ขอยกบทกลอนสอนใจที่ท่านดร.ศักดิ์พงศ์ หอมหวลได้ยกมาสอนว่า โลกนี้มีไว้ให้เดินเล่น ให้รู้เช่น รู้ชาติ รู้ศาสน์ศิลป์ รู้สุขเศร้า หัวเราะร่า น้ำตาริน รู้แผ่นดิน รู้แผ่นฟ้า รู้ค่าคน
ไม่มีความเห็น
ขอเชิญชวนให้สมาชิกชาว gotoknow ร่วมแลกเปลี่ยนในประเด็นวิทยาศาสตร์ชุมชนด้วยนะคะ
ไม่มีความเห็น
ไปนอนบ้านคุณพ่อครูบามา ได้กำลังใจที่มากมายก่ายกอง แต่ก็ยังกลับมาสับสนกับตัวเองอยู่ดี
ไม่มีความเห็น
วันนี้ได้ไปดูกิจกรรมการเรียนรู้ของนักเรียน โดยการร่วมมือระหว่างโรงเรียนและชุมชนที่อยู่ในพื้นที่เขตบริการของโรงเรียนบ้านหนองละเวียง อำเภอพยัคภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม ที่น่าชมเชยและยินดีคือกิจกรรมการเรียนรู้ของนักเรียน เรื่องผงนัว ซึ่งเป็นสิ่งที่นักเรียนเรียนรู้จากภูมิปัญญาในชุมชน ส่วนประกอบได้มาจากข้าวและพืชสมุนไพรที่มีในชุมชน น่านำมาเป็นแบบอย่างสำหรับกระบวนการขับเคลื่อนการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมระหว่างชุมชน และโรงเรียน ถ้าทุกชุมชนมีการขับเคลื่อนในลักษณะอย่างนี้หลายชุมชน ประเทศไทยเราก็จะเป็นประเทศที่มีชุมชนเข้มแข็ง ประเทศก็จะเข้มแข็ง ชุมชนของผู้เขียน คือชุมชนที่อยู่ในเขตบริการของโรงเรียนเม่นใหญ่ ก็กำลังขับเคลื่อนในลักษณะอย่างนี้ และหวังว่าจะนำความเข้มแข็งมาสู่ชุมชนและเป็นชุมชนที่พึ่งตนเองได้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน ส่งผลถึงบุตรหลานที่อยู่ในวัยที่กำลังเรียนรู้ ให้เป็นบุคคลที่มีคุณภาพของชุมชนต่อไป
ไม่มีความเห็น
การสวนกระแสหรือเปล่า?
อาชีพครูในปัจจุบันเป็นอาชีพที่คนรุ่นหลังเห็นความสำคัญมาก อาจเป็นเพราะหลายประเด็น อาทิ เงินเดือน ค่าตอบแทน(วิทยฐานะ) ศักดิ์ศรีของการเป็นผู้ให้ การมีลูกศิษย์มากหน้าหลายตา แต่ทำไมอาชีพที่มีสำคัญอยู่ระดับแนวหน้า ที่คนต้องการจะเป็น และเชื่อว่าสามารถพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีคุณภาพ แต่ ณ ปัจจุบันการอ่านออก เขียนได้ของเด็กไทย อยู่ในระดับที่ต้องแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน
ที่บึงกาฬ ครู ๕๐ คน เวลาเขาคุยกัน ๔๕ คนคุยเรื่องสวนยางว่า ใครมีเท่าไหร่ ขายได้เดือนละกี่บาท มีที่ดินแถวบ้านจะขายไหม ราคายางวันนี้เท่าไหร ๒ คนจะคุยเรื่อง ไก่ชน เรื่องกีฬา อีก ๒ คนจะคุยเรื่อง วันนี้จะต้องหาทางหนีออกจากบ้านไปหาใครสักคน สรูป ไม่มีใครคุยเรื่อง เราจะเอาอะไรไปสอนเด็ก สรูป เด็กทุกวันนี้ไม่ได้โง่ เด็กฉลาดมาก เขามีพัฒนาการทางด้านร่างกายที่ดี มีวัคซีนป้องกันโรค มีหัวอาหารกิน แต่ ครูต่างหากที่ไม่เก่งไม่สามารถสอนให้เด็กอ่านออกเขียนได้ ข่าวร้าย เด็กอ่านหนังสือเขชียนไม่ได้ ๔๐ เปอร์เซน
โครงการใหม่ที่ได้รับทุนสนับสนุน จากสสค. ในโครงการนวัตกรรมสร้างสรรค์การเรียนรู้ เรื่องสีธรรมชาติ จากภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ของนักเรียน สำหรับโรงเรียนบ้านเม่นใหญ่ กำลังเิริ่มโครงการ ซึ่งโครงการนี้กลุ่มเป้าหมายที่ได้รับประโยชน์จากโครงการมีหลายส่วน ได้แก่
1. นักเรียน
2. ครูโรงเรียนบ้านเม่นใหญ่
3. ภูมิปัญยาท้องถิ่น (ปราชญ์ชาวบ้าน)
4. ผู้ปกครองของนักเรียน
5. ชุมชน
ไม่มีความเห็น
สังคมในบ้านเม่นใหญ่ในปัจจุบัน คนในชุมชนมีรายได้ต่ำ รายได้หลักมาจากการทำอาชีพเกษตร เมื่อหมดฤดูทำนา ชาวบ้านเม่นใหญ่ที่เป็นวัยทำงาน(พ่อ –แม่) ก็จะไปทำงานที่อื่น ปล่อยให้ลูกต้องเป็นภาระของผู้เฒ่า ผู้แก่ ถึงแม้วิถีชีวิตของคนในชุมชนยังมีการดำเนินชีวิตแบบชาวชนบท ยังมากมายด้วยภูมิปัญญาของคนในชุมชน โดยเฉพาะด้านการย้อมผ้าจากสีธรรมชาติ โดยเฉพาะคราม ถึงแม้จะหลงเหลือน้อยลง แต่ยังมีองค์ความรู้ของภูมิปัญญาที่พร้อมที่จะสืบสานให้ชุมชนเกิดสิ่งดี ๆ ถ้านำส่วนที่เป็นปัญหา คือรายได้ต่ำ และนำส่วนดี คือภูมิปัญญาที่มี มาพัฒนาให้เกิดสิ่งที่ดีๆในชุมชน จึงเกิดประเด็นการวิจัยที่ว่าจะนำภูมิปัญญาในเรื่องการย้อมครามมาพัฒนาให้เกิดรายได้ในชุมชนบ้านเม่นใหญ่ได้อย่างไร
ไม่มีความเห็น
เพื่อนสมาชิก ป.เอก นวัตกรรมเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น ได้ประเด็นวิจัยหรือยังค่ะ ช่วยแนะนำหน่อยค่ะ
ไม่มีความเห็น
อยากแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่อง การศึกษา้ท้องถิ่นเชิงพหุลักษณ์
เจิญพรจ้าคุณครู ทักทาย
ให้กำลังใจ
เม่นคือสัตว์ชนิดหนึ่งใช่ไหม เขาบอกว่าถ้ามันเห็นปลีกล้วยมันจะต้องยิงขนของมันใส่จนปลีกล้วยขาตกลงมาจริงหรือ แต่บ้านพระอาจารย์เขาเอาโผ่นมันมาทำยาแก้ไข้ดีนักแล