ดอกไม้


ทิมดาบ
เขียนเมื่อ

อังคาร 15 เมษายน 2557 : 13.30 น.

เตรียมน้ำหอม...ขันน้ำ...ดอกไม้...เสื้อ...และเงิน

และความรัก...

พาเด็กๆ มารดน้ำดำหัวย่า (โผ่)

เป็นสงกรานต์อีกปีที่มีความสุข...

 

9
4
ยายธี
เขียนเมื่อ

  "กุ้ง..นาง..สีเขียว"

  กุ้งนางตัวจิริง..เกือบสูญพันธุ์ไปจากแม่น้ำไปแล้วเหมือนกัน..กิโลพันกว่าบาท..ในตลาด..บนจานก็..ตัวละแปดร้อย..รับประทาน..แบบ"ติ้ดบนจาน"..ก็อิ่ม..แถม..สุขภาพ..ไม่อ้วน....(ขอให้เจริญ..อาหาร)..เจ้าค่ะ...

สูตรนี้..ใช้ผักชีมากหน่อย...เขาว่าผักชีมี..สารเป็นประโยชน์...ผักชีปลูกไม่ยาก..โรยๆใส่ขวดพลาสคิกตัดครึ่ง..แบบไม่ต้องห่วงรดน้ำ..มีแนะนำในหน้าโกทูโน..(จำไม่ได้แล้ว..อิอิ..ของใคร.อ้ะะ)...เจริญอาหารกับมายาคติ..ดีๆๆสุขภาพดี..ถ้วนทั่ว..

9
3
เพชรน้ำหนึ่ง
เขียนเมื่อ

_วันนี้....

_เช้าๆสรงน้ำพระที่บ้าน...

_รดน้ำดำหัว...พระในบ้าน....

_บ่ายๆพาพระในบ้านไปเที่ยว...

_ครบรอบ 69 ปีของแม่นันทา สืบวงศ์

_พาไปช๊อป...ชิม...แช๊ะภาพ..ชะหน่อย...

_มีคนบอก.....อิ่มจัง...ตังค์อยู่ครบ..อิๆ

15
5
Wasawat Deemarn
เขียนเมื่อ

| อนุทิน ... ๕๕๖๔ |

"ร้อน ๆ"

เคลื่อนตัวมาถึงมหาวิทยาลัยในวันหยุดนี้
ถนนรถว่างเชียว นักท่องเที่ยวเดินทางกลับแล้วเป็นส่วนใหญ่
ที่เหลือคงอยู่เที่ยวต่อในสถานที่ต่าง ๆ

อยู่บ้านก็เปลืองไฟ เปลืองเงิน เปลืองข้าว
ดังนั้น แวะมาเปลืองที่ทำงานดีกว่า 555

อันที่จริง ตอนบ่ายที่บ้่านร้อนมาก ๆ
นอนให้ลมพัดไม่ไหว
หนีมาเตรียมสอนพรุ่งนี้ดีกว่า

ฮ้อน ๆ

6
5
ภูสุภา
เขียนเมื่อ

กินตามที่คิดคำนวณไว้เช่นควรรับสารอะไรเข้าไป เท่าไหร่ 
และกินโดยไม่ต้องแปลงสภาพมากนักเช่นไข่ต้ม ผักสดหรือลวก ปลาปิ้ง(ซื้อเอา)กินกับพริกน้ำปลาเล็กน้อย(ระวังไม่กินเค็ม)หรือเด็ดพริกกินสด ๆ

คนที่เคยกินข้าวด้วยกันเริ่มห่างหาย ฮ่า ๆ เพราะกินแบบไม่มีรสนิยม

9
3
โอ๋-อโณ
เขียนเมื่อ

หลายๆรายงานยืนยันเหมือนกันว่า วิตะมินรวมไม่ได้มีประโยชน์ที่แท้จริงกับร่างกายของคนไม่ว่าจะเป็นกลุ่มไหนๆ ไม่ได้ลดอัตราการเกิดโรคหัวใจซ้ำ ไม่ได้ช่วยให้ความจำคงอยู่ แถมบางการศึกษายังแสดงให้เห็นว่าการกินวิตะมินเสริมมากเกินอย่าง วิตะมินเอ วิตะมินอีนี่มีผลร้ายด้วยซ้ำ สรุปว่าไม่ว่าจะวัยไหน กินอาหารให้ครบถ้วน ไม่ต้องไปเสียเงินกันวิตะมินรวมกันเปล่าๆ รายงานทั้ง 4 เรื่องคือ TACT (Trial to Assess Chelation Therapy) Investigators. Oral high-dose multivitamins and minerals after myocardial infarction: a randomized trial. Ann Intern Med. 2013;159:797-805. และ Long-term multivitamin supplementation and cognitive function in men: a randomized trial. Ann Intern Med. 2013;159:806-814. ส่วนชิ้นนี้เป็นการทบทวนรายงานต่างๆ Vitamin and mineral supplements in the primary prevention of cardiovascular disease and cancer: an updated systematic evidence review for the U.S. Preventive Services Task Force. Ann Intern Med. 2013;159:824-834. http://annals.org/article.aspx?articleid=1767855 Accessed March 27, 2014. ส่วนเรื่องสุดท้ายนี่เป็นบทบรรณาธิการ ตั้งชื่อไว้ตรงไปตรงมาเลยค่ะ Enough is enough: stop wasting money on vitamin and mineral supplements. Ann Intern Med. 2013;159:850-851.

เชื่อว่าคนไทยเราก็มีไม่น้อยที่ยอมเสียเงินซื้อวิตะมินกินเสริม รวมทั้งอาหารเสริมต่างๆก็น่าสนใจหาข้อมูลให้ดีก่อนเสียเงินโดยใช่เหตุเหมือนกันนะคะ

6
0
ต้นโมกข์
เขียนเมื่อ

      อยากพูดเรื่องโฆษณานี้มานานมาก เพราะเป็นสิ่งที่พบเห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน โฆษณาชิ้นนี้เป็นขององค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT (Anti-Corruption Organization of Thailand) โดยมีชื่อตอนที่แตกต่างกัน ในที่นี้ผมจะวิจารณ์เฉพาะเรื่อง ลูกคนโกง

      เนื้อหาในโฆษณาดังกล่าว เป็นเรื่องราวของเด็กนักเรียนคนหนึ่งนั่งหน้าเศร้าอยู่บนชิงช้า เมื่อแม่ของเด็กน้อยถามว่าทำไมไม่ไปเล่นกับเพื่อนๆ คำตอบที่ได้รับก็คือ เพื่อนๆ บอกว่าไม่อยากเล่นกับ “ลูกคนโกง” แล้วเด็กคนนี้ก็ถามแม่ตัวเองว่าบ้านเรานั้นโกงจริงหรือ จากนั้น ก็เป็นภาพของคุณแม่ที่มีตัวอักษรเป็นวลีว่า “รวยเพราะโกง” ปั๊มอยู่บนหน้าผาก พร้อมด้วยแม่ๆ ของเด็กคนอื่นๆ ที่ยืนชี้หน้าตะโกนคำว่าขี้โกงใส่ และมีแม่คนหนึ่งที่ยิงคำถามว่า “สงสารลูกบ้างมั้ย”

     ประเด็นที่ผมอยากจะนำเสนอก็คือ หลายคนอาจรู้สึกสะใจ ที่เห็นวิธีการจำกัดคนโกงด้วยวิธีที่ง่ายๆ เป็นรูปธรรม และโครงสร้างทางวัฒนธรรมไทยนั้นบอกให้เรารับรู้ว่านี่เป็นวิธีที่ได้ผล แต่คำถามของผมก็คือ แล้วได้ผลยาวนานมากไหม ในโฆษณาชิ้นนั้น การลงโทษทางสังคม (social sanction)[1] มันทั้งสะอกสะใจและทันอกทันใจ ยิ่งเลือกคนแสดงเป็น “แม่ผู้ถูกตีตราว่าโกง” อาจทำให้รู้สึกว่าคนที่ทำนั้นสมควรที่จะได้รับการลงโทษ แต่ในสภาพความเป็นจริงแล้ว มันไม่ใช่เป็นอย่างนั้นเสมอไป  โดยส่วนตัวแล้วผมเห็นว่า โฆษณาชุดนี้ และอีกหลายชุดในความคิดรวบยอดว่า “อย่ามีที่ยืนให้กับคนโกง” เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจมาก เหตุผลของผมมี ดังนี้

    1. การที่ผู้จัดทำโฆษณาชุดนี้เป็น องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT (Anti-Corruption Organization of Thailand)  มีความคิดที่บุคคลเท่านั้นเป็นต้นเหตุของการคอรัปชั่น แต่ไม่เคยมองไปที่โครงสร้างของสังคมว่ามีจุดรั่วตรงไหนบ้างที่อาจก่อให้เกิดการคอรัปชั่นได้ ผมเห็นว่าองค์กรนี่น่าจะมีการทบทวนความคิดในเรื่องนี้เสียใหม่ครับ

    2. ผมเองเป็นคนที่เกลียดการโกงหรือการคอรัปชั่นเป็นที่สุด แต่อย่างที่กล่าวข้างต้นแล้วว่า การสร้างค่านิยมให้บุคคลเกลียดกลัวการโกงนั้นอาจช่วยให้การโกงลดลงอยู่บ้าง เพราะเป็นการเพิ่มต้นทุนให้กับผู้ที่จะทำการคอรัปชั่น สาเหตุของการจะที่โกงก็คือ การคอรัปชั่น เป็น “ความเย้ายวน” (Temptation) ที่เป็นผลตอบแทนจากการคอรัปชั่นที่มี “มากกว่า” รายได้หรือเงินเดือนเจ้าหน้าที่รัฐ ด้วยเหตุนี้ เมื่อเจ้าหน้าที่รัฐมีโอกาสเมื่อไหร่ พวกเขาจึงพร้อมที่จะแสวงหาประโยชน์จากตำแหน่งหรือใช้อำนาจหน้าที่นั้นแสวงหาประโยชน์ ไม่ว่าจะด้วยการใช้ดุลยพินิจในการตัดสินใจให้ใบอนุญาต การเรียกรับสินบนระหว่างตรวจการจ้าง การขอแบ่งเปอร์เซ็นต์จากผู้รับเหมาในการการคัดเลือกผู้รับจ้างหรือลงนามในสัญญา แต่ความเย้ายวนดังกล่าวนี้จะถูกจำกัดด้วยบทบาทของความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตัวเอง แต่ทั้งหมดที่กล่าวมานี้สามารถกล่าวได้โดยสรุปว่า การที่เจ้าหน้าที่รัฐจะตัดสินใจเช่นนี้ได้ พวกเขาจะต้องตัดสินใจ บน “ตรรกะ” พื้นฐานที่ว่า ต้นทุนของการคอรัปชั่นนั้นต้อง “ต่ำกว่า” ผลประโยชน์ที่พวกเขาได้รับจากการคอรัปชั่น เว้นแต่ว่าพวกเจ้าหน้าที่เกรงกลัวการที่จะถูกจับได้ ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเป็นผลจากโฆษณาชิ้นนี้ (โปรดสังเกตว่านี้เป็นผลจากสภาพสังคมที่กำลังผลัดเปลี่ยนไปสู่ทุนนิยมเสรีโดยแท้ )

    3. การที่ตีหน้าว่าลูกคนโกง ไม่ควรจะได้รับความสนใจจากผู้คนรอบข้าง ผมถามว่านี่ยุติธรรมต่อตัวเด็กหรือไม่ หากพ่อหรือแม่ทำความผิด คนที่ต้องได้รับโทษตามความผิดต้องเป็นพ่อหรือแม่เท่านั้น เด็กที่ไม่มีผลกับการโกงจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้อย่างไร การจับเด็กเป็นตัวประกันทางศีลธรรม กล่าวให้ง่ายก็คือ เมื่อทำกับพ่อหรือแม่ของเด็กไม่ได้ จึงต้องมาทำกับลูก ข่มขืนทางศีลธรรมกับลูกไปพลางๆก่อน ส่วนเรื่องพ่อหรือแม่ไว้จัดการ หรือไม่เคยจัดการกับตัวผู้เป็นสาเหตุหลักเลย ประเด็นที่ผมอยากถามมากก็คือ ทำไมเด็กๆที่เป็นเพื่อนจึงรู้ว่าพ่อหรือแม่ของเด็กคนนี้เป็นคนโกง พวกแม่ๆที่อยู่รอบข้างบอกเรื่องนี้ให้กับลูกๆหรือไม่ ถ้าบอก ผมว่านี่แหละก็คือโครงสร้างแบบระบบอุปถัมภ์ในแง่ค่านิยมแบบไทยๆ ที่ผู้ใหญ่ไม่ชอบอะไรแล้ว ก็ต้องสั่งสอนให้เด็กๆทำตามอย่างตนด้วย ในที่สุดผู้เป็นลูกเองก็รับความรุนแรงเชิงโครงสร้างนี้เข้าไปในตัวเขา และเป็นของเขาไปโดยปริยาย   

     4. ประเด็นที่ผมต้องการจะนำเสนอมากที่สุพก็คือ ความรุนแรงเชิงวัฒนธรรม หรือเชิงโครงสร้างในสังคมไทย ความรุนแรงเชิงวัฒนธรรมนั้นไม่ได้นำเสนอภาพแต่เพียงการฆ่าฟัน การแก้แค้น แต่เป็นภาพที่ปรากฏในโฆษณาเหล่านี้ ที่ไม่มีแม้แต่การฆ่าฟัน แต่มันเป็น hate speech กล่าวคือ การดูถูกคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เหตุที่ดูถูกก็เพราะเขาถูกมองว่าแตกต่างจากคนอื่นที่เป็นคนปกติ ไม่ว่าจะโดยเชื้อชาติ ศาสนา ชาติพันธุ์ ความเชื่อ สีผิว หรือแม้แต่เพศสภาพ จะเป็นอะไรไปหละ ถ้าเรามองคนเหล่านี้ในแง่ที่ไม่ดี สังคมก็ตีตรา (เหมือนกับที่เขียนติดหน้าผาก) ว่าไม่ดี สมควรแล้วที่จะได้รับการลงโทษ อนึ่งในสังคมประชาธิปไตยโดยทั่วไป เราต้องสนับสนุนให้เกิดกระบวนการยุติธรรมที่เปิดกว้างให้แก่คนทุกคน ถึงแม้ว่าเขาหรือหล่อนจะทำผิด แต่การทำผิดของเขาหรือหล่อนก็ต้องได้รับโทษานุโทษตามกรณี เมื่อเขากลับเข้ามาในสังคมนี้ใหม่ สมควรแล้วหรือที่สังคมจะตราหน้าว่าเขายังไงก็ยังเป็นคนผิดอยู่

       ทำอย่างไรถึงจะเกิดการสนับสนุนให้เกิดระบบยุติธรรมที่กว้างขวางต่อผู้คนเสียที    

มีวิดีโอจากยูทูปประกอบครับ

 http://youtu.be/U2IlCGSS1Uo

 

 

 

[1] การลงโทษทางสังคม ก็เหมือนกับคนไทยสมัยก่อน มีการกล่าวหาเพื่อนบ้าน (โดยเฉพาะผู้หญิง)ที่ชอบทำตัวแปลกๆว่าปอบมากินตับแล้ว

6
1
วราภรณ์
เขียนเมื่อ

วันนี้ีฉันได้มีโอกาสพูดคุยกับเพื่อนนักศึกษาครูสมาธิท่านหนึ่่งที่ลาออกจากราชการ
ตั้งแต่อายุ ๕๐ ปี น่าเสียดายความรู้ความสามารถยิ่งนัก

"พี่โดน สมศ.ทำร้ายจน่บอบช้ำ ต้องรับผิดชอบงานทั้งโรงเรียนฝ่ายบริหารก็ไม่ช่วย...ปิดเทอมแทบไม่ได้หยุด ขณะที่คนอื่นไปเที่ยวกันอย่างสนุกสนานพี่ได้หยุดอย่างมากก็อาทิตย์เดียว วันเสาร์ อาิทิตย์พี่ก็ต้องมาทำงานแทบทุกอาทิตย์....พี่พอแล้ว ขืนพี่อยู่ต่อไปคงไม่มีเวลาทำอะไรเพื่อตัวเอง..."

นี่แหละระบบราชการใครทำงานดี รับผิดชอบสูง ทำกันจนวันตาย
ขณะที่คนไร้ความรับผิดชอบ เช้าชาม เย็นชาม สามารถอยู่จนเกษียณอายุ
อย่างมีความสุข...

....เสียดายคนดียิ่งนัก... ช่วยกันรักษาดีไหม ให้กำลังใจเขาบ้าง
อย่าใช้งานเขาหนักมากไปจนเขาทนไม่ได้...

ธรรมทิพย์
๒๕ มกราคม ๒๕๕๗

13
1
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
เขียนเมื่อ

ภาพกิจกรรมวันนี้..ก่อนสอนพิเศษ และ หลังจากสอนพิเศษ..ให้นักเรียนชั้น ป.๓

14
1
Wasawat Deemarn
เขียนเมื่อ

| อนุทิน ... ๕๔๗๑ |

"..."

เรียนรู้จากความเหงา เพื่อจะได้รู้จักใจของเราให้มากขึ้น

เชียงใหม่ (ยามตาจะปิด)
๒๕ ม.ค.๕๗

17
3
Wasawat Deemarn
เขียนเมื่อ

| อนุทิน ... ๔๙๐๕ |

"สมการชีวิต"

ที่มา : http://www.pixpros.net/forums/showthread.php?t=73989&page=2

สมการชีวิต

โง่ + ขยัน = เหนื่อย
โง่ + โลภ = เหยื่อ
โง่ + ขี้เกียจ = ยากจน
โง่ + บริโภคนิยม = หมดตัว
โง่ + ช้า = ล้าหลัง
โง่ + รีบร้อน = สะดุด
โง่ + อดทน = ถึงจุดหมาย แต่ช้าหน่อย
โง่ + ขยัน + อดทน = ลืมตาอ้าปากได้
โง่ + ซื่อสัตย์ = คนเมตตา
โง่ + กตัญญู = พระคุ้ม
โง่ + เรียนรู้ = ไม่โง่

ฉลาด + ขยัน = ความสำเร็จ
ฉลาด + อดทน = ความเจริญ
ฉลาด + ขี้เกียจ = โกง
ฉลาด + ขี้เกียจ + โลภ = โคตรโกง
ฉลาด + โอกาส = ติดปีก
ฉลาด + โอกาส + ขยัน = ติดจรวด
ฉลาด + กตัญญู = สัตบุรุษ
ฉลาด + ซื่อสัตย์ = ยอดคน
ฉลาด + ไม่เรียนรู้ = ไม่ฉลาด

โลภ + ขี้เกียจ = ชีวิตหมดไปกับการหาทางลัด
โลภ + ขยัน = รวย
โลภ + โกรธ = โรคหัวใจ

โกรธ + เกลียด = ไฟในอก
โกรธ + อโหสิ = สวรรค์

รัก + หลง = อุปาทาน
รัก + ใจร้อน = ชิงสุกก่อนห่าม
รัก + ใจเย็น = ไม้เท้ายอดทอง ตะบองยอดเพชร
รัก + เข้าใจ = รักจริง
เข้าใจ + ให้อภัย = รักแท้
รัก + อดทน = บ้านเย็น
รัก + อกหัก = ปรากฏการณ์ธรรมชาติ

อกหัก + เหล้า = ยืดเวลาอกหัก
อกหัก + เข้าใจ = ลดเวลาอกหัก
อกหัก + เมตตา = หายอกหัก

ความรู้ + ความโลภ = โมหะ
ความรู้ + ความหลง = เอาตัวไม่รอด
ความรู้ + จริยธรรม = ปัญญา

สติ + ปัญญา = ความเจริญ

จินตนาการ + ความคิดสร้างสรรค์ = นวัตกรรมด้านบวก
จินตนาการ + โมหะ = นวัตกรรมด้านลบ
จินตนาการ + อารมณ์ลบ = ฟุ้งซ่าน

ปัญหา + กลุ้มใจ = ปัญหา + กลุ้มใจ
ปัญหา + วิเคราะห์ = ลดปัญหา

ใจเย็น + รอบคอบ = สำเร็จมั่นคง
รีบร้อน + มีแผน = วิ่งสะดุด
รีบร้อน + ไม่มีแผน = วิ่งอยู่กับที่

รวย + เมตตา = บุญ
รวย + ธรรม = กุศล

ทำบุญ + ชื่อเสียง = แบกโลก
ทำบุญ + ชาติหน้า = การลงทุน
ทำบุญ + เมตตา = ปล่อยวาง

ไม่เข้าใจ + ไม่ปล่อยวาง = อุปาทาน
เข้าใจ + ไม่ปล่อยวาง = โซ่ตรวน
เข้าใจ + ปล่อยวาง = เย็น

สูตรชีวิตสำเร็จ

ขยัน + อดทน + เรียนรู้ + ใจเย็น + เมตตา + ปล่อยวาง = ความเจริญรุ่งเรืองทั้งทางโลกและจิตใจ

 

(เครดิตนี้เป็นของคุณ Conansakon)

 

ขออภัยครับ ยาวไปหน่อย แต่ประโยชน์ที่พึงมีน่าจะคุ้มค่าครับ ;)...

14
0
ดร. ธวัชชัย ปิยะวัฒน์
เขียนเมื่อ

เมื่อกี้ลองหาข้อมูลเกี่ยวกับ Paspberry Pi ปรากฎว่าเดี๋ยวนี้ซื้อให้ส่งมาประเทศไทยได้ง่ายขึ้นแล้วและไม่แพงด้วย ถ้ามีเวลาว่างก็น่าซื้อมาเขียนโปรแกรมเล่นเหมือนกัน

4
2
ดร. ธวัชชัย ปิยะวัฒน์
เขียนเมื่อ

แก้ปัญหาที่สมาชิกไม่สามารถเข้าแผงจัดการได้แล้วนะครับ หากสมาชิกยังเจอปัญหาผมรบกวนแจ้งอีกครั้งนะครับ ขอบคุณครับ

10
3
คุณมะเดื่อ
เขียนเมื่อ

โหล ๆๆๆๆๆๆๆ  ทดสอบ  ทดสอบ....

 

13
4
Wasawat Deemarn
เขียนเมื่อ

| อนุทิน ... ๔๓๑๗ |

"วันพระใหญ่ วันพระเล็ก วันธรรมดา"

วันวิสาขบูชา วันพระใหญ่
ผมขี่รถเครื่องใช้เส้นทางถนนสุเทพ
ผ่านหน้าวัดสวนดอกเสมอ

วันนี้รถติดหนักมาก
เพราะมีรถเลี้ยวเข้าสู่วัดสวนดอก
แบบมโหฬารและมหาศาล

จะว่าไปก็เป็นแบบนี้ทุกปี
สำหรับวันพระใหญ่เช่นนี้

มุมหนึ่งก็น่าดีใจที่เรามีพุทธศาสนิกชนที่ดีมากมาย

แต่คิดอีกแง่หนึ่ง (เหมือนที่ผมเคยเขียนไว้เหมือนนานมาแล้ว)

ประเทศไทยมีวันพระใหญ่อยู่ไม่กี่วัน
แล้ววันพระเล็ก (แบบธรรมดา)
หรือวันที่ไม่ใช่วันพระล่ะ

เขาจะทำบุญกันไหม

หรือเขามีความเชื่อว่า

หากทำบุญวันพระใหญ่ จะได้บุญมาก
หากทำบุญวันพระเล็ก จะได้บุญธรรมดา
และหากทำบุญวันธรรมดา ก็จะได้บุญน้อยยิ่งกว่าธรรมดา

ดังนั้น รถน่าไม่น่าจะติดวันวิสาขบูชาวันเดียว
แต่น่าจะทยอยติดทุกวันมากกว่า
หรือทยอยกันมาจนรถไม่ค่อยติด

พระพุทธองค์ไม่ได้สอนเรื่องนี้สักกะหน่อย
ทำบุญวันไหน ตอนไหน ได้บุญทั้งสิ้น
หากจิตใจเป็นกุศลแท้ ;)...

5
4
ดร. ธวัชชัย ปิยะวัฒน์
เขียนเมื่อ

WORLD'S MOST DANGEROUS RIDE - YouTube

โอ.....​ยอมแพ้ ให้ผมไปปั่นจักรยานหรือขับมอเตอร์ไซต์ในถนนอย่างนี้คงไม่กล้าแน่นอน

3
2
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท