อนุทินล่าสุด


พี่มด
เขียนเมื่อ

เมื่อชีวิตที่แสนปกติธรรมดา มันมีเรื่องไม่ปกติ …ในขณะที่เราถอยรถจักรยานยนต์ออกจากที่จอดด้านท้ายตลาด มีจักรยานยนต์ 1 คัน พุ่งมาต่อท้ายและแซงปาดหน้าออกไป ก็ไม่คิดอะไรนะก็สตาร์ทเครื่องขับไปตามปกติ แต่รถคันนั้นกลับจี้ต่อท้าย เราเบี่ยงซ้ายให้แซงขึ้นหน้าก็ไม่แซง เบี่ยงขวาก็ไม่แซง เราจึงตัดสินใจจอด รถคันนั้นจอเทียบด้านข้างเปิดแมสออก…เราเห็นหน้าชายที่เคยรู้จัก จึงเอ่ยปากถามว่าไมีอะไร” คำตอบที่ได้คือ “มึงใหญ่ นักเหรอ นักเลงใช่มั้ย ไอ้สัตว์ มึงจะเอาใช่มั้ย…และตามมาอีกมากมาย…..เฮ้ย ทำไมเปิดฉากมาแบบนี้ เร่าไม่อยากสนใจ ขับรถหนี เข้าไปในตลาด รถคันนั้นยังขับตามพร้อมตะโกนว่า “มึงกลัวกูรึไง มึงหาคนช่วย มึงตามมาเลย…….” เราพยายามขับหนีไปท้ายตลาดตัดสินใจจอดที่หน้าร้านคนรู้จํก รถคันนั้นตามมาจอดพร้อมเปิดฉากมาเป็นชุด “ ไอ้สัตว์ ….คX ย แน่จริงมึงมาเจอกับกู กูอยู่ที่นี่มาก่อน ….(และอีกมากมาย….)..คนเราทุกวันนี้ …นึกอยากด่า อย่าดูหมิ่นซึ่งหน้าคนอื่น ต่อหน้าผู้อื่นใรทางสาธารณไม่ควรทำได้ตามกฎหมาย แต่ชายคนนี้เลือกที่จะทำ อาจด้วยเพราะ..มีปลอกคอ มั่นใจในตัวเอง อยากหาเรื่อง หรือหลอนอะไรมา…



ความเห็น (1)
อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พี่มด
เขียนเมื่อ

เมื่อต้องเป็นคนไข้โรคซึมเศร้า

ใครจะไปรู้ว่าสภาวะที่เราถูกกดดัน บีบคั้นตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้นอนไม่หลับถึงกับต้องพึ่งยาทุกคืน จนนำไปสู่การต้องพบจิตแพทย์ ถ้าให้มองย้อนดูตัวเองก็ได้แต่ตั้งคำถามว่า “ทำไมๆๆๆๆๆๆๆ” ในเมื่อเราอยู่เฉย ๆ แต่ต้องตกเป็นผู้ร้ายเพียงเพราะมีคนเอาชื่อเราใส่ในหนังสือร้องเรียนว่าผู้บริหารทุจริต แถมมีรายชื่อ 20 กว่าคน แต่เพ่งเล็งเราคนเดียวว่าเป็นคนทำ ทั้งที่เราให้ถ้อยคำยืนยันกับคณะกรรมการสืบ/สอบไปแล้วว่าไม่ใช่ลายมือเรา แปลกมาก แปลกที่สุด ที่ไม่มีใครเชื่อเราสักคน ผลที่ตามมาเราถูกกล่าวหาว่าเป็นคนทำทั้งหมด ส่งผลให้การปฏิบัติงานเป็นไปด้วยความยากลำบากจนไม่คิดว่าจะต้องมาพบเจอสภาวะนี้ …คิดวนไปจนนอนไม่หลับไม่สามารถสลัดความคิดนี้ออกไปได้ …จนสุดท้ายต้องไปพบแพทย์จิตเวช และจากการซักประวัติแล้วแพทย์ลงความเห็นว่า เราเป็นโรคซึมเศร้า (เราก็ว่าเราไม่เศร้านะ แค่คิดมาก นอนไม่หลับ และอึดอัดที่ถูกกดดันบีบคั้น ใส่ร้าย กล่าวหา55555 เยอะ..) และต้องรับยาปรับสารเคมีในสมองที่ทำให้ง่วงและอยากอาเจียนช่วงแรก ๆ จนบัดนี้เราผ่านสภาวะการนอนไม่หลับมาแล้ว แต่ผลกระทบอื่นเรายังคงโดนเช่นเดิม….



ความเห็น (2)

มาเป็นกำลังใจให้อีกคนค่ะ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พี่มด
เขียนเมื่อ

วัน เวลาที่รอคอยมาถึงเสียที วันที่ต้องลงนามรับทราบคำสั่งอันเป็นผลจากการถูกตั้งกรรมการสอบสวนกระทำผิดวินัยไม่ร้ายแรง กรณีเป็นประธานกรรมการตรวจรับงานจ้าง ซ่อมสร้างอาคาร ด้วยวิธีเฉพาะเจาะจง 2 สัญญา ส่งผลให้ประวัติการรับราชการมาด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ก็ต้องมีอันสิ้นสุดลงเพราะต้องถูกบันทึกโทษ สิ่งที่เกิดขึ้นในครั้งนี้จะเก็บเอาไว้ สำหรับเตือนใจ เตือนตนเองให้รู้จักรอบคอบมากกว่าที่ควรเป็น อย่าประมาท อย่าละเลย อย่าไว้ใจใครทั้งสิ้น…



ความเห็น (2)
อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พี่มด
เขียนเมื่อ

ความอดทนของคนมีวันหมด

ความอดทนเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องมี โดยเฉพาะ “ความอดทนต่อความเจ็บใจ” ที่ต้องทนต่อความโกรธ ความไม่พอใจ ความขัดใจ อันเกิดจากพฤติกรรมของผู้คนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมักจะมีการกระทบกระทั่ง ด้วยคำพูดเยอะเย้ยถากถางด้วยกิริยามารยาทที่ไม่เหมาะสม ตลอดจนความไม่ยุติธรรมทั้งจากผู้บังคับบัญชาและผู้ร่วมงานทุกฝ่าย เมื่อก่อนเคยทนได้เพราะเชื่อมั่นว่าในเมื่อไม่ได้ทำสิ่งใดผิด ฟ้าดินสิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมรับรู้ แต่ฟางเส้นสุดท้ายขาดลงแล้ว…จึงไม่ทนอีกต่อไป ไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า….



ความเห็น (1)
อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พี่มด
เขียนเมื่อ

เมื่อถูกตั้งกรรมการสอบสวนกระทำผิดวินัยไม่ร้ายแรง

ใครจะคิดว่าการรับราชการมาด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต จนได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์เหรียญจักรพรรดิมาลา ได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณ “คนดีศักดิ์ศรีแห่ง สป.” ได้รับรางวัลหนึ่งแสนครูดี จะต้องมาถูกตั้งกรรมการสอบสวนวินัยไม่ร้ายแรง จากเหตุเป็นประธานกรรมการตรวจรับการจ้างซ่อมสร้างอาคาร ด้วยวิธีเฉพาะเจาะจง 2 สัญญา มูลค่า120,000 และ100,000 บาท เหตุเพราะไม่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในเรื่องการก่อสร้าง และเชื่อมั่นในผู้ควบคุมงานที่มีตำแหน่งเป็นถึง ผู้อำนวยการกองช่าง อบต.ย่อมมีความรู้ ความเชี่ยวชาญ มีมาตรฐานวิชาชีพมากกว่าเรา รายงานการควบคุมงานว่าเป็นไปตาม รูปแบบ ปร.4 เราจึงเชื่อและลงนามตรวจรับไปด้วยสุจริตใจ แต่เมื่อ สตง.เข้าตรวจพบสิ่งผิดปกติ การชี้แจง การถูกกล่าวหา และถูกสอบสวนจากนิติกรตามกระบวนการก็ตามมา หลักฐานและคำให้การของพยาน ล้วนบ่งชี้ว่าเราประมาทเลินเล่อ ไม่รอบคอบ ไม่ตรวจวัดตามหลักการก่อสร้าง ส่งผลให้ราชการเกิดความเสียหาย เป็นมูลค่า 89000 บาท ซึ่งเป็นความผิดทางละเมิดที่ต้องชดใช้ แต่แปลกที่ไม่มีใครสักคนพูดถึงส่วนต่างก้อนใหญ่ว่าลอยไปเข้ากระเป๋าใคร…นอกเหนือจากนั้นยังไม่มีคำแนะนำ ไม่มีการพูดคุยใด ๆ ตามที่ควรจะเป็นจากผู้สั่ง

บัดนี้การสอบสวน การชี้แจง การแก้ข้อกล่าวหาผ่านพ้นไป รอคอยแต่คำตัดสินของคณะกรรมการเท่านั้น ซึ่งยังมิรู้ว่าจะจบลงแบบใด รู้แต่บทเรียนที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ จะมิลืมเลือนตราบนี้จนสิ้นใจ..



ความเห็น (2)

เป็นกำลังใจให้ครับ ขอให้พี่มดสู้ๆครับ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พี่มด
เขียนเมื่อ

โลกนี้ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร

วันเวลาในชีวิตผ่านไปจนค่อนคน จนวันนี้บอกได้เลยว่าเจอมาสารพัดรูปแบบ ดี ขั่ว ทุกข์ สุข หัวเราะ ร้องไห้ ผ่านมาหมดแล้ว สิ่งที่ผ่านมาสอนให้เรารู้ว่า ทำดี ทำถูกต้องไม่ได้หมายความว่าจะเจริญในขีวิตราชการ เพราะมันต้องทำให้ถูกใจด้วย และเวลาอีกเช่นกันที่คัดกรองคนออกไปจากชีวิตเราทีละคน วันนี้เป็นมิตรแท้ วันหน้าอาจเป็นศัตรูที่ถาวร วันก่อนเป็นศัตรูตัวร้าย วันนี้อาจกลายเป็นมิตรแท้ที่จริงใจก็ได้ ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่เราเคารพรัก ได้เคยเตือนสติเราไว้ว่า”ไม่มีมิตรแท้ และศัตรูที่ถาวร” ฉะนั้น การคบใครก็ตามไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือคนรัก มันต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ใจคน เพราะเวลาผ่านไปคนที่เคยเป็นมิตรสนิทชิดเชื้อก็อาจเหินห่าง สร้างความเจ็บช้ำใจ คนที่ไม่เคยทักทายกลับกลายเป็นมิตรดีที่จริงใจก็เป็นได้ โลกนี้จึงไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวรจริง ๆ



ความเห็น (1)

บางเรื่องบางราว..อาศัยเวลาพิสูจน์จริงครับ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พี่มด
เขียนเมื่อ

ปกติไม่ค่อยได้ศึกษากฎหมาย ด้วยเพราะคิดว่าไม่ได้ต้องใช้ ต้องเกี่ยวข้อง แต่ในความเป็นจริงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตประจำวันหลากหลายมาตราที่เราควรรู้ โดยเฉพาะเมื่อคุณเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ และถูกแต่งตั้งให้เป็นประธานกรรมการตรวจรับงาน …ด้วยเพราะชะล่าใจ ไว้ใจ เชื่อใจ และไม่มีประสบการณ์ ไม่อยากขัดแย้งกับผู้มีอำนาจด้วยเหตุผลความจำเป็นบางประการ เราจึงลงนามตรวจรับงานซ่อมมูลค่า 200,000 บาท ไป ไม่อยากเชื่อว่าหลังจากนั้นอีกไม่นาน สตง.ก็เข้าตรวจและพบสิ่งผิดปกติว่าเราตรวจรับงานไม่ถูกต้อง เราถูกให้ชี้แจง และอยู่ในขั้นตอนการรอสอบสวนทางวินัยจากนิติกร…แถมมีประโยคที่ล่องลอยมาเข้าหูว่า “สมน้ำหน้าตรวจรับเอง ร้องเอง เข้าตัวเอง”



ความเห็น (2)

เป็นกำลังใจให้เสมอครับ

ขอบคุณค่ะอาจารย์ต้น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พี่มด
เขียนเมื่อ

ครูของเด็กในสถานพินิจ

ด้วยภารกิจตามบทบาทหน้าที่ครู ที่ต้องมีชั่วโมงสอนนักศึกษา จึงถูกมอบหมายให้รับผิดชอบนักศึกษากลุ่มเป้าหมายพิเศษในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ระดับ ม.ปลาย มาไม่ต่ำกว่า 4 ภาคเรียน ได้พบเจอเด็กและเยาวชนที่หลากหลายความผิด หลากหลายพฤติกรรมและการแสดงออก มีทั้งนิ่งเฉย ไม่สนใจ กระตือรือร้น จนเหมือนม้าดีด แต่ที่เหมือนกันคือทุกคนอยากมีอิสระ อยากกลับบ้านไปอยู่กับครอบครัว นักศึกษาบางรายได้พบเจอเพียง 2 ครั้งก็ถูกศาลตัดสินให้ย้ายไปอยู่สถานพินิจที่ใหญ่กว่า หลายรายถูกปล่อยตัว บางรายอยู่นานจนครบเทอม และบางรายเข้า-ออกหลายรอบด้วยคดีเดิม ๆ โดยรวมดูมีความสุขในการเรียนแบบ กศน.ที่บูรณาการทุกวิชาเข้าด้วยกัน และปรับตามสภาพของกลุ่มเป้าหมายและข้อจำกัดของสถานที่ ครูเองก็มีความสุขที่ได้สอน นักศึกษาก็มีความสุขที่ได้เรียนรู้….



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พี่มด
เขียนเมื่อ

การประเมินเพื่อเลื่อนเงินเดือน ครั้งที่ 1

ห้องทำงานเราไม่มีเครื่องปรับอากาศ หน้าต่างแถบนึงถูกปิดตายเพราะมีตู้เหล็กบังอยู่ ช่วงหน้าร้อนอากาศร้อนและอบอ้าวมาก เหงื่อซึมเหนียวตัว แขนเหนียวติดกระจกโต๊ะ ไม่มีคอมพิวเตอร์ ไม่มีเครื่องพิมพ์ให้ ไม่มีสัญญานอินเตอร์เน็ตใช้ แต่เราต้องรับทราบงานทางไลน์ ทำงานบนความขาดแคลน ด้วยความอดทน ข่มใจ …ต่อสู้กับอคติของคนที่มีอำนาจมากกว่า…….70 คะแนน สำหรับการประเมินผลการปฏิบัติงานของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สายงานการสอน จากผู้บังคับบัญชา ตามด้วยความคิดเห็นว่าเรามีความรู้ ความสามารถ แต่ยังนำออกมาใช้ไม่ได้เพียงพอต่อการพัฒนางานวิชาชีพ ไม่คำนึงถึงประโยชน์ส่วนร่วม ไม่ประหยัดพลังงานไฟฟ้า ไม่ปิดพัดลมบ่อยครั้ง และเลือกปฏิบัติ เลือกข้างการปฏิบัติงานกับสมาชิกในองค์กร……



ความเห็น (1)
อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พี่มด
เขียนเมื่อ

Fun Run ครั้งที่4 ของชีวิต ในงาน”Lampang Rajabhat Mini Marathon 2019” ครั้งที่ 1 ณ ลานอเนกประสงค์ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2562 วันสถาปนามหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง ไม่ได้เป็นศิษย์เก่าที่นี่ หรือเกิดที่ลำปางหรอกนะ แต่ไปวิ่งเพราะอยากไปและคุ้นเคยกับลำปางดี..สภาพทั่วไปจัดงานได้ดีเป็นระบบ แม้จะเป็นครั้งแรกแต่ทุกอย่างเรียบร้อยราวมืออาชีพ..ปล่อยตัว 06.00 น.มองซ้าย-ขวามีแต่เด็กวัยรุ่นทั้งนั้น สูงวัยแบบเรามีไม่ถึงสิบ เดินไปวิ่งไปชมวิวข้างทางไป ไม่ค่อยมีแดด แต่อากาศอบอ้าวจนรู้สึกเหงื่อชุ่มตัว แถมคืนก่อนวิ่งนอนก็ไม่ค่อยหลับทำให้เพลียอย่างบอกไม่ถูก แม้จะโดนแซงจนเกือบรั้งท้ายแต่ใจยังสู้เพราะข้างหน้าเราเป็นหญิงอายุ 60 ปีขึ้นไป (ดูจากหมายเลข BIB) ยังวิ่ง เราก็ต้องวิ่งเข้าเส้นชัยสิ และที่สำคัญเห็นนักศึกษามาตั้งแถวรอรับสองข้างทาง แถมปรบมือส่งเสียงเชียร์ จะมัวมาเดินเร็วๆได้อย่างไรกัน จึงต้องกัดฟันวิ่งเข้าเส้นชัยรับเหรียญมาคล้องคอแทน…5555..นับเป็นประสบการณ์วิ่งที่สนุกอีกรายการหนึ่ง…



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พี่มด
เขียนเมื่อ

Fun Run ครั้งที่ 3 ของชีวิต ที่ “บ้านมุง เนินมะปราง มาราธอน 2019” พิษณุโลก…ครั้งนี้ไม่ได้ซ้อม ไม่ใช่เก่งแต่ขี้เกียจ วันแข่งจริงจึงทำเวลาได้ไม่ดีเท่าที่เคย แถมผู้ร่วมงานยังมากมายวิ่งออกันไปในถนนแคบ ๆ แซงยากเพราะคนเยอะและนักวิ่ง 10 กม.ยังวิ่งสวนกลับมาเข้าเส้นชัยอีก ดีที่วิวสวยเลยวิ่ง ๆ เดิน ๆชมธรรมชาติไปเข้าเส้นชัยแบบไม่มีน้ำให้ดื่มเพราะน้ำที่เตรียมไว้หมด และไม่มีเจ้าหน้าที่มาเติม เดินไปเข้าแถวรอน้ำแดงโซดาที่เค้ามาตั้งเตนท์แจก กว่าจะได้ดื่มน้ำพาลจะเป็นลม…ครั้งหน้าคงต้องพกน้ำไปเองมั้ง….



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พี่มด
เขียนเมื่อ

FUN RUN ครั้งที่สองของชีวิต…หลังจาก FUN RUN ครั้งแรกของชีวิตตอนอายุ 52 กับการวิ่งโรงพยายาบาลสามเงามินิมาราธอน ครั้งที่ 1 @เขื่อนภูมิพล เพื่อสมทบทุนซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับอาคารอุบัติเหตุและฉุกเฉินหลังใหม่ของรพ.สามเงา ครั้งนี้ที่ PAKNAMPO RUN BLOOD NOW เดินวิ่ง..เพื่อชีวิต..ให้โลหิต..เพื่อผู้ป่วย ของ ภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 8 จังหวัดนครสวรรค์ งานจึงถือเป็นผู้มีประสบการณ์ บรรยากาศโดยรวมดี นักวิ่ง FUN RUN ก็วิ่งๆ เดินๆ พักถ่ายภาพบ้างบางจุด ไม่กดดันเหมือนที่เขื่อน ที่นั้นมีคนวิ่งแซงไปมา ทำให้เรารู้สึกกดดันกลัวรั้งท้าย 555 แต่ที่นี่สบายมาก เดินตามๆ กันไปแบบเป็นระเบียบ ทำเวลาดีกว่าครั้งก่อน และแอบหวังในใจลึกๆ ว่า ครั้งหน้าจะดีกว่านี้……



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พี่มด
เขียนเมื่อ

โคลงสี่อาฆาต..

“ขออัญเชิญพ่อไทร เป็นพยาน

ลูกถูกใส่ร้าย ระราน กลั่นแกล้ง

หากผิดคิดประหาร เราชอบ

หากบ่ผิดคิดมล้าง กรรมนี้คืนสนอง”

แต่งด้วยความคับแค้นใจ ที่ถูกดูหมิ่น กลั่นแกล้ง ใส่ร้ายลับหลังจากคนมีอำนาจเหนือกว่า โดยได้แรงบันดาลใจ และดัดแปลงจาก โคลงสี่สุภาพของท่านศรีปราชญ์…



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พี่มด
เขียนเมื่อ

ไม่เคยรู้มาก่อน เกี่ยวกับการถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเมื่อเราได้ใช้ชื่อกู้ร่วมกับพี่สาวในการจำนองที่ดินพร้อมบ้านทาวน์เฮาส์สองชั้น กับธนาคารอาคารสงเคราะห์ ส่งไป 10 กว่า ปี โดยพี่สาวเป็นผู้ผ่อนจ่ายเพียงผู้เดียว เมื่อมีเงินก้อนหนึ่งจึงไปชำระยอดที่ค้างทั้งหมด ธนาคารนัดให้ไปรับโฉนดพร้อมเอกสารมอบอำนาจไปติดต่อไถ่ถอนจำนองที่สำนักงานที่ดินจังหวัดนนทบุรี สาขาบางบัวทอง เมื่อ 15 กุมภาพันธ์ 2562 …เปิดโฉนดดูเห็นมีชื่อพี่สาวและเราอยู่ ก็คิดว่าถ้าทำเรื่องไถ่ถอนจำนองเรียบร้อย จะถอนชื่อออกจากโฉนดเพื่อความสะดวกหลายๆอย่างของพี่สาว และเราก็ไม่ได้หวังอะไรในเรื่องนี้ ระหว่างรอตรวจสอบเอกสารได้สอบถามเจ้าหน้าที่ว่า ถ้าขอถอนชื่อเราออกเหลือชื่อพี่สาวคนเดียวจะได้หรือไม่..เจ้าหน้าที่ตอบมาด้วยคำถามว่า “เป็นอะไรกัน” เราก็ตอบไปว่า “พี่น้องกัน” เจ้าหน้าที่แจ้งเพิ่มเติมว่า “ต้องเสียค่าธรรมเนียมในอัตราร้อยละ 5 ของ ราคาประเมิน”…สมองคำนวณทันที ร้อยละ 5 เลยรึ ?? ไม่น้อยเลย เราเองก็ไม่เคยศึกษาเกี่ยวกับกฎหมายที่ดิน การคิดค่าธรรมเนียมอะไรเกี่ยวกับที่ดินมาก่อน มีเสียงตอบเพิ่มเติมอีกว่า “กำเงินมา 3 หมื่นเลยน่าจะพอ..” 2 คนพี่น้องถอยทัพกลับมานั่งรอ 2 ชม.ผ่านไป ไถ่ถอนจำนองเรียบร้อยก็เอ่ยปากถามเรื่องเดิมกับเจ้าหน้าที่ประเมินราคาที่ดิน ก็ได้คำตองเดิมแถมละเอียดกว่าว่า ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของเรานั้นราคาประเมิน(คร่าว ๆ)อยู่ที่ 1,000,000 บาท หากทำเรื่องยกให้หรือขายให้พี่สาว ก็ต้องเสียค่าธรรมเนียมร้อยละ 5 คือ 50,000 บาท มีชื่อสองคน ก็คนละ 25,000 บาท สรุป อย่างไรเสียก็ต้องจ่าย 25,000 บาท อยู่ดี ไม่น้อยเลยทีเดียว สองคนพี่น้องเลยตกลงกันว่ากลับบ้านดีกว่าปล่อยให้ชื่อมันคาอยู่แบบนั้นแหละ ตอนกู้ธนาคารก็ไม่ได้บอกเรา เราเองก็ไม่รู้ เงินที่ต้องจ่ายเพื่อถอนชื่อเราออกให้พี่สาวมีกรรมสิทธิ์เพียงคนเดียว บอกตรงๆ เสียดาย…



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พี่มด
เขียนเมื่อ

FUN RUN ครั้งแรกในชีวิต…ครั้งแรกของชีวิตตอนอายุ 52 กับการวิ่ง FUN RUN โรงพยายาบาลสามเงามินิมาราธอน ครั้งที่ 1 @เขื่อนภูมิพล เพื่อสมทบทุนซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับอาคารอุบัติเหตุและฉุกเฉินหลังใหม่ของรพ.สามเงา ตอนซ้อมอยู่ที่บ้านก็มาแบบทางเรียบ วิ่งจริงขึ้นเนิน ลงเนิน เฉียดสันเขื่อน ข้ามสะพาน ผ่านสนามกอล์ฟ แถมสั่งเสื้อผิดไซส์ได้เสื้อตัวใหญ่เหมือนใสชุดแซกวิ่ง 5555 ไม่ถึงกับเหนื่อยมากแต่เมื่อยน่อง..

ได้สัมผัสบรรยากาศงานวิ่งระดับนี้เป็นครั้งแรก อากาศดี สถานที่สวยงาม อาหารการกินมากมาย เสียแต่ไม่มีภาพสวยๆบ้างเลย ตากล้องดูจะน้อยไปหน่อย บางคนเก็บซะ 4-5 ช๊อต บางคนไม่มีภาพเลย



ความเห็น (1)

เยี่ยม ๆๆๆๆ มากเลยค่ะ คุณ พี่มด

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พี่มด
เขียนเมื่อ

เมื่อต้องตกอยู่ในสภาวะน่าอึดอัด กับการใช้อคติของคนที่มีอำนาจมากกว่า วันหนึ่งไปอ่านเจอในเพจ plodlock จึงขอนำมาบันทึกไว้…“เมื่อห่างไกลแก่นพระพุทธศาสนา ชีวิตมีแต่ความร้อนใจการแก้ปัญหาจึงไม่สุขุม และขาดสติ มีโทสะมากชอบเอาชนะในทางที่ผิด”Cr:plodlock



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พี่มด
เขียนเมื่อ

เมื่อจิตมีแต่อคติ….“อคติ” เป็นสาเหตุหลักของความผิดพลาดในกระบวนการคิด และตัดสินใจของมนุษย์ทุกคน….คนที่มีจิตใจเป็นอคติ ก็เพราะมีจิตที่เป็นบาปอกุศลครอบงำ จึงทำให้เกิดการมองคนอื่นในแง่ร้ายด้วยอิจฉาและความเห็นผิด และยังได้เผยแพร่ความเชื่อนี้ออกไปให้คนอื่นๆ เชื่อ จนคนอื่นๆ หลงเชื่อตามจึงเกิดความกลัว ความเดือดร้อนใจจึงตามมาให้ผล ตัวเองเดือดร้อนยังไม่พอ ยังไปทำให้ผู้อื่นต้องเดือดร้อนไปด้วย ทำให้คนที่หลงเชื่อมีจิตเป็นพาล ขาดการพิจารณาทำตาม ๆกันไป …Cr : http://thamdhamma.blogspot.com/2017/09/blog-post_9.html

ใครไม่เจอกับตัวไม่มีทางรู้ เมื่อคนมีอคติกับเรา จึงใส่ร้าย กลั่นแกล้งสารพัดที่จะทำ ตัดสินเราโดยใช้อคติ ขาดวิจารณญาณและข้อเท็จจริง…



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พี่มด
เขียนเมื่อ

เมื่อสตรีต้องอยู่เวรกลางคืน….เมื่อมีคำสั่งให้สตรีต้องอยู่เวรในเวลากลางคืน ก็อยากรู้ว่าเป็นการสั่งการที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ มีระเบียบและหลักเกณฑ์อย่างไรในเรื่องนี้ จึงได้ไปค้นคว้าและพบข้อมูลว่ามีหลักเกณฑ์การอยู่เวรรักษาการณ์ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อ 6 กรกฎาคม 2542 ข้อ 7 “การจัดผู้ปฏิบัติหน้าที่เวรและผู้ตรวจเวรของสตรี ให้จัดให้ปฏิบัติหน้าที่เฉพาะในเวลากลางวัน ของวันเสาร์ อาทิตย์และวันหยุดราชการ เว้นแต่ผู้มีหน้าที่โดยเฉพาะที่จะต้องปฏิบัติในเวลากลางคืน โดยจัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่เวรและผู้ตรวจเวรสตรีในกรณีนี้ด้วย”…นั่นแสดงว่าไม่ควรสั่งการให้สตรีอยู่เวรกลางคืน ในขณะที่สถานที่นั้นไม่มีความปลอดภัย ไม่มีรั้วรอบขอบชิด และเป็นที่เปลี่ยวในยามวิกาลใช่หรือไม่? หรือจะเป็นไปตามข้อ 10 “กรณีที่ส่วนราชการหรือหน่วยงานใดมีความจำเป็น ไม่อาจปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ข้างต้นได้ ให้ผู้บังคับบัญชาใช้ดุลพินิจที่จะสั่งการการอยู่เวรรักษาการณ์ตามความเหมาะสมได้ โดยไม่ให้เกิดผลเสียหายกับงานและทรัพย์สินของราชการหรือหน่วยงาน” ก็สามารถทำได้ใช่หรือไม่



ความเห็น (2)

ผมไม่เคยได้ยินสตรีอยู่เวรกลางคืนเหมือนกันครับ

มันมีเกิดขึ้นแล้วจริงๆ ค่ะ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พี่มด
เขียนเมื่อ

“แพะ”เมื่อต้องตกที่นั่งแพะรับบาป ทั้งที่ไม่ได้ทำความผิดอะไรเลย ไม่มีพยานไม่มีหลักฐานใด ๆ เพียงใช้อคติตัดสินตามความรู้สึกของตนเองโยนความผิดนั้นมาที่เรา เมื่อเขาเชื่อเช่นนั้นจึงพร้อมกลั่นแกล้งทุกวิถีทางที่จะทำได้ ช่างน่าเศร้าใจและน่าเบื่อหน่ายกับสถานการณ์ที่เผชิญอยู่นี้และเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความอดทนอย่างสูงในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พี่มด
เขียนเมื่อ

หลายครั้งที่สับสนกับคำที่ใช้ในการจัดกิจกรรมต่างๆ ในวันสำคัญที่เกี่ยวข้องกับสถาบันกษัตริย์ ของหน่วยงานๆ ที่ต้องการแสดงความจงรักภักดี ซึ่งชื่อกิจกรรมมีทั้งเฉลิมพระเกียรติ เทิดพระเกียรติ จึงได้ไปสืบค้นเพื่อหาคำตอบ และได้พบว่า...

"เฉลิมพระเกียรติ"
หมายถึง การเฉลิมฉลองเพื่อถวายพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ หรือ พระบรมวงศานุวงศ์ เช่น นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสการพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ, นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ "โขนพระราชทาน ศาสตร์และศิลป์แผ่นดินไทย" เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา 12 สิงหาคม 2557 เป็นต้น

"เทิดพระเกียรติ"
หมายถึง การเทิดทูนนับถือในพระปรีชาสามารถด้านใดด้านหนึ่งเพื่อถวายพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ หรือ พระบรมวงศานุวงศ์ โดยพึงจำว่าเพื่อ "เทิดทูน" โดยจะต้องอ้างถึงหรือกล่าวถึงพระปรีชาสามารถของพระองค์ท่าน ด้านใดด้านหนึ่ง เช่น นิทรรศการเทิดพระเกียรติ คีตราชัน (เพื่อยกย่องเทิดทูนนับถือในพระอัจฉริยภาพด้านดนตรี), กิจกรรมวิ่งเทิดพระเกียรติ (เพื่อยกย่องเทิดทูนในพระปรีชาสามารถด้านกีฬา) เป็นต้น

หลักควรจำง่ายๆ ก่อนใช้ คือ หากเป็นโครงการ/กิจกรรมที่จัด “ฉลอง” เพื่อถวายพระเกียรติ ให้ใช้ “เฉลิมพระเกียติ” หากต้องการ “เทิดทูน” ยกย่อง ในพระปรีชาสามารถด้านใดด้านหนึ่ง เพื่อแสดงความนับถือเทิดทูนให้ได้รับพระเกียรติ ก็ให้ใช้คำว่า “เทิดพระเกียรติ” โดยทั้งสองกรณีจะเกี่ยวเนื่องกับโอกาสสำคัญต่างๆ ของพระองค์ท่านเสมอ

อ้างอิงจากBlog ของทิวสน ชลนรา 

วันอังคาร ที่ 2 กันยายน 2557 http://oknation.nationtv.tv/blog/tewson/2014/09/02/entry-1




ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท