คำตอบ


เรียน

Mameaw kawarin

ภูคา
เขียนเมื่อ
คำตอบ

สอนไปเถอะ ยิ่งสอนก็ยิ่งได้นะ

โรคกล้วยไม้

พีระ

ภูคา
เขียนเมื่อ
คำตอบ
not yet answered

กล้วยไม้

ไม้เมินดิน

ภูคา
เขียนเมื่อ
คำตอบ
not yet answered

กล้วยไม้

ไม้เมินดิน

ภูคา
เขียนเมื่อ
คำตอบ
not yet answered

กล้วยไม้

ไม้เมินดิน

ภูคา
เขียนเมื่อ
คำตอบ
not yet answered

กล้วยไม้

ไม้เมินดิน

ภูคา
เขียนเมื่อ
คำตอบ

สวัสดีครับ

กุหลาบแดง เลี้ยงง่าย และออกดอกได้ง่ายครับ แต่จำนวนดอกจะไม่มากหรือห้อยเป็นช่อยาว ส่วนใหญ่มีประมาณ 3-8 ดอกครับ สำหรับม่อนไข่(แปลว่า ตรงกลางมีสีเหลืองเหมือนไข่แดง) ชอบชื้นและก็ต้องอดน้ำตอนช่วงแตกตาดอกครับ ประมาณ ธันวาคม-กุมภาพันธ์ (อดน้ำคือไม่ให้น้ำมากจนแฉะ พอให้อยู่ได้) เพราะว่าในสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติถึงแม้นจะไม่มีน้ำฝนแต่ก็ยังมีน้ำค้างหรือหมอกทำให้กล้วยไม้ไม่ตายครับแต่พอมาเลี้ยงในเมืองความชื้นน้อยก็จำเป็นต้องให้น้ำช่วยครับ สำหรับช้าง เป็นกล้วยไม้ที่ทิ้งใบได้ง่าย แต่ก็ออกดอกให้เห็นทุกปี  ช้างชอบความชื้นสูงแต่มีลมระบายอ่อน ๆ และชอบร่มครับ สวนที่ปลูกช้างส่วนใหญ่ให้แสงประมาณ 30 % เท่านั้น ใบจะใหญ่และโตเร็ว ส่วนการทิ้งใบจะเกิดในหน้าหนาว เพราะความชื้นในอากาศมีน้อย สามารถเพิ่มความชื้นโดยรดน้ำให้ชุ่มตอนเช้า กั้นลมไม่ให้พัดเข้าเรือนกล้วยไม้ทำให้ความชื้นระเหยเร็ว และก็ให้อาหารเสริมเพื่อบำรุงต้นและใบครับ ค่อนข้างยุ่งยากสักหน่อยครับ ลองดูนะครับ

เกี่ยวกับกล้วยไม้

ไม้เมินดิน

ภูคา
เขียนเมื่อ
คำตอบ

โดยทั่วไปกล้วยไม้จะสะสมอาหารไว้ที่ต้นครับ ในช้างบางครั้ง โดนตัดรากออกหมดแต่ก็สามารถออกดอกได้ครับ แต่ต้นก็จะโทรมลงเนื่องจากกล้วยไม้ใช้อาหารสะสมในต้น-ใบ ออกมามาก แต่บางครั้งช่อดอกที่โพล่ออกมาจะฟ่อไป  แต่ถ้ายังมีรากอยู่ 2-3 ราก ก็ยังพอช่วยได้ครับ สำหรับกล้วยไม้ที่กำลังออกดอกไม่ต้องรดน้ำมากนั้น ขึ้นอยู่กับชนิดของกล้วยไม้ครับ ถ้าเป็นกล้วยไม้พันธุ์ลูกผสมเช่นแวนด้า แคทลียา ก็รดน้ำได้ตามปกติ แต่ระวังอย่าให้โดนดอก เพราะจะทำให้ดอกโรยเร็ว มีตำหนิ เป็นต้น สำหรับไม้พื้นเมือง บางชนิดต้องผ่านความแห้งแล้ง ตามธรรมชาติ เช่นเอื้องสาย  ความแห้งแล้งจะทำให้กล้วยไม้เครียดและเกิดการสร้างตาดอก  แต่ถ้าเราให้น้ำมาก กล้วยไม้ก็สังเคราะห์แสงสร้างอาหารได้ตามปกติ มีอาหารสมบูรณ์ไม่จำเป็นต้องออกดอกก็ได้ เพราะการออกดอกของกล้วยไม้เป็นไปเพื่อการสืบพันธุ์-ขยายพันธุ์ ต้องใช้อาหารสะสมจำนวนมาก  ถ้าไม่มีความเครียดเนื่องจากความแห้งแล้งหรือความหนาวเย็น ซึ่งกล้วยไม้ไม่แน่ใจว่าจะรอดผ่านช่วงเวลานี้ไปจนถึงฝนหน้าได้หรือไม่ จึงจำเป็นต้องสร้างตาดอก ออกดอกมาเพื่อเผยแผ่ เผ่าพันธุ์ของมัน  โดยทั่วไป จะไม่ตัดแยกกล้วยไม้ในช่วงกล้วยไม้ใกล้ออกดอกครับ ส่วนใหญ่จะออกดอกเสร็จแล้วค่อยแยก หรือตัดออกปลูกใหม่ครับ  ถ้าช้างไม่มีราก หรือมีรากน้อย ดอกและช่อดอกจะไม่ค่อยสมบูรณ์ครับ บางทีช่อสั้น มีดอกไม่กี่ดอก  ถ้ากล้วว่าต้นจะโทรมก็ให้ตัดช่อดอกออกครับ ปลูกบำรุงให้รากออกดี แล้วรอดูดอกปีหน้าก็ได้ครับ หรือถ้าอยากเห็นดอก ก็รดน้ำตามปกติ และเมื่อดอกโรยแล้วก็อัดน้ำ อัดปุ๋ยบำรุงให้เติมที่ครับ

การเพาะเมล็ด

ไม้เมินดิน

ภูคา
เขียนเมื่อ
คำตอบ

วิธีการเพาะเมล็กล้วยไม้อย่างคร่าว ๆ คือ

1. ทำความสะอาดฝักกล้วยไม้

2. ผ่า/เปิดฝักกล้วยไม้ นำเมล็ดใส่ลงในวุ้นอาหารสำหรับเพาะกล้วยไม้

3. เก็บขวดกล้วยไม้ในอุณหภูมิประมาณ 25-28 องศา

ข้อ 1 และ 2 ต้องทำในตู้ปลอดเชื้อครับ ซึ่งรายละเอียดสามารถอ่านเพิ่มเติมได้จากหนังสือการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชครับ สำหรับอาหารวุ้นสามารถสั่งซื้อได้ที่บริษัทบางกอกฟาว์เวอร์ จำกัด อยู่ที่กรุงเทพครับ ซึ่งที่นั่นรับเพาะเมล็ดกล้วยไม้และเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อด้วยครับ

ขั้นตอนการเพาะเมล็ดกล้วยไม้จะรายละเอียดมากและทุกขั้นตอนต้องปราศจากเชื้อ อีกทั้งยังต้องมีเครื่องมือ เช่น ตู้ปลอดเชื้อ  หม้อนึ่งความดันสำหรับนึ่งอาหาร ที่สำคัญสูตรอาหารสำหรับเพาะเมล็ดกล้วยไม้ มีความแตกต่างกันบางเล็กน้อยในบางสกุล โดยส่วนตัวถ้าต้องการเพาะกล้วยไม้ ผมว่าส่งให้บริษัทที่รับเพาะจะดีกว่าครับ แต่ถ้ามีเครื่องไม้เครื่องมืออยู่แล้วก็สามารถทดลองได้ครับ ซึ่งรายละเอียดสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ครับ

กล้วยไม้

เด็กผี

ภูคา
เขียนเมื่อ
คำตอบ

ก่อนอื่นต้องปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับชนิดของกล้วยไม้ครับ

พวกช้างต้นเล็กต้องการแสงประมาณ 30 เปอร์เซนต์ ต้นจะโตเร็วกว่าให้แสงมาก ส่วนช้างใหญ่ต้องการแสงประมาณ 40 เปอร์เซนต์ รดน้ำให้ชุ่มวันละครับ และก็ให้ปุ๋ยสูตรเสมอ สลับกับสูตรตัวกลางสูง อาทิตย์ละ 1 ครับ ส่วนโรคแมลง ก็สังเกตุเอานะครับ แต่ส่วนใหญ่จะใช้วิธีป้องกัน รดยากำจัดเชื้อรา และยาฆ่าแมลง 10 วันครั้ง

ช้างต้องการความชื้นสูง แต่ไม่แช่ และในช่วงออกดอกระวังอย่ารดน้ำให้โดนดอกจะทำให้ดอกโรยเร็วครับ

รากกล้วยไม้

พีระ ศรีศักดา

ภูคา
เขียนเมื่อ
คำตอบ

สวัสดีครับ

รากกล้วยไม้ฝ่อ มีหลายสาเหตุครับ

1. ความชื้นน้อยลง

2. ให้ยาและปุ๋ยแรงเกินไป

3. ปัญหาเรื่องน้ำ เช่นมีหินปูน ความเป็นกรด-ด่างของน้ำเปลี่ยนไป

4. จากโรคและแมลงครับ

ในกรณีจากโรค มีเชื่อราหลายชนิดที่เข้าทำลายรากของกล้วยไม้ทำให้รากฝ่อ หรือกุด  ป้องกันโดยใช้ยากำจัดเชื้อรา

ในกรณีที่เกิดจากลัตว์ เช่น แมลง หอยทาก นก มาจิกทำลายรากกล้วยไม้ ถ้าเป็นแมลงหรือหอยทาก สามารถใช้วิธีพ่นยากำจัดได้ส่วนนก ก็ต้องคอยไล่ หรือขึ้งตาข่ายไม่ให้เข้ามาในส่วนครับ

 

กล้วยไม้

ทวีศักดิ์

ภูคา
เขียนเมื่อ
คำตอบ

สวัสดีครับ

ก่อนอื่นขอให้จัดแยกไม้ต้นเล็กและต้นโตแยกออกจากกันเพราะจะง่ายต่อการให้น้ำให้ปุ๋ยครับจริง ๆ แล้วพวกหวายต้องการความเข้มข้นของปุ๋ยค่อนข้างสูงกว่าแวนด้าและแคทลียาครับ แต่เพื่อความสะดวกก็ให้ปุ๋ยเหมือนกันก็ได้ครับ  ก่อนอื่นต้องดูเรื่องของแสงครับ ต้นโตต้องการแสงมากหน่อย ประมาณ 40-50 % ส่วนต้นเล็กต้องการแสงประมาณ 20-30 % เพื่อให้แตกหน่อได้เร็วขึ้นครับ  กล้วยไม้ต้องการความชื้นแต่ไม่ชอบแฉะ ปุ๋ยกล้วยไม้นิยมใช้เป็นปุ๋ยเกล็ดละลายน้ำ มีเนื้อปุ๋ยรวมมากกว่า 50  เช่น 20-20-20 รวมกันได้ 60 ครับ วิธีการให้ปุ๋ยโดยทั่วไปจะมีปุ๋ยให้เลือก 4 - 5 สูตรครับ

สูตรตัวหน้าสูง เช่น 30-10-10 ใช้กับไม้เล็กหรือไม้ที่พึ่งแยกปลูก ทำให้แตกหน่อหรือใบได้ดี

สูตรตัวกลางสูง เช่น 10-52-17 ใช้สำหรับเร่งดอกในกล้วยไม้ที่โตพร้อมออกดอก แต่ถ้าเป็นกล้วยไม้เล็กจะช่วยให้รากเจริญได้ดีขึ้น บางครั้งในช่วงการย้ายปลูกใหม่ ๆ ใช้ปุ๋ยสูตรนี้ผสมร่วมกับยาเร่งรากเพื่อช่วยให้รากเจริญได้ดีขึ้น เมื่อรากเจริญดีแล้วให้หยุดใช้ ใช้เร่งหน่อแทนครับ (ตัวหน้าสูง)

สูตรตัวหลังสูง เช่น 10-20-30 ใช้สำหรับเร่งสีของดอกให้สีเข้มขึ้น ช่อดอกใหญ่และยาวขึ้น มีจำนวนดอกมากขึ้น และดอกมีขนาดใหญ่ขึ้น นิยมให้หลังจากที่กล้วยไม้เริ่มแทงช่อดอกออกมา และหยุดเมื่อกล้วยไม้เริ่มแจกดอก

สูตรเสมอ เช่น 20-20-20 , 21-21-21 ใช้สำหรับบำรุงทั่วไป นิยมใช้สลับกับปุ๋ยสูตรอื่น ๆ เพื่อป้องกันการได้รับธาตุอาหารบางตัวสูงเกินไป วิธีใช้ ให้ 20-20-20 สลับกับ 30-10-10 อาทิตย์ละครั้ง  เป็นต้น

วิธีการให้ปุ๋ยโดยคราว ๆ จะให้จาง ๆ ประมาณ 7-10 วันครั้ง ครับ คือประมาณ 1-2 กรัม ต่อน้ำ 1 ลิตร

ส่วนยี่ห้อปุ๋ยสามารถเลือกซื้อได้ตามความชอบครับ โดยดูจากรายละเอียดข้างต้น บางยีห้อถูก บางยีห้อแพง  บางครั้งใช้อาหารเสริมช่วยเสริมการให้ปุ๋ยก็ได้ครับ

เรื่องกล้วยไม้

ไม้เมินดิน

ภูคา
เขียนเมื่อ
คำตอบ

สวัสดีครับ

ยาเร่งรากที่ผมใช้เป็นประจำได้แก่ยีห้อ สตาร์ท บี วัน เป็นยาเร่งรากแบบน้ำ มี 2 แบบ คือแบบเข้มข้น และแบบเจือจาง แบบเจือจางราคาจะถูกกว่าครับ ปรกติจะใช้ในระยะที่เริ่มปลูกใหม่ รดประมาณ 2-3 ครั้ง รากก็จะเริ่มออกครับ (แต่ละครั้งห่างกันประมาณ 5 วัน) ใช้อัตราตามที่ระบุไว้ในวิธีการใช้นะครับ ถ้าใช้มากหรือเข้มข้นเกินไปจะทำให้รากกุดได้ครับ ส่วนวิธีการแยกหน่อ จะต้องรอให้ตะเกียงมีรากประมาณ 3-5 ราก  ใช้กรรไกรคม ๆ ตัดใต้หน่อลงมาประมาณ 1-2 นิ้ว (ตัดแนวเฉียง) แล้วทาปูนแดงที่แผลทั้งที่ต้นแม่และหน่อครับ ป้องกันการติดเชื้อ เมื่อปูนแห้งดีแล้ว ก็นำไปอัดกาบมะพร้าวที่แช่น้ำจนจืด(ยางที่อยู่ในกาบมะพร้าวจางลง ใช้ระยะเวลาแช่ประมาณ 7-10 วัน เปลี่ยนน้ำ 1-2 วันต่อครั้งเพื่อไม่ให้กาบมะพร้าวเน่า)  ยึดหน่อเข้ากับไม้ไผ่ที่ตอกยึดเข้ากับกาบมะพร้าวหรือยึดเข้ากับลวดแขวนก็ได้ครับ จากนั้นก็รดยาเร่งรากและยาฆ่าเชื้อรา ตามปกติ นำไปไว้ในที่แดดรำไร จนกว่ารากใหม่จะออกแล้วค่อย ๆ ให้แสงมากขึ้นครับ บางครั้งอาจใช้ถ่านเป็นเครื่องปลูกก็ได้ครับ แต่ต้องแช่น้ำให้หมดด่างเหมือนกัน ประมาณ 7-10 วันก่อนนำมาใช้  ควรเตรียมเครื่องปลูกให้พร้อมก่อนที่จะทำการตัดแยกลำนะครับ ขอให้ประสพความสำเร็จครับ

กล้วยไม้

เด็กผี

ภูคา
เขียนเมื่อ
คำตอบ

สวัสดีครับ

ที่พิษณุโลกสามารถหาซื้อกล้วยไม้ได้ที่

ตลาดโคกมะตูม  

สวนละอองพันธุ์ไม้ ไปทางร้านบัวคลี่ฟอร์นิเจอร์

สวนกล้วยไม้คุณสุภรณ์ ที่ ซอย บรมไตร 29 เข้าไปในซอยประมาณ 50 เมตรครับ

ส่วนกล้วยไม้พื้นเมืองที่มาจากการเพาะเลี้ยงก็มีจำหน่ายบางในวัดใหญ่ครับ

เกี่ยวกับกล้วยไม้

ไม้เมินดิน

ภูคา
เขียนเมื่อ
คำตอบ

ต้องขอโทษที่ตอบคำถามช้าไปนะครับ

ไอยเรศปกติจะปลูกใส่กระเช้าไม้สักหรือผูกติดกับท่อนไม้ที่ไม่มีเปลือก ไม้แก่นล่อน จะดีครับ ไม่ต้องใส่เครื่องปลูกอะไรเพิ่ม  ตอนปลูกใหม่ ๆ ให้ใช้ยาเร่งรากช่วยก็จะทำให้รากออกได้เร็วขึ้น และเอาปลูกไว้ในที่ร่ม ๆ ก่อน ให้รากออกดีแล้วค่อยให้แสงมากขึ้นครับ

ช้างป่าส่วนใหญ่จะเป็นช้างกระครับ แต่จะให้ดีที่สุดก็ต้องรอดูดอก อีกประมาณ 3 เดือนก็จะได้เห็นครับ ส่วนช้างแดงป่า ก็จะมีสีแดงอย่างที่เห็นกันทั่วไป เพียงแต่ว่า ช้างแดงจากป่าหาได้ยาก แต่คนนำมาเพาะขยายพันธุ์ขึ้น สรุปก็คือช้างแดงที่ผสมขึ้นมานั้น มาจากช้างแดงป่าครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท