@36229 ไม่นับเรื่องการเล่นคำและ hidden agenda นะคะ แต่จะเข้ามาแจมว่าเค้าเก่งกันมากเลยค่ะ นับถือกลุ่มเจ้าของ propaganda มากค่ะ ร้าน gift shop ที่อเมริกา แคนาดา และญี่ปุ่น จะมีของของ propaganda วางขายเป็นเรื่องปกติ Mr. P นี่ประสบความสำเร็จมากๆ อยากให้ผลงานคนไทยทำได้แบบนี้เยอะๆจัง
ไม่มีความเห็น
มีคนใน fb 2 คนเขียนจม.เปิดผนึกหาเพื่อนต่างชาติให้คนต่างชาติเข้าใจ แต่เท่าที่อ่านนั่นก็ยังมีข้อความที่ยุให้เกิดการแบ่งแยกแบบผิดๆอยู่ดี (เช่น เหมาว่าเสื้อแดงทั้งหมดจน ไม่มีการศึกษา โดนล้างสมอง แค่นั้นจบ) ยังดีที่มีฝรั่งเข้ามา comment ว่าพูดแบบนี้อันตรายนะ การที่คิดว่าตัวเองเหนือกว่าถูกกว่า ไม่ว่าคนยุนั้นจะเลวยังไง ถ้าคนมีการศึกษายังคิดแบบนี้ ประเทศไทยก็จะไม่มีทางสงบ ไม่มีทางเจริญได้เลย คนเขียนและเพื่อนๆเค้าขอให้ช่วยกัน fwd เราเลยไม่ทำเพราะไม่ได้เห็นด้วยทุกอย่าง เท่าที่อ่านๆดู status bar ของคุณยุ้ย สฤณี (Fringer.org) นี่แหละที่ตรงใจที่สุดแล้ว แยกแยะอะไรได้ แล้วก็ไม่พูดจาให้เกิดความแตกแยกแบบใช้อารมณ์
ไม่มีความเห็น
@36213 > @36218 ให้สัมภาษณ์เยอะๆแบบนี้ดีเลยค่ะ ยิ่งตอบยิ่งเห็นธาตุแท้ ฝรั่งเค้าก็ถามตรงดี เลยตอบเค้าไม่ได้
ไม่มีความเห็น
เจก็ยังไม่ยอมออกมาเช่นเคย นี่อีก 4 วันเองนะเจ ไม่งั้นโดยผ่าแล้วนา
ว่าที่คุณยายเลยสั่งให้ว่าที่คุณแม่ไปเดินเล่นในสวนเผื่อเจ็บท้อง ต่อด้วยคอร์สสอนวาดรูปสีน้ำในสวนต่อ ลากว่าที่คุณพ่อมานั่งวาดด้วย จะได้ไม่ฟุ้งซ่าน 555
เช้านี้นอกบ้านลมเย็น ดีกว่านั่งในบ้าน แต่ตอนนี้แดดไล่มาโดนแล้วเลยเข้าบ้านมาเหมือนเดิม
ไม่มีความเห็น
สวัสดีปีใหม่ไทยค่ะ
เมื่อเช้าหลังทานข้าวเสร็จก็ไปเดินเล่นในสวนกับแม่และเจษฎ์ เห็นกระรอก 5-6 ตัว นั่งลมเย็นๆดูไปเรื่อยๆปรากฎว่ามันเป็นฤดู mating มิน่า ร้องกันใหญ่ แต่มีตัวเมียน้อยกว่า ตัวผู้แย่งกัน วิ่งไล่กระโดดโผต้นไม้สามสี่ต้น เหมือนนั่งดู discovery channel หรือ animal planet ยังไงอย่างงั้นเลยค่ะ ที่น่าสนใจคือพอตัวผู้ตัวนึงชนะ กำลัง mate แล้ว แต่ตัวผู้อีกตัวก็ดอดมาข้างหลังมาแยกคู่เค้าจนได้ เป็นแบบนี้ 2-3 รอบ ผิดกับคนเลย....ผู้หญิงเยอะกว่า เหอะๆ
วันนี้ก็คงติดต่ามข่าวสารบ้านเมืองต่อไป พร้อมนับว่า contraction ถี่ขึ้นรึเปล่า
สุขสันต์วันสงกรานต์ค่ะ
ไม่มีความเห็น
@36135 ถูกใจมากค่ะ ขอบคุณค่ะ ช่วงลาคลอดแต่น้องหลับนอนได้แล้ว มัทจะลองสร้างลองใช้ดูซักตั้ง
ไม่มีความเห็น
วิธีทำให้เด็กหยุดร้อง ใครเคยลอง หรือมีลูกหลานเล็กๆลองแล้วได้ผลยังไง ลปรร. ได้นะคะ
ไม่มีความเห็น
ประเทศอื่นเค้าก็มีคนคิดไม่เหมือน กัน มี republican มี democrat มี liberal มี conservative มี green party ทำไมเค้าอยู่กันได้ ทำไมเราอยู่ด้วยกันไม่ได้ ..... หัวซ้ายกับหัวขวาเค้าก็คิดต่างกันจะตาย ... พวกที่โดนกรอกโดนครอบด้วยศาสนาพวกอเมริกัน red neck เค้าก็ไม่ใช่ว่าจะคิดอะไรเองเป็น แบบนั้นบ้านเมืองเค้าก็มี แต่เค้าก็อยู่กันได้ ... "ทำไม"
ไม่มีความเห็น
รถติดฉลองวันครบรอบแต่งงาน ว่าที่คุณพ่อจะฝ่ารถติดกลับมาถึงบ้านกี่โมง
แล้วมันจะจบยังไงเนี่ยะ ประเทศชาติ
ไม่มีความเห็น
@36006 ถ้าเจ็บท้องจะคลอดวันนี้สงสัยได้เปลี่ยนใจคลอดกับแม่ที่บ้านแทน เหอะๆ รถติดขนาดนี้
ไม่มีความเห็น
เชิญผู้สูงอายุ 4 ท่านจากชมรมผู้สูงอายุของรพ.มาสัมภาษณ์และนั่งคุยให้นศ.ปี 4 ฟังในรายวิชา ทันตกรรมผู้สูงอายุ เมื่อวันก่อน เสร็จแล้วให้นศ.เขียน reflective journal ส่ง
ได้ผลดีที่คาดไม่ถึงมาก่อนคือ นอกจากนศ.จะเข้าใจผู้สูงอายุมากขึ้น มีเจตคติที่ดีต่อผู้สูงอายุ และ รู้ว่าควรทำตัวอย่างไรเมื่อมีคนไข้เป็นผู้สูงอายุ แล้ว
ปรากฎว่านศ.รู้สึกละอายที่ไม่ดูแลสุขภาพร่างกายตัวเอง ละเลยการออกกำลังกายและการรับประทานอาหารที่มีคุณค่า เพราะเรียนหนัก เมื่อว่างก็ใช้เวลาว่าไปทางบันเทิงอารมณ์มากกว่า นศ.บางคนเขียนว่าเริ่มวิ่งจ๊อกกิ้งแล้ว และส่วนมากจะหาเวลาออกกำลังกายให้ได้อาทิตย์ละนิดหน่อยก็ยังดี
กลายเป็นว่าผู้สูงอายุมาจุดประกายการส่งเสริมสุขภาพให้นศ.ของเรา
ดีจริงๆ : )
ไม่มีความเห็น
@35861 ขอบคุณมากค่ะพี่โอ๋ มัทเคยพูดกับน้องๆบ่อยๆว่าไม่รู้จะทำได้อย่างพ่อกับแม่รึเปล่า ตอนนี้ใกล้คลอดแล้ว มีอีกพระธรรมคำสอนที่มัทพยายามทบทวนให้ขึ้นใจเสมอ คือ "ลูกก็ไม่ใช่ของเรา" คำสอนนี้ไม่ได้ทำให้เรารักลูกน้อยลงเลย แต่มัทเชื่อว่ามันจะเตือนใจทำให้เรารักลูกอย่างถูกวิธี ให้ครบพรหมวิหาร 4 โดยเฉพาะข้ออุเบกขา (ไม่ได้มีแค่ 3 หน้าอย่างที่พ่อแม่หลายๆคนมี) มัททราบว่ามันไม่ง่าย แต่ก็ขอตั้งใจไว้เช่นนี้แล : )
ไม่มีความเห็น
ปลูกมานานมาก เพิ่งมีดอกมีผลก็ปีนี้ จริงๆไม่เคยรู้กันมาก่อนเลยด้วยค่ะว่ามันจะให้ดอกให้ผลได้
ดูใบแล้วทายได้มั้ยค่ะว่า นี่คือผลต้นอะไร
เฉลยคือ....ต้นไทรค่ะ
ไม่มีความเห็น
@35820 เห็นจะจริงมั้งคะ แล้วก็พวกขิง กระเพรา น้ำอุ่น
สรุปคืออะไรก็ได้ที่มัน ร้อนๆ อ่ะค่ะ
คนจีนเค้าก็จะให้ต้มไก่ใส่ขิงกับเม็ดเก๋าจี้ เหยาะเหล้านิดๆ
ไม่มีความเห็น
@35798 มัทชอบที่พยาบาล childbirth educator สอนมัทมากค่ะ น้าไก่บอกว่า อย่าไปกลัวอย่าไปพยายามควบคุมชีวิตมาก จะเครียดเปล่าๆ ให้เข้าใจว่านี่แหละชีวิต เช่นเวลาได้ยินคนทะเลาะกัน เวลาประชุมที่ทำงาน แทนที่จะลุกเดินหลบไปเพราะกลัวลูกได้ยิน ให้ลูบท้องแล้วบอกลูกว่า นี่แหละลูกชีวิต มีคนทะเลาะกันเป็นธรรมดา แล้วใจเราก็จะเย็น ลูกก็จะรับรู้ได้ ดีกว่าเราไปพยายามจะหนีจะควบคุมให้เกิดแต่สิ่งดีๆกับลูก ไม่งั้นลูกก็จะ sense ฮอร์โมนความกังวลความฝืนธรรมชาติพยายามหนีสิ่งที่ไม่ดีๆของเราได้
มัท ว่าเรื่องนี้ใช้ได้ต่อไปถึงเรื่องการเลี้ยงลูกนอกท้องเลยค่ะ เหมือนที่แม่มัทจะสอนลูกๆว่าไม่ต้องไปว่าคนอื่น หรืออยากไปเปลี่ยนเค้าหมด ก็ให้รู้ไว้ว่าคนเรามีหลายแบบ เก็บไว้ใน port ตัวเองว่าเคยเจอแบบไหนมาบ้าง เหอะๆ ไม่ต้องไปคิดว่าอะไรจะต้องเป็นอย่างที่เราอยากให้เป็นเสมอ เรื่อยๆสบายๆเข้าใจชีวิตดีกว่าไปพยายามควบคุมมัน
แล้ว เวลาสอนลูกพ่อก็จะสอนเหตุผลเสมอว่าเพราะอะไร ทำไม ไม่เคยห้ามโดยไม่มีเหตุผล อย่างมากพ่อก็จะบอกตอนเราเล็กๆว่า แล้วโตขึ้นจะเข้าใจที่พ่อพูดมากขึ้น (แล้วเราก็เข้าใจมากขึ้นจริงๆ) พูดง่ายๆคือพ่อไม่เคยที่จะไม่สอนเหตุผลเพราะคิดเองว่าพูดไปลูกก็ไม่รู้ เรื่อง
สิ่งที่พ่อแม่ทำได้ดีคือสร้างสิ่งแวดล้อมดีๆ (กิจกรรมทำร่วมกัน เลือกหนังสือมาวางไว้ที่บ้าน เลือกโรงเรียน) และที่สำคัญที่สุด คือ เป็นตัวอย่างที่ดี
ส่วนเรื่องหอพักนั้น คุณศศิทำหอพักเอกชนให้นักศึกษา คงเห็นอะไรมาเยอะค่ะ ต่างจากหอพักรร.ที่น้องภูอยู่่ แต่มัทว่าไม่ว่าที่ไหน มันก็มีทั้งเรื่องดีและไม่ดีค่ะ รร.ประจำนี่ก็เรื่องเยอะไม่เบาเลยค่ะ ทั้งรร.หญิงล้วน ชายล้วน มัทเคยได้ยินมาทั้งนั้น สิ่งที่สำคัญคือ พฤติกรรมเมื่อยู่ไกลตาพ่อแม่ .... ทางแก้ไม่ใช่ การให้อยู่ในสายตาเสมอ แต่คือ การทำยังไงให้เค้ารู้ว่าอะไรดีไม่ดี ทั้งๆที่อยู่ไกลสายตาพ่อแม่ต่างหาก เพราะถึงจุดนึง เค้าก็ต้องไปไกลตาเราอยู่ดี (ถ้าเราอยากให้เค้าช่วยเหลือตัวเองได้ เราก็ต้องยอมให้เค้าอยู่ไกลตา อย่างมัทเดินทางคนเดียว อยู่คนเดียวครั้งแรกตอนไปอยู่กับ host family ที่อังกฤษตอนอายุ 13)
มัทว่า key คือ หิริโอตัปปะ ให้ลูกกลัวนิดๆกับ consequence ไม่ว่าจะทำอะไร แล้วก็ให้คิดถึงว่าแม่กับพ่อจะเสียใจผิดหวังแต่ไหนถ้าลูกทำอะไรไม่ดีๆ
ใน ขณะเดียวกัน ไม่ใช่ว่าเราจะกลัวลูกเราไปทำอะไรไม่ดีเท่านั้นนะคะ เราต้องอย่าลืมว่าลูกเราอาจจะโดน bully ก็ได้ อาจจะโดยรังแก เพราะอ่อนแอเกินไปก็ได้
ไม่มีความเห็น
เมื่อวานแม่ซื้อกับข้าวกลับมาจากตลาดวัดลุ่ม ระยอง เป็นข้าวเย็น ชอบจริงๆ
ต่อด้วยมะยงชิตที่แม่คว้านเอง
ไว้ลูกโตนิดนึงซัก 2 เดือนกว่า จะพาไปเลี้ยงที่ระยอง ใกล้หน้าผลไม้พอดีด้วย!
ไม่มีความเห็น
บนโต๊ะทานข้าวเช้า พวกเราดูข่าวภาคเช้าไปคุยกันไปทานข้าวต้มกันไป แน่นอนว่าในทีวีเสนอแต่ข่าวที่ไม่พ้นเรื่องความวุ่นวายในบ้านเมือง
เราก็คุยกันว่า เค้าน่าจะไม่มีความสุขนะที่ทำอะไรแบบนี้อยู่ วันนึงเค้าอาจจะป่วยเป็นโรคร้าย หรือ อาจจะมีคนที่ขัดผลประโยชน์หรือศัตรูเก่าสั่งกำจัดเรื่องอาจจะหายวุ่นวาย
แล้วพ่อก็พูดขึ้มาว่า ไม่ดี ไม่ดี ขัดหลักพุทธศาสนา เราต้องมีเมตตา ถ้าจะขอให้เกิดอะไรขึ้นก็ขอให้เค้ากลับตัวกลับใจได้
โอ้ว จริงของพ่อ พวกเราพยักหน้า .... เงียบไปหนึ่งนาที ทานข้าวต่อ แล้วแม่ก็บอกว่า แต่สงสัยจะยาก ... เหอะๆ จบข่าว
อ่อ พ่อบอกด้วยว่า สังเกตมั๊ยว่าข่าวบ้านเราเป็นเหมือนกระบอกเสียง ทำหน้าที่แค่บอกต่อ ไม่เห็นมีการวิเคราะห์ให้ฟังเลยว่า ไอ้ข่าวที่ไปทำมาเนี่ยะมันเท็จจริงยังไง น่าเสียดาย
ไม่มีความเห็น
นศ.ปี 4 เรื่มทะยอยส่งงานเขียน refelctive journal มาทางอีเมลแล้ว
งานนี้ให้เขียนแค่ 1 หน้า A4 พอ (max. 2 หน้า) ให้เขียนหลังจากที่นศ.ได้ฟังได้พูดคุยกับผู้สูงอายุที่เราเชิญมาจากชมรมฯของรพ. 4 ท่าน
มีจุดน่าสนใจและดีใจที่คุณลุงคุณป้าสอนนศ.เรา เช่น
เวลามีคนไข้ผู้สูงอายุ ให้ใจเย็นๆ อย่าดุ ที่ไม่ทำตามบางทีเพราะไม่ค่อยได้ยิน ให้พูดชัดๆดังๆ เพราะหมอชอบใส่ mask อยู่ด้วย แล้วถ้าเวลาทำตามได้ก็อย่าชมว่า "เก่งค่ะ เก่งครับ" มันเหมือนชมเด็กเล็กๆ ให้พูดว่า "ดีค่ะ ดีครับ" แทน
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ให้นศ.ลองเขียน reflective journal ขนาดทำ guide ให้แล้วมีคำถาม trigger ว่าควรเขียนอย่างไร แต่ก็เป็นไปตามคาดคือ นศ. บางคนเขียนมาเหมือนรายงานแค่ว่าเกิดอะไรขึ้น บรรยายเหตุการณ์แล้วก็จบ แต่ไม่มีการคิดสะท้อนจากใจเท่าไหร่ ไม่เป็นไร ค่อยๆฝึกกันไป บางคนก็เขียนดีคิดสะท้อนดีเหลือเกิน
ไม่มีความเห็น
@35674 หรือว่าเจ้าตัวขวาล่างของภาพนี้คือเจ้าของรัง (ภาพนี้ถ่ายเก็บไว้เมื่อสามวันที่แล้ว)
ไม่มีความเห็น
เมื่อคืนฝนตก ลมแรงมาก ต้นเฟื้องฟ้าหลังบ้านล้มลงมาอีกครั้ง คราวนี้ทรุดหนักเลย ทั้งพ่อและลูกมืออีก 2 คน (มีแม่คอยชี้อยู่ข้างๆ ๕๕๕) ไปช่วยกันตัดกิ่งทั้งเช้า พ่อโชว์ให้ดูว่ามีกิ่งนี้ด้วย
สงสัยจะเป็นรังนกกระทา เจอพายุแบบนี้คงต้องสร้างรังใหม่กันอีกหลายยกมั้งเนี่ยะ [รูปดอกไม้ในจานกระเบื้องนั้นฝีมือแม่เองวาดค่ะ]
ไม่มีความเห็น
@35558 ฝากบอกน้องทีมว่า น้ามัทชอบใจมากกับคำถาม ถ้านศ.ปี 1 ปี 2 สงสัยอะไรแบบนี้ น้ามัทจะให้คะแนนพิเศษเลย : ) คำถามนี้เอาไปเขียน scenario ของ problem-based learning เรียนได้หลายเรื่องเลยนะเนี่ยะ
ขอลองตอบคร่าวๆนะ ไว้รอให้คุณหมอคุณพยาบาลท่านอื่นมาช่วยด้วย : )
คือผิวในปาก (oral mucosa) กับบนผิวหนังเรามันต่างกันตรง
ตำแหน่งที่มันต้องโดนโน่นโดนนี่เยอะๆ เช่นแขนขาหรือร่างกายภายนอกเนี่ยะ เยื่อบุผิวมันก็จะหนาหลายชั้นหน่อย แล้วก็แห้งๆ ส่วนในช่องปากเนี่ยะ มันหลบอยู่ในช่องใช่มั้ยเยื่อบุผิวมันก็จะบางกว่า แล้วในปากเองก็มีที่บางมากกับบางน้อยอีกแต่มันจะมีเมือกๆเคลือบ
ที่ นี้ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติคือ ตรงไหนยิ่งบางยิ่งซ่อมแซมได้เร็ว คือมีการทิ้งเซลล์เก่าเร็วและมีเซลล์ใหม่เกิดขึ้นเร็วมาก แป๊บๆ 4-5 วันแผลก็จะหาย (พูดง่ายๆคือแผลหายเพราะเอาของเก่าที่ไม่ดีทิ้งแล้วรอของใหม่มาสร้างทดแทน)
คือในช่องปากนี่มันหายเร็วมากแล้วมันก็เปียกอยู่ตลอดเวลาเลยไม่จำเป็น ต้องมีการตกสะเก็ด เพราะว่าสะเก็ดที่ผิวหนังมันทำหน้าที่เป็นชั้นนอกที่คลุมปิดไว้ไม่ให้มีอะไร มารบกวนขณะที่ในชั้นลึกๆของแผลมันกำลังซ่อมตัวเองอยู่ (มีช่างมาช่วยซ่อมจากหลายแผนกมาก ทั้งเม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือด ไฟบริน พลาสมา ฯลฯ) น้าก็ไม่แน่ใจว่าในผิวหนังนั้น turnover rate มันนานแค่ไหน แต่มันเป็นอาทิตย์ๆหน่ะ
ไม่รู้ว่าตอบแบบนี้พอไหวมั้ยน้องทีม
ไม่มีความเห็น