ปัจจุบันระบบการศึกษาของประเทศไทยมีศักยภาพไม่เทียบเท่ากับประเทศเพื่อนบ้าน เพราะปัญหาหลายๆอย่างทั้งทางด้านหลักสูตร ด้านครูผู้สอน ด้านสภาพแวดล้อมทางสังคม ด้านค่านิยมต่างๆ ประเทศไทยมีค่านิยมว่าการเข้าเรียนในสถานศึกษาประเภทอาชีวะศึกษา คือเด็กนักเรียนที่ชอบออกนอกลู่นอกทาง เด็กนักเรียนประเภทหัวรุนแรงชอบหาเรื่องตบตีมีเรื่องกัน ทำให้ผู้ปกครองที่มีลูกเก่งๆไม่ค่อยอยากส่งให้ลูกมาเรียนในสถานศึกษาประเภทอาชีวะ โดยมีค่านิยมว่าต้องเรียนต่อสายสามัญเพื่อจะได้อยู่ในความดูแลของโรงเรียนได้ ครูดูแลได้อย่างทั่วถึง
แต่ความเป็นจริงแล้ว สถานศึกษาประเภทอาชีวะศึกษา เป็นสถานศึกษาที่สร้างนักเรียนให้สามารถเป็นคนดีของสังคมได้ อีกทั้งในเรื่องของวิชาชีพก็ไม่แพ้ใคร นักเรียนที่มาเรียนในสถานศึกษาประเภทอาชีวะศึกษาจะมีความรู้ความชำนาญในการปฏิบัติงานมากกว่านักเรียนที่เรียนสายสามัญด้วยซ้ำไป เพราะหลักสูตร ที่สถานศึกษาประเภทอาชีวะศึกษาใช้อยู่นั้น มีหลักสูตร 2 ตัว คือ
1.หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ 2556
2. หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง 2557
โดยหลักสูตรนี้จะเน้นในเรื่องของวิชาชีพของนักเรียนแต่ละสาขาที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งถือว่าเน้นอย่างเข้มข้นมากจนบางครั้งอาจจะดูเข้มข้นจนเกินไป เมื่อเข้มข้นมากจนนักเรียนเกิดความย่อท้อหรือรู้สึกว่าถูกอัดแน่นในวิชาชีพตนเองเยอะเกินไป ทำให้เกิดความเบื่อหน่ายหรือเรียนได้ไม่เต็มศักยภาพ ถ้าประสบกับนักเรียนที่ปรับตัวได้ก็ถือเป็นผลดี แต่ถ้าประสบกับเด็กนักเรียนที่ยังปรับตัวไม่ได้อาจทำให้มีผลการเรียนตกต่ำ เมื่อผลการเรียนตกต่ำก็เริ่มไม่อยากมาเรียนเริ่มขี้เกียจและขาดวินัยในตนเอง จนนำไปสู่การถูกรีไทร์ในที่สุด
แนวทางในการแก้ไขปัญหาเรื่องของการนำหลักสูตรไปใช้คือ สถานศึกษาประเภทอาชีวะศึกษาควรดูบริบทของตนเองและสังคม เพื่อนำไปสู่การมีหลักสูตรสถานศึกษาเป็นของตนเอง และจะต้องนำหลักสูตรมาให้เกิดประโยชน์จริง สังคมได้รับประโยชน์จริง และสามารถผลิตนักเรียนก้าวเข้าสู่ตลาดแรงงานได้อย่างมีคุณภาพ
ไม่มีความเห็น