมูลของงานวิจัยที่นำมาเสนอ วาทะการนำเสนอดี

ข้อปรับปรุง -

ข้อเสนอแนะ ควรปรับปรุง สีอักษร ภาพพื้นหลัง ให้ต่างกัน

สรุปผลการประเมิน ระดับ น้อย (1) ปานกลาง (2) มาก (3)

สรุป 3

...................................................................................................................................................................

นางสาวปราณี กุลมิล เลขที่ 114

การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนประถมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้กิจกรรมโครงงานวิทยาศาสตร

ข้อดี มีความเข้าใจในเนื้อหาข้อมูลของงานวิจัยที่นำมาเสนอ วาทะการนำเสนอดี

ข้อปรับปรุง -การนำเสนอช่วงจังหวะคำพูด

ข้อเสนอแนะ ควรปรับปรุง สีอักษร ภาพพื้นหลัง ให้ต่างกัน

สรุปผลการประเมิน ระดับ น้อย (1) ปานกลาง (2) มาก (3)

สรุป 3

...................................................................................................................................................................

นางอรัญญา ช่วยวัฒนะ เลขที่ 132

การพัฒนาการอ่านการเขียนแจกลูกประสมคำการเรียนรู้ภาษาไทย ประถมศึกษาปีที่ 3

ข้อดี มีความเข้าใจในเนื้อหาข้อมูลของงานวิจัยที่นำมาเสนอ

ข้อปรับปรุง -

ข้อเสนอแนะ ควรปรับปรุง สีอักษร ภาพพื้นหลัง ให้ต่างกัน

สรุปผลการประเมิน ระดับ น้อย (1) ปานกลาง (2) มาก (3)

สรุป 3

นางกุลกนก เสียงล้ำ เลขที่ 136

การพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงานวิทยาศาสตร์กลุ่มสารการเรียนรู้วิทยาศาสตร์โดยประยุกต์ทฤษฎีพหุปัญญา สำหรับนักเรียนชั้น ป.4

ข้อดี มีความเข้าใจในเนื้อหาข้อมูลของงานวิจัยที่นำมาเสนอ

ข้อปรับปรุง -

ข้อเสนอแนะ ควรปรับปรุง สีอักษร ภาพพื้นหลัง ให้ต่างกัน

สรุปผลการประเมิน ระดับ น้อย (1) ปานกลาง (2) มาก (3)

สรุป 3

....................................................................................................................................................................

นางดุษฏี เหลาแหลม เลขที่ 116

การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องชีวิตกับสิ่งแวดล้อมของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาที่ 3

ที่จัดการเรียนรู้โดยวิธีการสอนแบบปกติ กับการจัดสภาพแวดล้อมและบรรยากาศทางการเรียนจากสืบเสาะหาความรู้

ข้อดี มีความเข้าใจในเนื้อหาข้อมูลของงานวิจัยที่นำมาเสนอ

ข้อปรับปรุง -

ข้อเสนอแนะ ควรปรับปรุง สีอักษร ภาพพื้นหลัง ให้ต่างกัน

สรุปผลการประเมิน ระดับ น้อย (1) ปานกลาง (2) มาก (3)

สรุป 3

นางสาวศิราณ๊ กลางประพันธ์ เลขที่ 127

การพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน การฝึกปฎิบัติ ชุดจัดการเรียนรู้ เพื่อฝึกปฎิบัติการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์โดยใช้อัลกอริทึ่ม สำหรับนักศึกษ สาขาวิชา เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ชั้นปีที่ 3 มรภ.อุตรดิตถ์

ข้อดี มีความเข้าใจในเนื้อหาข้อมูลของงานวิจัยที่นำมาเสนอ

ข้อปรับปรุง -

ข้อเสนอแนะ ควรปรับปรุง สีอักษร ภาพพื้นหลัง ให้ต่างกัน

สรุปผลการประเมิน ระดับ น้อย (1) ปานกลาง (2) มาก (3)

สรุป 3

ชื่อผู้นำเสนอ นางวิลัยพร วรรณวิจิตร เลขที่ 126

ชื่อเรื่องที่นำเสนอ การฝึกจิตตามวิธีของโยคะที่มีผลต่อการพัฒนา ความคิดสร้างสรรค์ ในการวาดรูประบายสี ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4

ข้อดี มีความเข้าใจในเนื้อหาข้อมูลของงานวิจัยที่นำมาเสนอ

ข้อปรับปรุง -

ข้อเสนอแนะ ควรปรับปรุง สีอักษร ภาพพื้นหลัง ให้ต่างกัน

สรุปผลการประเมิน ระดับ น้อย (1) ปานกลาง (2) มาก (3)

สรุป 2.8

ชื่อผู้นำเสนอ นางพรพรรณ ศรีประสงค์ เลขที่ 129

ชื่อเรื่องที่นำเสนอ การพัฒนาผลการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรูคณิตศาสตร์ เรื่องตรรกศาสตร์ ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยการเรียนรู้แบบ กลุ่มร่วมมือ เทคนิค TAI

ข้อดี มีความเข้าใจในเนื้อหาข้อมูลของงานวิจัยที่นำมาเสนอ

ข้อปรับปรุง -

ข้อเสนอแนะ ควรปรับปรุง สีอักษร ภาพพื้นหลัง ให้ต่างกัน

สรุปผลการประเมิน ระดับ น้อย (1) ปานกลาง (2) มาก (3)

สรุป 3

ชื่อผู้นำเสนอ นางวราภรณ์ วุฒิสาร เลขที่ 112 ชื่อเรื่อง การเปรียบเทียบความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษและพฤติกรรมด้านความมีระเบียบวินัย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ได้รับการสอนแบบมุ่งประสบการณ์ภาษา(รูปแบบที่ 1)กับการสอนตามคู่มือครู ข้อดี มีความเข้าใจในเนื้อหาข้อมูลของงานวิจัยที่นำมาเสนอ ข้อปรับปรุง - ข้อเสนอแนะ ควรปรับปรุง สีอักษร ภาพพื้นหลัง ให้ต่างกัน สรุปผลการประเมิน ระดับ น้อย (1) ปานกลาง (2) มาก (3) สรุป 3

ผู้นำเสนอ นางทิวากร วงศ์วิชิต เลขที่ 124 ชื่อเรื่อง การพัฒนาทักษะการคิดขั้นสูง และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชา ฟิสิกส์ ของ ป.5 โดยใช้วิธีการสืบเสาะหาความรู้ ข้อดี มีความเข้าใจในเนื้อหาข้อมูลของงานวิจัยที่นำมาเสนอรูปแบบสวยงาม น่าสนใจ ข้อปรับปรุง - ข้อเสนอแนะ ควรปรับปรุง สีอักษร ภาพพื้นหลัง ให้ต่างกัน สรุปผลการประเมิน ระดับ น้อย (1) ปานกลาง (2) มาก (3) สรุป 3

ผู้นำเสนอ นางสาวอมรพันธุ์ บุญมาวงษา เลขที่ 117 ชื่อเรื่อง การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและจิตวิทยาศาสตร์ของ ม.4 ที่เรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมวิทยาศาสตร์บูรณาการ ข้อดี มีความเข้าใจในเนื้อหาข้อมูลของงานวิจัยที่นำมาเสนอรูปแบบสวยงาม น่าสนใจ ข้อปรับปรุง - ข้อเสนอแนะ ควรปรับปรุง สีอักษร ภาพพื้นหลัง ให้ต่างกัน สรุปผลการประเมิน ระดับ น้อย (1) ปานกลาง (2) มาก (3) สรุป 3

ผู้นำเสนอ นางสุธิดา ศรีลาดเลา เลขที่ 137 ชื่อเรื่อง ผลการเรียนรู้แบบวัฎจักรการเรียนรู้ 5 ขั้น ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานของนักเรียนชั้น ม.1 ข้อดี มีความเข้าใจในเนื้อหาข้อมูลของงานวิจัยที่นำมาเสนอรูปแบบสวยงาม น่าสนใจ ข้อปรับปรุง - ข้อเสนอแนะ ควรปรับปรุง สีอักษร ภาพพื้นหลัง ให้ต่างกัน สรุปผลการประเมิน ระดับ น้อย (1) ปานกลาง (2) มาก (3) สรุป 3

ผู้นำเสนอ นายชูชีพ เหลือผล เลขที่ 102 ชื่อเรื่อง การพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนด้วยการเรียนรู้ร่วมกันโดยใช้เทคนิคการแก้ปัญหาเป็นฐานร่วมกันบนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ข้อดี มีความเข้าใจในเนื้อหาข้อมูลของงานวิจัยที่นำมาเสนอรูปแบบสวยงาม น่าสนใจ ข้อปรับปรุง - ข้อเสนอแนะ ปรับปรุง สีอักษร ภาพพื้นหลัง เล็กน้อย ผลการประเมิน ระดับ น้อย (1) ปานกลาง (2) มาก (3) สรุป 3

ผู้นำเสนอ นางสาวภัทรนันต์ บุญมาก เลขที่ 113 ชื่อเรื่อง การใช้นิทานอิงธรรมปรักอบคำถามปลายเปิดเพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดเชิงเหตุผลของเด็กอนุบาลโรงเรียนบ้านห้วยทราย อำเภอบำเหน็จณรงค์ จังหวัดชัยภูมิ ข้อดี มีความเข้าใจในเนื้อหาข้อมูลของงานวิจัยที่นำมาเสนอรูปแบบสวยงาม น่าสนใจ ข้อปรับปรุง - ข้อเสนอแนะควร ปรับปรุง สีอักษร ภาพพื้นหลัง เล็กน้อย ผลการประเมิน ระดับ น้อย (1) ปานกลาง (2) มาก (3) สรุป 3

ผู้นำเสนอ นางสาวอนุธิดา สารทอง เลขที่ 128 ชื่อเรื่อง การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และความสามารถในการแก้ไขปัญหาทางวิทยาศาสตร์นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 3โรงเรียนโยธินบำรุง ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน และการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ ข้อดี เนื้อหาข้อมูลของงานวิจัยที่นำมาเสนอละเอียดมาก ข้อปรับปรุง – นำเสนอเร็วเกินไปตามไม่ทัน ข้อเสนอแนะ ควรปรับปรุง สีอักษร ภาพพื้นหลัง ผลการประเมิน ระดับ น้อย (1) ปานกลาง (2) มาก (3) สรุป 2.5

ผู้นำเสนอ นางสาวเกศินี คำเกษ เลขที่ 109 ชื่อเรื่อง การเปรียบเทียบการอ่านและเจตคติต่อวิชาภาษาไทยของ นรชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3ที่ระหว่างกลุ่มที่ได้รับการเรียนรู้แบบ 4 mat และการเรียนรู้แบบปกติ ข้อดี เนื้อหาข้อมูลของงานวิจัยที่นำมาเสนอละเอียดมากมีความเข้าใจ ข้อปรับปรุง – ข้อเสนอแนะ ควรปรับปรุง สีอักษร ภาพพื้นหลัง ผลการประเมิน ระดับ น้อย (1) ปานกลาง (2) มาก (3) สรุป 3

ผู้นำเสนอ นางอัจฉรา เหลือผล เลขที่ 101 ชื่อการพัฒนาชุดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ที่เน้นการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ โดยการสอนแบบค้นพบ เรื่องสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
ข้อดี เนื้อหาข้อมูลของงานวิจัยที่นำมาเสนอละเอียดมากมีความเข้าใจ ข้อปรับปรุง – ข้อเสนอแนะ ควรปรับปรุงภาพพื้นหลัง เล็กน้อย ผลการประเมิน ระดับ น้อย (1) ปานกลาง (2) มาก (3) สรุป 3 ผู้นำเสนอ นางสุรีพร ประภาหาร เลขที่ 135 ชื่อเรื่อง การพัฒนาชุดการการจัดกิจกรรมเล่านิทานส่งเสริมพฤติกรรมจริยธรรมด้านการช่วยเหลือและแบ่งปันผู้อื่นของเด็กปฐมวัย ข้อดี เนื้อหาข้อมูลของงานวิจัยที่นำมาเสนอละเอียดมากมีความเข้าใจ ข้อปรับปรุง – ข้อเสนอแนะ ควรปรับปรุงภาพพื้นหลัง เล็กน้อย ผลการประเมิน ระดับ น้อย (1) ปานกลาง (2) มาก (3) สรุป 3 ผู้นำเสนอ นางนิตยา นวลมณี เลขที่ 106 ชื่อเรื่อง การพัฒนาแบบฝึกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ขั้นพื้นฐานประกอบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะ เรื่องสิ่งมีชีวิตกับสิ่งแวดล้อมชั้นประถมศึกษาปีที่6 ข้อดี เนื้อหาข้อมูลของงานวิจัยที่นำมาเสนอละเอียดมากมีความเข้าใจ ข้อปรับปรุง – ข้อเสนอแนะ ควรปรับปรุงภาพพื้นหลัง เล็กน้อย ผลการประเมิน ระดับ น้อย (1) ปานกลาง (2) มาก (3) สรุป 3

ผู้นำเสนอ นางสุรีพร ประภาหาร เลขที่ 135 ชื่อเรื่อง การพัฒนาชุดการการจัดกิจกรรมเล่านิทานส่งเสริมพฤติกรรมจริยธรรมด้านการช่วยเหลือและแบ่งปันผู้อื่นของเด็กปฐมวัย ข้อดี เนื้อหาข้อมูลของงานวิจัยที่นำมาเสนอละเอียดมากมีความเข้าใจ ข้อปรับปรุง – ข้อเสนอแนะ ควรปรับปรุงภาพพื้นหลัง เล็กน้อย ผลการประเมิน ระดับ น้อย (1) ปานกลาง (2) มาก (3) สรุป 3 ผู้นำเสนอ นางนิตยา นวลมณี เลขที่ 106 ชื่อเรื่อง การพัฒนาแบบฝึกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ขั้นพื้นฐานประกอบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะ เรื่องสิ่งมีชีวิตกับสิ่งแวดล้อมชั้นประถมศึกษาปีที่6 ข้อดี เนื้อหาข้อมูลของงานวิจัยที่นำมาเสนอละเอียดมากมีความเข้าใจ ข้อปรับปรุง – ข้อเสนอแนะ ควรปรับปรุงภาพพื้นหลัง เล็กน้อย ผลการประเมิน ระดับ น้อย (1) ปานกลาง (2) มาก (3) สรุป 3 ผู้นำเสนอ นางสาวชินตา สุภาชาติ เลขที่ 122 ชื่อเรื่อง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถในการแก้ปัญหาทางฟิสิกส์ของนักเรียน มัธยมศึกษาปีที่ 4 ด้วยวิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้โดยเสริมการแก้ปัญหาตามเทคนิคของโพลยา ข้อดี เนื้อหาข้อมูลของงานวิจัยที่นำมาเสนอละเอียดมากมีความเข้าใจ ข้อปรับปรุง – ข้อเสนอแนะ ควรปรับปรุงภาพพื้นหลัง เล็กน้อย ผลการประเมิน ระดับ น้อย (1) ปานกลาง (2) มาก (3) สรุป 3 ผู้นำเสนอ นางสาวยุพิน ปัญญาประชุม เลขที่ 115 ชื่อเรื่อง การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาสุขศึกษา เรื่องสิ่งเสพติดให้โทษของนักเรียน ข้อดี เนื้อหาข้อมูลของงานวิจัยที่นำมาเสนอละเอียดมากมีความเข้าใจ ข้อปรับปรุง – ข้อเสนอแนะ ควรปรับปรุงภาพพื้นหลัง เล็กน้อย ผลการประเมิน ระดับ น้อย (1) ปานกลาง (2) มาก (3) สรุป 3 ผู้นำเสนอ นางสาวเกศกนก ศรีมณีรัตน์ เลขที่ 130 ชื่อเรื่อง การพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์คำศัพท์ภาษาอังกฤษของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 ข้อดี เนื้อหาข้อมูลของงานวิจัยที่นำมาเสนอละเอียดมากมีความเข้าใจ ข้อปรับปรุง – ข้อเสนอแนะ ควรปรับปรุงภาพพื้นหลัง เล็กน้อย ผลการประเมิน ระดับ น้อย (1) ปานกลาง (2) มาก (3) สรุป 3

ผู้นำเสนอ นายเชาวฤทธิ์ จันฤาชัย เลขที่ 131 ชื่อเรื่อง การพัฒนาการอ่านและการเขียนสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โดยใช้การแจกลูกและสะกดคำ ของนักเรียนระดับประถมศึกษาปีที่ 1 ข้อดี เนื้อหาข้อมูลของงานวิจัยที่นำมาเสนอละเอียดมากมีความเข้าใจ ข้อปรับปรุง – ข้อเสนอแนะ ควรปรับปรุงภาพพื้นหลัง เล็กน้อย การตัดคำเว้นวรรค ผลการประเมิน ระดับ น้อย (1) ปานกลาง (2) มาก (3) สรุป 3

ผู้นำเสนอ นางฉวีวรรณ กุดหอม เลขที่ 125 ชื่อเรื่อง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะการเรียนทำงานกลุ่ม วิชาดนตรีไทย 1 โดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบางแพปฐมวิทยา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาราชบุรี ข้อดี เนื้อหาข้อมูลของงานวิจัยที่นำมาเสนอละเอียดมากมีความเข้าใจ ข้อปรับปรุง – ข้อเสนอแนะ ควรปรับปรุงภาพพื้นหลัง เล็กน้อย การตัดคำเว้นวรรค ผลการประเมิน ระดับ น้อย (1) ปานกลาง (2) มาก (3) สรุป 3

ผู้นำเสนอ นางรัชฏาภรณ์ ปัญญาวงศ์ เลขที่ 138 ชื่อเรื่อง การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา โดยใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพเทคโนโลยี เรื่องการผลิตสมุนไพร ข้อดี เนื้อหาข้อมูลของงานวิจัยที่นำมาเสนอละเอียดมากมีความเข้าใจ ข้อปรับปรุง – ข้อเสนอแนะ ควรปรับปรุงภาพพื้นหลัง เล็กน้อย การตัดคำเว้นวรรค ผลการประเมิน ระดับ น้อย (1) ปานกลาง (2) มาก (3) สรุป 3

ผู้นำเสนอ นางสาวสุพัสษา บุพศิริ เลขที่ 120 ชื่อเรื่อง การเปรียบเทียบความคิดสร้างสรรค์การเล่านิทานประกอบหุ่นกับการเล่านิทานประกอบรูปภาพที่มีผลต่อความคิดสร้างสรรค์ ของเด็กปฐมวัย ข้อดี เนื้อหาข้อมูลของงานวิจัยที่นำมาเสนอละเอียดมากมีความเข้าใจ ข้อปรับปรุง – ข้อเสนอแนะ ควรปรับปรุงภาพพื้นหลัง เล็กน้อย การตัดคำเว้นวรรค ผลการประเมิน ระดับ น้อย (1) ปานกลาง (2) มาก (3) สรุป 3

ผู้นำเสนอ นางอิงอ้อย ชัยลา เลขที่ 119 ชื่อเรื่อง การสร้างโปรแกรมมัลติมีเดียสื่อ เรื่องการผลิตบทเรียนช่วยสอนสำหรับครูประถมศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ ข้อดี เนื้อหาข้อมูลของงานวิจัยที่นำมาเสนอละเอียดมากมีความเข้าใจ ข้อปรับปรุง – ข้อเสนอแนะ ควรปรับปรุงภาพพื้นหลัง เล็กน้อย การตัดคำเว้นวรรค ผลการประเมิน ระดับ น้อย (1) ปานกลาง (2) มาก (3) สรุป 3

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท