ดอกไม้


maveline aristy
เขียนเมื่อ

บันทึกการอ่าน

ครอบครัวนักอ่าน

วันที่   19 ธันวาคม 2556

ครอบครัวของ เด็กหญิง เมเฟอร์ลิน อารีสตี้

เรื่อง  หินปูนในปากเกิดจากอะไร ป้องกันได้อย่างไร

 

                   คราบหินปูน Dental plaque คือคราบขาวออกเหลืองหรือสีครีมที่เกาะที่ฟันหรือที่เรียกว่าขี้้ฟัน ต่อมามีเชื้อแบคทีเรียมาอาศัยและสร้างกรดมาทำลายฟัน หากทิ้งไว้นานคราบเหล่านั้นจะเกาะติดแน่น ไม่สามารถเอาออกโดยการแปรงฟัน

การเกิดคราบหินปูน Dental plaque

ผิวฟันของเราหรืออีนาเมล เป็นส่วนที่หุ้มฟันจะแข็งมากผิวจะเรียบมัน ผิวฟันที่สะอาด เมื่อถูกน้ำลายจะเกิดแผ่นฟิมล์บางๆปกคุลมผิวฟัน แผ่นฟิมล์นี้เป็นสารไกลโคโปรตีนจากน้ำลาย ประกอบด้วยน้ำตาล และโปรตีนอาจเกิดขึ้นได้ทันที หลังจากทำความสะอาดแล้ว แผ่นฟิมล์นี้จะยังไม่มีเชื้อจุลินทรีย์มาเกาะจึงยังไม่ทำให้เกิดโรค แผ่นฟิมล์จะหนาแล้วเหนียวขึ้นเรื่อยๆ ต่อมาเชื้อแบคทีเรียมาเกาะ ซึ่งพบได้ตามขอบเหงือก และหลุมร่องฟันทางด้านบดเคี้ยว เพราะเป็นผิวฟันส่วนที่ไม่เรียบ ส่วนขอบเหงือกนั้น เป็นบริเวณที่เว้า

การเกาะของเชื้อแบคทีเรียจะเกาะอย่างหลวมๆ เมื่อบ้วนปากหรือเคี้ยวอาหารที่มีใย เช่นผักหรือผลไม้จะทำให้คราบหลุดไป หากอาหารที่เหนียว เช่นแป้ง น้ำตาลจะเกาะติดฟัน และเป็นอาหารของเชื้อแบคทีเรียซึ่งจะทำให้ฟันผุ

ดังนั้นการบ้วนปาก การแปรงฟันหลังอาหาร การขัดฟันด้วยไหมจะช่วยขจัดคราบออกไป หากคราบอยู่นานจะมีแคลเซี่ยม และอาหารอื่นมาเกาะคราบจะแข็งและเกาะติดแน่มากขึ้นจนกลายเป็นคราบหินปูน การเอาคราบหินปูนออกต้องใช้วิธีขูดหินปูนออกโดยทันตแพทย์

การป้องกันการเกิดคราบ
1.แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง
2.ขนแปรงควรจะนุ่ม ปลายมนไม่แหลม
3.ให้แปรงเน้นตรงรอยต่อระหว่างเหงือกและฟัน
4.ใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์
5.ใช้ไหมขัดฟันอย่างน้อยวันละครั้ง
6.ตรวจฟันทุก6 เดือน
7.ไม่ตวรทานอาหารบ่อย หลีกเลี่ยงอาหารหรือขนมหวาน หากจะรับประทานของว่างควรเป็นผักและผลไม้

                         

3
0
maveline aristy
เขียนเมื่อ

บันทึกการอ่าน

ครอบครัวนักอ่าน

วันที่   19 ธันวาคม 2556

ครอบครัวของ เด็กหญิง เมเฟอร์ลิน อารีสตี้

เรื่อง  เผย“อาหาร”ใกล้ตัวทำ“กรดไหลย้อน”

 

            ต้องนับว่าเป็นโรคฮิตสำหรับหนุ่ม-สาวออฟฟิต รวมถึงผู้คนที่ใช้ชีวิตในเมือง สำหรับ โรคกรดไหลย้อน ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากนิสัยส่วนตัว รวมถึงนิสัยการนอน เมื่อเริ่มเป็นมักมีอาการท้องอืด แน่นท้อง ระคายเคืองบริเวณลำคอตลอดเวลา หรือหลังอาหารมื้อหลักจะรู้สึกคลื่นไส้ อยากอาเจียน

แม้ปัจจุบัน การศึกษา และการรักษาทางการแพทย์จะพบว่า ประมาณร้อยละ 90 ของผู้ป่วยที่มีอาการกรดไหลย้อน จะสามารถควบคุมได้ด้วยยา แต่การปรับเปลี่ยนนิสัยในชีวิตประจำวัน จะช่วยบรรเทา และป้องกันได้ยั่งยืนกว่า โดยสามารถเริ่มง่าย ๆ จาก “นิสัยการรับประทาน” เพราะอาหารบางอย่างทานแล้ว เสี่ยงกรดไหลย้อนเพิ่มขึ้น จึงควรเลี่ยง

นั่นก็คือ กาแฟ-ช็อคโกแลต-โกโก้ มีคาเฟอีน และสารธีโอโบร์ไมน์ (theobromine) ลองเปลี่ยนมาชงชาสมุนไพรดอกคาโมไมล์ดื่มแทน ช่วยผ่อนคลายประสาท บรรเทาอาการท้องไส้ปั่นป่วนได้

ยังรวมถึง แอลกอฮอล์-โซดา-น้ำอัดลม ที่เร่งปฏิกิริยาคาร์บอเนชั่น (Carbonation) โดยฟองอากาศจะขยายภายในกระเพาะอาหาร และเพิ่มความดันมากขึ้น

ส่วน อาหารทอด-เนื้อสัตว์ไขมันสูง จากเนื้อวัว, เนื้อหมู, เนื้อแกะ มักกระตุ้นใก้เกิดอาการเจ็บหน้าอกจากกรดไหลย้อนขึ้นมาบริเวณหลอดอาหาร ควรทานเนื้อติดมันเพียงสัปดาห์ละครั้ง

สำหรับใครที่กำลังเผชิญ หรือคาดว่าจะเป็น โรคกรดไหลย้อน ควรลองปรับเปลี่ยนนิสัยการรับประทานดูใหม่ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จนไม่ต้องพึ่งยาอีกต่อไป

3
0
ศศิมา อรัญดร
เขียนเมื่อ

ชาชนิดที่เหมาะกับคนดื่ม

  1. คนทำงานแบบใช้สมอง ซีเรียสเครียดทั้งวัน หรือนักเรียน นักศึกษาที่ตรากตรำอ่านตำรับตำราจนดึกดื่น ควรดื่มชามะลิ
  2. ผู้รักการออกกำลังกาย หรือทำงานใช้แรงเสียเหงื่อมาก เหมาะกับ ชาอูหลง
  3. ผู้ต้องผจญสูดดมอากาศเป็นพิษอยู่เสมอ อาทิ ผู้ขับขี่หรือไปมาด้วยรถจักรยานยนต์เป็นประจำ เหมาะกับ ชาเขียว
  4. ผู้ที่ในแต่ละวันนั่งตัวติดกับเก้าอี้ ไม่ค่อยขยับเขยื้อนกายไปไหน ทั้งไม่ชอบออกกำลังกายด้วย ต้องชาเขียว หรือ ชาดอกไม้
  5. ผู้ที่ชอบดื่มสุรา เครื่องดื่มมึนเมา ควรดื่ม ชาเขียว ผู้นิยมกินเนื้อสัตว์เป็นชีวิตจิตใจ เหมาะกับ ชาอูหลง
  6. คนท้องผูก ปลดทุกข์แต่ละครั้งช่างทุกข์ทรมานเหลือเกินเหมาะกับ ชาผสมน้ำผึ้ง
  7. คนมีระดับคอเลสเตอรอลสูง ไขมันในเลือดสูง ต้องดื่ม ชาอูหลง หรือ ชาเขียว

       มนุษย์ยุคไฮเทคนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งวันทั้งคืน ได้ดื่มชาอะไรก็ได้ เป็นประจำจะดีมากๆ เรียกว่าว่างเมื่อไรคว้าแก้วน้ำชาข้างมือยกมาดื่มสักอึกสองอึกแก้กระหาย จะช่วยป้องกันรังสีที่แผ่ออกมาจากเครื่อง อีกทั้งช่วยคลายเส้นคลายกระดูก ลดความอาการอ่อนเพลียได้อย่างชะงัดนัก

2
0
ศศิมา อรัญดร
เขียนเมื่อ

มือบอกสุขภาพ

        อาการนิ้วชา คุณรู้สึกว่ามือเย็นและชาๆ บ่อยไหม แม้ว่าอากาศจะไม่ได้หนาวก็ตาม ถ้ามีปัญหานี้อาจแสดงว่าคุณกำลังเผชิญกับโรคเรย์นอยด์ (Raynauds Disease) ซึ่งเป็นสาเหตุให้เส้นเลือดบริเวณมือตีบ ส่งผลให้การไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ไม่ดี ทำให้เกิดอาการชา นิ้วมือซีดขาวแล้วเปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำ ในทางการแพทย์ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของโรคนี้ แต่น่าจะเชื่อมโยงกับการเป็นรูมาตอยด์ และมีแนวโน้มว่ายิ่งอายุมากขึ้นอาการของโรคจะยิ่งเลวร้ายตามไปด้วย คุณจะทำอะไรได้บ้าง การปรับระบบการไหลเวียนโลหิตคือกุญแจสำคัญ ขิงสามารถช่วยปรับการไหลเวียนให้ดีขึ้นได้ ลองดื่มน้ำขิงร้อนๆ วันจะแก้ว ส่วนใบแปะก๊วยก็ช่วยการไหลเวียนเลือดได้ดีเช่นเดียวกัน หรือรับประทานผลไม้จำพวกผลเบอร์รี่ ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามินซีที่ช่วยขยายหลอดเลือด เหงื่อออกที่ฝ่ามือ

        สำหรับบางคนอาการที่เกิดขึ้นในวัยหมดประจำเดือนทำให้เหงื่อออกที่มือได้ เนื่องจากการลดลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนทำให้อุณหภูมิภายในร่างกายเปลี่ยนแปลง อาจปรับตัวไม่ทัน มีเหงื่อออกมาเพื่อระบายหรือปรับความร้อนในร่างกายให้เย็นลง หรืออาจเกิดขึ้นเมื่อคุณมีความเครียดด้วยก็ได้ คุณจะทำอะไรได้บ้าง สมุนไพรบางอย่างสามารถช่วยลดอาการเหงื่อออกในวัยหมดประจำเดือนได้ ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มร้อนๆ และอาหารรสจัด ซึ่งจะไปเพิ่มความร้อนในร่างกาย หากรู้สึกเครียด ให้หยดน้ำมันหอมกลิ่นลาเวนเดอร์สัก 2-3 หยดลงบนกระดาษทิชชู เอาไว้สูดดมเมื่อรู้สึกเครียด จุดสีน้ำตาล และริ้วรอยเหี่ยวย่น รอยจุดสีน้ำตาลที่ปรากฏบนมือ เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของเม็ดสี เนื่องจากโดนแสงแดดเป็นเวลานาน มักจะเกิดขึ้นกับคนในวัย 40 ขึ้นไป หากเกิดขึ้นกับผิวของคุณ แสดงว่าถึงเวลาแล้วที่คุณต้องหันมาใส่ใจกับการทาครีมกันแดดให้มากขึ้น ส่วนริ้วรอยเหี่ยวๆ ย่นๆ บนมือก็บ่งชี้ว่าผิวพรรณกำลังขาดความชุ่มชื้นอย่างหนัก คุณจะทำอะไรได้บ้าง จุดเหล่านี้สามารถจางลงได้ง่ายๆ ด้วยการใช้น้ำมะนาวมานวดถูมือเป็นประจำ และอย่าลืมทาครีมสำหรับทามือที่มีส่วนผสมของสารกันแดด แม้ว่าจะเป็นหน้าฝนก็ตาม การเลือกรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ อย่างผัก ผลไม้สดก็เป็นสิ่งจำเป็น เพราะสามารถช่วยป้องกันไม่ให้เซลล์ผิวโดนแผดเผาทำลายจากแสงแดดได้วิธีหนึ่ง หรือถ้าต้องการป้องกันอย่างล้ำลึกก็อาจทานอาหารเสริมร่วมด้วยก็ได้ คุณสามารถวัดอายุผิวด้วยวิธีง่ๆ โดยการดึงผิวหนังบริเวณหลังมือแล้วปล่อย หากผิวไม่กลับคืนเหมือนเดิมในทันที แสดงว่ากำลังขาดความชุ่มชื้นอย่างหนัก ควรดื่มน้ำให้มากขึ้นให้ได้อย่างน้อยวันละ 2 ลิตร เพื่อคืนความเปล่งปลั่งชุ่มชื้นให้ผิวเหมือนสมัยสาวๆ ปวดมือ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นประจำ และเริ่มรู้สึกปวดหรือเมื่อยล้าบริเวณมือและข้อ นั่นเป็นเพราะคุณพิมพ์ดีดเป็นเวลานานเกิน ทำให้เส้นเอ็นถูกใช้งานมากเกินไป จนรู้สึกร้อนผ่าวบริเวณมือ คุณจะทำอะไรได้บ้าง ควรพักจากการใช้คอมพิวเตอร์ไปทำอย่างอื่นเสียบ้าง เปลี่ยนอิริยาบถ ลุกขึ้นบิดขี้เกียจคลายความเมื่อยล้า หรือเดินบ้าง อาจลุกไปชงกาแฟ หรือจะนั่งออกกำลังให้มือด้วยวิธีง่ายๆ ก็ได้ เริ่มโดยกำมือให้แน่นประมาณ 10 วินาที จากนั้นคลายมือออกโดยพยายามกางนิ้วมือให้ยืดออกมากที่สุดเท่าที่จะยืดได้ แล้วปล่อยมือตามปกติ ก่อนจะทำซ้ำตั้งแต่เริ่มอีก 5-10 ครั้ง ผื่นแดง ผื่นแดง และอาการแสบร้อนที่มักเกิดบริเวณหลังมือ ส่วนใหญ่เป็นผลจากการแพ้สารเคมี อย่าง ผงซักฟอก หรือพวกน้ำยาทำความสะอาดต่างๆ และบางครั้งอาจจะเกิดจากการใช้ถุงมือยางเป็นเวลานาน จนทำให้ผิวอ่อนบาง แพ้ง่าย โดนอะไรนิดหน่อยก็คันและเป็นผื่นง่าย คุณจะทำอะไรได้บ้าง ทาครีมสำหรับลดผื่นคัน หากต้องการป้องกันไม่ให้เกิดอาการผื่นแดงขึ้นอีก สามารถเสริมสร้างความแข็งแรงให้ผิวด้วยการนวดด้วยน้ำมันมะกอกหรือน้ำมันจากเมล็ดอัลมอนด์เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น และพยายามหลีกเลี่ยงสารเคมีที่แพ้ ไปใช้พวกผลิตภัณฑ์สำหรับผิวแพ้ง่ายที่ไม่มีส่วนผสมของสารเคมีนั้นๆ แทน ล หัตถศาสตร์ : ศาสตร์แห่งการดูลายมือ นักอ่านลายมือเชื่อว่าเส้นสำคัญที่เชื่อมโยงกับสุขภาพของคนเราคือเส้นชีวิต ลองมองดูที่มือข้างซ้ายสิ จะเห็นจุดเริ่มต้นของเส้นชีวิตจะอยู่ระหว่างนิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้โค้งยาวลงไปถึงฐานของมือ เส้นนี้แสดงถึงระดับพลังอันเข้มแข็ง ขณะที่เส้นเล็กๆ ที่แยกออกไปจากเส้นนี้บ่งชี้ว่าเจ้าของฝ่ามือกำลังเผชิญกับความเครียด เส้นสมอง ถัดขึ้นไปจากเส้นชีวิต เชื่อมโยงกับเรื่องของอารมณ์ สุขภาพจิต หากมีเส้นตัดจนเกิดเป็นแท่งเล็กๆ แสดงว่าคุณกำลังอยู่ในภาวะซึมเศร้าหรือกังวลเรื่องใดเรื่องหนึ่งอยู่ เส้นหัวใจ เป็นเส้นที่อยู่บนเส้นสมอง เส้นนี้จะบอกเกี่ยวกับชีวิตรักและสุขภาพของหัวใจ ถ้ามีจุดๆ เกาะกลุ่มกันเหมือนเกาะเล็กๆ แสดงว่าคุณมีแนวโน้ม่จะมีปัญหาเกี่ยวกับหลอดเลือด ส่วนเส้นสุขภาพ คือเส้นระหว่างนิ้วก้อยและนิ้วนางที่โค้งลงไปถึงฐานของนิ้วหัวแม่มือ เป็นเส้นที่บ่งชี้ถึงสุขภาพกาย ถ้าเห็นไม่ชัดหรือไม่มีเส้นนี้ แสดงว่าสุขภาพของคุณยังแข็งแรงดีอยู่ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง นวดกดจุด นักนวดกดจุดเชื่อว่าจุดต่างๆ บนฝ่ามือนั้นเชื่อมโยงกับอวัยวะส่วนต่างๆของร่างกาย การนวดกดจุดเหล่านี้สามารถช่วยวิเคราะห์และรักษาอาการผิดปกติต่างๆ ของอวัยวะเหล่านั้นได้ อย่างอวัยวะที่เป็นคู่ เช่น ปอด จะเชื่อมโยงกับจุดบนมือทั้งสองข้าง ขณะที่อวัยวะใดที่อยู่ด้านซ้ายของร่างกายก็จะเชื่อมโยงกับจุดบนมือซ้าย เช่นเดียวกับอวัยวะด้านขวาก็จะปรากฏตำแหน่งของมันอยู่ที่มือขวา นักบำบัดจะรู้เมื่อกดลงไปเจอจุดบอบบางหรือก้อนเล็กๆ ว่ามันกำลังบ่งชี้ถึง พลังอันอ่อนล้า ของอวัยวะส่วนใด คุณสามารถนวดกดจุดฝ่ามือได้ด้วยตัวเอง โดย - ลดอาการคั่งของเลือด : นวดปลายนิ้วโดยเริ่มจากนิ้วก้อยแล้วไล่ไปเรื่อยๆ จนถึงนิ้วหัวแม่มือ จะช่วยลดอาการของไซนัสได้ - ลดความเครียด : บริเวณที่ติดกับฐานของนิ้วหัวแม่มือเชื่อมโยงกับต่อมควบคุมเกลือและน้ำของร่างกายซึ่งจะทำงานหนักเมื่อคุณเครียด ลองนวดเบาๆ สิ จะช่วยลดความตึงเครียดในวันอันแสนยุ่งเหยิงของคุณได้ดีทีเดียว การอ่านลายมือแบบจีน ทางตำราแพทย์จีน รูปทรงของมือสามารถบ่งบอกถึงบุคลิกของคุณได้นะ มาดูสิว่าคุณเป็นคนแบบไหนบ้าง - ฝ่ามือทรงสี่เหลี่ยม-นิ้วสั้น : เป็นคนใฝ่รู้ ชอบฝึกฝนทดลองและขยัน - ฝ่ามือยาว-นิ้วสั้น : เป็นคนที่มีลางสังหรณ์ และบางครั้งก็หุนหัน ใจเร็ว - ฝ่ามือยาว-นิ้วเรียวยาว : เป็นคนอ่อนไหวและมีความเป็นศิลปินอยู่ในตัว - ฝ่ามือเป็นสี่เหลี่ยม-นิ้วยาว : เป็นคนฉลาด ไหวพริบปฏิภาณดี

2
0
ศศิมา อรัญดร
เขียนเมื่อ

10 กิจกรรมใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า

1. อาบน้ำ

        การอาบน้ำด้วยฝักบัวจะทำให้สิ้นเปลืองน้ำน้อยที่สุด ถ้ารูฝักบัวยิ่งเล็กก็จะยิ่งช่วยประหยัดน้ำได้มากขึ้นที่สำคัญ ไม่ควรเปิดน้ำทิ้งไว้ในขณะถูสบู่ ส่วนการอาบน้ำด้วยอ่างอาบน้ำจะใช้น้ำถึงครั้งละ 110 ลิตร แต่ถ้าอาบด้วยฝักบัวจะใช้น้ำเพียงไม่เกิน20 ลิตรเท่านั้น

2. แปรงฟัน

        การแปรงฟันและล้างแปรงแต่ละครั้ง ควรใช้แก้วหรือขันรองน้ำ ซึ่งใช้น้ำแค่

1 - 2 แก้วก็เพียงพอ และไม่ควรเปิดก๊อกทิ้งไว้ขณะแปรงฟัน หรือล้างแปรงจากก๊อกโดยตรง เพราะจะทำให้ต้องสูญเสียน้ำถึง 9 ลิตรต่อนาที

3. โกนหนวด

        เมื่อโกนหนวดเสร็จแล้ว ให้ใช้กระดาษชำระเช็ดฟองครีมออกครั้งหนึ่งก่อน จากนั้นใช้แก้วรองน้ำจากก๊อกมาชำระล้างให้สะอาดอีกครั้ง และล้างมีดโกนโดยการจุ่มน้ำล้างในแก้วหรือขัน จะช่วยให้สิ้นเปลืองน้ำน้อยกว่าการล้างจากก๊อกโดยตรง

4. ห้องสุขา

        ถ้าเป็นห้องน้ำชายอย่างเดียวหรือห้องน้ำรวมชาย-หญิง ควรติดตั้งโถปัสสาวะชายไว้ด้วย โดยแยกต่างหากจากโถอุจจาระ เพราะการชำระล้างโถปัสสาวะจะใช้น้ำน้อยกว่าโถอุจจาระมาก และโถส้วมแบบตักน้ำราดจะสิ้นเปลืองน้ำน้อยกว่าแบบชักโครกหลายเท่าทีเดียว ดังนั้น หากมีความจำเป็นต้องใช้ชักโครก ก็ควรติดตั้งโถปัสสาวะและโถอุจจาระแยกจากกัน

               

5. ล้างอาหาร ผัก ผลไม้

        ควรรองน้ำใส่ภาชนะเท่าที่จำเป็นในการล้างแต่ละครั้ง แทนการเปิดก๊อกล้าง โดยตรงซึ่งแทนที่จะล้างได้สะอาดแต่กลับจะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมากกว่า และถ้าเป็นภาชนะ ที่ยกย้ายได้ ก็อาจจะนำน้ำที่ใช้แล้วไปรดน้ำต้นไม้ได้อีกด้วย

6. ล้างจานชามและภาชนะต่างๆ

        ควรรวบรวมให้มีปริมาณมากพอแล้วใช้กระดาษชำระเช็ดเอาคราบสกปรกออกครั้งหนึ่งก่อน จากนั้นค่อยล้างพร้อมกันในอ่าง จะทำให้สิ้นเปลืองน้ำน้อยและยังใช้เวลาล้างน้อยลงด้วย การล้างจากก๊อกโดยตรงจะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมากกว่า ซึ่งจะสิ้นเปลืองน้ำประมาณ 9 ลิตรต่อนาที

7. เช็ดถูพื้น

        ควรใช้ภาชนะรองน้ำและซักล้างอุปกรณ์ในภาชนะก่อนที่จะนำไปเช็ดถูพื้น เพราะจะช่วยให้สิ้นเปลืองน้ำน้อยกว่าการใช้สายยางฉีดทำความสะอาดพื้นโดยตรง

8. ซักผ้า

        ถ้าซักด้วยมือ ควรแช่ผ้าไว้กับน้ำผงซักฟอกระยะหนึ่งก่อนทำการซัก จะช่วยให้คราบสกปรกหลุดออกง่ายขึ้น ขณะซักก็ไม่ควรปล่อยให้น้ำไหลล้นภาชนะตลอดเวลา เพราะจะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมากถึง 9 ลิตรต่อนาที น้ำสุดท้ายของการซักยังสามารถนำไปใช้เช็ดถูบ้านหรือจะนำไปใช้รดน้ำต้นไม้ใหญ่ก็ได้

 

9. รดน้ำต้นไม้

        ทางที่ดีควรใช้กระป๋องฝักบัวรดน้ำ การใช้สายยางต่อจากก๊อกโดยตรงจะทำให้ สิ้นเปลืองน้ำมากเกินความจำเป็น เพราะตามธรรมชาติต้นไม้ ส่วนใหญ่ต้องการน้ำแต่เพียงพอดี ๆ เท่านั้น และควรรดน้ำต้นไม้ในช่วงเช้าและเย็นก็เพียงพอแล้ว

10. ล้างรถ

        ควรใช้ไม้ขนไก่ปัดฝุ่นออกครั้งหนึ่งก่อนจากนั้นรองน้ำใส่ถังแล้วนำมาเช็ดล้าง

อีกครั้ง ไม่ควรใช้สายยางฉีดล้างโดยตรงเพราะจะทำให้สิ้นเปลืองน้ำในปริมาณมาก และ ทำให้รถผุเร็วขึ้นด้วย

2
0
maveline aristy
เขียนเมื่อ

บันทึกการอ่าน

ครอบครัวนักอ่าน

วันที่   3 ธันวาคม 2556

ครอบครัวของ เด็กหญิง เมเฟอร์ลิน อารีสตี้

เรื่อง โรคเริม

โรคเริม

                            โรคเริม มีชื่อในภาษาอังกฤษว่า Herpes Simplex เป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่งซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัส มีอยู่ 2 ประเภท ประเภทแรกทำให้เกิดแผลบริเวณริมฝีปากทั้งบนและล่างหรือมุมปาก ส่วนประเภทที่สอง มักจะพบบริเวณอวัยวะเพศ โดยในที่นี่ เราจะแนะนำให้รู้จักกับโรคเริมชนิดที่ขึ้นอยู่บนริมฝีปาก

โรคเริมที่เกิดบริเวณริมฝีปาก เกิดจากเชื้อไวรัส Herpes Simplex Virus Type I : HSV-I โดยเชื้อไวรัสจะเข้าสู่ร่างกายประมาณ 6-8 วัน ทำให้ผิวบริเวณนั้นเกิดตุ่มน้ำพองใสเป็นกลุ่ม ๆ กลุ่มละ 2-10 เม็ด ผู้ป่วยจะมีอาการคันหรือเจ็บยิบ ๆ หรือแสบร้อนรอบ ๆ ตุ่มใส โดยตุ่มเหล่านี้จะรวมตัวกันอยู่บนริมฝีปากประมาณ 1-2 วัน แต่บางรายอาจมีอาการนานถึง 1 สัปดาห์ ซึ่งต่อมาจะแตกออกเป็นแผลตื้น ๆ หลายแผลติดกัน ตกสะเก็ด และหายไปในที่สุด แต่ไม่ก่อให้เกิดแผลเป็น โดยโรคนี้เป็นโรคติดต่อชนิดหนึ่ง ทางการสัมผัสโดยตรง เช่น ใช้แก้วน้ำร่วมกัน หรือ การจูบ รวมทั้งการสัมผัสสิ่งของของผู้ที่มีเชื้อด้วย ซึ่งมักพบได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ เชื้อไวรัสเริมไม่สามารถกำจัดได้อย่างเด็ดขาด แต่เชื้อจะมีระยะพักตัว โดยเชื้อไวรัสนี้จะเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ในปมประสาท และอาจกลับมาเป็นซ้ำได้อีกเสมอ ในตำแหน่งเดิมที่เคยเป็นหรือใกล้เคียง

ส่วนสาเหตุการเป็นโรคเริมนั้นอาจเกิดมาจากการนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ความเครียด วิตกกังวลจากการเรียนหรือการทำงาน หรือในช่วงที่สุขภาพร่างกายอ่อนแอ ภูมิต้านทานลดลง ไม่ค่อยสบาย ในรายของหญิงสาวอาจเกิดช่วงระหว่างมีประจำเดือน เพราะเป็นช่วงที่ภูมิคุ้มกันต่ำ โดยวิธีรักษา มีทั้งยากินและยาทา ยารับประทานมีให้เลือก 3 ตัว คือ Acyclovir, Valacyclovir, Famciclovir ซึ่งทั้ง 3 ตัวนี้ไม่ได้ทำให้อาการของโรคหายขาด ใช้เพียงแค่ลดความรุนแรง ลดความถี่และลดระยะเวลาที่เป็นเท่านั้น สำหรับยาทา ช่วยลดอาการปวด ทำให้ผื่นแห้งเร็ว ยาที่นิยมใช้คือ Acyclovir แต่ทางที่ดีควรจะพักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ เพื่อที่จะไม่ให้เกิดโรคนี้ขึ้นดีกว่า.

5
0
maveline aristy
เขียนเมื่อ

บันทึกการอ่าน

ครอบครัวนักอ่าน

วันที่   3 ธันวาคม 2556

ครอบครัวของ เด็กหญิง เมเฟอร์ลิน อารีสตี้

เรื่อง เครดิตบูโร (Credit Bureau) คือ

เครดิตบูโร (Credit Bureau) คือ

                            ข้อมูลเครดิต (Credit Bureau) คือ ข้อมูลที่บ่งบอกถึงประวัติการชำระหนี้หรือสินเชื่อ รวมถึงการชำระบัตรเครดิตของบุคคลจากสถาบันการเงิน ธนาคารพาณิชย์ต่างๆ ผู้ให้บริการสินเชื่อและสินเชื่อบัตรเครดิต ซึ่งรวบรวมข้อมูลโดย บริษัท บัตรเครดิตแห่งชาติ จำกัด

บริษัท บัตรเครดิตแห่งชาติ จำกัด ได้ก่อตั้งขึ้นจากแนวคิดของกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีวัตถุประสงค์หลักสำหรับแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการเงินของลูกค้า เพื่อใช้ข้อมูลในการวิเคราะห์สินเชื่อ ป้องกันการเกิดปัญหาหนี้เสีย หรือ NPL ของสถาบันการเงินต่างๆ เป็นการรักษาระบบเศรษฐกิจของประเทศด้วย

Credit Bureau นั้นจะรวบรวมข้อมูลเฉพาะของการชำระสินเชื่อหรือบัตรเครดิต ประกอบด้วยข้อมูลที่บ่งชี้ตัวบุคคลโดยทั่วไป เช่น เลขประจำตัวประชาชน ที่อยู่ และส่วนหนึ่งเป็นข้อมูลเกี่ยวกับประวัติการชำระสินเชื่อและบัตรเครดิต รวมทั้งหมดเรียกว่า รายงานข้อมูลเครดิต จะมีการบันทึกข้อมูลและจัดการเก็บวงเงินยอดหนี้คงค้าง และประวัติการผิดนัดชำระ ย้อนหลังไม่เกิน 36 เดือน

เครดิตบูโร แท้ที่จริงแล้วไม่มีสิทธิ์ที่จะ Black List ใคร หน้าที่จริงๆ เพียงแค่เก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับประวัติการชำระสินเชื่อทุกบัญชีจากสถาบันการเงินเท่านั้น และสถาบันการเงินจะใช้ข้อมูลนี้ในการพิจารณาสินเชื่อ และในการพิจาณาสินเชื่อก็ขึ้นอยู่กับหลายๆ ปัจจัยประกอบเข้าด้วยกัน ฉะนั้น ทางที่ดีควรอย่าผิดนัดชำระเพื่อรักษาเครดิตของตัวเองเป็นดีที่สุด

 

 

4
0
maveline aristy
เขียนเมื่อ

 

บันทึกการอ่าน

ครอบครัวนักอ่าน

วันที่   3 ธันวาคม 2556

ครอบครัวของ เด็กหญิง เมเฟอร์ลิน อารีสตี้

เรื่อง น้ำที่เด็กดื่มแล้วดื้อ ผู้ใหญ่ดื่มแล้วป่วย

 

       น้ำที่ว่าคือ น้ำอัดลม เป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมอย่างมากไม่ว่าจะยุคสมัยไหนก็ตาม เพราะเมื่อดื่มแล้วจะทำให้รู้สึกสดชื่น ซ่า มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที ดับกระหายได้เป็นอย่างดีโดยเฉพาะหน้าร้อน บางคนนั้นถึงขั้นดื่มทุกวันจนแทนการดื่มน้ำเลยก็ว่าได้

ผลเสียของการดื่มน้ำอัดลม

สำหรับผู้ใหญ่
- ทำให้ท้องอืด แน่นท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ เนื่องจากน้ำอัดลมทำให้เกิดแก๊ซในกระเพราะ เสียงต่อการเป็นโรคกระเพราะด้วย
- นอนไม่หลับ เพราะในน้ำอัดลมผสมคาเฟอีนด้วย ดังนั้น บางคนที่ดื่มน้ำอัดลมในปริมาณมากจะมีอาการปวดศรีษะ ใจสั่นและนอนไม่หลั
- เป็นโรคอ้วนและโรคเบาหวาน ในวารสารโรคเบาหวาน ของอเมริกา ได้กล่าวไว้ว่า การดื่มน้ำอัดลมเพียงวันละกระป๋อง เสี่ยงต่อการเกิดโรคอ้วนและโรคเบาหวาน

   สำหรับเด็ก
มีงานวิจัยออกมา ระบุว่า เมื่อเด็กดื่มน้ำอัดลมเป็นประจำจะทำให้เด็กดื้อ พฤติกรรมก้าวร้าว มีอารมณ์รุนแรง เนื่องจากน้ำอัดลมมีส่วนผสมของน้ำตาลอยู่มาก เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูงจะส่งผลให้เด็กดื้อ โกรธง่ายและก้าวร้าวรุนแรง เป็นลำดับ ตามอัตราส่วนที่บริโภค

รู้แบบนี้แล้วควรหลีกเลี่ยงน้ำอัดลมครับ เพื่อสุขภาพต่อตัวเราเองและเด็กๆ

 

5
1
Vanattapong Sukhontachadnan
เขียนเมื่อ

บันทึกการอ่าน

ครอบครัวนักอ่าน

วันที่บันทึก  3  ธันวาคม  พ.ศ. 2556

ครอบครัวของ ด.ญ.  แมเดอร์ลิน   อารีสตี้

เรื่อง

โทษและพิษภัยของสารเสพติด
  เนื่องด้วยพิษภัยหรือโทษของสารเสพติดที่เกิดแก่ผู้หลงผิดไปเสพสารเหล่านี้เข้า ซึ่งเป็นโทษที่มองไม่เห็นชัด เปรียบเสมือนเป็นฆาตกรเงียบ ที่ทำลายชีวิตบุคคลเหล่านั้นลงไปทุกวัน ก่อปัญหาอาชญากรรม ปัญหาสุขภาพ ก่อความเสื่อมโทรมให้แก่สังคมและบ้านเมืองอย่างร้ายแรง เพราะสารเสพย์ติดทุกประเภทที่มีฤทธิ์เป็นอันตรายต่อร่างกายในระบบประสาท สมอง ซึ่งเปรียบเสมือนศูนย์บัญชาการของร่างกายและชีวิตมนุษย์ การติดสารเสพติดเหล่านั้นจึงไม่มีประโยชน์อะไรเกิดขึ้นแก่ร่างกายเลย แต่กลับจะเกิดโรคและพิษร้ายต่างๆ จนอาจทำให้เสียชีวิต หรือ เกิดโทษและอันตรายต่อครอบครัว เพื่อนบ้าน สังคม และชุมชนต่างๆ ต่อไปได้อีกมาก
โทษทางร่างกาย และจิตใจ
1สารเสพติดจะให้โทษโดยทำให้การปฏิบัติหน้าที่ ของอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกายเสื่อมโทรม พิษภัยของสารเสพย์ติดจะทำลายประสาท สมอง ทำให้สมรรถภาพเสื่อมลง มีอารมณ์ จิตใจไม่ปกติ เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ง่าย เช่น วิตกกังวล เลื่อนลอยหรือฟุ้งซ่าน ทำงานไม่ได้ อยู่ในภาวะมึนเมาตลอดเวลา อาจเป็นโรคจิตได้ง่าย
2. ด้านบุคลิกภาพจะเสียหมด ขาดความสนใจในตนเองทั้งความประพฤติความสะอาดและสติสัมปชัญญะ มีอากัปกิริยาแปลกๆ เปลี่ยนไปจากเดิม
3. สภาพร่างกายของผู้เสพจะอ่อนเพลีย ซูบซีด หมดเรี่ยวแรง ขาดความกระปรี้กระเปร่าและเกียจคร้าน เฉื่อยชา เพราะกินไม่ได้ นอนไม่หลับ ปล่อยเนื้อ ปล่อยตัวสกปรก ความเคลื่อนไหวของร่างกายและกล้ามเนื้อต่างๆ ผิดปกติ
4ทำลายสุขภาพของผู้ติดสารเสพติดให้ทรุดโทรมทุกขณะ เพราะระบบอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายถูกพิษยาทำให้เสื่อมลง น้ำหนักตัวลด ผิวคล้ำซีด เลือดจางผอมลงทุกวัน
5. เกิดโรคภัยไข้เจ็บได้ง่าย เพราะความต้านทานโรคน้อยกว่าปกติ ทำให้เกิดโรคหรือเจ็บไข้ได้ง่าย และเมื่อเกิดแล้วจะมีความรุนแรงมาก รักษาหายได้ยาก
6. อาจประสบอุบัติเหตุได้ง่าย สาเหตุเพราะระบบการควบคุมกล้ามเนื้อและประสาทบกพร่อง 
ใจลอย ทำงานด้วยความประมาท และเสี่ยงต่ออุบัติเหตุตลอดเวลา
7เกิดโทษที่รุนแรงมาก คือ จะเกิดอาการคลุ้มคลั่ง ถึงขั้นอาละวาด เมื่อหิวยาเสพติดและหายาไม่ทัน เริ่มด้วยอาการนอนไม่หลับ น้ำตาไหล เหงื่อออก ท้องเดิน อาเจียน กล้ามเนื้อกระตุก กระวนกระวาย และในที่สุดจะมีอาการเหมือนคนบ้า เป็นบ่อเกิดแห่งอาชญากรรม
โทษพิษภัยต่อครอบครัว
1ความรับผิดชอบต่อครอบครัว และญาติพี่น้องจะหมดสิ้นไป ไม่สนใจที่จะดูแลครอบครัว
2ทำให้สูญเสียทรัพย์สิน เงินทอง ที่จะต้องหามาซื้อสารเสพติด จนจะไม่มีใช้จ่ายอย่างอื่น และต้องเสียเงินรักษาตัวเอง 
3ทำงานไม่ได้ขาดหลักประกันของครอบครัว และนายจ้างหมดความไว้วางใจ
4สูญเสียสมรรถภาพในการหาเลี้ยงครอบครัว นำความหายนะมาสู่ครอบครัวและญาติพี่น้อง

  ผู้ที่ติดสารเสพติดนอกจากจะเป็นผู้ที่มีความรู้สึกว่าตนเองด้อยโอกาสทางสังคมแล้ว ยังอาจมีพฤติกรรมนำไปสู่ปัญหาด้านต่างๆ แก่สังคมได้ เพราะ
1. ก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรม และอุบัติเหตุอันตรายต่างๆ ต่อตนเองและผู้อื่นได้ง่ายตลอดจนเป็นปัญหาของโรคบางอย่าง เช่น โรคเอดส์
2. ถ่วงความก้าวหน้าของชุมชน สังคม โดยเป็นภาระต่อส่วนรวม ที่ประชาชนต้องเสียภาษีส่วนหนึ่งมาใช้ในการปราบปรามบำบัดผู้ที่ติดสารเสพติด
3. สูญเสียแรงงานโดยไร้ประโยชน์บั่นทอนประสิทธิภาพ ของผลผลิต ทำให้รายได้ของชาติในส่วนรวมกระทบกระเทือน และเป็นการสูญเสียทางเศรษฐกิจของชาติ
4. เนื่องจากสภาพเป็นคนอมโรคมีความประพฤติและบุคลิกลักษณะ เสื่อมจนเป็นที่รังเกียจ
ของสังคม ทำให้เป็นคนไร้สติในวงสังคม โอกาสที่จะประกอบกิจที่ผิดศีลธรรมเพื่อแลกเปลี่ยนกับสิ่งเสพย์ติด เช่น พูดปด ขโมย หรือกลายเป็นอาชญากร เพื่อแสวงหาเงินซื้อสารเสพติดสิ่งเหล่านี้ล้วนทำลายอนาคตทำลายชื่อเสียงของตนเองและวงศ์ตระกูล
โทษที่ก่อให้เกิดกับส่วนรวมและประเทศชาติ
รัฐบาลต้องสูญเสียกำลังคน และงบประมาณแผ่นดินจำนวนมหาศาล เพื่อใช้ในการป้องกันปราบปรามและบำบัดรักษาผู้ติดสารเสพติด ทำให้ต้องสูญเสียทรัพยากรบุคคลอันมีค่า เกิดความไม่สงบสุขของบ้านเมือง ความมั่นคงของประเทศชาติถูกกระทบกระเทือน ประชาชนเดือนร้อนเพราะเหตุอาชญากรรม ประเทศชาติต้องสูญเสียกำลังของชาติอย่างน่าเสียดาย โดยเฉพาะผู้ติดสารเสพติดเป็นเยาวชน
การป้องกันการติดยาเสพติด
การป้องกันตนเอง
1. ควรศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับการใช้ยาอย่างถูกวิธี และเหมาะสมกับการเจ็บป่วย
2. ไม่ทดลองเสพสิ่งเสพติดทุกชนิด หรือเสพสิ่งที่รู้ว่ามีภัย เพราะติดง่าย เลิกยาก และมี
อันตรายต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจ
3. การคบเพื่อนควรเลือกคบเพื่อนที่ดี หลีกเลี่ยงเพื่อนที่ชอบชักจูงไปในทางเสื่อมเสีย
4. ควรรู้จักใช้ความคิด และใช้เหตุผลในการแก้ไขปัญหา กรณีที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้
ด้วยตนเอง ควรปรึกษา พ่อ แม่ ผู้ปกครอง ครูอาจารย์ หรือญาติผู้ใหญ่ที่สนิทและ

ไว้วางใจมาช่วยแก้ไขปัญหา
5. รู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์

6
0
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท