อนุทินล่าสุด


Kulthida Saito
เขียนเมื่อ

เพราะเขารู้เมืองไทยมีดี.

        จากรายงานการวิเคราะห์ของสำนักท่องเที่ยวในประเทศจีนพบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวจีนจำนวนมากนิยมมาท่องเที่ยวในประเทศไทย และในทุกๆปีก็มีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แสดงให้เห็นถึงเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และส่งผลให้คนจีนยินดีที่จะจ่ายเงินไปกับการท่องเที่ยวเพื่อหาความสุขให้กับตัวเองและครอบครัว
        สิ่งที่น่าสนใจในเมืองไทยนั้นมีมากและดึงดูดใจนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี เช่น บรรยากาศและแหล่งท่องเที่ยวมากมาย สินค้าราคาถูกและดีมีคุณภาพ อาหารไทยที่รสชาติโดดเด่นมีเอกลักษณ์ ขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีงาม อีกทั้งคนไทยยังมีอัธยาศัยดี เป็นมิตรยิ้มง่ายจึงทำให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักในเรื่องของการยิ้มหรือที่เรียกกันว่า(สยามเมืองยิ้ม)
        จากการสำรวจจะเห็นได้ว่าคนจีนใช้จ่ายไปในเรื่องของการท่องเที่ยวที่พักเพื่อผ่อนคลายและช็อปปิ้งเป็นส่วนใหญ่ ที่พักเน้นสะดวก ใกล้สถานที่ท่องเที่ยว อาหารอร่อย บริการดี มีกิจกรรมภายในที่พัก ส่วนการช็อปปิ้งเน้นการซื้ออาหาร ขนมกินเล่น เครื่องสำอาง และของที่คนจีนชอบซื้อกลับบ้านหรือนำไปเป็นของฝากนั้นคือ สมุนไพร งานฝีมือ เครื่องสำอาง หรือแม้กระทั่งซื้อไปขายต่อ คือ สมุนไพรไทย เสื้อผ้า เพราะมีราคาถูกและคุณภาพดี 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
Kulthida Saito
เขียนเมื่อ

ให้อดีตเตือนปัจจุบัน.

        จากเหตุการณ์ในอดีตแสดงให้เห็นแล้วว่าวิกฤตการณ์การเงินเกิดขึ้นเพราะอะไร มีสาเหตุมาจากอะไรบ้างที่ทำให้ระบบการเงินของประเทศล้มละลาย สร้างความเดือดร้อนให้ประเทศมากมายขนาดนี้ ธนาคารปิดตัวลง บริษัทอสังหาริมทรัพย์ล้มละลายและทิ้งตึกสูงเฉียดฟ้าไว้ จนสร้างความสงสัยให้กับคนรุ่นหลังที่ไม่เคยรู้เรื่องราวมาก่อนว่าทำไม? ทำไมนะ? ตึกที่ทั้งสูง รูปทรงแปลกตา ที่ดูเหมือนจะสร้างเสร็จแล้ว และเหลือเพียงการตกแต่งเท่านั้น แต่กลับปล่อยทิ้งร้างไว้ทั่วกรุงเทพมหานคร ทำไมเจ้าของถึงไม่สร้างให้เสร็จ บางคนถึงกับลาโลกไป

       คาดว่าวิกฤตการณ์ทางการเงินในอนาคตไม่น่าจะเกิดความรุนแรงมาก เพราะจากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อ20ปีก่อน บอกถึงความผิดพลาดของการตัดสินใจ และการจัดการหลายๆอย่างที่ขาดความรู้และเชี่ยวชาญ เพราะเป็นเหตุการณ์ครั้งแรกของประเทศที่สร้างความเสียหายขนาดนี้ ถึงแม้ในอนาคตจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นอีกเชื่อว่าหลายๆคนที่เคยรับรู้เรื่องราวหรือได้รับผลกระทบต้องเตรียมรับมือไว้บ้าง

        จากเหตุการณ์ครั้งก่อนทำให้การลงทุนหรือการใช้จ่ายเงินต่างๆในปัจจุบันต้องคิดให้มาก หากจะฝากเงินก็ควรเลือกสถาบันการเงินที่ปลอดภัย ไม่ส่งผลกับเงินฝากของเรามากนักเช่น ธนาคารของรัฐบาล แม้จะเกิดวิกฤตแต่รัฐบาลก็ยังจ่ายเรากลับคืน การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ต่างๆจัดการวางแผนให้ดี เพราะการกู้ยืมในระยะยาวเสี่ยงต่อปัญหาต่างๆรอบด้าน ไม่มีใครรู้ว่าวิกฤตนี้จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่แต่การไม่มีหนี้คือสิ่งที่ดีที่สุด



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
Kulthida Saito
เขียนเมื่อ

เที่ยวไทยสบายกระเป๋า

        ปัจจุบันผู้คนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวมากขึ้น เพราะการออกไปเที่ยวเหมือนการเอาความทุกข์ไปทิ้งและนำความสุขกลับมา หาแรงบันดาลใจใหม่ๆหรือแม้แต่การกระชับความสัมพันธ์ของเครือญาติที่นัดพบกันในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เพื่อสร้างความประทับใจต่อกัน หลังจากที่ห่างหายกันไปด้วยภาระหน้าที่ และอยากกลับมาเจอกันอีกครั้ง

        สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองไทยนั้นมีมากมายและสวยงาม อีกทั้งราคาสินค้ายังถูก ทำให้คนไทยและต่างชาติพากันเที่ยวชม บรรยากาศต่างๆของไทย ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นเหนือเพื่อรับอากาศที่บริสุทธิ์ วัฒนธรรม น้ำตก เดินป่า หรือการท่องเที่ยวภาคใต้ มีหมู่เกาะมากมาย มีปาการังที่สวยงาม เหมาะกับการมาพักผ่อนของกลุ่มเพื่อนๆที่อยากดำน้ำหรือล่องเรือ เห็นได้ว่าเมืองไทยนั้นเป็นที่สนใจของชาวจีนมากมากันเป็นกรุ๊ปทัวร์ เพราะการส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยทำให้มีสถานที่บริการมากมาย อีกทั้งตั๋วเครื่องบินยังราคาถูก
        ทุกการเดินทางไม่ว่าจะขึ้นเหนือหรือล่องใต้สร้างรายได้ให้กับพ่อค้าแม่ค้า สายการบิน โรงแรมที่พัก เป็นอย่างมาก ทำให้ประเทศมีรายได้จากธุรกิจบริการนี้มากขึ้นทุกปี เพราะการเดินทางที่สะดวกรวดเร็ว ทำให้มีการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
Kulthida Saito
เขียนเมื่อ

การค้าไทยไปสิงคโปร์!!
        ประเทศไทยมีสินค้ามากมายที่ส่งออกไปต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นแถบอาเซียนหรือยุโรป ทำให้ผู้ประกอบการและประเทศมีรายได้ เพราะสินค้าที่ส่งไปขายต่างประเทศนั้นมีราคาที่สูงกว่าการขายสินค้าในประเทศ และสินค้าต้องมีคุณภาพจึงจะส่งออกได้
        หนึ่งในประเทศที่เราส่งออกนั้นก็มีประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญสามารถจัดตั้งธุรกิจได้อย่างสะดวกรวดเร็ว การดำเนินธุรกิจคล่องตัว เนื่องจากสิงคโปร์มีโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจที่เอื้ออำนวย อัตราภาษีที่ แข่งขันได้ และบุคคลากรมีความรู้/ความชำนาญระบบการทำงานที่เป็น ระเบียบและมีประสิทธิภาพใช้สิงคโปร์เป็นฐานในการส่งออกต่อ (re-export) สินค้าไทยไปสู่ ประเทศที่สาม 
        เพราะทำเลที่ตั้งเป็นเมืองท่าที่สำคัญของโลก ทำให้มีความสนใจเป็นอย่างมากที่จะทำธุรกิจ โดยสินค้าส่งออกหลักของไทยไปสิงคโปร์ ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป แผง วงจรไฟฟ้า เครื่องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องจักร กลและส่วนประกอบของเครื่องบิน



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
Kulthida Saito
เขียนเมื่อ

เพื่อชีวิตที่มั่นคง! ชีวิตในวัยเกษียณนั้นสิ่งแรกที่เราต้องมี คือ เงิน หากเราไม่มีเงินใช้ในช่วงเกษียณจะทำให้ชีวิตยากขึ้น ยิ่งไม่มีลูกหลาน พี่น้อง จะทำให้ชำบาก ดังนั้นเราควรที่จะวางแผนการใช้ชีวิตในช่วงนั้นให้รอบคอบ

สิ่งแรกของการวางแผนการใช้ชีวิตช่วงวัยเกษียณให้มีความสุข

1.การออม ควรออมไว้เพื่อใช้ในช่วงนั้นเพราะมีค่าใช้จ่าย ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอาหาร ค่ารักษาพยาบาลฯ

2.สุขภาพ ต้องหมั่นดูแลสุขภาพ ออกกำลังกาย ทานอาหารที่ประโยชน์ เพื่อไม่ให้เกิดโรคต่างๆ

3.มองโลกในแง่ดี การมองโลกในแง่ดีจะทำให้จิตใจของเราแจ่มใส ไม่หดหู่ ไม่เศร้าหมอง ทำให้เราอยากตื่นขึ้นมาพบสิ่งใหม่ๆได้ทุกวัน

4.วางแผนการเงินต่างๆที่มาจากการทำงาน ออฟฟิศหรือข้าราชการ ที่ล้วนแล้วแต่มีสวัสดิการต่างๆ บางอย่างเราอาจจะไม่ต้องเสียเงินกับสิ่งนั้นไปเพราะบริษัทดูแล เช่น ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ประกันสังคมฯ ทำให้เราสามารถที่จะจัดการกับเงินส่วนนี้ไว้เพื่อประโยชน์ในวันข้างหน้ายามฉุกเฉิน ที่อาจเกิดจากภัยธรรมชาติ เช่น ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ประกันสังคมฯ ทำให้เราสามารถที่จะจัดการกับเงินส่วนนี้ไว้เพื่อประโยชน์ในวันข้างหน้ายามฉุกเฉิน ที่อาจเกิดจากภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม หรือสร้างเงินจากเงินได้ เช่น ซื้อกองทุนต่างๆเพื่อต้องการผลตอบแทนที่มากกว่าการฝากธนาคาร

เมื่อเราจัดการกับสิ่งต่างๆแล้วต่อไปคือการสร้างความสุขให้กับตัวเอง เช่น หาเวลาว่างนัดเพื่อเก่าๆตามเทศกาลต่างๆ อยู่กับลูกหลานทานข้าวกันในวันสุดสัปดาห์ เข้าวัดทำบุญ ปลูกผัก เลี้ยงปลา ใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย ใช้ชีวิตสโลไลฟ์หลังจากที่ผ่านช่วงทำงานมาหลายสิบปี.



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
Kulthida Saito
เขียนเมื่อ

การฝากเงินตราต่างประเทศช่วยลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้อย่างไร.

ธนาคารแห่งประเทศไทยให้บริษัทที่มีแห่งเงินได้จากต่างประเทศ สามารถโอนเงินจากบัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศไปเข้าบัญชี FCD ของบริษัทอื่นได้ เช่น ผู้ฝากเงินที่มีเงินได้จากต่างประเทศ ผู้ส่งออกอาจใช้บัญชี FCD เพื่อบริหารความเสี่ยง เช่น

1. ฝากเงินที่ได้รับจากต่างประเทศเข้าบัญชี FCD เพื่อชำระค่าสินค้าเข้าหรือรายจ่ายในต่างประเทศทำให้ต้องเสียค่าส่วนต่างอัตราแลกเปลี่ยนจากธุรกรรมซื้อ-ขายเงินตรา

2. โอนเงินจากบัญชีตนเองไปเข้าบัญชี FCD ของบริษัทอื่นในประเทศเพื่อชำระสินค้าและค่าบริการระหว่างกันได้

3. หากผู้ฝากเงินไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินทันทีอาจมีทางเลือกได้ว่าจะถอนเงินมาแลกและฝากเป็นเงินบาทหรือฝากเป็นเงินตราต่างประเทศเก็บไว้แล้วจึงทยอยแลกเปลี่ยนเป็นเงินบาท

4. หากขาดสภาพข้องแต่ยังไม่ต้องการถอนแลกเป็นเงินบาทก็สามารถใข้บัญชี FCD เป็นหลักประกันในการกู้เงินได้

5. ผู้ส่งออกที่มีวงเงินสินเชื่อสามารถทำ OD บัญชี FCD เพื่อนำไปเสริมสภาพข้องในระหว่างรอรับเงินค่าของออกได้

การฝากเงินตราต่างประเทศเพื่อแสวงหาผลตอบแทนจากอันตราแลกเปลี่ยนอาจจะทำให้เกิดผลขาดทุนได้หากผู้ฝากเงินตราต่างประเทศไม่มีความรู้ความเข้าใจเพียงพอในการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน ดังนั้นผู้ที่ต้องการจึงต้องศึกษาอัตราแลกเปลี่ยนตลอดเวลา เพราะอัตราแลกเปลี่ยนเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเพราะภาวะเศรษฐกิจที่ไม่สามารถควบคุมได้




ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
Kulthida Saito
เขียนเมื่อ

เปลี่ยนแปลงเพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน!  

      ปัจจุบันประเทศไทยของเราเดินหน้ามาถึงนโยบายยุค 4.0 แล้ว แต่น้อยคนมากที่จะรู้ความหมายของนโบายนี้จริงๆ มันคือโมเดลในการพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐบาล แตกต่างที่แต่ละรัฐบาลจะให้ความสนใจและส่งเสริมเศรษฐกิจไปในด้านไหนบ้าง เช่น Thailand 1.0 เป็นยุคที่เน้นการลงทุนทางด้านเกษตรกรรม เลี้ยงหมู ไก่ พืชสวน Thailand 2.0 เป็นยุคที่มุ่งอุตสาหรรมเบาหันมาใช้แรงงานแทน เช่นผลิต กระเป๋า รองเท้า Thailand 3.0 ยุคอุตาหกรรมหนักและส่งออก ต่างประเทศเข้ามาลงทุนมากขึ้น ใช้เทคโนโลยีมากขึ้น

      จนมาถึงปัจจุบันที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ด้วยThailand 4.0 เน้นนวัตกรรม ลงมือทำน้อยๆแต่ได้ผลตอบแทนมาก โดยเอาความคิดสร้างสรรค์มาเป็นแรงผลักดัน และไทยแลนด์4.0 นี้จะต่อยอดกลุ่มเทคโนโลยีและอุตสาหกรรม เช่น กลุ่มอาหาร เกษตร จะเน้นสร้างเส้นทางธุกิจใหม่ๆ(New startups) เป็นการสร้างธุรกิจของตนที่มีความสนใจและอยากให้เป็นธุรกิจที่เติบโตในอนาคต และกลุ่มเทคโนโลยีก็จะพัฒนาให้ทันสมัยมากขึ้น ใช้เครื่อมือใหม่ๆ (New S-Curve) 

      ทั้งนี้รัฐบาลก็ทำเพื่อวางรากฐานในการพัฒนาประเทศในระยะยาว เพื่อความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน จากที่มีสินค้าอยู่แล้วก็เพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเช่นการทำให้ทันสมัย สามารถส่งออกได้ สินค้ามีคุณภาพ และใช้เทคโนโลยีมากขึ้น และเมื่อใช้เทคโนโลยีมาก สิ่งที่เราควรรับมือคือถ้าในอนาคตการใช้แรงงานจากเทคโนโลยีมากขึ้นอาจจะทำให้เกิดการว่างงานมากในอนาคต แล้วเราจะทำอย่างไรกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น แต่เทคโนโลยีก็ไม่สามารถเข้าถึงธุรกิจบางประเภทได้เช่น ธุรกิจบริการ ท่องเที่ยวหรือโรงแรม ที่ต้องใช้ความละเอียดอ่อน ความเอาใจใส่ ดังนั้นเราควรที่จะเตรียมรับมือให้ได้กับทุกสถานการณ์



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
Kulthida Saito
เขียนเมื่อ

นโยบาย QE ญี่ปุ่น!!!


        มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณหรือ QE คือนโยบายทางการเงิน โดยธนาคารกลางของประเทศนำนโยบายนี้เข้ามาใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่น ถูกนำมาใช้แก้ปัญหา เช่น การปล่อยกู้ยาก โดยอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจและภาคการเงิน เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในการปล่อยกู้ของธนาคารพาณิชย์ 

        มาตรการนี้จะทำให้เศรษฐกิจของญี่ปุ่นดีขึ้น เมื่อมีการอัดฉีดเงินจะทำให้ญี่ปุ่นมีการลงทุนในด้านต่างๆมากขึ้น เพราะมีความสามารถที่จะปล่อยกู้ให้กับนักลงทุนต่างๆได้มากกว่าเดิม เมื่อมีการลงทุนเพิ่มมากขึ้น เงินในประเทศมีการหมุนเวียนที่ดี อาจส่งผลให้เกิดการเคลื่อนย้ายเงินทุนเข้าสู่ประเทศอื่นๆ ทำให้สกุลเงินของญี่ปุ่นแข็งค่าขึ้น

       ผลกระทบต่อประเทศไทย มีผลกระทบไม่มาก ไม่เท่ากับ(เฟด) ได้ประโยชน์จากการผ่อนคลายของ BOJ ระยะยาว สินค้าที่ไทยส่งออกส่วนใหญ่จะเป็น อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และรถยนต์ ซึ่งมีการนำเข้าวัตถุดิบจากญี่ปุ่นเยอะ แม้ค่าเงินเยนจะอ่อนลง จะทำให้ส่งออกสินค้าไปญี่ปุ่นแพงขึ้น แต่ถ้านำเข้าวัตถุดิบที่ถูก จะช่วยให้เรามีกำไรมากขึ้น.



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
Kulthida Saito
เขียนเมื่อ


จากภัยพิบัติสู่การช่วยเหลือ!

        จากภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว ทำให้เราไม่ทันได้เตรียมพร้อมรับมือนั้น สร้างความเดือดร้อนกังวลใจมากมาย เช่น น้ำท่วม ทำให้เกิดความเสียหายตามมา นั้นหมายถึงการทำงานที่อาจติดขัด การใช้ชีวิตลำบาก รวมไปถึงทรัพย์สินที่เกิดความเสียหาย ทำให้การดำรงชีวิตยากขึ้น ดังนั้นแล้วรัฐบาลจึงยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ        

        ในช่วงของน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้นั้น มีการช่วยเหลือมากมายจากฝ่ายต่างๆของภาครัฐ เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ขอความร่วมมือให้สถาบันการเงิน ธนาคาร ผู้ประกอบการ หรือสินเชื่อต่างๆที่เกี่ยวกับภาครัฐให้พิจารณาความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติน้ำ เพื่อคลายความเครียดให้กับผู้ที่เดือดร้อน เพื่อหาทางออกของปัญหา เช่น การผ่อนชำระหนี้สินของบุคคลที่เดือดร้อนโดยการยืดระยะเวลามากขึ้นในการผ่อนชำระ หรือการให้สินเชื่อในกรณีฉุกเฉิน การคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำลง หรือแม้กระทั่งเป็นการบริจาคสมทบทุนให้เป็นวัญกำลังใจในการดำเนินชีวิต         

         แม้การช่วยเหลือของภาครัฐนั้นจะไม่ทั่วถึงและแก้ปัญหาได้ไม่มากนักแต่ก็ได้แนะนำแนวทางในการแก้ไขต่างๆให้กับผู้ประสบอุทกภัยและช่วยเหลือเท่าที่ภาครัฐจะทำได้ การช่วยเหลือนี้แสดงให้เห็นว่าภาครัฐมิได้นิ่งนอนใจ และหาวิธีแก้ไขไม่ให้ประชาชนรู้สึกว่าถูกทอดทิ้ง เพราะเงินภาษีต่างๆก็มาจากประชาชน



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
Kulthida Saito
เขียนเมื่อ

สิ่งที่ต้องมีของมืออาชีพ!!

อาทิตย์ นันทวิทยา กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) คว้ารางวัล “นักการเงินแห่งปี 2560 Financier  of the Year 2017”  ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถที่ทำให้องค์กรมีความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ ดำเนินธุรกิจให้ทันยุคทันสมัยตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการความสะดวกสบายด้วยการนำเทคโนโลยีใหม่ๆมาใช้ ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก

จากการที่ได้ศึกษาเรื่องราวสิ่งที่ทำให้ประทับใจคือ เป็นนักการเงินที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลและทันสมัย ตอบสนองความต้องการได้ดีเป็นนักการเงินมืออาชีพที่มีความมุ่งมั่น เป็นนักการเงินที่สร้างความเจริญเติบโตให้กับองค์กรและทำคุณประโยชน์ต่อส่วนรวม และเป็นนักการเงินที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม

การเป็นตัวอย่างที่ดีได้นั้นไม่ใช่เก่งเพียงอย่างเดียวแต่นั้นหมายถึงการเอื้อเฟื้อและมีส่วนช่วยให้สังคมได้มีโอกาสก้าวไปพร้อมกับองค์กร ซึ่งเหตุผลนี้ที่ทำให้ผู้บริโภคติดภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กร มีความเชื่อมั่นที่จะใช้บริการ และไว้วางใจที่จะให้องค์ดูแลไม่ว่าจะเป็นด้านการเงิน ประกันภัย หรือธุรกรรมอื่นๆ



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
Kulthida Saito
เขียนเมื่อ

เตรียมพร้อมรับมือแล้วหรือยัง?

        ในทุกๆวันมีเรื่องราวที่เกิดขึ้นมากมาย โดยที่เราไม่อาจคาดการณ์ได้ในบางครั้ง แต่สิ่งที่เราทำได้คือ การเตรียมพร้อมรับมือให้ได้ทุกสถานการณ์ ยิ่งในทางธุรกิจแล้ว เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเตรียมรับมือกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น หากเราไม่มีการเตรียมพร้อม เราอาจจะแก้ไขปัญหาได้ไม่ทันถ่วงที

        ในทางธุรกิจมีทั้งความเสี่ยงที่ควบคุมได้และควบคุมไม่ได้ ดังนั้นเราจึงต้องมีการวางแผนการแก้ไขปัญหา ความเสี่ยงที่เราสามารรับมือได้คือ ปัญหาภายในองค์กร เช่น พนักงาน ระบบการทำงาน การควบคุมการประสานงานต่างๆ และนอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงที่เราไม่สามารถควบคุมได้คือ ปัญหานอกองค์กร เช่น ปัญหาเศรษฐกิจ การเมือง คู่แข่งที่เราไม่สามารถควบคุมได้ จึงทำให้เราต้องเตรียมพร้อมรับมือ 

        เมื่อเรามีการวางแผนการรับมือกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นเเล้ว บางปัญหาเราก็แก้ไขได้แต่บางปัญหาก็ไม่สามารถแก้ไขได้ ถึงจะแก้ไขไม่ได้ทั้งหมดแต่ก็ลดปัญหาลงได้ 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
Kulthida Saito
เขียนเมื่อ

จากรุ่นสู่รุ่น!

       ในยุคปัจจุบันคงไม่มีใครไม่รู้จัก บริษัทสิงห์คอร์เปอเรชั่นหรือที่ได้ยินติดหูกันมาเป็นเวลานานก็คือบริษัทบุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ผลิตสินค้าเกี่ยวกับเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอร์และไม่มีแอลกอฮอร์ สินค้าเกือบทุกยี่ห้อที่บริษัทนำออกมาจำหน่ายยังคงติดตลาดและขายดีมาก เช่น น้ำดื่มสิงห์ เบียร์ลีโอ เบียร์สิงห์ เป็นต้น

        อย่างที่ทุกคนทราบดีว่า บริษัทสิงห์คอร์เปอเรชั่นนั้นเป็นบริษัทใหญ่ที่ดำเนินกิจการจากรุ่นสู่รุ่น เริ่มจาก พระยาภิรมย์ภักดีได้ก่อตั้งบริษัท บุญรอดบริวเวอรี ขึ้นเป็นบริษัทผู้ผลิตเบียร์รายแรกของประเทศไทยซึ่งทางบริษัทได้ผลิตเบียร์ออกมาหลายยี่ห้อเช่น ตราสิงห์ , ตราว่าว , ตราพระปรางค์ แต่ตราสิงห์ขายดีที่สุดจึงทำการหยุดจำหน่ายตราอื่นๆและมาพัฒนาตราสิงห์ให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น บริษัทเจออุปสรรคมากมาย จากการลองผิดลองถูกจากการผลิตเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้า บางยี่ห้อก็อยู่รอดได้ แต่บางยี่ห้อก็สูญหายตามกาลเวลา เพราะไม่ตรงกับกลุ่มลูกค้าทำให้บริษัทเสียต้นทุนและเสียส่วนแบ่งการตลาดให้กับบริษัทคู่แข่งไปมาก บริษัทพัฒนาสินค้าและคุณภาพตลอดเวลา   จน ณ ตอนนี้บริษัทดำเนินกิจการมาถึงรุ่นที่ 4 แล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีศักยภาพในการบริหารบริษัทของตระกูลได้อย่างดีเยี่ยม       

        สิ่งที่ทำให้บริษัทดำเนินกิจการอยู่ได้ ไม่เพียงเพราะการจำหน่ายสินค้าเสมอแต่เป็นเพราะบริษัทไม่ลืมที่จะช่วยเหลือสังคม และสิ่งที่สำคัญที่สุดของกิจการนั้น คือการไม่หยุดที่จะพัฒนาต่อยอดให้กับธุรกิจ คือการสร้างสิ่งใหม่ๆและมีคุณภาพที่สุด และเราเชื่อว่าบริษัทนี้จะดำเนินต่อไปอีกหลายๆรุ่น



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
Kulthida Saito
เขียนเมื่อ

กล้าที่จะเสี่ยงก็รวยได้!
      
 
 
 การลงทุนมักมีความเสี่ยงเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนระยะสั้น ระยะกลาง หรือการลงทุนระยะยาว ซึ่งเราก็ต้องนำเงินที่มีมาเสี่ยงด้วยกันทั้งสิ้นเพื่อผลตอบแทนที่ดีในอนาคต แต่ขึ้นอยู่ที่ว่าลงทุนแบบไหน ธุรกิจมีความเสี่ยงมากเพียงใด ระยะเวลานานเท่าใด ทุกคนมีความกลัวการขาดทุน ซึ้งแน่นอนว่าการลงทุนในการสร้างผลกำไรที่ไม่เบียดเบียนชีวิตควรเป็นเงินเย็น เช่น เงินที่หักออกมาจากค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน หรือเงินที่เก็บไว้เพื่อฉุกเฉินแล้ว เมื่อมีปัญหาในการดำเนินชีวิต จะสร้างความกังวลให้กับผู้ลงทุนเป็นอย่างมาก เพราะต้องห่วงหน้าพะวงหลัง หากนำเงินที่จำเป็นมาลงทุน ก็จะทำให้การใช้ชีวิตติดขัดไม่ราบรื่น ยิ่งป่วยหรือฉุกเฉินยิ่งทำให้การเงินตัดขัดเป็นอย่างมากเพราะต้องไปหยิบยืมจากผู้อื่นมา 
        ดังนั้นการที่จะลงทุนต้องเป็นเงินที่เราจะไม่ใช้มันแล้ว และนำมาสร้างประโยชน์มากกว่าการให้เงินอยู่นิ่งๆ เมื่อมีเงินทุนเเล้วสิ่งที่คิดคือ จะลงทุนอะไรดี? ลงทุนนานเท่าไหร่? ผลตอบแทนที่ได้เท่าไหร่? ซึ้งแน่นอนว่าเรามักอยากให้คืนกำไรเร็วๆ นั้นคือการลงทุนระยะสั้น ที่อาจมีความเสี่ยงสูงก็ได้  เพราะบางธุรกิจก็ต้องมองในระยะเวลานาน หากเราลงทุนในระยะสั้นซื้อวันนี้ พรุ่งนี้ขาดทุนก็มี เมื่อขาดทุนแล้วจะทำให้เรากังวลและขายไปในที่สุด จะเห็นได้ว่ามีการซื้อขายอยู่บ่อยครั้งจนทำให้เสียเงินลงทุนมากกว่าการได้กำไร เพราะฉะนั้นการลงทุนอาจต้องเป็นการลงทุนระยะยาว เพื่อผลตอบแทนสูงๆ เพื่อที่เราจะได้ดูความเคลื่อนไหว ถ้ายิ่งนานก็อาจมีกำไรมากตามไปด้วย เช่น การลงทุนในกองทุนรวมต่างๆ
       เมื่อรู้แบบนี้แล้ว ก็อย่าให้ความผันผวนที่ไม่แน่นอนมาทำให้เราเลือกตัดสินใจขายในที่สุดจนเสียโอกาสที่จะได้รับมากกว่าในอนาคต เมื่อเลือกการลงทุนแล้วจงมั่นใจ ใช้สติ หาเหตุผล และติดตามความเคลื่อนไหวอยู่เสมอ จะทำให้เรามีกำลังใจและรอผลตอบแทนอย่างมีความสุข.



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
Kulthida Saito
เขียนเมื่อ

เมื่อสื่อออนไลน์สร้างเงินได้จริง!!!

       ในยุคของความทันสมัยนี้ไม่มีใครไม่รู้จักโลกออนไลน์ และคงไม่มีใครที่ไม่เคยผ่านการใช้งานในระบบออนไลน์ต่างๆ เพราะนอกจากการทำธุรกรรมต่างๆ และสื่อสารส่งข้อความหากัน  ยังเป็นระบบที่สร้างเงินให้กับผู้ที่สนใจทำธุรกิจต่างๆได้ทั่วโลก เพียงแค่กล้าคิด กล้าทำ เช่นการขายสินค้าผ่านสื่อทางออนไลน์ ซึ่งเป็นช่องทางการทำธุรกิจที่ประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว เพราะสามารถหาลูกค้าได้ง่ายเมื่อเปรียบเทียบกับเมื่อก่อน ในขณะที่สื่อออนไลน์มาแรง ทำให้มีวัยรุ่นยุคใหม่ประสบความสำเร็จมากขึ้น จากการใช้สื่อออนไลน์เข้ามามีบทบาทสำคัญในการดำเนินธุรกิจ ไม่เว้นแม้กระทั่งบริษัทที่มีชื่อเสียงแล้วและยังใช้สื่อออนไลน์เป็นการหาช่องทางการทำกำไรอีกทาง  ทำให้สร้างความท้าท้ายให้กับคนยุคใหม่เป็นอย่างมาก เพราะไม่ว่าใครก็สามารถเป็นเจ้าของธุรกิจได้ แม้สื่อออนไลน์จะสามารถทำเงินได้แต่ก็มักเสียค่าพื้นที่โฆษณาเสมอ.</p>



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท