อนุทินล่าสุด


dejavu monmon
เขียนเมื่อ

เช้านี้ผมอ่าน "เปิดโปง...จากคอมฯสู่กองกำลัง..." และไปฟังทบทวนคลิบ... แล้วประมวลเหตุการณ์บ้านเมืองที่เกิดขึ้น จากนั้นประมวลบทวิเคราะห์ของใครสักคนเมื่อหลายปีก่อนว่า ไทยอาจต้องมีการแบ่งแยกประเทศ ผมเป็นคนไม่ใส่ใจเรื่องการบ้านการเมือง แต่วันนี้มาคิดแล้วว่า อาจเป็นไปได้ แต่ก็ไม่แน่ อาจเป็นเพียงกระต่ายตื่นตูมก็ได้ แต่ถ้าเป็นไปได้ เราจะอยู่พื้นที่เกาหลีเหนือหรือเกลาหลีใต้ดี ทั้งหมดเพียงความคิดเท่านั้น 07.50 / 26.02.57



ความเห็น (2)

ความคิดผมโอกาสเกิดน้อยสำหรับปทท. ถ้ายังมาสถาบันฯครบ ….กระบวนการเจรจาเมื่อถึงเวลา!?

ขอให้เป็นหนึ่งเดียวกัน สามัคคีทั่วแผ่นดิน

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
dejavu monmon
เขียนเมื่อ

ขณะที่ผมเดินไปล้างมือที่ห้องน้ำ ความคิดนี้เกิดขึ้นกับผม "ความผิดพลาดในการบริหารของวันนี้ อาจเป็นตราบาปของวันพรุ่งนี้" ข้อความนี้หมายรวมถึง กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ การตัดสินใจ ทั้งในองค์กร ครอบครัว ชีวิต และงานระดับประเทศ



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
dejavu monmon
เขียนเมื่อ

ผมสงสัยบ่อยครั้งว่า เครื่องยกคน/ของขึ้น-ลงแนวดิ่งที่ใช้กันประจำวันนั้น ควรเขียนด้วยภาษาไทยว่าอย่างไร วันนี้จึงต้องเปิดเวปเพื่อหาคำเขียน พบในวิกิพีเดียเขียนว่า "ลิฟท์" มาจาก "lift" และ "Elevator" และดูเพิ่มเติมใน http://www.plus-elevator.com/?gclid=CLKzluyn5rwCFewF4godCUsA9w ส่วนในพจนานุกรมนั้น ยังไม่ได้ดูว่า ทางราชบัณฑิตใช้ศัพท์ว่าอย่างไร



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
dejavu monmon
เขียนเมื่อ

ขณะเดินเข้าลิฟท์เพื่อขั้นชั้น ๓ ผมมีความคิดนี้เกิดขึ้น "เราจะสอบถามความพึงพอใจไปเพื่ออะไร หากไม่ใช่เพื่อพิจารณาว่าเขาพึงพอใจหรือไม่ กรณีมีคนไม่พึงพอใจ ก็ไม่ควรเคืองโกรธหรือรู้สึกชิงชัง/เคืองขัดใจใดๆ เพราะสิ่งนั้นคือข้อพิจารณาว่า เรายังไม่สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้" 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
dejavu monmon
เขียนเมื่อ

ขณะที่ผมกำลังเข้ามาถึงพื้นที่ทำงานเช้านี้ (๐๗.๐๐ น.) ผมได้นึกถึงชีวิตเด็กน้อยที่ต้องสูญเสียให้กับการต่อสู้เพื่อขยายพื้นที่อุดมการณ์เหล่าผู้ไม่ใช่เด็ก...ช่างน่าอนาถนัก...ในกลุ่มผู้ต่อสู้ที่ไม่ใช่เด็กเหล่านั้น ต่างพยายามยืนยันเหตุผลบางอย่าง...ผมนึกไปถึงวงการศึกษาและการใช้ชีวิต เราพยายามโต้แย้งกันโดยอ้างอิงว่านี่คือเหตุผลเพื่อยืนยันว่าสิ่งนี้ดีกว่าสิ่งนั้น...ข้อคิดสำหรับผมในเช้านี้คือ "ถ้าความเป็นไปของชีวิต ล้วนแล้วแต่เหตุผล  มันจะแตกต่างอะไรกับเครื่องจักรกลที่ไร้ชีวิต" ความคิดนี้เกิดขึ้นโดยเทียบเคียงระหว่างอารมณ์และเหตุผล



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
dejavu monmon
เขียนเมื่อ

ผมเห็นภาพผู้โดนระเบิด M79 (Police) แล้ว... เศร้าใจ... สุดท้ายก็ลงเอยด้วยการทำลายกันอยู่ดี



ความเห็น (1)
dejavu monmon
เขียนเมื่อ

ผมไม่ได้คิดว่า การประท้วงคือการต่อสู้เพื่อให้ชนะ หากแต่คิดว่า การประท้วงคือสัญลักษณ์บอกว่า พอเถอะ..ให้คนที่เขามีความสามารถเพื่อประชาชนโดยรวมมากว่า มาทำงานจะดีกว่า...



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

dejavu monmon
เขียนเมื่อ

ผมเคยนึกไว้ในใจแล้วว่า จะต้องมีการโยกเงินโน้นมาใส่เงินนี้ โยกเงินนี้ไปใส่ตรงนั้น เพราะวิธีการนี้มีอยู่ในหน่วยงานภาครัฐมากแห่ง แล้วมันก็เป็นจริงกับทฤษฎีหมากฮอส.../ วันนี้ หากจะมีตำรวจสักคนหนึ่ง ถอดชุดเกราะออก วางอาวุธ และประกาศแก่เหล่าผู้ประท้วงว่า "พอกันที ผมไม่ทนต่อไปแล้ว" เขาคนนั้นจะอยู่ในใจของคนทั่วโลก "ฉันจะเป็นตำรวจไปเพื่ออะไร หากไม่ใช่เพื่อเกียรติที่ประชาชนมอบให้จากการช่วยเหลือประชาชน" 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

dejavu monmon
เขียนเมื่อ

แม้จะพยายามเก็บใจอย่าให้ร้อนรนกับเหตุการณ์การบาดเจ็บและเสียชีวิตของผู้ชุมนุมมือเปล่า...แต่สัญชาติญาณสัตว์ป่าที่ซ่อนอยู่ในตัวตนของผม กลับพยายามปะทุในใจอย่างร้อนรน...รู้สึกกดดัน แต่ต้องเก็บใจไว้ เก็บใจไว้ เก็บไว้ ขอไว้อาลัยแด่ผู้สูญเสียชีวิต / บ้านป่าเมืองเถื่อนไม่ได้หายไปเลย แม้เราจะบอกว่า เราศิวไลซ์แล้ว



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

dejavu monmon
เขียนเมื่อ

เมื่อคืน แวบไปฟังข้อมูลของฝ่ายปฏิเสธรัฐบาล มีอยู่คำหนึ่งที่ผู้พูดได้พูดขึ้น คำนั้นคือ "แยกลาดมะพร้าว" เสียงฮาดังก้อง ทำให้ผมอุทานในใจว่า "ฮา" "เฮ้ย" "เออ" "ใช่" ทำไมชาวเมืองจึงเรียกว่า "แยกลาดพร้าว" ทำไมไม่เรียกว่า "แยกลาดมะพร้าว" ผมเข้าใจว่า คำว่า "พร้าว" น่าจะคือ "มะพร้าว" ทำไมคนกรุงเทพฯจึงไม่เรียกแยกนี้ว่า "แยกลาดมะพร้าว" คำว่า "มะ" หายไปไหน อันที่จริง "พร้าว" น่าจะเป็นคำทางปักษ์ใต้มากกว่า ที่ชอบพูดคำสั้นๆ เช่น "ไปไหน" ก็จะใช้คำว่า "ไหน" ซึ่งมีความเข้าใจเพิ่มเบื้องหลังคำว่า "ไหน" นั้น อย่างไรก็ตาม น่าสงสัยว่า ทำไมคนเมืองหลวงจึงไม่เรียก "แยกลาดพร้าว" ว่า "แยกลาดมะพร้าว" หนอ เพราะ "มะพร้าว" เป็นคำเต็มของ "พร้าว" (ฮา)



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

dejavu monmon
เขียนเมื่อ

ช่วงนี้ไม่มีอะไรจะมานั่งเขียนบันทึกเลย...ต้องให้เวลาและไปหาข้อมูลมาสะสมสักหน่อยแล้ว



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

dejavu monmon
เขียนเมื่อ

ประมาณ ๓ นาทีที่ผ่านมา ผมนอนฟังธรรมของสมเด็จพระสังฆราชทางช่อง ๓ ผมเกิดความคิดนี้ขึ้น "จะเป็นพระราชาของประชาชน หรือว่าจะเป็นสุนัขทรงเลี้ยง ถ้าเป็นพระราชาของประชาชน ต้องเหนื่อยหน่อยนะ ทุกคนเป็นพระราชาของประชาชนได้" ๒๘-๐๙-๕๖/๐๖.๕๖ น.



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

dejavu monmon
เขียนเมื่อ

เช้านี้...ขณะเข้ามาในที่ทำงาน คิดถึงข้อความที่ผมเสนอความคิด (ตอบการสัมภาษณ์) ผ่านคณะกรรมการพิจารณาฯ ว่า จะทำวิจัยเกี่ยวกับ "ดรรชนีวัดระดับกิเลสของคนไทย" จากปัญหาที่ชาวไทยพุทธมักเอาชีวิตไปฝากไว้กับพระ แล้วเข้าใจว่า พระรูปนั้นเป็นอรหันต์ รูปนี้เป็นอรหันต์ ในจำนวนหนึ่ง พบ "อรหันต์เปลือย" ผลของการทำวิจัย (ต้องใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยด้วย) จะทำให้เราชัดเจนว่า ใครมีกิเลสมากน้อยเพียงใด แต่กรรมการท่านหนึ่งซึ่งอายุเลย ๖๕ ปีไปแล้ว แย้งขึ้นว่า "สิ่งที่ผมคิดนั้น มันทำไม่ได้ มันเป็นเรื่องยาก ไม่มีใครทำ" ผมได้แต่นิ่งเฉย แต่ในใจผมคิดว่า "จริงหรือที่ทำไม่ได้ จริงหรือเป็นเรื่องยาก ถ้ายังไม่มีใครทำ เราจึงไม่ควรทำหรือ และถ้ายากเราจึงไม่ควรทำหรือ" บางทีความเป็นผู้ใหญ่ขององค์กร จะส่งผลต่อการสะกัดกั้นความฝันของผู้มีฝัน....ข้อสำเหนียกของผมคือ อย่าบอกเด็กๆว่า สิ่งนั้นทำไม่ได้ สิ่งนี้ทำไม่ได้ และถ้ายากเราไม่ควรทำ หากมันเป็นประโยชน์ แม้จะยากก็ยิ่งต้องทำ อันที่จริงเราไม่เคยเชื่อว่าเราจะไปดวงจันทร์ได้ แต่มนุษย์เราก็ทำได้



ความเห็น (3)

นอกจากจะแก้ระบบแล้ว ก็ต้องแก้กันที่…ความคิดด้วยครับ เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ

…เขาถึงกำหนดอายุเกษียณในการทำงาน…เพราะคนอายุมากแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์มีน้อยมากๆ นะคะอาจารย์…อย่าไปโกรธท่านกรรมการสว.เลยนะคะ…เพราะเลือกท่านเข้ามาเป็นกรรมการแล้ว…ท่านพูดแสดงความคิดเห็นก็ดีแล้วนะคะ…

การประเมินโครงการวิจัย ถ้าให้ผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องหรือสาขาทางวิชาการที่เกี่ยวข้อง ประเมินโครงการละ 3 คน และไม่เปิดเผยผู้ประเมิน เจ้าของโครงการและผู้ประเมินต่างก็ไม่รู้จักกัน นำความคิดเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิเหล่านั้นมาประมวลแล้วตัดสิน รวมทั้งส่งความคิดเห็นทั้งหมดไปยังเจ้าของโครงการ ไม่มีการมานั่งประชันหน้ากัน แบบนี้จะไม่มีปัญหา ไม่โกรธกัน อายุเป็นเพียงตัวเลขขอให้เป็นผู้รู้จริงในด้านนั้น ๆ

dejavu monmon
เขียนเมื่อ

ตอนนี้คืบคลานเข้าสุ่ความเชื่อนี้แล้ว "จิตวิญญาณมีอยู่ นิพพานไม่ได้หมายถึงจิตวิญญาณไม่มีอยู่ แต่นิพพานคือการที่จิตวิญญาณว่าง นิ่ง สงบเย็น จึงไม่มีเกิดความรู้สึกใหม่"
หมายเหตุ : ความคิดนี้มาจากการใคร่ครวญไม่ใช่การบรรลุธรรม ไม่รับรองความถูกต้องของความคิด



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

dejavu monmon
เขียนเมื่อ

บางทีการที่นักศึกษาชอบที่จะก๊อปปี้งานของเพื่อนและการแปลงงานเพื่อนมาส่งนั้น เกิดจากการที่ครูอาจารย์ไม่ตรวจงานนักศึกษาให้ละเอียด จริงอยู่ แม้ตรวจละเอียดและรู้ดีกว่างานนั้นคืองานสำเนา สิ่งที่ต้องทำคือ ทำเป็นไม่รู้ และแนะนำว่างานที่เขาทำนั้นดีอย่างไร น่าชื่นชมมากในเรื่องนี้ๆ ที่บกพร่องคือเรื่องนี้ๆ แต่จะไม่กล่าวถึงการทำสำเนา แล้วเราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของนักศึกษาในครั้งถัดมาว่า ไม่ใช่งานสำเนาอีกแล้ว



ความเห็น (1)

หากไม่ใช่งานสำเนาอีก จึงดีครับ ;)…

dejavu monmon
เขียนเมื่อ

วันนี้มีความคิดนี้ผุดขึ้น "จิตวิทยา กระตุ้นความอยาก เช่น การให้รางวัลเมื่อทำสำเร็จแล้ว แต่จิตวิทยาแบบพุทธ เน้นการหยุดความอยาก เช่น เมื่ออยากต้องรู้ว่าอยากคืออะไร จนกว่าจะไม่อยาก



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

dejavu monmon
เขียนเมื่อ

เช้าตรู่ (ตีห้ากว่าๆ) ยังไม่ทันลุกขึ้นจากที่นอน และตายังหลับอยู่ ความคิดนี้เกิดขึ้น "ไม่มีขา จะเดิน-วิ่งอยู่บนโลกนี้ได้อย่างไรกัน" ต้องรีบลุกขึ้นไปจดไว้ในเศษกระดาษ และถอดออกมาเป็น "ไม่มีความรู้ จะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร" "ไม่เข้าใจโลกและชีวิตก็มีแต่ทุกข์และทรมาน"



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

dejavu monmon
เขียนเมื่อ

วันนี้เด็กๆบอกว่า ผมน่าจะเหมาะที่จะไปเป็นผู้ใหญ่บ้านหรือไม่ก็กำนันมากกว่า...ผมคิดในใจว่า "โอ นี่ผมเข้าใจตัวผมเองผิดมาตลอดเลย...สงสัยต้องไปเป็นจริงๆ" :-)

ขณะที่เขียนอนุทิน คิดได้ว่า เมื่อหลายปีก่อน เด็กๆ บอกว่า ผมน่าจะไปแสดงตลกหรือไม่ก็ตั้งคณะตลกสักคณะฯ ข้อสรุปคือ การเวลาเปลี่ยนไป ชีวิตเปลี่ยนไป จากดาวตลกยังมาเป็นผู้ใหญ่บ้านได้ :-)



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

dejavu monmon
เขียนเมื่อ

วันนี้ได้ฟังเพลงล้อเลียนเพลงหนึ่ง น่าจะเป็นการแต่งสนุกๆ แต่ผมกลับคิดว่า "ถ้าคิดว่าบวชแล้วรวย ก็ขอให้ไปบวชเสียเถิด จะได้รวยๆกันทุกคน" (เรื่องจริงคือรวยจริง ไม่ใช่รวยเล่น) ซึ่งผมมีภาพความคิดหนึ่งว่า ผู้เข้าไปบวชอีกจำนวนมากที่พยายามพัฒนาตนเองให้มีวิชชาและจรณะที่สมบูรณ์ ซึ่งน่าชื่นใจไม่น้อยเลยทีเดียว / สองสามวันที่ผ่านมา ผมคิดว่า "เมื่อไรพระพุทธศาสนาจะหมดสิ้นไปจากประเทศไทยเสียที" และผมก็ได้พูดข้อความเดียวกันนี้ผ่านทางโทรศัพท์ถึงพี่สาวที่โทรมาจากชุมพร โดยพี่ได้เล่าให้ฟังว่าคนในตลาดเอาเรื่องราวบางอย่างเกี่ยวกับข่าวที่ออกทางสื่อไปพูด พี่สาวถามเขาว่า "คุณเห็นหรือ" คำตอบที่ได้รับคือ "ไม่ได้เห็นแต่ฟังมาอีกที" อนึ่งข้อความที่ผมพูดกับพี่นั้นผมมีคำอธิบายว่า "ถ้าไม่มีพุทธก็ไม่มีพระและไม่มีชาวพุทธตลอดถึงไม่มีผู้ที่ไม่ใช่ชาวพุทธ" และเมื่อหลายวันก่อน ผมเห็นโฆษณาความศักดิ์สิทธิ์ของรายการทีวีผ่านดาวเทียม มีประโยคหนึ่งที่ได้ยินจากคนเด่นในรายการแต่งตัวคล้ายฤาษีในนิทานได้พูดในประโยคว่า "เดี๋ยวนี้พระพุทธเจ้าบอกว่าเทพยดาทั้งหลายมาอยู่ประเทศไทยหมดแล้ว" (เรามาเช่าบูชากันเถอะจะได้เป็นศิริมงคลฯลฯ) สิ่งที่น่าคิดคือ เก่งมากที่บุคคลนั้นสามารถติดต่อพระพุทธเจ้าได้ และคำถามอื่นๆคือ พระพุทธเจ้ารู้จักเมืองไทยหรือ และอะไรคือศิริมงคลที่พระพุทธเจ้าบอกกล่าวเอาไว้ หากตรองให้ดี เรากำลังยัดเยียดข้อความที่ไม่ใช่ของพุทธเจ้าว่าเป็นของพุทธเจ้ากันหรือไม่ ผมคงต้องไปอ่านและทำความเข้าใจหลักกาลามสูตรมากขึ้น เพื่อจะได้ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

dejavu monmon
เขียนเมื่อ

บ่ายวันนี้ ผมตั้งข้อสังเกตว่า พวกเด็กเก่งนั้น เก่งเพราะเลียนแบบได้เหมือน หรือว่าเก่งเพราะคิดได้เอง ในวงการศึกษาเรามักสร้างแบบให้เรียนรู้ ใครเรียนรู้ได้เหมือนแบบจึงถือว่าเก่ง แต่เรามักละเลยผู้ไม่เลียนแบบ



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

dejavu monmon
เขียนเมื่อ

วันนี้ผมอ่านเรื่องนี้แล้วไปฟังเสียงความลี้ลับ จากนั้นจึงอ่านเรื่องนี้...และอ่านหนังสือ ๙๙ปีพุทธทาสภิกขุ : ศาสนากับฟิสิกส์ใหม่ หัวเรื่อง "ทุนนิยมเชิงพุทธฯ" เขียนโดย รศ.ดร.ปีเตอร์ เอ แจคสัน แล้วอ่านข่าวสังคมในโพสต์ทูเดย์และเรื่องนี้ ผมมีคำถามในใจหลายประการ เช่น เมื่อมองผ่านข้อเขียนของ รศ.ดร.ปีเตอร์ เอ แจคสัน กรณีพระเณรคำ ผมคล้อยตามเขาประเด็น พุทธอิงการเมืองแต่ทำไมปฏิเสธระบบเศรษฐี/เศรษฐศาสตร์/ทุนนิยม ทั้งที่ทั้ง ๒ ระบบมีดี-ชั่วไม่ต่างกันนัก, จากการฟังเสียงนักการเมืองระดับผู้นำและประเด็นทางสังคม หลายฝ่ายเรียกร้องให้นำพระเณรคำมาลงโทษให้สาสม, ระหว่างคนที่มีสถานภาพทางสังคมต่างกัน ฝ่ายหนึ่งมิติศาสนา อีกฝ่ายหนึ่งมิติการเมือง เราควรนำใครมาลงโทษก่อน ใครทำความเสียหายให้กับส่วนรวมมากกว่ากัน นอกจากนั้น ระดับผู้นำทางสังคมหากจะมีความคิดอย่างที่เสียงลี้ลับนั้น ผมคิดว่าไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเราจะพบได้อย่างดาดดื่น ส่วนกรณีมหาวิทยาลัยเถื่อน ผมตั้งข้อสังเกตส่วนตัวว่า ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจาก สกอ.ก็ถือว่าเถื่อน เหมือนกับหวยเถื่อน ถ้าเป็นสลากกินแบ่งรัฐบาลแล้วจะไม่เถื่อน ความรู้ทางศาสนาและความเชื่อที่พิสูจน์ไม่ได้จากวิธีการทางวิทยาศาสตร์จะเถื่อนด้วยหรือไม่ และอีกหลายข้อสงสัยที่ไม่ควรสงสัย คำตอบในใจตอนนี้จากอิทธิพลของสื่อคือ ชาวพุทธไม่ใช่ชาวพุทธจริง ผู้นำก็ไม่ใช่ผู้นำทางแห่งความดีจริง การศึกษาอาจไม่ใช่การศึกษาจริง มันเกิดอะไรขึ้นกับระบบสังคมโลกกันหนอในประเด็น อะไรคือความจริงของความเป็นจริง หัวธนูคงเสียบคาอกผมตายเสียก่อนที่จะรู้คำตอบกระมัง



ความเห็น (1)

หลากหลายประเด็นน่าคิดตามนะคะ

dejavu monmon
เขียนเมื่อ

​เมื่อวานผมหยิบวิทยานิพนธ์มาอ่าน เรื่อง "ทฤษฎีความจริงในพุทธปรัชญาเถรวาท" เขียนโดย ชาญณรงค์ บุญหนุน และวันนี้ก็หาเวลาอ่าน ไปพบกระดาษ A4 พับครึ่งใช้สำหรับคั่นหนังสือ ด้านหนึ่งเป็นบทคัดย่อสารนิพนธ์ เต็มไปด้วยตัวอักษร ส่วนด้านหลังหลังเป็นกระดาษขาว เขียนด้วยลายมือ ๑๑ บรรทัด ซึ่งคือลายมือผมเอง ไม่รู้เขียนไว้เมื่อไร จึงนำมาทำเป็น PP และเก็บสาระไว้ในอนุทิน




ความเห็น (1)
dejavu monmon
เขียนเมื่อ

เบื้องหลังข้อความจากอนุทินก่อน

  • ทุกคนอยากเป็นคนดี (จะของใครหรือมิติใดก็ตาม) แต่บางครั้งจิตก็ตกไปในที่ต่ำ กว่าจะรู้ตัวก็ต้องใช้เวลาจำนวนหนึ่งเพื่อแก้ไขตัวเองให้บริสุทธิ์ เมื่อพื้นฐานของคนคือจิตประภัสสร นั่นแสดงว่า เราสามารถพัฒนาตัวเองได้ มนุษย์เราต้องดีกว่าขยะ
  • เรื่องที่ยิ่งใหญ่กว่าคือ ทำอย่างไรให้ใจของเราบริสุทธิ์ผุดผ่อง เหมือนที่เชื่อว่าจิตประภัสสร
  • ไม่มีชีวิต หมายถึง สงบ ระงับแล้ว
  • เรามีพระไว้ที่คอ เพื่อหวังว่า พระนั้นจะคุ้มครอง ทำไมเราไม่คุ้มครองตัวเองเองจากไม่ดีทั้งหลายทางกาย วาจา และใจ ส่วนภัยภายนอก ถ้าเหตุการณ์มันเพียงพอ มันก็ต้องเกิด ถ้าฝากประเทศไว้กับพระ บ้านเมืองเราก็คงสงบสุขไปนานแล้ว
  • เราไม่ได้มีปรัชญาของศาสตร์ดังกล่าวนั้นในชีวิตประจำวันจริง เช่น ถ้าเราเข้าใจพฤติกรรมของคน (จิตวิทยา) เราจะไม่ทุกข์ร้อน เพราะเขาเป็นอย่างที่เขาเป็น ถ้าการเมืองที่ดีคืออย่างนี้ เราจะไม่มีปัญหาการเมือง เป็นต้น
๒๕๕๖๐๖๒๑-๐๗.๔๒น.


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

dejavu monmon
เขียนเมื่อ

- ขยะนำมารีไซเคิลได้...เชื่อไหมว่าจิตดั้งเดิมของคนนั้นประภัสสร

- อย่านำส่วนเสียที่น้อยนิดให้กลายเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ เพราะมีเรื่องยิ่งใหญ่กว่าสิ่งที่เราเข้าใจว่ายิ่งใหญ่นั้น

- พระดีอยู่ที่คอ แต่พระดีไม่มีชีวิต

- ทำไมต้องฝากชีวิตไว้กับสิ่งอื่น 

- การเรียน จิตวิทยา รัฐศาสตร์ กฎหมาย ปรัชญา ศาสนาฯลฯ ในประเทศไทยนั้น ล้มเหลว เพราะสิ่งดังกล่าวเป็นแต่เพียงข้อมูลในตำรา

๒๕๕๖๐๖๒๑-๐๗.๒๙ น.



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

dejavu monmon
เขียนเมื่อ

คนดี ไปอยู่ที่ไหน ก็คงทิ้งความดีไม่ได้...ความดีจะทำที่ไหนก็ได้...เกียรติของคน คือการที่ตนให้เกียรติตน ไม่ใช่คนอื่นให้เกียรติ...การแสวงหาสิ่งดีที่สุดในชีวิต อาจไม่ใช่สิ่งที่คนอื่นหยิบยื่นให้ แต่เป็นสิ่งที่เราตัดสินใจเลือกแล้วและทดลองซ้ำแล้วซ้ำอีก เพื่อจะหาข้อยุติว่า นี้คือสิ่งที่ดีสำหรับชีวิตเรา...ชีวิตเราไม่จำเป็นต้องเหมือนชีวิตอื่น...ทำไมต้องให้ชีวิตอื่นมาเป็นเหมือนอย่างที่เราคิดจะให้เป็น..ดี-ร้าย สุดท้ายก็ลาจาก...ความเป็นและไม่เป็นล้วนเป็นภาพมายา..จงเสียดายตัวเองที่ไม่สามารถสร้างความงามให้แก่ชีวิตตนเหมือนอย่างรูปแบบแห่งความงามที่พบประสบนั้นได้...ขอให้ความงามจงแผ่ไปทั่วสากลโลก

2556/06/12-11.51



ความเห็น (1)

ใช่แล้วค่ะเราต้องให้เกียรติตัวเราก่อน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท